ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 415 อารมณ์ไม่จีรัง-3
บทที่ 415 อารมณ์ไม่จีรัง-3
……….
เหมืองแร่รัฐหง
ในโรงเตี๊ยมของเถ้าแก่เนี้ย
หลิวรุ่ยอิ่งและเยว่ตี๋กำลังอยู่ในห้อง
“ท่านมาหาข้าดึกดื่นมีอะไรหรือ”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
เขากำลังจะพักผ่อน แต่เยว่ตี๋ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งผ่านช่องประตูให้หลิวรุ่ยอิ่งไปหานางที่ห้อง
“ข้าไม่มี แต่รู้สึกว่าเจ้ามี”
เยว่ตี๋กล่าว
“ข้า? ข้ามีอะไรหรือ”
หลิวรุ่ยอิ่งถามด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองมีอะไรผิดปกติ
แต่จากที่คลุกคลีกันมาหลายวัน เขารู้ว่าเยว่ตี๋ไม่เคยพูดขึ้นมาลอยๆ และไม่เคยพูดให้ผู้คนตื่นตกใจ
ทุกคำที่นางพูดต้องมีเหตุผล
“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้าคิดอะไรอยู่บ้าง”
เยว่ตี๋ถาม
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาค่อนข้างสงบ
หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกเหมือนชีวิตของเขากลับไปเป็นเหมือนตอนยังทำงานอยู่กรมสอบสวน
นอนแต่หัวค่ำและตื่นเช้าทุกวัน ทานอาหารสามมื้อต่อวัน
ไม่มีการต่อสู้หรืองานที่เหน็ดเหนื่อย
“ข้าไม่ได้คิดอะไรเลย…”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
“ไม่คิดอะไร นั่นแหละน่ากลัวที่สุด”
เยว่ตี๋เอ่ย
“ตราบใดที่คนเรายังมีชีวิต ในหัวย่อมคิดอะไรบางอย่างเสมอ ไม่มีทางที่จะไม่คิดอะไรเลย หากไม่คิดอะไรเลย ถ้าไม่ตายก็เฉื่อยชาไปแล้ว”
เยว่ตี๋กล่าว
“บางทีข้าอาจจะเฉื่อยชาเล็กน้อยกระมัง…”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
จริงๆ เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเช่นนั้น
แต่หลังจากที่อยู่กับเยว่ตี๋มาหลายวัน เขารู้ว่านางไม่ใช่คนที่พูดโดยไร้เหตุผล คำพูดของนางก็ไม่เกินจริง และถือว่าเป็นจริงได้ด้วยซ้ำ
“ข้าได้รับการติดต่อจากจิ้นเผิง”
เยว่ตี๋กล่าว
“เขาพูดอะไรบ้าง”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหัวข้อหลักที่เยว่ตี๋เรียกเขามาหา
หลังจากสงบมานาน จู่ๆ พลันมีเรื่องเกิดขึ้น หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกเจ็บปวดในใจ
บางทีอาจจะเป็นความไม่ยอมรับ
แต่เขาไม่สามารถแยกแยะได้ว่าตัวเองไม่ยอมรับที่ชีวิตสงบสุขถูกทำลาย หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น…
“กรมสอบสวนกลางทราบสถานการณ์ที่นี่แล้ว”
เยว่ตี๋กล่าว
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“เรื่องนี้จิ้นเผิงไม่ได้บอก แต่หากพวกเขาทราบว่าข้าอยู่ที่นี่ พวกเขาน่าจะส่งคนมา”
เยว่ตี๋กล่าว
แต่หลิวรุ่ยอิ่งไม่คิดเช่นนั้น เขากลับคิดว่าหากกรมสอบสวนกลางรู้ว่าเยว่ตี๋อยู่ที่นี่ พวกเขาคงจะรู้สึกสบายใจมากกว่า
หากรู้สึกสบายใจ เหตุใดต้องยุ่งยากส่งคนมาจากเมืองหลวงหลายพันลี้อีก?
“พวกเขาไม่ได้มาเพื่อช่วยจัดการเรื่องเบี้ยหวัด…ที่พวกเขามา เกรงว่าเพียงเพื่อโน้มน้าวให้ข้ากลับไป”
เยว่ตี๋กล่าว
นางเห็นความสงสัยของหลิวรุ่ยอิ่ง
“ท่านอยากกลับไปหรือไม่”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
จริงๆ แล้วพวกเขาพูดคุยเรื่องนี้กันมาก่อนแล้ว
เยว่ตี๋เคยบอกว่า เมื่อเรื่องของเบี้ยหวัดจบลง นางจะกลับไปที่เมืองหลวงและกรมสอบสวนพร้อมกับหลิวรุ่ยอิ่ง
หลิวรุ่ยอิ่งถามเช่นนี้ เพียงเพื่อที่จะยืนยันอีกครั้งเท่านั้น
คนพวกเรามักจะรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองคาดหวัง
จนกว่าจะถึงจุดที่มันเกิดขึ้นจริง ล้วนไม่มีอะไรที่แน่นอน
วิธีเดียวที่จะรู้คือถามซ้ำไปเรื่อยๆ
และมีแค่การยืนยันซ้ำๆ ของอีกฝ่ายเท่านั้นจึงจะได้รับความมั่นใจบ้าง
“ไม่รู้”
เยว่ตี๋ตอบอย่างตรงไปตรงมา
แต่กลับทำให้หลิวรุ่ยอิ่งประหลาดใจ
“ท่านไม่ได้ตัดสินใจไว้แล้วหรือ”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“เจ้าก็พูดอยู่ว่าเป็นการตัดสินใจเมื่อก่อน สิ่งที่ข้าไม่รู้คือการตัดสินใจของตอนนี้”
เยว่ตี๋ยิ้มและตอบ
หลิวรุ่ยอิ่งจนปัญญาอย่างยิ่ง…
“เจ้าต้องรู้ว่าข้าเป็นสตรี”
เยว่ตี๋เปลี่ยนเรื่อง ชี้ตัวเองแล้วพูด
“สตรีล้วนไม่แน่นอน สิ่งที่พูดไว้ในชั่วขณะหนึ่ง อาจจะเปลี่ยนไปในชั่วขณะต่อไป”
เยว่ตี๋กล่าวต่อ
“ข้ายอมเชื่อว่านั่นคือการลืม ไม่ใช่การเปลี่ยนใจ อย่างน้อยการลืมก็ทำให้คนรู้สึกสบายใจมากขึ้น”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าวพลางยิ้มแห้ง
เขาเคยพูดคุยกับสตรีหลายคน
ตั้งแต่หลี่อวิ้น ไปจนถึงเจ้าหมิงหมิง เกาลัดคั่วน้ำตาล และปัจจุบันคือเยว่ตี๋ และเถ้าแก่เนี้ย
แต่ละคนต่างก็เปิดโลกใหม่ให้เขา
พาเขาไปสัมผัสโลกที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“ดังนั้นสตรีนั้น…อันตราย!”
หลิวรุ่ยอิ่งพูด
การพูดกลับไปกลับมายังไม่น่ากลัว
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเมื่อพวกนางหัวเราะและร้องไห้อย่างกะทันหัน
เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่า พวกนางกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้
แม้เจ้าจะพยายามเดาใจพวกนางแต่ก็ยังตามหลังเสมอ
หากพลาดไปเพียงนิด ทุกอย่างก็พลาดหมด
ตามไม่ทันเพียงนิด ก็ตามไม่ทันทั้งหมด
ความเข้าใจผิดมากมายก็เกิดขึ้นจากสิ่งนี้
เหมือนกับกระแสน้ำเชี่ยวพัดพังสะพานเล็กที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวออกไป
เมื่อไม่มีสะพาน น้ำในแม่น้ำก็เป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถข้ามได้
เสียงของน้ำไหลก็จะกลายเป็นบทเพลงแห่งความโศกเศร้าที่ทั้งสองฝ่ายต้องจากกัน
“นี่ก็เป็นคำพูดที่น่าสนใจ เจ้าคิดว่าข้าอันตรายหรือไม่”
เยว่ตี๋ถาม
ครั้งนี้นางเปลี่ยนจากความเคร่งขรึมเป็นน้ำเสียงแกมล้อเล่น
“พวกเราล้วนมาจากกรมสอบสวน…ท่านไม่ได้เป็นอันตรายต่อข้าอย่างแน่นอน”
หลิวรุ่ยอิ่งตอบ
“หมายความว่าสำหรับคนอื่นๆ แล้ว ข้าเป็นอันตรายหรือ”
เยว่ตี๋กล่าว
หลิวรุ่ยอิ่งนิ่งเงียบ
ไม่เพียงเพราะสตรีเป็นอันตราย แต่สิ่งที่สตรีพูดยังเป็นอันตรายอย่างยิ่งหากไม่ได้รับคำตอบที่ดี…
ฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ
“นอกจากนั้น จิ้นเผิงยังบอกมาเพิ่มเติม”
เยว่ตี๋พูดขึ้น กลับช่วยให้หลิวรุ่ยอิ่งหลุดพ้นจากสถานการณ์นั้น
“ยังมีเรื่องสำคัญอื่นอีกหรือ”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“เจ้ารู้จักรัฐหงแห่งอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องมากน้อยแค่ไหน”
“ข้าเพียงรู้ว่าตำแหน่งที่พวกเราอยู่ตอนนี้ก็คือเขตแดนรัฐหง”
หลิวรุ่ยอิ่งตอบ
นั่นหมายความว่า เขาไม่รู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับรัฐหงเลย
“รัฐหง เป็นรัฐที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋อง และยังเป็นรัฐที่เจิ้นเป่ยอ๋องให้ความสำคัญมากที่สุด ไม่เพียงเพราะรัฐหงมีแหล่งแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ แต่ความแข็งแกร่งทางทหารของรัฐหงก็ยังอยู่อันดับต้นๆ ในบรรดาอาณาจักรห้าอ๋อง”
เยว่ตี๋กล่าว
สิ่งที่หลิวรุ่ยอิ่งรู้จักดีที่สุดคือ รัฐติงในอาณาจักรติ้งซีอ๋อง
ดูจากการที่ติ้งซีอ๋องจัดงานเลี้ยงสุราในเมืองจี๋อิงหลังจากที่เฮ่อโหย่วเจี้ยนถูกประหารชีวิต จะเห็นถึงทัศนคติของห้าอ๋องที่มีต่อเหล่าผู้ควบคุมรัฐ
ผู้ควบคุมรัฐแต่ละรัฐถือว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด
ในพื้นที่ของตน พวกเขามีอำนาจเหนือกองทัพและการปกครองอยู่ในมือเดียว จะเรียกว่าเป็นจักรพรรดิท้องถิ่นก็ไม่เกินจริงแต่อย่างใด
ในอาณาจักรอ๋องอื่นๆ ท่านอ๋องมักให้ความสำคัญกับการรวบรวมอำนาจเป็นอย่างมาก
แต่สำหรับอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องนั้น กลับเป็นผู้ที่ไม่เป็นโล้เป็นพายที่สุดในหมู่ห้าอ๋อง…”
ว่ากันว่าเขาไม่ได้ไปเยือนรัฐอื่นๆ มานานถึงสิบสามปีเต็ม
“หรือรัฐหงจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ เกิดเรื่องใหญ่ในอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋อง และตอนนี้คนที่จัดการเรื่องราวในอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋อง เจ้าก็เคยพบเขาแล้ว”
เยว่ตี๋พูด
“ซุนเต๋ออวี่?”
หลิวรุ่ยอิ่งพูดโพล่งออกมา
เยว่ตี๋พยักหน้า
นางรู้สึกว่าหลิวรุ่ยอิ่งค่อนข้างเฉียบแหลม
บางครั้งดูทึ่มทื่อ อาจเพราะยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ
ซุนเต๋ออวี่เคยบอกหลิวรุ่ยอิ่งว่า เขาเป็นผู้ถวายงานของวังเจิ้นเป่ยอ๋อง
และเป็นคนเดียวที่หลิวรุ่ยอิ่งรู้จักในวังเจิ้นเป่ยอ๋อง
เยว่ตี๋ว่ามาเช่นนี้ หลิวรุ่ยอิ่งย่อมนึกถึงเขา
“ซุนเต๋ออวี่ได้ส่งคำสั่งไปยังผู้ควบคุมรัฐหงแล้ว ให้เขาเร่งรัดส่งคนมาที่เหมือง”
เยว่ตี๋กล่าว
“หรือว่าพวกเขาจะเฝ้าตอรอกระต่ายเหมือนกับพวกเรา? แต่หากรัฐหงเข้ามายุ่งเกี่ยวเช่นนี้ พวกเราสามารถถอนตัวได้หรือไม่”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“รัฐหงได้รับคำสั่งลับ แม้จะส่งคนมาก็จะไม่แทรกแซงอย่างเปิดเผย ช่างกวนซวี่เหยาอาจดูจะหละหลวม แต่ที่จริงแล้วรอบคอบเป็นที่สุด”
เยว่ตี๋กล่าว
“หมายความว่าต้องการให้พวกเรากรมสอบสวนต่อต้านในที่แจ้งแทนเขา ในขณะที่คนของรัฐหงเฝ้ารอโอกาสในที่ลับ เพื่อคอยจังหวะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทีหลัง”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
จากนั้นตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ
เขาไม่พอใจอยู่บ้าง
รสชาติของการถูกใช้ประโยชน์จะเป็นที่น่าพอใจได้อย่างไร?
และยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการใช้แผนที่ชัดเจนและเปิดเผย
แม้ว่าพวกเขาจะอยากขัดขืน…แต่ก็ยังไร้อำนาจ ทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น
“คาดว่าจะถึงเมื่อไรหรือ”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
“นับตามวันแล้ว คิดว่าก็คงเป็นภายในสองวันนี้”
เยว่ตี๋กล่าว
“แต่ท่านไม่รู้สึกว่าเรื่องมันผิดปกติบ้างหรือ”
จู่ๆ หลิวรุ่ยอิ่งก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้น
“มีอะไรหรือ”
เยว่ตี๋ถาม
“พวกเราอยู่ที่นี่มานานแล้ว…นานจนข่าวนี้ถูกส่งกลับไปยังกรมสอบสวนกลางแล้วย้อนกลับมา แต่จิ้งเหยาก็ยังไม่ปรากฏตัว… เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ เขาจะมาที่เหมืองแร่นี้จริงหรือ”
หลิวรุ่ยอิ่งถาม
เขาบอกว่าไม่ได้คิดอะไรเลยในช่วงหลายวันมานี้ แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาตั้งใจ
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องเหล่านี้ หลิวรุ่ยอิ่งก็จะตกอยู่ในการปฏิเสธตัวเองอย่างลึกซึ้ง
การปฏิเสธตัวเองนี้ ไม่เพียงเกิดจากการไม่สามารถจัดการเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังรวมถึงความรู้สึกผิดต่อเพื่อนร่วมกรมสอบสวนที่สละชีวิต
“ไม่รู้”
เยว่ตี๋ตอบ
นี่เป็นครั้งที่สองที่นางบอกว่าไม่รู้ในคืนนี้
ครั้งแรก นางไม่รู้ว่าตนจะกลับไปกรมสอบสวนกลางหรือไม่
ครั้งนี้ที่นางไม่รู้ เป็นเพราะไม่รู้ว่าจิ้งเหยาจะมาจริงหรือไม่
“หากเขาไม่มาล่ะ”
หลิวรุ่ยอิ่งถามด้วยความกระตือรือร้น
เยว่ตี๋ตอบ
นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว
หลิวรุ่ยอิ่งถอนหายใจ
เขารู้สึกหดหู่ใจ
“เช่นนั้น…ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
“เรื่องนี้ ข้าพูดจบแล้ว”
เยว่ตี๋กล่าว
คำพูดนี้มีนัยยะถึงการส่งแขก
“นอกจากนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ในรัฐหงส่วนใหญ่เป็นนักดาบ”
เยว่ตี๋กล่าว
หลิวรุ่ยอิ่งเดินไปที่ประตูแล้ว
เมื่อได้ยินคำนี้ เขาก็หยุดฝีเท้าและหันกลับมาพร้อมกล่าวว่ารู้แล้ว
รัฐหงมีนักดาบมากมาย
คำพูดนี้แหละที่สำคัญที่สุด
นักฆ่าที่ลึกลับนั้น อาจมีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับผู้คนในรัฐหง
แต่เขาไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับรัฐหงเลย
ตอนนี้ กระทั่งจะหาข้อมูลจากกรมสอบสวนก็คงสายเกินไปแล้ว…
อย่างไรก็ตาม การสนทนากับเยว่ตี๋เมื่อครู่นี้ ทำให้ความง่วงงุนเล็กน้อยก่อนหน้านี้ของหลิวรุ่ยอิ่งมลายหายไป
เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ยากที่จะกลับไปนอนหลับได้
แทนที่จะนอนไม่สบายใจบนเตียง ออกไปเดินเล่นยังดีกว่า
……………………………………………
……….