สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 234 สอนเธอรู้อักษร (1)
ซินเอ๋อร์หลบหน้าเขา
สำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนรู้ล่วงหน้าแล้ว
หลังจากเกิดเรื่องในห้องอาบน้ำครั้งก่อน ทุกครั้งที่ซินเอ๋อร์เห็นเขา คล้ายกระต่ายน้อยพบหมาป่า ระแวงเขา หากเพียงยอดหญ้าขยับ หนีหายไปเร็วยิ่งกว่ากระต่ายน้อย
สำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนจนใจยิ่งนัก
ทว่าเขาทราบดีว่าครั้งก่อนตนวู่วามเกินไป เธอจึงตกใจ
คิดแล้ว หลายปีมานี้ สิ่งที่เขาภูมิใจที่สุดคือความอดทน คิดไม่ถึง ตอนนี้กลับเจอกับดาวเคราะห์ร้ายของตน
ทุกครั้งที่พบเธอ เขาจะสูญเสียการควบคุมที่ผ่านมา
เพราะเธอคือสตรีที่งดงามอ่อนช้อย เกรงว่าหากนักบวชได้เห็น ล้วนต้องฟุ้งซ่าน
ตอนนี้ เห็นซินเอ๋อร์ทุกวันล้วนหลบหน้าเขา แม้ทุกวันเธอจะเป็นสาวใช้คอยปรนนิบัติเขา แต่สายตาที่มองเขา กลับแฝงด้วยความขลาดกลัวและระแวดระวัง ทำให้เขาจนใจ
ดังนั้น ทุกครั้งเขาเพียงแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย และไม่กล้าทำเรื่องที่ทำให้เธอหวาดกลัว
ตอนนี้ เขาจำต้องใช้เวลา เพื่อให้เธอค่อยๆ ลดความหวาดกลัวที่มีต่อเขาลง
ดังนั้น เพียงพริบตาเดียว เวลาห้าวันผ่านไป
หลังผ่านมาถึงตอนนี้ ซินเอ๋อร์เริ่มคุ้นชินกับการทำงานและสภาพแวดล้อมรอบตัว
และงานของเธอนี้ คือต้องปรนนิบัติคนที่ทำให้เธอหวาดกลัวผู้นั้น
นอกจากคืนนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนไม่ทำเรื่องที่เธอหวาดกลัวขึ้นอีก
สำหรับเรื่องในคืนนั้น เธอยังคงหวาดกลัวในใจ ดังนั้น ทุกครั้งที่ปรนนิบัติเขา เธอจึงมักหวาดระแวง
ทว่านอกจากเรื่องนี้ ต้องพูดว่างานนี้ของเธอ เธอชื่นชอบยิ่งนัก
เพราะทำงานที่นี่ เรื่องที่เธอทำต่างเบาสบายอย่างมาก ทุกวันหลังปรนนิบัติเหลิ่งอวี้เซวียนเสร็จ ปัดกวาดทำความสะอาดตำหนักหยกขาวเท่านั้น
เวลาว่างส่วนใหญ่ เธอไปช่วยงานเสี่ยวหวน
เพราะเสี่ยวเป่าน้องชายของเธอถูกไปรักษาตัวที่หุบเขาผีเสื้อ เสี่ยวหวนจึงถูกย้ายไปทำงานที่หอหนังสือ
ทุกวันนำหนังสือออกมาตากแดด ปัดฝุ่นหนังสือเป็นต้น
ซินเอ๋อร์ชื่นชอบการช่วยเสี่ยวหวนทำงานในหอหนังสืออย่างมาก
ประการแรก เสี่ยวหวนคือสหายคนแรกที่เธอรู้จักหลังมาที่นี่ และพวกเธอสองคนนิสัยเข้ากันดี เพียงไม่กี่วันเข้าขากันอย่างมาก
ประการที่สอง เธอชื่นชอบอ่านหนังสือ
หลังจากมารดาจากไป เธอเพื่อเลี้ยงดูชีวิต ไม่ได้อ่านหนังสือฝึกคัดอักษรมานาน แต่ในใจเธอความจริง ชื่นชอบอ่านหนังสือ และคัดอักษรอย่างมาก
ดังนั้น ทุกครั้งที่มาที่หอหนังสือ หลังช่วยงานเสี่ยวหวนบางส่วน จะหาหนังสือสักเล่ม อ่านเงียบๆ
แม้อักษรมากมาย เธอจะอ่านไม่ออก แต่เข้าใจเนื้อหาด้านในบางส่วนได้ เธอดีใจอย่างยิ่งแล้ว
เพราะไม่มีพู่กันและหมึก ดังนั้นทุกครั้งเธอจึงนั่งอยู่ด้านข้าง หยิบกิ่งไม้เขียนอักษรในหนังสือลงบนพื้น
วันนี้เช่นกัน!
เวลานี้เป็นช่วงบ่ายที่พระอาทิตย์เจิดจรัส
ช่วงบ่ายของต้นฤดูใบไม้ผลิ แสงอาทิตย์เรืองรอง และความอบอุ่นจากแสงอาทิยต์สาดส่องลงมาบนกายคน มักทำให้รู้สึกสบาย และอิ่มเอมใจ
สายลมพัดเอื่อย แฝงด้วยความเย็นสดชื่น
หลังจากซินเอ๋อร์ทำงานในตำหนักหยกขาวเสร็จ ก็ทำเหมือนทุกวัน มาช่วยงานเสี่ยวหวนที่หอหนังสือ หลังช่วยงานบางส่วน หยิบหนังสือในหอหนังสือเล่มหนึ่งออกมาตามความเคยชิน และนั่งอ่านเงียบๆ อยู่ด้านข้าง
เสี่ยวหวนรู้ว่าซินเอ๋อร์ชอบอ่านหนังสือ ทุกครั้งอ่านอย่างมีสมาธิ ดังนั้นทุกครั้งที่ซินเอ๋อร์อ่านหนังสือ เธอจะไม่รบกวน แต่จะหยิบผ้าของตนขึ้นมานั่งปักลายดอกไม้อยู่ด้านข้าง
สายลมเย็นพัดเอื่อย บ่ายวันนี้เงียบสงบยิ่งนัก ทั้งสองไม่พูดจา แต่บรรยากาศกลับอบอุ่นยิ่งนัก
ทว่าขณะเสี่ยวหวนปักผ้าได้พอประมาณ หางตากลับเหลือบเห็นร่างสูงใหญ่ พลันปรากฎตัวขึ้นหน้าประตูหอหนังสือ
เห็นเช่นนั้น ตกใจในใจ เสี่ยวหวนรีบวางงานในมือลง ก่อนลุกขึ้นคิดทำความเคารพแก่คนที่มา กลับถูกคนที่มายื่นมือปรามไว้
และเมื่อเห็นคนที่มาโบกมือ เสี่ยวหวนเห็นเช่นนั้น ตะลึงงัน ทันใดนั้นสายตาละจากคนที่มา กวาดมองไปที่ซินเอ๋อร์ที่กำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งตกตั้งใจอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนรู้ความหมาย แอบยิ้มเดินจากไป
ซินเอ๋อร์กำลังจดจ่อกับการอ่านหนังสือ ความจริงไม่รับรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นด้านหลังตน
เวลานี้เธอกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มือหนึ่งถือหนังสือ อีกมือถือท่อนไม้เรียวเล็ก ก่อนนำอักษรในหนังสือเขียนออกมา
เธอนิ่งเงียบ และมีสีหน้าตั้งอกตั้งใจและมีสมาธิอย่างยิ่ง
เธอตั้งอกตั้งใจเช่นนี้ ดูเปราะบางลงกว่าปกติ และมีอรรถรสขึ้นหลายส่วน
ภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม ทำให้แววตาของเขาอดอ่อนโยนลงหลายส่วนไม่ได้
เห็นเพียงสาวน้อยตรงหน้า สวมชุดสีขาวโปร่งบาง เผยรูปร่างงดงามนั้นของเธอออกมาจนหมด
เส้นผมยาวดุจเส้นไหมนั้น เวลานี้เพียงถักเปียสองข้างอย่างหลวมๆ ยาวจรดไหล่สองข้าง
บนศีรษะไร้เครื่องประดับสวยงามใด แต่กลับทำให้สาวน้อยใสซื่อและบริสุทธิ์หลายส่วน
เวลานี้สิ่งที่ดึงดูดเขาที่สุดคือ สีหน้าจริงจังของสาวน้อยนั้น เห็นชัดว่าเธอโหยหาการเรียน
และเมื่อมองสาวน้อยใช้กิ่งไม้เขียนอักษรออกมา แม้จะเขียนได้ไม่ยอดเยี่ยม บิดเบี้ยวโอนเอียง แต่ไม่รู้เหตุใด ภาพนี้กลับทำให้ชายหนุ่มใจเต้นแรง
หลังยืนมองสาวน้อยเขียนอักษรอย่างนิ่งเงียบอยู่นาน
จนกระทั่งไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดสาวน้อยเขียนเสร็จ และเหนื่อยล้า อดวางหนังสือลงไม่ได้ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมา บิดตัวอย่างเกียจคร้าน
เห็นชัดว่าคือท่าทางไร้ความสง่างาม แต่เมื่อสาวน้อยทำออกมา กลับไม่ว่าท่าทางใด ล้วนน่ารักหลายส่วน
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนยิ้มมุมปาก ก่อนอดเอ่ยขึ้นไม่ได้
“เจ้าชอบคัดอักษรหรือ!”
แม้เป็นประโยคคำถาม แต่เหลิ่งอวี้เซวียนกลับเอ่ยถามอย่างมั่นใจ
และซินเอ๋อร์หลังได้ยิน ยังไม่ได้สติ เพียงเอ่ยอย่างสบายใจขึ้นมา
“ถูกต้อง ข้าชื่นชอบคัดอักษร น่าเสียดาย ไม่มีกระดาษและหมึก เอ๊ะ…”
เดิมทีคิดว่าคนที่พูดกับตน คือเสี่ยวหวนที่นั่งอยู่ไม่ไกล
แต่หลังซินเอ๋อร์เอ่ยจบ กลับพลันรู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้นค่อยๆ หันกลับไปมองด้านหลังด้วยแววตาแฝงความสงสัยหลายส่วน
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ไม่รู้ยืนอยู่ด้านหลังตนตั้งแต่เมื่อใด ร่างกายพลันดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ตะลึงอยู่ตรงนั้น
“เอ่อ เซวียน เหตุใดจึงเป็นท่าน!”
หลังเห็นชายหนุ่มด้านหลังคือเหลิ่งอวี้เซวียน ดวงตาคู่งามของซินเอ๋อร์นั้น พลันเบิกกว้างดังระฆัง ก่อนความเหลือเชื่อและแปลกใจปรากฎขึ้นในแววตาอย่างอธิบายไม่ได้
สำหรับความรู้สึกนี้ของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงเลิกคิ้วงามขึ้นอย่างนิ่งเฉย ก่อนเพียงเอ่ยถามขึ้น
“เหตุใดจะเป็นข้าไม่ได้!”
เสียงแผ่วเบา อ่อนโยนของชายหนุ่ม ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่ทำให้คนสบายใจ ทว่าไม่รู้เหตุใด สำหรับซินเอ๋อร์ กลับทำให้เธอรู้สึกหนังศีรษะชาวาบ
ในใจพลันตกใจ ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงลุกขึ้นจากพื้น ส่ายหน้าดุจระลอกคลื่น ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่ม
“เอ่อ ไม่ ไม่ใช่ ข้าเพียงสงสัย ท่านมิใช่ออกไปด้านนอกหรือ เหตุใดวันนี้จึงกลับมาเร็วเช่นนี้”
และกลับมาที่นี่ ทำให้คนคาดไม่ถึงจริงๆ
ซินเอ๋อร์คิดในใจ ความจริงเธอไม่รู้คือความเคลื่อนไหวในแต่ละวันของเธอ มีคนรายงานเหลิ่งอวี้เซวียนตลอดเวลา
ดังนั้นวันนี้หลังเหลิ่งอวี้เซวียนทำงานเสร็จเร็ว จึงตรงมาที่หอหนังสือแห่งนี้ เพราะเขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่
จริงอย่างที่คิด เขาเดาไม่ผิด
ทว่าเขากลับไม่รู้ว่าซินเอ๋อร์ชื่นชอบการอ่านหนังสือมากขนาดนี้ เพียงเห็นสีหน้าจริงจังของเธอเมื่อครู่ ทำให้ตนอยากรู้
ดังนั้น เขาจึงเอ่ยถามเช่นนี้
แต่สิ่งที่เสียใจคือ ซินเอ๋อร์ยังหวาดกลัวเขา
เมื่อเห็นใบหน้าเล็กตกใจจนวิตกกังวลตรงหน้านี้ ดวงตาดำขลับของเหลิ่งอวี้เซวียบหลุบลงต่ำ มองมือที่พันกันของซินเอ๋อร์คู่นั้น
ดวงตาดำขลับคู่งามอดเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้ และไม่ได้ตอบคำถามที่ซินเอ๋อร์เอ่ยถามเมื่อครู่ ก่อนยื่นมือใหญ่ดึงมือเล็กขาวผ่องดังหยกคู่นั้นของซินเอ๋อร์ขึ้นมา
“ไป!”
“เอ๊ะ ไป เซวียน ท่านจะพาข้าไปที่ใดหรือ!”
อาจเพราะเรื่องครั้งก่อน จึงทำให้การกระทำที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของเหลิ่งอวี้เซวียน พลันทำให้ซินเอ๋อร์ตกใจทำตัวไม่ถูก
ใบหน้าเล็กงดงามประณีตนั้น ตกใจจนหน้าถอดสี กำลังจะดิ้นรนกรีดร้อง แต่หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม พลันตกตะลึง
“อะไรนะ ท่านว่า จะสอนหนังสือข้าหรือ!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์ตกใจ พลันไม่ละสายตาจากเขา
“ถูกต้อง เจ้าเอ่ยว่าชอบคัดอักษรไม่ใช่หรือ ตอนนี้ข้าจะสอนเจ้าคัดอักษร!”
สำหรับใบหน้าเหลือเชื่อของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนพลันยิ้มกว้าง
รอยยิ้มนี้ของชายหนุ่ม เผยฟันขาวของเขาออกมา เห็นชัดว่าขาวสะอาด สดชื่น คล้ายแสงอาทิตย์เจิดจรัส ทำให้คนมองอบอุ่นในใจตามไปด้วย
สายลมเอื่อยพัดเส้นผมดำสนิทสยายอยู่ด้านหลังชายหนุ่ม เส้นผมยาวดุจเส้นไหม แนบติดใบหน้าด้านข้างของเขา ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาคมสันของชายหนุ่ม พลันอ่อนโยนและอบอุ่น
เห็นเพียงวันนี้ชายหนุ่ม สวมเสื้อคลุมสีเทาบนกาย คาดสายรัดเอวหยก สวมรองเท้าปักลายเมฆมงคล
เสื้อคลุมยาวกระชับกายนั้น ห่อหุ้มร่างกายกำยำของชายหนุ่มไว้ ทำให้รูปร่างของชายหนุ่มสูงโปร่ง สมบูรณ์แบบมากขึ้น
เห็นชายหนุ่มหล่อเหลาและสูงส่งตรงหน้านี้พร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าเขา ไร้ความร้ายกาจ ใจของซินเอ๋อร์อดเต้นแรงทันทีไม่ได้
ความรู้สึกวาบหวิวนั้น คล้ายกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจากหัวใจของเธอ
เธอไม่รู้ว่านี้คือความรู้สึกอันใด แต่เธอกลับไม่รังเกียจแม้แต่นิดเดียว
จนกระทั่งชายหนุ่มลากเธอ เดินตรงไปที่ห้องหนังสือ เธอคล้ายใจลอย ปล่อยให้ชายหนุ่มดึงมือเธอเดินไป
นี่คือห้องหนังสือกว้างขวางอย่างยิ่ง