สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1562 ทางรอด
ตอนที่ 1562 ทางรอด
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
หลิ่วผิงเการับคำสั่งแล้วรีบถ่ายทอดคำสั่งต่อทันที ทว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ตรงใจกลาง ไม่ง่ายเลยที่จะบุกขึ้นไปด้านหน้าสุด
“พี่หญิงใหญ่ ข้าจะพาทหารไปสังหารศัตรูทางฝั่งซ้ายขวาเองเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดแน่น นางไม่ควรหลบอยู่แต่ในรถม้ากับพี่หญิงใหญ่ขณะที่คนอื่นกำลังทำสงครามกันเช่นนี้
“ไป๋จิ่นจื้อ…”
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าที่โคลงเคลงจ้องไป๋จิ่นจื้อนิ่งพลางกดบ่าของน้องสาวแน่น
“ศัตรูพุ่งเป้ามาที่พี่อย่างชัดเจน พี่ขอสั่งให้เจ้าพาทหารฝ่าวงล้อมของพวกมันออกไปขอความช่วยเหลือจากทัพเสริมให้ได้! ทหารในเมืองต้าเยี่ยนซึ่งอยู่ในเขตการปกครองของต้าโจวล้วนเป็นคนของพวกเรา เราไว้ใจพวกเขาได้!”
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินเช่นนี้จึงขนลุกชันไปทั้งร่าง นางจะไม่เข้าใจความหมายของพี่หญิงใหญ่ได้อย่างใดกัน
“พี่หญิงใหญ่จะไปล่อศัตรูด้วยตัวเองไม่ได้นะเจ้าคะ! พี่หญิงใหญ่คือเสาหลักของต้าโจว พี่หญิงใหญ่ฝ่าวงล้อมออกไปขอความช่วยเหลือ ข้าจะล่อพวกมันเองเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่ารถม้าคันนี้ทนได้อีกไม่นาน ที่สำคัญรถม้าเป็นเป้าหมายที่เด่นชัดเกินไป ลูกธนูไฟล้วนพุ่งเป้ามาที่รถม้าคันนี้ อีกไม่นานรถม้าคันนี้ต้องไฟลุกโชนแน่นอน นอกจากนั้นแม้ม้าที่ลากรถม้าคันนี้จะสวมเสื้อเกราะ ทว่า ลูกธนูที่พุ่งมาคือธนูไฟ หากมันพุ่งโดนตาของม้า ม้าซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานจะสูญเสียการควบคุมในทันที ถึงเวลานั้นคนที่นั่งอยู่บนรถม้าต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน
“ไม่เข้าใจคำสั่งของพี่หรืออย่างใด! คนพวกนี้พุ่งเป้ามาที่พี่ มีเพียงพี่เท่านั้นที่สามารถหลอกล่อพวกมันได้!”
ไป๋ชิงเหยียนบีบไหล่ไป๋จิ่นจื้อแน่น
“เสี่ยวซื่อ โอกาสรอดของพี่ขึ้นอยู่กับความเร็วที่เจ้าไปตามทัพเสริมมาช่วยเหลือ เสี่ยวซื่ออย่าทำให้พี่ผิดหวังเด็ดขาด!”
ไป๋จิ่นจื้อน้ำตาคลอ ผ้าม่านของรถม้าเริ่มติดไฟแล้ว ตอนนี้ไฟเริ่มลุกลามขึ้นเรื่อยๆ เปลวไฟส่องกระทบใบหน้าของไป๋จิ่นจื้อจนเห็นเป็นสีแดงเพลิง ไป๋จิ่นจื้อรีบช่วยพี่สาวของตัวเองปลดถุงทรายออกจากลำตัว
อาจเป็นเพราะกองทัพไป๋บุกขึ้นไปบนภูเขาจนศัตรูไม่สามารถยิงธนูได้อีกต่อไป ไป๋ชิงเหยียนอาศัยจังหวะที่ห่าธนูหยุดลงกระชากคอเสื้อของไป๋จิ่นจื้อแล้วกระโดดลงจากรถม้าที่กำลังแล่นอยู่
ไป๋ชิงเหยียนที่ปลดถุงทรายออกจากลำตัวหมดแล้วใช้แขนปกป้องศีรษะของไป๋จิ่นจื้อเอาไว้ ลูกธนูที่พุ่งมายังรถม้าจากทางด้านขวาปักเข้าที่แขนของไป๋ชิงเหยียนและดวงตาของม้าตัวหนึ่งลากรถม้าคันนั้น ม้าชูขาหน้าสองขึ้น จากนั้นวิ่งชนม้าอีกตัวที่อยู่ด้านข้าง ต่อให้ม้าเหล่านั้นจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทว่า เมื่อถูกชนเช่นนี้ก็วิ่งหนีเตลิดไปอย่างคุมสติไม่ได้เช่นกัน
โชคดีที่เว่ยจงกระชากร่างของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อหลบได้ทัน มิเช่นนั้นทั้งสองคนคงถูกตัวรถม้าที่ม้าตัวนั้นสะบัดหลุดกระแทกใส่แน่ๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไป๋จิ่นจื้อออกรบ ทว่า นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกล้อมอยู่ในวงศัตรูเช่นนี้ นางถูกพี่หญิงใหญ่กอดปกป้องไว้ในอ้อมกอด สาวน้อยเต็มด้วยโทสะ นางมองเห็นเพียงแค่ภาพของทหารกองทัพไป๋ชักดาบออกมาคุ้มกันพวกนาง เท้าของนางเต็มไปด้วยลูกธนูและศพของสหายร่วมรบ
กองทัพไป๋เป็นกองทัพที่เก่งกาจในการต่อสู้ ต่อให้พวกเขาจะล้มตาย ทว่า ฝ่ายของศัตรูต้องล้มตายมากกว่าพวกเขาหลายเท่า ทว่า ครั้งนี้นางมองเห็นเพียงศพของสหายในกองทัพ ไม่เห็นศพของศัตรูเลยแม้แต่น้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋จิ่นจื้อเดือดดาลถึงขีดสุดเมื่ออยู่ในสนามรบ นางมองศพของทหารกองทัพไป๋ที่ร่างเต็มไปด้วยลูกธนูแล้วอดถึงถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านปู่ของนางถูกล้อมอยู่ในหุบเขาหลิงขึ้นมาไม่ได้ ตอนนั้นซากศพของกองทัพไป๋กองเนินเป็นภูเขาเหมือนตอนนี้ใช่หรือไม่
ฝ่ามือของไป๋จิ่นจื้อชื้นไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้นางไม่เหมือนเกาอี้อ๋องที่องอาจในสนามรบแม้แต่น้อย
นั่นเป็นเพราะพี่หญิงใหญ่ของนางอยู่ที่นี่ด้วย!
เป้าหมายของคนเหล่านี้คือพี่หญิงใหญ่ของนาง!
นางอยากปกป้องพี่หญิงใหญ่ ทว่า นางไร้ความสามารถ นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋จิ่นจื้อรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอมาก นางอัดอั้นจนน้ำตาแทบไหลออกมา
ไป๋ชิงเหยียนคุ้มกันไป๋จิ่นจื้อไว้ในอ้อมแขนแน่น หญิงสาวมองสำรวจไปรอบกาย ไม่นานจึงมองเห็นร่างสีขาวของม้าไท่ผิงซึ่งอยู่กลางวงล้อมของทหาร นางผิวปากส่งสัญญาณเรียกไท่ผิงทันที
ไท่ผิงได้ยินเสียงผิวปากของเจ้านาย ใบหูของมันขยับเล็กน้อย จากนั้นวิ่งตรงมาทางไป๋ชิงเหยียนทันที
“ฝ่าบาท!”
หลิ่วผิงเกาเห็นไป๋ชิงเหยียนถูกธนูไฟยิงเข้าที่แขน ไฟลุกลามไปยังเสื้อผ้าท่อนบนของหญิงสาวแล้ว หลิ่วผิงเกาขัดคำสั่งของไป๋ชิงเหยียนย้อนกลับมาหาหญิงสาว เขากระโดดลงจากหลังม้า จากนั้นใช้เสื้อคลุมกันลมของตัวเองห่อแขนของไป๋ชิงเหยียนเพื่อดับไฟ เขาพยายามสวมเสื้อเกราะของตัวเองให้ไป๋ชิงเหยียนโดนไม่สนว่าขนาดเสื้อจะเหมาะสมกับหญิงสาวหรือไม่
เขาคือทหารของต้าโจว ครั้งนี้เขาเป็นคนแย่งหน้าที่คุ้มกันจักรพรรดินีต้าโจวมายังต้าเยี่ยนเอง ไม่ว่าอย่างใดเขาก็ต้องคุ้มครองฝ่าบาทให้ปลอดภัย!
ไป๋ชิงเหยียนใช้มือห้ามการกระทำของหลิ่วผิงเกา จากนั้นรับเสื้อเกราะตัวใหญ่มาสวมให้ไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นมองไปยังรอบกายพลางพยายามจับเสียงสัญญาณของฝ่ายศัตรู
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเห็นม้าผิงอันวิ่งมาถึงนางจึงยกร่างของไป๋จิ่นจื้อขึ้นไปบนหลังม้า จากนั้นตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น
“กองทัพไป๋จงฟังคำสั่ง จงคุ้มกันเกาอี้อ๋องฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม!”
รอบกายเต็มไปด้วยทหารกองทัพไป๋ ไป๋ชิงเหยียนคือเสี่ยวไป๋ไซว่ของพวกเขา พวกเขาต้องฟังคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน ทุกคนรับคำอย่างพร้อมเพรียง
“ขอรับ!”
“พี่หญิงใหญ่!”
ไป๋จิ่นจื้อที่ถูกไป๋ชิงเหยียนอุ้มวางบนหลังม้ากำบังเหียนม้าแน่น เสื้อเกราะที่ใหญ่กว่าร่างของนางยิ่งทำให้นางดูตัวเล็กลง ในที่สุดนางก็ร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหว
“พวกเราไปด้วยกันเถิดเจ้าค่ะ!”
“ไปด้วยกันไม่ได้! จำคำของพี่ไว้ให้ดี! ไปเร็ว!”
ไป๋ชิงเหยียนตบตูดม้าอย่างแรง ม้าส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นวิ่งตรงไปยังฝั่งขวาที่ไม่มีธนูยิ่งฝ่าเข้ามาออกไปอย่างรวดเร็ว
“สั่งให้ทหารทุกคนขึ้นไปยังเนินฝั่งขวา หนีเข้าไปในป่าลึก!”
ไป๋ชิงเหยียนตะโกนเสียงดังลั่น
ในเมื่อศัตรูให้พลธนูดักซุ่มยิงธนูอยู่ฝั่งซ้ายขวา จากนั้นให้ทหารที่ดักซุ่มอยู่ตรงทางเข้าปรากฏตัวขึ้นเพื่อบีบให้นางหนีไปทางทางออก เช่นนั้นไป๋ชิงเหยียนก็จะบุกขึ้นไปทางฝั่งขวา หลบหนีเข้าไปในป่าลึก…
เหตุผลแรก หากเข้าไปในป่าลึกลูกธนูไม่สามารถยิงเข้าไปได้ ทุกคนต้องต่อสู้กันในระยะประชิด…นั่นคือข้อได้เปรียบของต้าโจว
เหตุผลที่สอง ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงสัญญาณขลุ่ยของฝ่ายศัตรูดังมาจากป่าด้านขวา จับโจรต้องจับหัวหน้าโจรดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงเลือกบุกไปทางฝั่งขวาของเนินเขา
เหตุผลที่สาม ในเมื่อกองทัพใหญ่ดักรออยู่ที่ทางออกนางก็ไม่สามารถตรงไปทางนั้นได้ นางได้แต่หลบไปทางที่มีกำลังทหารน้อยกว่า โชคดีที่ทางบนภูเขาไม่ลาดชันมากนัก นี่คือทางรอดที่สวรรค์เปิดให้นาง!
“ทหารทุกคนบุกขึ้นไปบนเนินเขาฝั่งขวา!”
หลิ่วผิงเกาสั่ง
คำสั่งของไป๋ชิงเหยียนถูกถ่ายทอดต่อไปยังทหารคนอื่นๆ ไป๋ชิงเหยียนก้มลงหยิบหอกยาวขึ้นมา จากนั้นใช้เข่าหักจนหอกเหลือความยาวที่พอดีกับนาง เมื่อหญิงสาวเห็นม้าไร้เจ้าของตัวหนึ่งวิ่งตรงมาทางนี้นางจึงจับบังเหียนม้าและกระโดดขึ้นไปบนหลังมันทันที เว่ยจงรีบกระโดดขึ้นหลังม้าเช่นเดียวกัน เขาและหลิ่วผิงเกาถือดาบยาวคุ้มกันอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน
เมื่อเห็นหลู่หยวนเผิงไป๋ชิงเหยียนจึงเอ่ยสั่งพลางขี่ม้าพุ่งตรงไปยังเนินเขาฝั่งขวาทันทีโดยไม่มองหลู่หยวนเผิงแม้แต่น้อย
“หลู่หยวนเผิง คุ้มกันเกาอี้อ๋องฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้ อย่าให้ผิดพลาดเด็ดขาด!”
หลู่หยวนเผิงจึงรู้ว่าตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อไม่ได้อยู่บนรถม้าแล้ว เขารีบหันม้ากลับไปหาไป๋จิ่นจื้อทันที