สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1563 ฝืนทน
ตอนที่ 1563 ฝืนทน
ไป๋ชิงเหยียนควบม้าพุ่งตรงขึ้นไปบนเนินเขาทางฝั่งขวาอย่างรวดเร็ว เมื่อขึ้นไปถึงนางจึงกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง จากนั้นตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “ทุกคนจงฟัง เมื่อเข้าไปในป่าลึกลูกธนูจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป จงตามเราเข้าไปสังหารศัตรูให้สิ้นในป่าลึก!”
ไป๋จิ่นจื้อหันกลับไปมอง นางเห็นร่างเล็กของพี่หญิงใหญ่ซึ่งถือหอกยาวไว้ในมือหายลับเข้าไปในเนินเขาฝั่งขวาท่ามกลางการอารักขาของเว่ยจงและหลิ่วผิงเกา
พี่หญิงใหญ่กำลังใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้นางมีโอกาสรอด!
“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดแน่น ดวงตาพร่ามัวของนางมองเห็นแผ่นหลังของพี่หญิงใหญ่ขี่ม้าหายเข้าไปในป่าลึก
ไม่นานหลู่หยวนเผิงก็พาคนขี่ม้าไล่ตามไป๋จิ่นจื้อมาทัน พวกเขาต่อสู้กับทหารศัตรูที่ดักซุ่มอยู่ตรงทางออก
ไป๋จิ่นจื้อกำหอกยาวในมือแน่น ตอนนี้นางตั้งสติได้แล้ว นางต้องฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุด มีเพียงฝ่าวงล้อมออกไปได้นางถึงจะพาทหารกลับมาช่วยพี่หญิงใหญ่ของนางได้!
ไป๋จิ่นจื้อใจร้อนเกินไป นางบุกเข้าไปเร็วเกินไปจนไม่มีทหารกองทัพไป๋คอยอารักขา ศัตรูใช้หอกแทงเข้าที่ท้องของม้าศึกของไป๋จิ่นจื้อ หลู่หยวนเผิงรีบควบม้าเข้าไปกระชากร่างของไป๋จิ่นจื้อที่ซึ่งสวมชุดเกราะที่ใหญ่กว่าตัวมากที่ล้มไปพร้อมม้าศึกของนางขึ้นมาบนหลังม้าตัวเดียวกันกับเขา จากนั้นแทงหอกไปที่ร่างของศัตรู
กองทัพซีผิงปะทะกับกองทัพไป๋ พวกเขาเสียเปรียบเรื่องการต่อสู้ระยะประชิดก็จริง ทว่า กองทัพซีผิงมีจำนวนมากกว่ากองทัพไป๋หลายเท่า
การฝ่าวงล้อมออกไปจึงยากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มาก!
หลู่หยวนเผิงและไป๋จิ่นจื้อที่อยู่บนหลังม้าถูกศัตรูล้อมราวกับสัตว์ ฝั่งซ้ายขวามีแต่ทหารฝ่ายศัตรู หลู่หยวนเผิงและไป๋จิ่นจื้ออยู่บนหลังม้าตัวเดียวกัน คนหนี่งรับมือกับทหารฝั่งขวา อีกคนรับมือกับทหารฝั่งซ้าย
หลู่หยวนเผิงเงยหน้าขึ้นเห็นทางออกอยู่ไม่ไกลออกไปจึงตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “รีบฝ่าออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุด เร็วเข้า!”
ไม่นานทหารกองทัพไป๋ก็ขี่ม้ากรูกันไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ม้าที่ซือหม่าผิงและไป๋จิ่นจื้อนั่งอยู่ถูกคุ้มกันให้ฝ่าวงล้อมออกไป…
“ย่ะ!” หลู่หยวนเผิงกระตุกบังเหียนม้าให้เร็วขึ้น
“ขวางพวกมันไว้!” แม่ทัพศัตรูเห็นคนฝ่าออกไปได้จึงรีบตะโกนขึ้น “ห้ามให้พวกมันหนีรอดออกไปได้ รีบขวางไว้!”
แม่ทัพศัตรูรู้ดีว่าหากปล่อยให้คนหนีรอดออกไปได้ไม่นานต้องมีทัพเสริมบุกมาอย่างแน่นอน ตอนนี้กองทัพในเมืองต้าเยี่ยนซึ่งอยู่ในเขตการปกครองของต้าโจวล้วนเป็นกองทัพของต้าโจว!
ธนูพุ่งตรงมาทางพวกเขาหลู่หยวนเผิงไม่กล้าหันกลับไปมองฝ่าบาทของตัวเอง!
เขาคือทหารกองทัพไป๋ ความจริงเขาควรสละชีวิตปกป้องฝ่าบาทของเขา ต่อให้ฝ่าบาทเอามีดมาจ่อคอเขา…เขาในฐานะขุนนางก็ควรเลือกฝ่าบาทก่อนผู้ใด
หากไป๋ชิงเหยียนให้เขาคุ้มกันผู้อื่น ต่อให้ตายหลู่หยวนเผิงก็ไม่มีทางไปจากไป๋ชิงเหยียน ทว่า ผู้ที่ไป๋ชิงเหยียนให้เขาคุ้มกันคือไป๋จิ่นจื้อ!
เขาทำตามคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน ทว่า ในใจกลับรู้สึกผิดต่อไป๋ชิงเหยียนยิ่งนัก!
“เร็วกว่านี้!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวเสียงสะอื้น “เร็วกว่านี้อีก! หากพวกเราไปหาทัพเสริมมาได้พี่หญิงใหญ่ก็จะรอด!”
ไป๋จิ่นจื้อรู้ดีว่าการที่พี่หญิงใหญ่เอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้นางมีทางรอดเท่ากับพี่หญิงใหญ่มอบชีวตของตัวไว้ในมือคนเหล่านั้น พี่หญิงใหญ่กล่าวว่าหากนางไปตามกองทัพเสริมมาเร็วเท่าใดพี่หญิงใหญ่ก็จะมีโอกาสรอดมากขึ้นเท่านั้น
“อ่ะ…”
หลู่หยวนเผิงคำรามออกมาเบาๆ ร่างของเขาแข็งทื่อไปทั้งร่าง เขากำบังเหียนม้าแน่นจนมือขาวซีด
ไป๋จิ่นจื้อมัวแต่เป็นห่วงไป๋ชิงเหยียน นางเอาแต่เร่งให้หลู่หยวนเผิงเร็วกว่านี้
“หลู่หยวนเผิง! เร็วกว่านี้อีก!”
“ท่านแม่ทัพหลู่!” ทหารกองทัพไป๋ที่ขี่ม้าตามหลังหลู่หยวนเผิงมาตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
“เร็ว! รีบไปขอความช่วยเหลือจากเมืองที่ใกล้ที่สุด!” หลู่หยวนเผิงตะโกนสั่ง
“ขอรับ!” ทหารกองทัพไป๋รีบขี่ม้าไล่ตามหลู่หยวนเผิงไปติดๆ
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งเป็นจักรพรรดินีต้าโจวนำทัพทหารบุกเข้าไปสังหารศัตรูในป่าลึก เสียงสู้รบดังกระหึ่ม ทหารต้าโจวทุกคนต่างเลือดร้อนเพราะจักรพรรดินีต้าโจวบุกนำพวกเขาเป็นด่านหน้า พวกเขาบุกไปต่อสู้กับฝ่ายศัตรูยังกองหิมะที่ตอนนี้สูงไม่ถึงหัวเข่าแล้วอย่างดุดัน
ความจริงกองทัพซีผิงมีจำนวนมากกว่าต้าโจวเกือบห้าเท่า ทว่า น่าเสียดายที่พวกเขาโลภมากเกินไป พวกเขาอยากสูญเสียน้อยที่สุด อีกทั้งต้องการตัดเส้นทางหนีของไป๋ชิงเหยียนดังนั้นพวกเขาจึงแบ่งพลธนูไปดักซุ่มยิงอยู่สองฝั่งซ้ายขวาและให้กองทัพใหญ่ดักซุ่มอยู่ที่ทางออก ต่อมาพวกเขารอให้กองทัพของไป๋ชิงเหยียนเดินทางมาถึงใจกลางก่อนแล้วจึงให้ทหารส่วนน้อยที่ดักซุ่มอยู่ที่ทางเข้าปรากฏตัวขึ้น นี่ทำให้ไป๋ชิงเหยียนมองแผนการของพวกเขาออกอย่างชัดเจน!
ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงมองแผนการทุกอย่างออกอย่างทะลุปรุโปร่ง!
ทั้งๆ ที่ศัตรูได้เปรียบแท้ๆ ทว่า พวกเขากลับทำลายข้อได้เปรียบของตัวเองทิ้งโดยการแบ่งทหารออกเป็นหลายส่วน
เมื่อเห็นฝนธนูที่ถูกยิงลงมาเมื่อครู่ ประกอบกับเมื่อกองทัพไป๋และกองทัพผิงอันบุกขึ้นไปแล้วธนูหยุดยิงก็แสดงว่าพวกเขากระจายทหารไปดักยิงธนูค่อนข้างมาก ส่วนทหารที่ถนัดต่อสู้ระยะประชิดตัวคงรออยู่ที่ทางออกเกือบหมด
ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ไป๋ชิงเหยียนก็จะกำจัดพลธนูที่อยู่ทางฝั่งขวาของเนินเขาให้หมดเสียก่อน
กองทัพไป๋และกองทัพผิงอันล้วนเคยผ่านสนามรบจริงมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว กองทัพซีผิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาแม้แต่น้อย ที่สำคัญไปกว่านั้นทหารเหล่านี้ล้วนเป็นพลธนู พวกเขาไม่ถนัดต่อสู้ระยะประชิดตัว
ซีผิงอ๋องไม่คิดมาก่อนว่าไป๋ชิงเหยียนจะไม่พุ่งตรงไปยังทางออกเพื่อฝ่าออกไปขอความช่วยเหลืออย่างที่เขาคิดไว้ ทว่า กลับบุกขึ้นมาบนเนินเขาฝั่งขวาแทนเช่นนี้!
นี่คือสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของซีผิงอ๋อง เขาได้แต่มองพลธนูของตัวเองถูกทหารดุดันของต้าโจวกำจัดจนสิ้น เลือดสดของทหารในกองทัพของเขาหยดลงบนกองหิมะจนบริเวณนั้นกลายเป็นสีเลือด
ซีผิงอ๋องต้องการอำพรางตัวและเคลื่อนไหวได้สะดวกจึงไม่ได้ให้ทหารทุกคนสวมชุดเกราะ เขาคิดว่าพวกเขาจะหลบซ่อนตัวอยู่แต่ในกองหิมะจึงให้ทหารสวมแค่ชุดหนาเท่านั้น เขานึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้พลธนูที่ไม่ได้สวมชุดเกราะและไม่ถนัดการต่อสู้ระยะประชิดตัวจะกลายเป็นหมูในอวยของทหารต้าโจวเช่นนี้
เมื่อองครักษ์ข้างกายของซีผิงอ๋องเห็นว่าต้านทานกองทัพต้าโจวที่บุกเข้ามาในป่าลึกไม่ไหวจึงตะโกนขึ้น “ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทหารที่อยู่ตรงทางออกมาเสริมทัพที่นี่ด่วน!”
“ขอรับ!” ทหารถ่ายทอดคำสั่งจากไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋ชิงเหยียนไม่ถนัดใช้หอกยาวที่นำมาเป็นอาวุธชั่วคราวเท่าใดนัก ทว่า นั่นไม่ใช่อุปสรรคขัดขวางในการสังหารศัตรูของนาง ซีผิงอ๋องอยากสังหารไป๋ชิงเหยียนมาก ทว่า นี่คือป่าลึกที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมีเทวดาองค์ใดคอยคุ้มกันอยู่นางจึงไม่ถูกธนูยิงเลยสักดอกทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่เสื้อเกราะเช่นนี้