สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 237 การแสดงความสามารถด้านศิลปะ (2)
อ้อมกอดของเขากว้างใหญ่ เมื่อถูกเขากอดจึงรู้สึกสบายเช่นนี้
และกลิ่นหอมของดอกอวี๋หลันขาวจางๆ ที่กระจายออกมาจากร่างกายของเขา คือเอกลักษณ์ของเขา
เมื่อได้กลิ่น ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ
และเสียงหัวใจที่เต้นอย่างหนักแน่นนั้น คล้ายบทเพลงขับกล่อม ทำให้เธอรู้สึกง่วงนอน
ก่อนซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงง่วงงุน สมองค่อยๆ ขาวโพลนขึ้นมา
สุดท้าย ชายหนุ่มคล้ายกระซิบบางอย่างข้างใบหูเธอ ส่วนเธอฟังไม่ออก เพียงเข้าสู่ห้วงฝันไป
เมื่อรู้สึกว่าร่างเล็กในอ้อมกอดค่อยๆ ผ่อนคลายลง และได้ยินเสียงลมหายใจราบเรียบของเธอ แม้ไม่มอง เหลิ่งอวี้เซวียนก็รู้ว่าสาวน้อยในอ้อมกอดนี้ หลับสนิทไปแล้ว
เห็นเช่นนั้น รอยยิ้มมุมปากของเหลิ่งอวี้เซวียนกว้างขึ้น กระทั่งในดวงตาดำขลับยังปรากฏความอ่อนโยนหลายส่วน
เพราะเธอหลับในอ้อมกอดเขา นั่นหมายถึงความหวาดระแวงที่เธอมีต่อเขา ค่อยๆ หายไปแล้ว นี่คือสิ่งที่ดี!
เพราะหลังจากได้พบสาวน้อยผู้นี้อีกครั้ง
เขารู้ว่าเธอขาดความรู้สึกปลอดภัย เธอเช่นนี้คล้ายนกกระจอกเทศตัวหนึ่งที่พบเรื่องใด พลันหดกายเข้าไปในหลุมหลบภัยของตน
ดังนั้น ความวู่วามครั้งก่อนของเขา ทำให้เธอกังวลหวาดกลัว สำหรับเขาที่ไม่ระแวดระวัง ทำให้เขารู้สึกปวดใจ
หลังจากนั้น เขาแม้ต้องการทะนุถนอมเธอ โอบกอดเธอไว้ในอ้อมกอด ล้วนไม่กล้าบุ่มบ่ามเกินไป
เพราะกลัวจะทำให้เธอตกใจอีกครั้ง
ทว่าสาวน้อยผู้นี้ เมื่อใดจึงจะล่วงรู้ความในใจของเขาที่มีต่อเธอ!
เหลิ่งอวี้เซวียนจนใจ จนถอนหายใจออกมา แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าหลับสนิทฝันหวานของคนในอ้อมกอด ยังอดกระซิบที่ข้างใบหูเธอเบาๆ ไม่ได้ว่า
“เด็กโง่ ข้ารักเจ้า”
…
เหลิ่งอวี้เซวียนจากไปสองวันแล้ว
ซินเอ๋อร์พลันรู้สึกใจของตน คล้ายเปลี่ยนไปเป็นว่างเปล่าขึ้นมา
คล้ายในใจมีบางสิ่งขาดหายไป และไม่ครบสมบูรณ์
ทุกวันซินเอ๋อร์หลังทำความสะอาดตำหนักหยกขาวเสร็จ มาฝึกคัดอักษรในห้องหนังสือตามความเคยชิน
แม้เหลิ่งอวี้เซวียนจะไม่อยู่ในวัง แต่เรื่องต้องฝึกคัดอักษรทุกวัน คือการอนุญาตของเขา
แต่ไม่รู้เหตุใด หลังเหลิ่งอวี้เซวียนไม่อยู่ ซินเอ๋อร์รู้สึกว่าทำสิ่งใด ล้วนร่างกายไร้เรี่ยวแรง
กระทั่งการฝึกคัดอักษรที่เธอชื่นชอบที่สุดก่อนหน้านี้ ยังไม่แยแส
ทุกวัน เธอมาที่ห้องหนังสือดังเช่นปกติ แต่เมื่อหยิบพู่กันขึ้น กลับวางมันลงอย่างเชื่องช้า สายตามองตรงไปด้านหน้า ไปยังที่เหลิ่งอวี้เซวียนเคยนั่งทำงานก่อนหน้านี้
นึกถึงเรื่องราวที่เขานั่งอยู่ตรงนั้นในแต่ละวัน
ทุกวันการเหม่อลอยเช่นนี้จะกินเวลาตลอดทั้งบ่าย จนเสี่ยวหวนเข้ามาเรียกเธอ เธอจึงพบว่าตนเหม่อลอยอยู่ตลอดบ่าย กระดาษตรงหน้า มีเพียงรอยหมึก แต่กลับไม่มีรอยขีดเขียนตัวอักษรแม้ตัวเดียว
สำหรับเรื่องนี้ เสี่ยวหวนยังหัวเราะเยาะเธอ พร้อมเอ่ยว่าเพราะเธอคิดถึงนายท่านมากเกินไป
เธอคิดถึงเขาอยู่หรือ!
อาจจะเพียงเล็กน้อย
แต่นึกถึงแล้วเช่นไร!
ตอนนี้เวลาผ่านไปเพียงสองวัน อีกแปดวันกว่าเขาจะกลับมา!
แปดวันเลยหรือ!
เหตุใดเวลานับวันยิ่งผ่านไปอย่างช้าๆ!
ขณะซินเอ๋อร์ทอดถอนใจ พลันมีเสียงสดใสแฝงร้อนรนดังขึ้นมาจากด้านหลังเธอ
“ซินเอ๋อร์ ที่แท้เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าตามหาเจ้าอยู่ตั้งนาน!”
หลังได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ซินเอ๋อร์พลันหันกลับไป เมื่อเห็นจื่ออีรีบร้อนเดินเข้ามาหาตน ใบหน้าจิ้มลิ้มอดตะลึงงันไม่ได้
“พี่จื่ออี!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยขึ้น และเห็นจื่ออีเดินเข้ามาตรงหน้าตน ทันใดนั้นกุมมือเธอ พร้อมเอ่ยอย่างร้อนใจว่า
“ซินเอ๋อร์ ครั้งนี้เจ้าต้องช่วยข้านะ!”
“หา ช่วย พี่จื่ออีต้องการให้ข้าช่วยเรื่องใด!”
หลังได้ยินคำของจื่ออี ซินเอ๋อร์งงงัน
เพราะจากสิ่งที่เธอรู้ จื่ออีคือสตรีที่เก่งกาจผู้หนึ่ง เธอยังมีเรื่องใดที่จำต้องให้เธอช่วยเหลืออีกหรือ!
จื่ออีเห็นท่าทางสงสัยของซินเอ๋อร์ เอ่ยจุดประสงค์ที่ตนรีบร้อนออกมาจนหมดเปลือก
ความจริงกลุ่มนางรำที่จื่ออีฝึกฝนออกมาครั้งนี้ ได้ฝึกฝนไปกว่าเจ็ดแปดส่วนแล้ว เพียงรอขึ้นแสดงในวันงานการแสดงความสามารถด้านศิลปะเท่านั้น
แต่เวลานี้ชิงเอ๋อร์ตัวเอกของการแสดงครั้งนี้ กลับไม่ระวังตกลงมาจากเวที และยังข้อเท้าพลิก
จากคำบอกเล่าของหมอ เท้าของชิงเอ๋อร์บาดเจ็บถึงกระดูก แม้จะร่ายรำใหม่อีกครั้ง ต้องรักษาตัวราวสามถึงสี่เดือน
แต่นี้จะสามารถทำได้อย่างไร!
เพื่องานแสดงความสามารถด้านศิลปะครั้งนี้ จื่ออีเริ่มทำการคัดเลือกคนห้าสิบคนตั้งแต่ครึ่งปีก่อน และกลุ่มนางรำนี้คือคนที่เธอทุ่มเทกำลังเลือกสรรออกมา
และชิงเอ๋อร์คือคนเดียวที่เธอชื่นชมที่สุดในกลุ่มนางรำทั้งหมด
เพราะชิงเอ๋อร์เริ่มเรียนการร่ายรำมาตั้งแต่เด็ก รูปร่างนั้นยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
ท่าทางก็ไม่เลว
ผู้ใดจะรู้ กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในเวลานี้ จื่ออีจึงร้อนใจอย่างที่สุด
เพราะก่อนเหลิ่งอวี้เซวียนจากไป เธอตบหน้าอกรับประกันว่าการแสดงความสามารถด้านศิลปะครั้งนี้ เธอต้องจัดขึ้นอย่างเอิกเกริก ไม่ทำให้เขาเสียหน้าแน่นอน!
ผู้ใดจะรู้…
เฮ้อ
หลังจื่ออีเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บนใบหน้างดงามอ่อนช้อยนั้น เต็มไปด้วยความร้อนใจและกังวลใจ
เพราะการแสดงความสามารถด้านศิลปะครั้งนี้ สำหรับ ‘หอสุราดับทุกข์’ คือเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง!
หากถูกเธอทำพัง เธอไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อไปแน่
หลังได้ยินคำนี้ของจื่ออี ซินเอ๋อร์กังวลอย่างหนัก
ทว่า…
“พี่จื่ออี เมื่อชิงเอ๋อร์เท้าบาดเจ็บ เช่นนั้นท่านสามารถเปลี่ยนคนร่ายรำ ครั้งก่อนข้าเห็นเหล่าพี่สาวพวกนั้น ร่ายรำได้ไม่เลว!”
“เฮ้อ นางรำพวกนั้น แม้จะทำได้ไม่เลว แต่ไม่มีผู้ใดโดดเด่น ดังนั้นข้าจึงนึกถึงเจ้า ซินเอ๋อร์!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์กลับตะลึงงัน ก่อนชี้มายังตนเองอย่างสงสัย
“ข้า ข้าช่วยอันใดท่านได้หรือ!”
สำหรับคำพูดนี้ของจื่ออี ซินเอ๋อร์สับสนมึนงง
เมื่อเห็นท่าทางไม่เข้าใจของซินเอ๋อร์ จื่ออียิ้มมุมปาก ก่อนใช้มือปัดผมหน้าม้าที่ถูกลมพัดตกลงของซินเอ๋อร์ขึ้นทัดที่ใบหู ก่อนพลันเอ่ยขึ้น
“ซินเอ๋อร์การร่ายรำครั้งก่อนของเจ้า ข้าเห็นด้วยตาตนเอง แม้เจ้าเห็นการร่ายรำของพวกเธอเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับสามารถร่ายรำออกมาอย่างไม่ตกหล่น และการร่ายรำนั้นยังทำได้ดีกว่าชิงเอ๋อร์ ตอนนั้นข้าถูกการร่ายรำของเจ้านั้น ทำให้ตกตะลึง ซินเอ๋อร์ เจ้าคือสตรีที่ข้าเห็นว่าพรสวรรค์ในการร่ายรำดีที่สุด แม้เจ้าจะไม่ยินยอมมาเป็นนางรำที่ ‘หอสุราดับทุกข์’ แต่ครั้งนี้ ข้าจนใจจริงๆ หากเรื่องนี้ต้องพังเพราะข้า ‘หอสุราดับทุกข์’ คงต้องย่อบยับแน่นอน และข้าไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ดังนั้น ซินเอ๋อร์ ครั้งนี้ข้าขอร้องเจ้าเถิด โปรดช่วยข้าครั้งนี้ด้วย ได้หรือไม่!”
เมื่อเห็นสีหน้าอ้อนวอนของจื่ออี ซินเอ๋อร์มองอย่างทำใจไม่ได้
แม้จื่ออีและเธอจะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ปกติจื่ออีปฏิบัติต่อเธออย่างเกรงใจและอบอุ่น
เวลานี้ เธอลดตัวอ้อนวอนตน ตนคิดปฏิเสธ แต่ทำใจไม่ได้
แต่…
“ยังมีเวลาอีกแปดวันมิใช่หรือ ข้า ข้าเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้!”
พอนึกถึงเวลาที่กระชั้นชิด ซินเอ๋อร์จึงหวาดกลัว
เพราะแม้เธอจะรักการร่ายรำมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาก่อน
อีกทั้งเวลายังเหลือเพียงไม่กี่วัน เธอจะทำได้หรือ!
เธอกลัวตนจะทำให้เสียงาน
พอนึกถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์หวาดกลัวและกังวล
อาจเพราะรู้ถึงความกังวลของซินเอ๋อร์ จื่ออีจึงกุมมือซินเอ๋อร์แน่น เอ่ยด้วยสีหน้ามั่นใจว่า
“ได้ เจ้าทำได้แน่นอน!”
…
เพราะเวลากระชั้นชิดจากวันแสดงความสามารถด้านศิลปะ ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงย้ายไปพักในเรือนพักกับเหล่านางรำที่จะแสดงใน ‘หอสุราดับทุกข์’
นี่คือเรือนพักที่มีสภาพแวดล้อมไม่เลว และเป็นที่ที่เหลิ่งอวี้เซวียนตั้งใจซื้อเก็บไว้ เพื่อให้เหล่านางรำพักอาศัย และใช้ฝึกฝนการร่ายรำในแต่ละวัน
และในเรือนแห่งนี้มีห้องฝึกการร่ายรำโดยเฉพาะ
ภายในห้องฝึกร่ายรำผ่านการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญ รอบด้านในห้องที่กว้างขวางจึงเต็มไปด้วยกระจกทองแดง
ดังนั้น เพียงการร่ายรำ ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของตนเป็นเช่นไร สามารถเห็นด้วยตาอย่างชัดเจน
เพราะชิงเอ๋อร์ข้อเท้าพลิกจึงไม่สามารถร่ายรำได้ ซินเอ๋อร์จึงกลายเป็นตัวเอกในการแสดงความสามารถด้านศิลปะครั้งนี้
สำหรับการปรากฏตัวของซินเอ๋อร์ เหล่านางรำนั้นส่วนใหญ่ต่างไม่พอใจ
เพราะพวกเธอถูกจื่ออีฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญมานานหลายเดือน และทุกคนต่างมีคุณสมบัติไม่เลว อีกทั้งครั้งนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับชิงเอ๋อร์ ทุกคนจึงมีแผนการในใจ ต้องการเป็นตัวเอกในครั้งนี้ ผู้ใดจะรู้ ตอนนี้กลับถูกคนนอกจู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นมาแย่งชิงตำแหน่งที่ทุกคนต้องการไป!