ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 812 ภาพกระบี่สังหารเซียน (2)
บทที่ 812 ภาพกระบี่สังหารเซียน (2)
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ข้าจะทำอาหารเพิ่มอีกสองสามจาน ท่านไป๋โปรดช่วยเตรียมส่วนผสมบางอย่างเพิ่มเติมสักหน่อยเถิด”
นอกจากนี้…
ในขณะนั้นเขาได้เปิดใช้งานเวจวายุวัจน์ที่ระดับสูงสุดยอดอย่างเต็มกำลัง และได้ยินเสียงพูดคุยที่ชัดเจนของหลิงเอ๋อร์และเทพธิดาอวิ๋นเซียวในสายลม
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วสับสนงงงวยก็คือ
พวกนางทั้งสองคนไม่ได้เอ่ยอะไรถึงเขาเลย แต่พวกนางกลับพูดคุยหารือกันถึงวิธีการฝึกบำเพ็ญแทน
แม้ว่าจะเป็นการสนทนากัน แต่แน่นอนว่า อวิ๋นเซียวก็คอยชี้แนะการฝึกบำเพ็ญให้กับหลิงเอ๋อร์…
และนั่นก็เป็นเหตุให้หลี่ฉางโซ่วยิ่งระมัดระวังมากขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วและไป๋เจ๋อต่างก็นำอาหารเลิศรสสองจานมาที่ริมสระ พวกเขาจัดจาน วางชามและตะเกียบลงบนโต๊ะ
และในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะพูด ไป๋เจ๋อก็ลุกขึ้นยืนและกล่าว
“เอาล่ะ มีความแตกต่างระหว่างเจ้านายกับบ่าวรับใช้
ข้าเป็นเพียงสัตว์มงคลที่คอยลากเกวียน และเป็นพ่อครัวแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ดังนั้นข้าจะไปนอนข้างๆ”
กล่าวจบ ไป๋เจ๋อก็กำลังจะออกไปและอยู่ห่างๆ ทว่าก็มีมือที่เหี้ยมโหดกดลงมาจากด้านข้างและกดลงบนไหล่ของไป๋เจ๋อ
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “แม้วันนี้จะไม่มีใครอยู่ภายนอก แต่หากมีผู้อื่นผ่านมาเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็จะคิดว่าพวกเรา สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินกำลังกดขี่ข่มเหงสัตว์มงคล”
ไป๋เจ๋อกระตุกมุมปาก และเคราแพะของเขาก็สั่นไหว แล้วเขาก็กล่าวว่า “เทพวารี ท่านข่มเหงกันมากเกินไปแล้ว…”
“ท่านไป๋ เชิญนั่งด้วยกันเถิด”
ในขณะนั้น เสียงอ่อนโยนของอวิ๋นเซียวก็ดังขึ้น “ข้าอยากใช้การมาเยือนของข้าในวันนี้เพื่อเตือนท่านบางอย่างเช่นกัน”
ไป๋เจ๋อตัวสั่นสะท้านทันที และหัวใจเต๋าของเขาก็ตึงเครียดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะนั่งลงคุกเข่า เขายืดหลังตรง ยิ้ม หรี่ตา พลางก้มศีรษะลงแล้วกล่าว
“ขอเทพธิดาอวิ๋นเซียวโปรดให้คำชี้แนะแก่ข้าด้วยเถิด”
“ท่านไป๋กล่าวจริงจังไปแล้ว ท่านเป็นกุนซือผู้เก่งกาจการวางกลยุทธ์ในสมัยโบราณ แล้วข้าจะมาชี้แนะกะการท่านได้อย่างไร?”
อวิ๋นเซียวมองหลี่ฉางโซ่วด้วยสายตาอ่อนโยนเล็กน้อย และเมื่อเห็นหลี่ฉางโซ่วยิ้มและขยิบตาให้ นางก็มองไปที่ไป๋เจ๋อ
“ข้ารู้ว่าท่านไป๋ต้องมีแผนการของตัวเองในการเข้าร่วมกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
แต่ก็โปรดพึงระวังไว้ว่า เทพวารีนั้น ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเท่านั้น ทว่าทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าต่างก็ได้รับความช่วยเหลือจากเขาเช่นกัน”
“เทพธิดา โปรดวางใจเถิด” ไป๋เจ๋อก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า “ต่อจากนี้ไป ข้าจะพยายามช่วยเหลือเทพวารีอย่างเต็มกำลังโดยไม่คิดเป็นอื่นเลย!”
อวิ๋นเซียวพยักหน้าเบาๆ และขยิบตาให้หลี่ฉางโซ่วก่อนจะกล่าวกระซิบเบาๆ หลิงเอ๋อร์ต่อไป
ไป๋เจ๋อถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก มือซ้ายของเขาสั่นเทา และดูเหมือนว่า คอของเขาจะติดขัด เขาบิดตัวเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว
ครั้นเมื่อเขากำลังจะกล่าวออกไป สายลมก็พัดผ่าน ทว่าแผ่นหลังของเขากลับเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็อดจะแอบขมวดคิ้วไม่ได้…
เหตุใดพวกเขาถึงต้องเครียดมากด้วยรู้สึกถึงแรงกดดันมากมายเพียงนี้เมื่อเผชิญหน้ากับเทพธิดาอวิ๋นเซียว?
ด้วยเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่สองเครื่องหมายปรากฏขึ้น หลี่ฉางโซ่วจึงตัดหัวข้อระหว่างอวิ๋นเซียวและหลิงเอ๋อร์ออกไป และแสดงความรู้ที่เขาไม่เคยเผยออกมาก่อน
ตั้งแต่การจับคู่สีเสื้อผ้า คุยเรื่องทรงผมต่างๆ ตลอดไปจนถึงพูดคุยถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเต๋ากับตัวตน…
หลี่ฉางโซ่วเข้าควบคุมการสนทนาอย่างอ่อนโยนเพื่อให้หลิงเอ๋อร์และอวิ๋นเซียวไม่รู้สึกอึดอัดหรือถูกละเลยไป
น่าเสียดายที่หลี่ฉางโซ่วไม่อาจได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆ ได้เลยแม้จะมีการพูดเป็นนัยบางอย่างก็ตาม
จนกระทั่งถึงยามอาทิตย์อัสดงและตกถึงยามราตรี อวิ๋นเซียวก็นึกขึ้นได้ว่า นางไม่ควรอยู่นานมากเกินไป จึงกล่าวคำอำลาแล้วจะจากไป
เพียงทันทีที่หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืนและกำลังจะส่งอวิ๋นเซียวออกไปจากประตูภูเขา หลิงเอ๋อร์ก็กล่าวเตือนเขาจริงจัง
“ศิษย์พี่ แม้ท่านจะใช้ร่างจำแลงของท่านก็ตาม แต่ก็อย่าลืมส่งพี่สาวอวิ๋นเซียวกลับไปที่เกาะซานเซียนด้วยนะเจ้าคะ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและเห็นด้วย ในขณะนี้ เขาไม่ได้ใช้ร่างจำแลงของเขาและขี่เมฆเพื่อส่ง “คุณชายเซียว” ออกไปจากสำนักตู้เซียน
หลังจากบินออกจากสำนักตู้เซียนไปได้หลายพันลี้ อวิ๋นเซียวก็หยุด และหันกลับไปจ้องมองหลี่ฉางโซ่วที่อยู่ตรงหน้านาง
ดูราวกับว่า ในเวลานี้จะมีถ้อยคำนับพันถูกเขียนอยู่ในดวงตาของนาง
จากนั้นอวิ๋นเซียวก็กล่าวว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องส่งข้าออกไปจริงๆ หรอก ไม่เช่นนั้น ข้าก็จะเป็นห่วงเจ้าอีก”
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอและเอ่ยถามตรงๆ ว่า “แม้ว่าออกจะหยาบคายไร้มารยาทจริงๆ ที่ถามเช่นนี้ แต่ข้าก็ให้สงสัยใคร่รู้นักว่า เจ้ากับหลิงเอ๋อร์พูดคุยอะไรกัน?”
“เจ้าถามกับหลิงเอ๋อร์ในภายหลังได้ ข้าจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้อีก”
ในขณะนั้น สายตาจ้องมองของอวิ๋นเซียวก็ดูเหินห่างไปเล็กน้อย นางก้มศีรษะลงพลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวเบาๆ ว่า
“นับจากนี้ไป…หากเจ้าอยากให้ข้าทำอะไร ก็เพียงบอกมาตรงๆ อย่าทำให้ตัวเองต้องลำบากใจมากเกินไป
หากเจ้าไม่แม้แต่จะเชื่อใจข้า แล้วไยเจ้าและข้าถึงต้องมาเป็นสหายกันเช่นนี้?”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและถามว่า “เจ้าได้หยั่งรู้อะไรมาบ้างหรือไม่?”
“ไม่” อวิ๋นเซียวกล่าวพลางมองไปทางด้านข้าง
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “เทพธิดา เจ้าช่วยมองข้าตรงๆ ได้หรือไม่?”
บัดนั้น อวิ๋นเซียวจึงเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้านาง
ทั้งสองต่างมองหน้ากัน และทันใดนั้น ทั้งเมฆ จันทรา และดวงดาราก็เลือนหายไปในทันที
หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฉางโซ่วก็กำลังจะเอ่ยถามคำถามอีกครั้งในขณะที่อวิ๋นเซียวเริ่มกล่าวออกมาก่อนว่า “ข้าจะดูแลเหรียญทองแดงนั้นเป็นอย่างดี”
แน่นอนว่า นางหยั่งรู้ได้จริงๆ แต่นางก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก
“ได้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาตัวเองเป็นอันดับแรกก่อนเสมอ…”
………………………………………………………………..