ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 361 ราวกับทุพพลภาพทางปัญญา
“ฮึ! เจ้าคิดว่าจะขัดขืนข้าได้หรือ” ซื่อไป๋ถูกยั่วยุจนโกรธ แม้แต่วิชาเวทก็ลืมที่จะใช้ เขาใช้ทั้งมือและขากักนางเข้าไว้ที่กำแพงด้านหลัง มือหนึ่งจับมือที่ดิ้นรนของนางเอาไว้ทั้งสองข้าง มือหนึ่งยกขวดที่เปิดเอาไว้เข้าใกล้นาง
“ท่านปล่อยข้า!” อวิ๋นเจี่ยวเอี้ยวตัวหลบ คิดจะดิ้นแต่พบว่าตนเองขยับไม่ได้
“เจ้ามนุษย์อย่าขยับ มิเช่นนั้นเกิดบาดแผลขึ้นมาอย่าโทษข้าใจร้าย”
“ท่านปล่อย…”
“ฮึ! เจ้าคิดว่าหนีพ้นหรือ เชื่อฟังข้า จะทำให้เจ้าไม่ต้องบาดเจ็บ”
“เลวทราม! คนอย่างท่านยังกล้าแทนตนเองว่าเทพแห่งการสร้างโลก! แน่จริงท่านตัวต่อตัวกับอาจารย์ปู่”
“เจ้าหุบปาก! เพียงแค่เจ้ากลายเป็นคนของข้า ข้าจะไปหาเขา…”
“อย่าแตะต้องตัวข้า!”
“ข้าจะแตะ เจ้ากัดข้าสิ!”
“เฮ้ย!”
“ตายใจเสียเถิด เจ้าหนีไม่พ้นหรอก เชื่อฟังข้าจะดีกว่า”
อวิ๋นเจี่ยว “…” รู้สึกบทสนทนาแปลกประหลาด
“ซื่อไป๋ เจ้าสัตว์เดรัจฉาน!”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธและความตกตะลึงดังขึ้น ก่อนที่พลังหยินสีแดงอันคุ้นเคยจะลอยมา กระทบเข้ากับตัวของคนที่กำลังกรอกยาอยู่ ทันใดนั้นร่างของเขาถูกกระแทกลอยออกไป
อวิ๋นเจี่ยวผ่อนคลายลง พลังที่ควบคุมตนเองนั้นหายไปแล้ว
“ศิษย์หลานตัวน้อย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” เห็นเพียงแต่อิ้งหลุนไม่ทะลุอาณาเขตของซื่อไป๋เข้ามา เขามองอวิ๋นเจี่ยวทีหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปมองซื่อไป๋ด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธและความเหลือเชื่อ พร้อมชี้นิ้วไปยังอีกฝ่าย “ซื่อไป๋…ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ เจ้า…เจ้า…คิดจะใช้กำลังกับศิษย์หลานตัวน้อย!”
หากเขาไม่ได้เห็นกับตา เขาคงไม่เชื่อสายตาตนเอง นางเป็นศิษย์หลานตัวน้อยของเยี่ยยวน หากเขามาช้ากว่านี้…
อิ้งหลุนตัวสั่น ไม่กล้าคิดต่อ
“อิ้งหลุนเจ้าบ้าไปแล้วหรือ! ลงมือกับข้าอีกแล้ว?” ซื่อไป๋ปีนออกมาจากทุ่งดอกไม้ นวดใบหน้าที่ถูกพลังหยินกระทบเข้า พร้อมกับถลึงตาไปยังอีกฝ่าย “เจ้าไม่แทรกแซงเรื่องของข้ากับเยี่ยยวนไม่ใช่หรือ ตอนนี้มาทำไมกัน”
“เหตุใด” อิ้งหลุนโกรธจนหน้าเบี้ยว เขารวมพลังหยินขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับจู่โจมเข้าไปยังอีกฝ่าย ทั้งเร็วทั้งแรง “ข้ากำลังหยุดยั้งการกระทำโง่เขลาของเจ้า เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์หลานตัวน้อยเป็นคนของใคร”
“เจ้าเสียสติ ทั้งบ้านเจ้าเสียสติ!” ซื่อไป๋พลางหลบพลางตอกกลับอย่างไม่เกรงใจ “นางเป็นคนของเยี่ยยวนแล้วอย่างไร เจ้ากลัวเขา ข้าไม่กลัว เรื่องของข้าเจ้าไม่ต้องยุ่ง!”
“ข้าก็ไม่อยากยุ่งกับเจ้า!” อิ้งหลุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่ก็ยังคงไม่อาจข่มความโกรธภายในใจลงได้ ทำได้เพียงส่งพลังหยินออกไประเบิดทุ่งดอกไม้เป็นหลุมเป็นบ่อไปทั่ว ทั้งอาณาเขตเต็มไปด้วยเสียงระเบิดดังกึกก้อง “เจ้านอนนานไปจนทำให้สมองเสียหรืออย่างไร ไม่ว่าเจ้าจะเกลียดเยี่ยยวนแค่ไหน ก็ไม่อาจใช้กำลังกับศิษย์หลานตัวน้อยได้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังเทียบไม่ได้!”
“ใช้กำลังแล้ว…เอ๊ะ? เดี๋ยว ใครใช้กำลังกับนางกัน!” ซื่อไป๋ผงะ ราวกับเพิ่งกระจ่าง คนทั้งคนระเบิดขึ้นมา เขารีบถอยหลังออกไปหลายสิบจั้ง เว้นระยะห่างเอาไว้ ก่อนจะพูดด้วยความโกรธเคือง “เจ้า…เจ้าอย่าพูดเหลวไหล! ข้าเป็นคนสกปรกเช่นนั้นหรือ” ถึงแม้ตอนแรกเขาจะมีความคิดล่อลวงอีกฝ่าย แต่ความคิดนี้ก็ถูกเปิดโปงไปแล้ว มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่ต้องกรอกหยาดน้ำลวงจิตให้นาง
“เจ้าไม่สกปรกอย่างไร ข้าเห็นหมดแล้ว!” อิ้งหลุนยิ่งโกรธมากขึ้น “เจ้ากับศิษย์หลานตัวน้อย…เจ้าสัตว์เดรัจฉาน ชั่วช้า ร้ายกาจ…” เขาก่นด่าออกมายาวเหยียด ใช้ความสามารถในการพูดอย่างไร้เทียมทาน คำศัพท์ที่ใช้ไม่มีซ้ำแต่อย่างใด
“เจ้าหุบปาก!” ซื่อไป๋โกรธจนตัวสั่น “หากเจ้ายังพูดอีก ข้า…ข้าจะโจมตีกลับจริงๆ แล้ว!”
“ฮึ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเยี่ยยวนหรือ ข้ากลัวเจ้าที่ไหน!” อิ้งหลุนไม่กลัวแต่อย่างใด พลางโจมตีพลางต่อว่าอีกฝ่าย “เจ้ากล้าทำไม่กล้ารับ! วันนี้หากไม่ใช่ข้ามาทันเวลา เจ้าคิดจะทำอะไรศิษย์หลานตัวน้อย เจ้ากล้าบอกว่าเจ้าไม่คิดจะแย่งคนของเยี่ยยวน ไม่คิดว่าผ่านไปนานเช่นนี้ เจ้าไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่หนังหน้ากลับหนาขึ้นเรื่อยๆ เรื่องแบบนี้ก็ทำลงไปได้ ยังบอกว่าตนเองเป็นตัวแทนแห่งความถูกต้อง ถุย! เจ้าเป็นตัวแทนแห่งความถูกต้องเช่นนี้หรือ?”
มองดูทั้งสองคนที่พลางจู่โจมพลางก่นด่ากันและกัน อวิ๋นเจี่ยวระอาอย่างมาก ทันใดนั้นมีความรู้สึกเหมือนผู้ปกครองกำลังสั่งสอนบุตรที่ดื้อซนอยู่อย่างนั้น
“ข้าแย่งเขาแล้วอย่างไร!” ซื่อไป๋ถูกอิ้งหลุนยั่วยุจนโมโหหน้าแดง เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่เชื่อ เขาจึงกัดฟันยอมรับ “ข้าไม่ชอบเขา คิดจะชนะเขาสักครั้ง! เขาผนึกข้าไว้ในเซินยวนนานเช่นนี้ ข้าจะคืนให้เขาสักครั้งไม่ได้หรือ? ข้าจะยั่วโมโหเขา! จะแย่งคนของเขา ให้เขาโกรธแต่ก็ไม่มีวิธี ทำได้เพียงมาขอร้องข้า!”
อิ้งหลุนสีหน้าเย็นชาลง เขาหยุดลงพร้อมเก็บพลังหยินในมือลงอย่างกะทันหัน ใช้น้ำเสียงที่เคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “ซื่อไป๋ ข้าพูดอีกครั้ง ไม่ว่าเจ้าจะจัดการเยี่ยยวนอย่างไร แต่ศิษย์หลานตัวน้อย เจ้าแตะต้องไม่ได้!”
“ฮึ เจ้าไม่ให้ข้าแตะ ข้าก็จะแตะ!” ซื่อไป๋เองก็หยุดลง เขายืนอยู่ตำแหน่งที่ห่างจากอีกฝ่ายหลายสิบฉื่อ ท่าทางราวกับถูกอีกฝ่ายยั่วโมโหอย่างเต็มที่ อย่างไรก็จะทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับอีกฝ่าย “ข้าไม่สน ข้าหาจุดอ่อนของเยี่ยยวนได้อย่างยากลำบาก ไม่ว่าอย่างไรครานี้ข้าต้องชนะเขาให้ได้ อิ้งหลุน หากเจ้ากล้าห้ามข้า อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้า!”
“เจ้าบ้า!” อิ้งหลุนโมโหอีกฝ่ายอย่างมาก เขากัดฟันมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางขุ่นเคือง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์หลานตัวน้อยสำคัญกับเยี่ยยวนอย่างไร”
“ก็แค่คนดินแดนอื่นที่พิเศษไม่ใช่หรือ” ซื่อไป๋ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย บนใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “ถึงนางจะเป็นคนของเยี่ยยวนแล้วอย่างไร ข้าไม่ได้เป็นปรปักษ์กับเขาครั้งแรก เขาจะทำอะไรข้าได้”
“ทำอะไรเจ้า?” อิ้งหลุนพูดเสียงต่ำ “ไม่ เจ้าควรจะถามว่าเขาจะทำอะไรกับดินแดนทั้งหก”
ซื่อไป๋ผงะ มองไปยังอิ้งหลุน ภายในดวงตาฉายแววตกตะลึง “เจ้าอย่าข่มขู่ข้า คิดว่าเช่นนี้ข้าจะกลัวเขาหรืออย่างไร” เขาถลึงตาใส่อิ้งหลุน แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายยังคงทำสีหน้าหนักใจ เขาราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ เบิกตาโพลงในทันที “เฮ้ย ไม่จริง เขาเอาจริงหรือ?!”
อิ้งหลุนหัวเราะเสียงเย็น “เขาเคยไม่เอาจริงหรือ?”
ซื่อไป๋ผงะไป ราวกับได้รับคำตอบที่ตกตะลึงบางอย่าง เขาหันไปมองอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะหันกลับมามองอิ้งหลุน สีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก “นาง… เยี่ยยวน…เขา…” ชอบคนดินแดนอื่นคนนี้จริงๆ ?
ครานี้อิ้งหลุนไม่ได้ตอบ เพียงแต่สายตาที่มองไปยังอีกฝ่ายราวกับมองคนที่ทุพพลภาพทางปัญญา