ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 412 รอคอยชื่นชมเพียงลำพัง-3
บทที่ 412 รอคอยชื่นชมเพียงลำพัง-3
……….
แม่นางน้อยตั้งใจจะลุกขึ้นไปเดินเล่นในเมือง แต่เมื่อออกจากสำนักปากสอบแล้ว นางก็ไม่สามารถแยกแยะทิศทางใดๆ ได้
สิ่งเดียวที่นำทางนางคือความหิว
ความหิวพานางเดินไปตามกลิ่นอาหาร
นางไม่ต้องมองหาทิศทางของร้านอาหาร เพราะมันตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางขวาข้างหน้า
ระยะทางไม่กี่สิบจั้ง เพียงแค่ย่างเท้าก็ถึงแล้ว
สุดท้ายแม่นางน้อยก็ยืนขึ้น
แม้ว่าความหิวทำให้ขาของนางอ่อนแรง
แต่หากนั่งต่อไป นางก็จะรู้สึกหนาวเย็น
ความหิวไม่เพียงทำให้นางรู้สึกไร้เรี่ยวแรง แต่ยังทำให้รู้สึกหนาวเย็นอีกด้วย
นางพยายามควบคุมตัวเอง ไม่เดินไปทางร้านอาหาร
แม้ว่ากลิ่นอาหารที่นั่นจะหอมหวนเป็นที่สุด
แต่นางก็ยังใจแข็งเดินไปอีกทิศ
“ที่นี่รับสมัครงานหรือไม่”
แม่นางน้อยเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างทาง ด้านหน้าวางป้ายแผ่นหนึ่ง
บนป้ายเขียนประกาศรับสมัครงาน
แต่เขียนตัวอักษรผิดมากมาย
“เจ้าจะมาทำงานหรือ”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างหลังป้าย
เขากำลังสูบยาเส้น
“ใช่ ค่าจ้างเท่าใด”
แม่นางน้อยถาม
ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมา
เขาสูบยาเส้นอยู่ และเพราะหัวเราะจึงทำให้ก้นยาเส้นหล่นลงมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอแม่นางน้อยมาขอทำงานและถามเรื่องค่าจ้าง
“ที่นี่ไม่มีงานที่เจ้าทำได้หรอก”
ชายวัยกลางคนบอก
และยังโบกมือให้นางรีบจากไปเร็วๆ
แม่นางน้อยยืนอยู่เช่นนี้จะบังไม่ให้คนอื่นเห็นป้ายของเขา
หากเขาพลาดคนที่สามารถทำงานได้จริงๆ มันก็คงไม่คุ้ม
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าทำไม่ได้”
แม่นางน้อยถามอย่างไม่พอใจ
“แล้วเจ้าทำอะไรได้บ้าง”
ชายวัยกลางคนถาม
เขาอาจจะรู้สึกเบื่อ คิดว่าการคุยกับแม่นางน้อยคนนี้อาจช่วยให้เขาหายเบื่อหน่ายได้
“ข้าดื่มสุราได้ และข้าก็ฆ่าคนได้”
แม่นางน้อยพูดอย่างไม่ลังเล
ชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งอยู่ตะลึงไปชั่วขณะ แล้วก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาหัวเราะดังกว่าที่เคย
จนกระทั่งกล้องยาสูบหล่นลงบนพื้น
ตอนแรกชายวัยกลางคนคิดว่าแม่นางน้อยคงหนีออกมาจากบ้าน เพื่อจะพิสูจน์ว่านางสามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้
แต่เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น เขาก็เริ่มคิดว่าแม่นางน้อยอาจไม่ค่อยปกติ…
แม่นางน้อยตัวแค่นี้จะดื่มสุราได้อย่างไร?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฆ่าคน…
ทว่าชายวัยกลางคนผู้นี้กลับมีเจตนาไม่ดี เขาชี้ทางให้แม่นางน้อย และบอกนางว่าหากเลี้ยวขวาตรงหัวมุมตรอกด้านหน้า ก็จะพบกับงานที่ต้องการ
หากนางสามารถดื่มสุราที่นั่นให้หมด และฆ่าคนที่นั่นจนหมด เขาจะจ่ายเงินค่าแรงให้นางสูงที่สุด
“เงินค่าแรงที่สูงที่สุด พอที่จะไปกินอาหารที่นั่นหรือไม่”
แม่นางน้อยถาม
“แน่นอนว่าพอ! กินสองมื้อยังได้!”
ชายวัยกลางคนตอบ
แม่นางน้อยฟังจบก็เดินจากไป
เมื่อนางไปถึงตรอกที่ชายวัยกลางคนบอก นางมองเข้าไปและพบว่ามันเป็นทางตัน
มีเพียงคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่งอยู่ข้างใน
ประตูทางเข้ามีโคมไฟสีแดงสว่าง
ประตูปิดทองปิดสนิทอยู่
แม่นางน้อยเดินไปเคาะประตู
ไม่นานนัก ข้างในก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“ทำไมวันนี้มีคนมาเร็วนัก…”
เสียงบ่นดังออกมาจากข้างในประตู
“เจ้าเป็นคนเคาะประตูหรือ”
คนที่เปิดประตูคือเสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่ง
หลังค่อม เอวงอ หน้าตาประจบประแจง
แต่เมื่อเห็นว่าที่ประตูเป็นเพียงแม่นางน้อย ท่าทางของเขาก็หมดกำลังใจไปครึ่งหนึ่ง
“ใช่ ข้าเอง”
แม่นางน้อยตอบ
“เจ้ามีธุระอะไร”
เสี่ยวเอ้อร์ถาม
“ที่นี่มีคนกี่คน มีสุราเท่าไร”
แม่นางน้อยเอ่ยถาม
“ที่นี่คนไม่มาก แต่เจ้ามาก็เป็นภาระเปล่าๆ ส่วนสุราของเรามีมากทีเดียว แต่ให้เจ้าดื่มก็คงไม่มีวันหมด!”
เสี่ยวเอ้อร์ตอบ
พูดจบก็เตรียมจะปิดประตู…
แต่เมื่อเขาหันกลับไป แม่นางน้อยก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
เขาคิดว่าฟ้ามืดแล้วจึงทำให้เขาตาลาย
แต่ตะกร้าไม้ไผ่ที่แม่นางน้อยหิ้วไว้กลับสะดุดตาอย่างยิ่ง
แม่นางน้อยเดินตรงเข้าไปข้างในอย่างไม่ลังเล
ยามนี้เอง หญิงสาวที่แต่งตัวตระการตาก็เดินออกมา
เมื่อเห็นแม่นางน้อยตรงหน้าก็ตกใจขึ้นมาทันที!
“เสี่ยวลิ่ว! เกิดอะไรขึ้น”
หญิงสาวถาม
ที่แท้สถานที่ที่ชายวัยกลางคนบอกแม่นางน้อยนั้น ไม่ใช่ที่ใดอื่น แต่เป็นหอเริงรมย์
นี่ไม่ใช่สถานที่ที่สตรีควรจะมา
ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม ล้วนไม่ควรมาที่นี่ทั้งสิ้น
“นางบอกว่าอยากดื่มสุรา!”
เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นพูดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเขากลัวจะถูกแม่เล้าตำหนิ
ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้แม่นางน้อยคนนี้ก็พูดถึงสุรา จึงถือโอกาสนี้ตามน้ำเสียเลย
“ดื่มสุรา?”
แม่เล้าพึมพำ
ในขณะเดียวกันก็เพ่งมองแม่นางน้อยน้อยอย่างละเอียด
“โลกนี้แปลกขึ้นทุกที…ยอดหญิงงามของที่นี่ออกมาโห่ร้องว่าอยากแต่งงาน! ส่วนเด็กสาวที่ควรจะได้แสดงความน่ารักน่าชังกับบิดามารดากลับอยากมานั่งดื่มสุราที่นี่!”
แม่เล้ากล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็นที่ที่เรื่องเงินมาก่อน
เปิดประตูต้อนรับแขกจากทุกทิศ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุหรือเพศ ตราบใดที่มีเงินก็ได้รับการเคารพอย่างเท่าเทียมกัน
“หากเป็นลูกค้าที่เจ้าพามา เจ้าก็ควรเอาใจใส่ดูแลเอง!”
แม่เล้ากล่าว
เสี่ยวลิ่วได้แต่ยิ้มขมขื่น…
คิดในใจว่าตนไปทำกรรมอะไรไว้ หรือจะเป็นเพราะเมื่อคืนตอนที่เขาไปเสพสุขแต่พลันพบว่าหญิงสาวผู้นั้นมีระดูเสียอย่างนั้น…
คนที่ทำอาชีพนี้ หลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้มากที่สุด
ตอนนี้ถูกแม่เล้าสั่งให้ทำเรื่องที่เสียแรงเปล่า ก็ย่อมบ่นอยู่พักใหญ่เป็นธรรมดา
“เจ้าอยากดื่มสุราอะไร”
“เจ้ามีสุราอะไรบ้าง”
แม่นางน้อยถามกลับ
“ที่นี่มีแต่สุราดีๆ ทั้งนั้น!”
เสี่ยวเอ้อร์บอก
แม่นางน้อยพยักหน้า
ปกติที่นี่จะไม่บริการจนกว่าจะเห็นเงินก่อน แต่ด้วยความที่เสี่ยวเอ้อร์รู้สึกอึดอัดใจเป็นทุนเดิม จึงไม่ได้รับเงินและยกสุรามาให้แม่นางน้อยหนึ่งกา
เขาแค่อยากให้นางจากไปโดยเร็ว
แต่เมื่อเพิ่งวางกาสุราลงบนโต๊ะ และจอกสุรายังไม่ได้วางลงดี แม่นางน้อยเอื้อมมือหยิบกาสุราขึ้นดื่มหมดในคราวเดียว
จากนั้นกะพริบตามองเสี่ยวเอ้อร์
“เจ้า…ดื่มหมดแล้ว?”
เสี่ยวเอ้อร์ถามอย่างตกใจ
แม่นางน้อยไม่ตอบ เพียงมองเขาเงียบๆ
“อยากได้อีกหรือไม่”
เสี่ยวเอ้อร์ถาม
แม่นางน้อยจึงพยักหน้า
เสี่ยวเอ้อร์วางสุราทั้งหมดสิบกว่ากาลงรวดเดียว เพื่อดูว่าแม่นางน้อยจะดื่มอย่างไรต่อ
คิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยจะเริ่มดื่มทีละกา
แต่เพียงเริ่มดื่มไปได้สามกา นางก็ฟุบตัวลงนอนบนโต๊ะ เหมือนกับว่าหลับไปแล้ว
ผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป นางจึงลุกขึ้นมาและเริ่มดื่มต่อ
“ที่นี่มีสุราเหลืออีกเยอะหรือไม่”
แม่นางน้อยถาม
“แน่นอน! เจ้าดื่มไม่หมดหรอก!”
เสี่ยวเอ้อร์ตอบ
“ดื่มไม่หมดจริงๆ…เช่นนั้นก็ช่างเถอะ…”
แม่นางน้อยกล่าว
จากนั้นลุกขึ้นยืน
เสี่ยวเอ้อร์คิดว่านางกำลังจะออกไป จึงรีบเข้ามาหวังจะเรียกเก็บค่าสุรา
แต่แม่นางน้อยกลับชักกระบี่ออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่…
เมื่อนางเดินออกจากหอเริงรมย์และกลับไปยังถนนเดิมก่อนหน้านี้ และเห็นชายวัยกลางคนยังคงนั่งอยู่ที่นั่น
แม่นางน้อยจึงลากเขาไปยังหอเริงรมย์โดยไม่พูดจา
“เจ้าจะทำอะไร”
ชายวัยกลางคนถาม
แม่นางน้อยไม่ตอบ
จนกระทั่งเมื่อเดินเข้าไปใกล้ จึงเปิดปากพูดเพียงสองคำ
“ค่าจ้าง”
ชายวัยกลางคนเห็นภาพตรงหน้าก็เข่าทรุดลงกับพื้นทันที
ในหอเริงรมย์ที่เคยคึกคัก ตอนนี้ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต
เลือดไหลผ่านร่องอิฐไปกองอยู่ตรงโคนต้นไม้ในสวน
“สุราข้าดื่มไม่หมด จ่ายครึ่งหนึ่งก็พอ ตามที่เจ้าพูดไว้ก่อนหน้า น่าจะพอทานอาหารที่เหลาสุราได้หนึ่งมื้อ”
แม่นางน้อยกล่าว
……………………
ความทรงจำหยุดลงตรงนี้ แม่นางน้อยก็ถูกดึงสติกลับมาเพราะเสียงท้องนางร้อง
เกาลัดคั่วน้ำตาลก็ได้ยินเสียงของแม่นางน้อย
“เจ้าตื่นแล้วหรือ”
เกาลัดคั่วน้ำตาลถาม
แม่นางน้อยค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
นางมองรอบตัวและตรงหน้าถึงเพิ่งตระหนักว่าตัวเองอยู่ในรถม้า
แต่นางยังคงเงียบ
หลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว นางก็ลงจากรถม้าและเดินไปข้างหน้า
จนกระทั่งเห็นจิ้งเหยาจึงหยุดเดิน
“เจ้าตื่นแล้วหรือ”
เจ้าหมิงหมิงถาม
“พวกเจ้าหยุดสู้กันได้แล้ว”
แม่นางน้อยกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน
“เจ้าจะไปกับพวกเขาหรือ”
เจ้าหมิงหมิงชี้ไปที่จิ้งเหยาและถาม
“ข้าไม่ไปกับพวกเขา”
แม่นางน้อยส่ายหัวและตอบ
เจ้าหมิงหมิงไม่เข้าใจสิ่งที่นางจะสื่อ
หากไม่ไป แล้วทำไมนางถึงเข้ามาขัดขวางการต่อสู้ล่ะ?
“แต่ข้าจะไปอย่างไร ไปกับใคร ไปที่ไหน นั่นเป็นเรื่องของข้า ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือ”
แม่นางน้อยพูดต่อ
เจ้าหมิงหมิงกลับรู้สึกโกรธขึ้นมา…
นางคิดในใจว่าตนเสียแรงถึงเพียงนี้เพื่อสิ่งใดกัน?
สุดท้ายได้รับกลับมาเพียงประโยคสั้นๆ นี้?
“แม่นางน้อยนี่เหตุใดถึงใจร้ายเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะคุณหนูของข้า เจ้าคงตายอยู่ริมถนนไปแล้ว!”
กลับเป็นเกาลัดคั่วน้ำตาลโพล่งปากออกมาก่อน
“แต่ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตา ไม่มีอะไรที่ควบคุมได้ เป็นตายล้วนเป็นเรื่องของข้า และไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้”
แม่นางน้อยมองไปยังเกาลัดคั่วน้ำตาลและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ก่อนหน้านี้ เจ้าหมิงหมิงถอดกระบี่สั้นออกจากร่างของนางและวางไว้ข้างๆ ตอนนี้มันกลับมาอยู่ในมือนางอีกครั้ง
และกระบี่สั้นนี้ก็ออกจากฝัก
คมกระบี่ส่องแสงฟ้าอ่อนๆ
ม่านเมฆบนท้องนภาค่อยๆ กระจายออก
และในที่สุดดวงจันทร์ก็ปรากฏออกมา…
ส่องสว่างใบหน้าของทุกคน และสาดแสงลงบนไหล่ของทุกคน
เมื่อไม่มีแสงจันทร์มักจะรู้สึกขาดอารมณ์บางอย่าง
ตอนนี้ดวงจันทร์โผล่ออกมาแล้ว ทุกคนกลับรู้สึกเหมือนถูกรบกวน
ลมราตรีที่พัดมาพร้อมกับการปรากฏของดวงจันทร์ พัดเส้นผมของแม่นางน้อยจนยุ่งเหยิง
แต่ไม่ว่าจะเป็นดาบกระบี่ แสงจันทร์ หรือลม ก็ไม่อาจทำให้ดวงตาของนางเหม่อลอยได้แม้แต่น้อย
………………………………………………