สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 250 ซินเอ๋อร์ถูกจับตัว
“ทูลองค์ชาย เป็นองค์ชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบดังมาจากนอกรถม้า ทำให้ชายหนุ่มรูปงามด้านในส่งเสียงฮึอย่างดูแคลน ดวงตาหงส์แคบยาวนั้นหรี่ลงเล็กน้อย แววตาเปล่งประกายความโหดเหี้ยมออกมา
ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อย ก่อนเสียงเย็นชานั้นจะค่อยๆ ดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม
“ดี ดียิ่งนัก เมื่อท่านไร้เยื่อใยเช่นนี้ อย่าโทษว่าข้าจิตใจโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!”
…
เวลาเพียงแวบเดียว หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ภายในหนึ่งเดือนนี้ ซินเอ๋อร์ใช้ชีวิตเช่นปกติ
ทุกวันหลังปัดกวาดตำหนักหยกขาวเสร็จ ตอนเที่ยงก็เป็นดังที่ผ่านมาคือไปฝึกคัดอักษรที่ห้องหนังสือ และเหลิ่งอวี้เซวียนมักจะดูสมุดบัญชีทำงานอยู่ไม่ไกลจากเธอ
เวลาผ่านไปอย่างเงียบสงบ แต่กลับอบอุ่นเช่นนี้
สำหรับซินเอ๋อร์ เห็นชัดว่ามาถึงวังแห่งนี้เป็นเวลาสั้นๆ เพียงสองเดือนเท่านั้น รู้จักกับชายหนุ่มไม่นาน แต่ความรู้สึกตอนนี้ คล้ายเธออยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน และรู้จักกับชายหนุ่มผู้นี้มายาวนานกว่าชั่วชีวิตแล้ว
“ซินเอ๋อร์ อีกสักครู่พวกเราไปเดินเล่นที่ตลาดกันเถิด!”
เวลานี้เป็นช่วงเที่ยงวัน หลังเสี่ยวหวนทำงานของตนเสร็จเรียบร้อย มาหาซินเอ๋อร์พร้อมเสนอความเห็น
ซินเอ๋อร์ที่กำลังกวาดใบไม้อยู่ในลานด้านหน้าตำหนักหยกขาวได้ยินจึงตะลึงงัน ก่อนเอ่ยว่า
“วันนี้มีสิ่งใดน่าสนใจขนาดต้องไปเดินเล่นที่ตลาดหรือ”
“ฮ่า ๆ เพราะทำงานของวันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อบ้านจึงอนุญาตให้ข้าพักผ่อนครึ่งวัน และข้านึกได้ว่าไม่ได้ไปเดินเล่นที่ตลาดนานมากแล้ว จึงอยากออกไปเดินเล่นด้านนอก พร้อมกับซื้อพวกผ้ามาตัดเสื้อผ้าให้กับท่านพ่อท่านแม่และน้องชาย”
เสี่ยวหวนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
ซินเอ๋อร์ได้ยิน พลันยิ้มพยักหน้าตอบตกลง
เพราะเธอรู้จากปากของเสี่ยวหวนว่าฐานะทางบ้านเธอไม่ค่อยดีนัก ต้องอาศัยบิดาที่ทำงานเป็นช่างไม้อยู่ด้านนอกจุนเจือครอบครัว
มารดาของเธอสุขภาพไม่แข็งแรง นอนป่วยอยู่บนเตียงตลอดเวลา ดังนั้นจึงขายตัวเธอมาที่นี่ เพื่อช่วยจุนเจือครอบครัว
และเสี่ยวหวนเป็นเด็กสาวที่ดูแลครอบครัวดียิ่งนัก เงินเดือนในแต่ละเดือนล้วนมอบให้กับครอบครัว ปกติตัดใจซื้อของให้ตนเองสักชิ้นไม่ได้ แต่ล้วนซื้อของและเพิ่มสิ่งของให้กับครอบครัวไม่หยุด
ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดเวลานี้ของเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์พลันตกลงทันที
…
ถนนใหญ่ในเมืองหลวง เพราะอยู่ใต้บารมีของโอรสสวรรค์ ดังนั้นทุกที่จึงต่างมีบรรยากาศคึกคักรุ่งเรือง
แสงแดดยามบ่ายมักเจิดจรัสเช่นนี้
แสงแดดเรืองรองสาดส่องลงมาบนกายนั้น สร้างความอบอุ่นให้ผู้คน
และสายลมพัดเอื่อย ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
เห็นเพียงบนถนนใหญ่ในเมืองหลวง ร้านค้าเรียงราย โรงเตี๊ยม เหลาสุรา หอคณิกา ร้านผ้าไหมเครื่องประทินโฉม มีทุกอย่างครบครัน
ด้านหน้าร้านค้ามีแผงลอยเล็กๆ มากมายวางตั้งอยู่เต็มไปหมด
เวลานี้เป็นช่วงฝูงชนแน่นขนัดที่สุด บนถนนใหญ่ผู้คนพลุกพล่านไปมาไม่ขาดสาย รถม้าสัญจรสวนทางกันมากมายนับไม่ถ้วน
เหล่าเถ้าแก่แผงลอยส่งเสียงเรียกลูกค้าอย่างไม่ยอมพลาดโอกาส
เสียงตะโกนไม่ขาดสายกลืนหายเข้าไปกับเสียงต่างๆ บนถนน พลันทำให้ทั่วถนนใหญ่เจริญรุ่งเรือง!
ซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวน จับมือกันเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนบนถนนใหญ่
เพราะเสี่ยวหวนมีสิ่งของมากมายที่ต้องซื้อ ดังนั้นตลอดทั้งบ่ายซินเอ๋อร์จึงวิ่งวุ่นช่วยเสี่ยวหวนซื้อของ
สุดท้ายหลังทั้งสองคนเดินมาหลายชั่วยามจนเหนื่อยล้า จึงมองหาร้านน้ำชาที่ถือว่าสะอาดแห่งหนึ่ง เพื่อพักจิบน้ำชาก่อนกลับวัง
เพราะใกล้จะมืดแล้ว ภายในร้านน้ำชาจึงแทบไร้ลูกค้า
ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงนั่งลงในตำแหน่งที่ใกล้กับริมหน้าต่าง
หลังเอ่ยกับเถ้าแก่ร้านน้ำชาว่าต้องการน้ำชาสองกา ซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวนนั่งพักผ่อนอยู่ตรงนั้น
ประจวบกับสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินทางด้านนอก
คิดแล้ว พวกเธอสามารถนั่งพักชมพระอาทิตย์ตกดินอย่างเงียบสงบเช่นนี้ได้ เป็นเรื่องที่หาได้ยากเสียจริง
โชคดีวันนี้เหลิ่งอวี้เซวียนมีธุระจึงเอ่ยว่าจะกลับมาตอนดึก มิฉะนั้นซินเอ๋อร์คงไม่สามารถออกมาเดินเล่นกับเสี่ยวหวนครั้งนี้ได้
เวลานี้ซินเอ๋อร์พลางดื่มน้ำชา พลางสนทนากับเสี่ยวหวนอย่างไม่รู้จบ
ทว่าทันใดนั้น คำพูดของคนที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังพวกเธอนั้น กลับดึงดูดความสนใจของซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวน
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ เมืองหลวงระยะนี้มีสาวน้อยไม่น้อยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งจนวันนี้ยังไร้เบาะแส!”
“เป็นไปไม่ได้หรอก เรื่องนี้เจ้ารู้ได้อย่างไร!”
“นี่เจ้าไม่รู้หรือ ลูกชายท่านป้าสามลูกพี่ลูกน้องของข้า เป็นขุนนางเล็กๆ อยู่ในที่ว่าการ เล่าว่าใต้เท้าจือย่วนหลายวันมานี้ ยุ่งวุ่นวายกลัดกลุ้มเพราะสาวน้อยที่หายตัวไปเหล่านั้น”
“จริงหรือ เช่นนั้นเจ้ารู้ว่าสาวน้อยที่หายตัวไปพวกนั้น อยู่ที่ใดหรือไม่!”
“ฮ่า ๆ นี่เจ้าใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้คำตอบ สาวน้อยที่หายตัวไปพวกนั้น มองก็รู้แล้วว่าถูกคนจับตัวไปขายให้กับเหล่าหอคณิกาเพื่อหาเงินพวกนั้น”
หลังการถกเถียงของผู้คนในโต๊ะด้านหลัง ซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวนได้ยินอย่างชัดเจน
ทั้งสองจึงอดขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยไม่ได้
รวมทั้งการยุ่งเรื่องชาวบ้านคือนิสัยของสตรี ดังนั้นเสี่ยวหวนขณะได้ยินพลันเอ่ยเสียงเบากับซินเอ๋อร์ว่า
“ซินเอ๋อร์เจ้าได้ยินหรือไม่ ความปลอดภัยในเมืองหลวงมิใช่ยอดเยี่ยมหรือ แต่ใต้บารมีของโอรสสวรรค์ กลับมีคนบ้าคลั่งลักพาตัวหญิงสาวไปขายเช่นนี้ สวรรค์ น่ากลัวยิ่งนัก พวกเรารีบกลับกันเถิด!”
เสี่ยวหวนฟังเรื่องนี้จบรู้สึกหวาดกลัว
เพราะตอนนี้ใกล้พลบค่ำแล้ว ไม่นานก็จะมืดสนิท
ยิ่งดึกผู้คนที่พลุกพล่านบนถนนใหญ่ค่อยๆ ลดหายไปไม่น้อย
ซินเอ๋อร์เห็นท่าทางหวาดกลัวของเสี่ยวหวนจึงรีบพยักหน้า หลังจ่ายเงินให้กับเถ้าแก่ ทั้งสองคนรีบลุกขึ้นเดินทางกลับวัง
เห็นเพียงเวลานี้เป็นยามสายัณห์ ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงทางทิศตะวันตก แสงอาทิตย์สีเหลืองทองนั้นทะลุผ่านชั้นเมฆหนาทางทิศตะวันตกสาดส่องลงมาทั่วแผ่นดิน ทำให้ด้านล่างปกคลุมด้วยชั้นแสงสีเหลืองทอง
เวลานี้โคมไฟถูกแขวนขึ้น ผู้คนสัญจรบนถนนใหญ่ก็ลดน้อยลง
เพราะเวลานี้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างรีบกลับเรือนไปทานอาหาร
มีเพียงเหล่าโรงเตี๊ยมเหลาสุราที่กิจการยังคงคึกคักวุ่นวาย
ระยะทางกลับจากตลาดถึงวังต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม ดังนั้นซินเอ๋อร์และเสี่ยวหวนจึงเดินอย่างรวดเร็ว
ทว่าเสี่ยวหวนซื้อข้าวของมากมาย มีจำพวกผ้าและของใช้ประจำวันต่างๆ เพื่อมอบให้กับคนในครอบครัวของเธอ
เพราะข้าวของมีจำนวนมาก ซินเอ๋อร์ย่อมแบ่งเบาเสี่ยวหวนถือของ
ดังนั้นหลังจากทั้งสองเดินมาได้ครึ่งชั่วยามจึงรู้สึกเหนื่อยล้า
โดยเฉพาะตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว จึงอยากกลับวังให้เร็วที่สุด
แต่ทันใดนั้น เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างพลันมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น อดเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้
“เสี่ยวหวน เจ้าเป็นอันใดหรือ”
“โอ๊ย ข้าปวดท้องยิ่งนัก ไม่รู้เพราะชาที่ข้าดื่มเมื่อครู่ไม่สะอาดหรือไม่ ตอนนี้จึงอยากปลดทุกข์ โอ้ ข้าจะกลั้นไม่ไหวแล้ว”
เสี่ยวหวนเอ่ยขึ้น พร้อมใบหน้าเล็กงดงามขมวดเป็นปมเพราะฝืนทน
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น รู้สึกน่าขันและจนใจ
ดวงตาคู่งามกวาดมองไป เห็นไม่ไกลมีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ดังนั้นจึงรีบรับข้าวของในมือเสี่ยวหวนมา ก่อนเอ่ยว่า
“เสี่ยวหวน ทางนั้นมีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ที่นั่นต้องมีห้องน้ำแน่ เจ้ารีบไปเถิด!”
“โอ๊ย ได้ ซินเอ๋อร์เจ้าต้องรอข้าอยู่ที่นี่นะ ข้าจะรีบกลับมา!”
เสี่ยวหวนเอ่ยขึ้นพลางเร่งฝีเท้า ไม่นานหายไปจากสายตาของซินเอ๋อร์
เมื่อเห็นท่าทางอดกลั้นที่ทรมานของเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์อดรู้สึกขบขันไม่ได้
ซินเอ๋อร์หอบข้าวของกองใหญ่ไว้ในมือ ยืนเงียบๆ อยู่บนถนนใหญ่รอเสี่ยวหวนกลับมา
จากพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน รอจนถึงพระอาทิตย์หายลับไปทางทิศตะวันตก โคมไฟถูกแขวนขึ้น พระจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ เสี่ยวหวนยังไม่กลับมา
ซินเอ๋อร์รออย่างกังวล ไม่รู้เสี่ยวหวนจะเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่
เพราะท้องเสียมากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้จะหมดสติได้!
ซินเอ๋อร์กังวลในใจ ดังนั้นจึงคิดเดินตรงไปยังทิศที่เสี่ยวหวนจากไปเมื่อครู่ เพื่อตามหาเสี่ยวหวน ดูอาการในตอนนี้ของเธอ
แต่ซินเอ๋อร์เดินไปได้ไม่แค่กี่ก้าว จู่ๆ กลับรู้สึกมีบางสิ่งผิดปกติ
คล้ายด้านหลังของเธอมีคนอยู่ และกำลังรีบร้อนเดินมาทางนี้
ซินเอ๋อร์ได้ยินสงสัยในใจ ก่อนพลันคิดหันกลับไปมอง
แต่ซินเอ๋อร์ยังไม่ทันหันศีรษะ จมูกของตนพลันถูกผ้าผืนหนึ่งปิดลงมา
ซินเอ๋อร์จึงตกใจ อดใจหายวาบไม่ได้ ก่อนคิดดิ้นรน แต่กลับไม่รู้เพราะเหตุใดจึงพลันง่วงงุน เพียงไม่กี่วินาทีซินเอ๋อร์ก็หมดสติไป ข้าวของในมือเธอหล่นกระจายลงบนพื้น
ไม่นานจากนั้น ในที่สุดเสี่ยวหวนก็ยกกระโปรงวิ่งเข้ามา
“ซินเอ๋อร์ข้าเสร็จแล้ว ท้องเสียหนักจริงๆ พวกเรากลับกันเถิด เอ๊ะ ซินเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ใด!”
เมื่อเห็นข้าวของบนพื้นนั้น ล้วนเป็นของที่ตนซื้อมาเมื่อครู่ แต่ซินเอ๋อร์ที่ยืนรอเธออยู่ตรงนี้กลับหายตัวไป เมื่อเห็นเสี่ยวหวนหวาดหวั่นใจอย่างหนัก พร้อมดวงตาเบิกกว้าง
…
มืด ภาพตรงหน้ามืดมน ทำให้คนที่เพิ่งลืมตาคิดว่าอยู่ในขุมนรกที่ไร้แสงอาทิตย์
มือค่อยๆ ลูบคลำรอบด้าน จนสัมผัสได้ว่านั่นคือพื้นที่ชื้นแฉะและหนาวเย็น
เพราะยังอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ ตกกลางคืนจึงยังหนาวเย็น
เมื่อนอนบนพื้น แม้จะมีผ้าผืนหนึ่งรองเอาไว้ ความหยาวเย็นถึงกระดูกนั้นยังคงทะลุผ่านผ้าเข้ามาได้
หนาว หนาวยิ่งนัก!
ที่นี่คือสถานที่ใดกันแน่!
เมื่อครู่เธอยืนรอเสี่ยวหวนอยู่บนถนนใหญ่ชัดๆ แต่รออยู่นานเสี่ยวหวนไม่กลับมา เธอจึงคิดไปตามหาเสี่ยวหวน ต่อมาได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง แต่ยังไม่เห็นว่าคือผู้ใด เธอพลันถูกคนใช้ผ้าปิดจมูกเสียก่อน จากนั้น…
หรือว่า!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์คล้ายนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ทันใดนั้นรีบลุกขึ้นนั่งบนพื้นเย็นเฉียบนั้น
แต่เพราะตนออกแรงลุกรวดเร็วเกินไปจึงวิงเวียน ทำให้เธออดล้มลงไปบนพื้นเย็นเฉียบนั้นอีกครั้งไม่ได้ จนกระทั่งพยายามอยู่หลายครั้ง ในที่สุดซินเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่งได้
และเพราะคุ้นชินกับความมืดมิดแล้ว ซินเอ๋อร์จึงกวาดดวงตาคู่งามอยู่ชั่วขณะ และมองเห็นสภาพรอบด้านส่วนใหญ่อย่างเลือนลาง
เห็นเพียงที่นี่น่าจะเป็นคุกใต้ดิน!