ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 416 อารมณ์ไม่จีรัง-4
บทที่ 416 อารมณ์ไม่จีรัง-4
……….
ในช่วงไม่กี่วันนี้ นอกจากเปิดหน้าต่างเพื่อมองดูข้างนอกแล้ว หลิวรุ่ยอิ่งก็ไม่เคยก้าวออกไปนอกประตูใหญ่ด้วยซ้ำ…
แม้แต่เถ้าแก่เนี้ยที่มักจะแต่งตัวโอ่อ่านั้น ก็เจอนางเพียงครั้งเดียว
นับตั้งแต่เยว่ตี๋มาถึง เถ้าแก่เนี้ยก็ดูจะสงบลงมาก
ก่อนหน้านี้ ต่อให้อยู่ข้างบน ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นของนาง
แต่ช่วงนี้กลับเงียบสงบผิดปกติ
ลูกค้าที่ดื่มสุราก็สงบเช่นกัน ไม่มีใครตายอย่างประหลาดอีก นี่ก็นับเป็นความสงบอีกอย่างหนึ่ง
หลิวรุ่ยอิ่งเดินลงไปชั้นล่าง บันไดไม้นี้เก่าทรุดโทรม ไม่รู้ว่าผ่านมาแล้วกี่ปี
ในยามกลางวันอาจไม่ได้รู้สึกชัดเจนมาก แต่เมื่อถึงยามค่ำคืน ทุกย่างก้าวมักจะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ไม่สบายหูเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง หลิวรุ่ยอิ่งเห็นว่าวันนี้ในโถงใหญ่มีคนกำลังนั่งดื่มสุรากันอยู่สองสามคน และยังไม่ได้แยกย้ายกัน
เถ้าแก่เนี้ยก็อยู่ในนั้นด้วย
แก้มนางแดงเรื่อ เห็นได้ชัดว่าใกล้เมาแล้ว
ดื่มจนเมาควรจะเป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายที่สุด แต่หลิวรุ่ยอิ่งกลับเห็นความเศร้าสร้อยซ่อนอยู่ใต้รอยแดงบนแก้มของนาง
หลิวรุ่ยอิ่งคิดได้ว่า เถ้าแก่เนี้ยเป็นคนท้องถิ่น
เขาอาจจะได้รู้เรื่องราวมากมายของรัฐหงจากนาง
หากมีประโยชน์ ก็จะช่วยเรื่องในภายหลังได้มาก
หากไม่มีประโยชน์ ก็เพียงฟังเป็นเรื่องเล่าเพื่อผ่อนคลายเท่านั้นเอง
“เอ๋! เจ้าก็ลงมาด้วยหรือ”
เถ้าแก่เนี้ยมองเห็นหลิวรุ่ยอิ่งก็พลันกล่าวหยอกล้อเขาทันที
เพียงแต่เมื่อหลิวรุ่ยอิ่งได้ยินคำพูดนี้กลับรู้สึกขาดแคลนรสชาติอยู่บ้าง…
“ไม่เจอกันนาน ลงมาพูดคุยกันหน่อย”
หลิวรุ่ยอิ่งพูดขึ้น
เถ้าแก่เนี้ยไม่พูดอะไร แต่ลุกขึ้นถือกาสุรามาวางที่โต๊ะว่างข้างๆ
ที่นี่ การพูดคุยก็คือการดื่ม
หากไม่ดื่ม ก็ไม่มีใครพูดคุยกับเจ้า
หลิวรุ่ยอิ่งหยิบเงินออกมาเตรียมจ่ายค่าสุรา แต่ถูกเถ้าแก่เนี้ยจับข้อมือไว้
“ไม่ต้อง ข้าเลี้ยงเจ้า!”
เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยขึ้น
หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกว่ามือของนางเย็นเฉียบ ทั้งที่ในโถงก็ยังจุดเตาผิงอยู่
คนที่มือเย็น ไม่รู้สึกหนาว ก็กำลังตื่นเต้น
ที่นี่ไม่ได้หนาวเลย
เช่นนั้นเถ้าแก่เนี้ยกำลังตื่นเต้นเรื่องอะไร
“เหตุใดมือเจ้าเย็นนัก”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม
ที่นี่ การใช้คำพูดหลอกล่อ การพูดอ้อมค้อม ไม่สามารถเอาชนะคนเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะเถ้าแก่เนี้ย
ดังนั้นหากมีข้อสงสัย ก็ควรตรงไปตรงมา มีอะไรก็พูดตรงๆ จะดีกว่า
“มือข้าเย็นมากหรือ”
เถ้าแก่เนี้ยยกมือทั้งคู่ขึ้นมองพลางถาม
หลิวรุ่ยอิ่งพยักหน้า
“เย็นจริงดังว่า…”
เถ้าแก่เนี้ยวางมือที่แก้มของนางแล้วพูด
“เช่นนั้นทำไมกันหรือ ที่นี่ก็ไม่ได้หนาว”
หลิวรุ่ยอิ่งพูด
“อาจเป็นเพราะตื่นเต้นที่ได้เจอเจ้าน่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยพูดพลางยิ้มทะเล้น
แม้ว่าสุดท้ายนางจะมีสีหน้าบ้าง แต่หลิวรุ่ยอิ่งยังรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นดูฝืน…
รอยยิ้มของเถ้าแก่เนี้ยมักจะเป็นธรรมชาติ
ไม่เพียงแต่ยิ้มกว้างจนตาเป็นจันทร์เสี้ยว แต่ขาขวาของนางจะเหยียดตรงชี้ขึ้น และร่างกายยังเอนไปด้านหลังอีกด้วย
ไม่รู้ว่าในใจนางมีความสุขมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยการยิ้มของนางก็แสดงให้เห็นว่านางรู้สึกเช่นนั้นจริง
แต่ยิ้มของเถ้าแก่เนี้ยเมื่อครู่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
หลิวรุ่ยอิ่งเห็นมุมปากนางกระตุกเล็กน้อยสองสามครั้ง และทั้งสองข้างก็ไม่สมมาตรกัน
หลังจากนั้น ในที่สุดก็ฉีกปากยิ้มออกมาเบาๆ
แต่ขาขวาของนางก็ไม่ได้เหยียดตรงชี้ขึ้น และร่างกายของนางก็ไม่ได้เอนไปด้านหลัง
คนตาดีย่อมมองออกว่า ยิ้มของเถ้าแก่เนี้ยครั้งนี้ฝืนอย่างมาก
“หากมีเรื่องกังวลใจ ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยขึ้น
ก่อนหน้านี้เยว่ตี๋เคยบอกว่าที่เขาเฉื่อยชาเพราะในช่วงไม่กี่วันนี้หลิวรุ่ยอิ่งเกียจคร้านและปล่อยตัวเองจริงๆ
แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกการกระทำและรอยยิ้มของเถ้าแก่เนี้ยผู้มองโลกในแง่ดีถึงดูฝืนขึ้นมา
“ข้าไม่มีเรื่องหนักใจหรอก แค่รู้สึกเครียดนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“เครียดเพราะข้า?”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“ก็ไม่เชิง”
เถ้าแก่เนี้ยตอบ
หลิวรุ่ยอิ่งส่ายหัวด้วยความจนปัญญา แล้วรินสุราให้ตัวเอง และเติมในจอกที่อยู่ตรงหน้าเถ้าแก่เนี้ยด้วย
“นี่แหละที่เรียกว่าการสนทนากัน!”
เถ้าแก่เนี้ยยกจอกสุราขึ้น ชนกับจอกของหลิวรุ่ยอิ่งเบาๆ แล้วก็เงยหน้าดื่มหมดในคราวเดียว
“พี่ชายข้าไปแล้ว”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“พี่ชายเจ้า?……”
หลิวรุ่ยอิ่งประหลาดใจ
ไม่ตอบสนองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“นายท่านจิน”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง
กลับทำให้หลิวรุ่ยอิ่งตกใจอย่างยิ่ง
‘ไปแล้ว’ สองคำนี้ ยังมีความหมายอื่น
“เขาไปได้อย่างไร……”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“เจ้าคิดไปถึงไหนกัน เขาแค่กลับบ้าน…”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“กลับบ้าน?”
หลิวรุ่ยอิ่งพลันรู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจเถ้าแก่เนี้ยเลยแม้แต่น้อย
หรือเขาเฉื่อยชาเกินไปจริงๆ…ข่าวสารเหล่านี้เขาอาจรู้อยู่แล้ว แต่พอเฉื่อยชา เขาก็ลืมมันสิ้น
“ทุกคนล้วนมีบ้านทั้งนั้น พี่ชายข้าและข้าก็ไม่ได้โผล่มาจากรอยแยกของหิน จะไม่มีบ้านได้อย่างไร”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“ไม่เคยออกจากที่นี่นานแล้ว เหตุใดครั้งนี้ถึงรีบเร่งขนาดนี้”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“ไม่รู้สิ…เขาคงมีแผนของเขาเอง”
เถ้าแก่เนี้ยส่ายหัวแล้วพูด
“กลับบ้านไม่ง่ายกระมัง…”
หลิวรุ่ยอิ่งพูด
เถ้าแก่เนี้ยไม่ได้พูดอะไรอีก แค่นิ่งเงียบและดื่มสุราอีกจอก
“กลับบ้านนั้นง่ายมาก แค่ยกขาก็เดินได้แล้ว แต่กฎของบ้านมากมายเกินไป ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจได้เลย”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
‘เด็กที่เชื่อฟังมักได้รับขนม’
นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้มาตั้งแต่ยังเด็ก
เชื่อฟังก็คือการปฏิบัติตามกฎ
แม้แต่หลิวรุ่ยอิ่งที่เติบโตในกรมสอบสวนตั้งแต่ยังเด็ก ตอนเป็นเด็กหากเขาทำตัวดีเป็นพิเศษก็จะได้รับรางวัลมากมาย
สำหรับคนเรียนหนังสือแล้ว การอ่านหนังสืออย่างขยันขันแข็งคือกฎที่ต้องปฏิบัติ
หากไม่อ่านหนังสืออย่างจริงจัง ก็ต้องทนทุกข์ทนจนตลอดชีวิต
ความยากจนคือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการไม่ปฏิบัติตามกฎ
สำหรับหลายคนแล้ว ความสำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามกฎ
แต่ว่ากฎเหล่านี้เป็นเรื่องสมเหตุสมผลหรือไม่ ควรปฏิบัติตามหรือไม่ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับบุคคล
เพราะกฎทุกข้อในโลกนี้ล้วนตั้งขึ้นโดยคน เรื่องที่คนส่วนใหญ่เห็นด้วยก็ย่อมกลายเป็นกฎ
อย่างไรก็ตาม หากมีขึ้นก็ต้องมีลง หากได้มาก็ต้องสูญเสีย
หากคนคนหนึ่งละเมิดกฎในด้านหนึ่ง ก็จำเป็นต้องชดเชยในด้านอื่น
นั่นก็เป็นราคาที่ต้องจ่าย
“ที่รัฐหงเป็นอย่างไรบ้าง”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยปากถาม
“ทำไมหรือ ชอบขึ้นมาแล้วหรือ”
เถ้าแก่เนี้ยถามขณะริมฝีปากประกบจอกสุรา
“แค่ถามดูเท่านั้น…ไม่ถึงกับชอบหรือไม่ชอบ”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าวพลางโบกมือ
“บุรุษชอบที่ไหนสักแห่ง มักเป็นเพราะมีคนที่เจ้าชอบอยู่ที่นั่น”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“รัฐหง ข้ามาก็เพราะเหมืองเท่านั้น ที่นี่ไม่มีคนที่ข้าชอบ”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงอยากรู้จักรัฐหงขึ้นมากะทันหัน เจ้าอยู่ที่นี่มาตั้งนาน แต่ไม่เห็นเคยถามสักครั้ง”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“แค่อยากรู้เท่านั้นเอง ไม่มีเหตุผลอะไร”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
จากนั้นก็เตรียมจะดื่มสุรา
แต่เถ้าแก่เนี้ยพุ่งเข้ามาหยิบจอกสุราในมือเขาอย่างรวดเร็วพร้อมพูดว่า
“ข้าเลี้ยงเจ้า แต่เจ้าไม่ยอมพูดความจริง ไม่เพียงคุยต่อไม่ได้ ข้าว่าสุรานี้เจ้าก็อย่าดื่มเลยดีกว่า”
เถ้าแก่เนี้ยพูด
หลิวรุ่ยอิ่งเพิ่งจะดื่มสุราจอกนี้ไปครึ่งหนึ่ง
เถ้าแก่เนี้ยกระชากจอกไปเช่นนี้ ทำให้เขาสำลักและเริ่มไอขึ้นมา
“ข้าพูดไม่จริงตรงไหน”
หลิวรุ่ยอิ่งไอเสียงแหบพร่า เช็ดสุราตรงขอบปากแล้วพูด
“รัฐหงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เถ้าแก่เนี้ยถาม
น้ำเสียงเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกหนักใจ ทั้งๆ ที่มีอะไรอยากพูด แต่รู้สึกเหมือนติดอยู่ในลำคอ
“รัฐหงไม่มีอะไรเกิดขึ้น…”
หลิวรุ่ยอิ่งหลบหลีกจากสายตาที่แข็งกร้าวของเถ้าแก่เนี้ย
“ข้ารู้ตัวตนของเจ้า แต่สำหรับข้าแล้วไม่มีความหมายอะไร ดังนั้นหากเจ้าอยากถามข้า เจ้าก็ต้องแสดงความจริงใจเสียบ้าง”
เถ้าแก่เนี้ยพูด
“ข้าเพียงได้ยินมาว่าเจิ้นเป่ยอ๋องสั่งให้รัฐหงมาตรวจสอบที่เหมืองแร่ ข้าถามเจ้าเรื่องรัฐหง เพราะข้าไม่รู้จักรัฐหงเลย”
หลิวรุ่ยอิ่งพูด
เถ้าแก่เนี้ยจ้องหลิวรุ่ยอิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าและวางจอกสุราลงบนโต๊ะข้างหน้าเขา
“รัฐหงน่ะ…ข้ารู้เรื่องราวมากมาย เจ้าอยากรู้เรื่องอะไรบ้าง”
เถ้าแก่เนี้ยถาม
“ทุกอย่าง”
หลิวรุ่ยอิ่งตอบ
“ฮ่าๆ…เจ้านี่ไม่เบาทีเดียว! ถ้าเรื่องทั้งหมดล่ะก็ เกรงว่าพูดจนถึงเช้าก็ยังไม่หมด เจ้าคิดดูว่าอยากรู้เรื่องอะไรมากที่สุดแล้วกัน ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งจอกสุรา”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
หลิวรุ่ยอิ่งมองจอกสุราที่วางอยู่ตรงหน้า รินให้ตัวเองอย่างไม่รีบร้อน
เขาเคยได้ยินเวลาหนึ่งถ้วยชาและหนึ่งก้านธูป
แต่ไม่รู้ว่าหนึ่งจอกสุรานี้ใช้เวลาเท่าไร
สำหรับคนที่ไม่ดื่มสุรา หรือไม่อยากดื่มสุรา จอกนี้เกรงว่าต้องใช้เวลาทั้งชีวิต
สำหรับคนที่ติดสุราเช่นเสี่ยวจีหลิง อาจจะแค่เพียงพริบตาเดียว
ขอบเขตนี้ค่อนข้างคลุมเครือ
อันที่จริงหลิวรุ่ยอิ่งมีแผนในใจอยู่แล้ว เขาแค่ต้องการยืดเวลาเท่านั้น
ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าการที่เขายืดเวลาจะลงเอยอย่างไร
“ข้าอยากรู้เรื่องนักดาบของรัฐหง”
หลิวรุ่ยอิ่งพูดขึ้น
เถ้าแก่เนี้ยหันมามอง พบว่าสุราจอกนั้นดื่มจนเกลี้ยงแล้ว
“นักดาบ? ข้าไม่ใช่หนึ่งในนั้นหรอกหรือ”
เถ้าแก่เนี้ยพูดพลางยิ้มอย่างมีเสน่ห์
และสะบัดแขนเสื้อของนางไปมา
ดาบซ่อนคม
หลิวรุ่ยอิ่งเคยเห็นมาแล้ว
อย่างน้อย ครั้งที่แล้วเขาและเยว่ตี๋ต่อสู้กับเถ้าแก่เนี้ย เถ้าแก่เนี้ยสามารถต่อสู้ได้โดยไม่เป็นรองด้วยซ้ำ
จำต้องกล่าวว่านางก็เป็นนักดาบยอดฝีมือ
“นอกจากเจ้าแล้วล่ะ”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“เช่นนั้นก็มีมากมาย…ที่บ้านของข้าทุกคนล้วนเป็นนักดาบ”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
หลิวรุ่ยอิ่งไม่พูดสิ่งใด เขากำลังรอให้เถ้าแก่เนี้ยพูดต่อ
แต่หากหลิวรุ่ยอิ่งไม่ถาม เถ้าแก่เนี้ยก็จะไม่พูด
“เจ้าควรจะรีบหน่อย เพราะข้าใกล้จะเมาแล้ว”
หลังจากที่เงียบกันไปครู่หนึ่ง เถ้าแก่เนี้ยก็เอ่ยปากพูดขึ้น
นางนับเวลาด้วยการดื่มสุรา
แต่เรื่องเมานั้นก็ซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจ
หากนางไม่ต้องการ หลิวรุ่ยอิ่งคิดว่าเถ้าแก่เนี้ยสามารถไม่เมาตลอดชีวิตได้
ขึ้นอยู่กับว่าคำถามของตนสามารถทำให้นางกระปรี้กระเปร่าได้หรือไม่
……………………………………………
……….