ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 728 คณะทำงานมืออาชีพ (1)
บทที่ 728 คณะทำงานมืออาชีพ (1)
ที่กลางทะเลสาบ มีร่างเก้าร่างนั่งขัดสมาธิล้อมรอบความเศร้าน้อย
พวกเขาคือ สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู และหลี่ฉางโซ่ว
สำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน กวงเฉิงจื่อ ไท่อี่เจินเหริน และอวี้ติ่งเจินเหริน
สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย นักพรตเต๋าตั๋วเป่า เทพธิดาจินหลิง จ้าวกงหมิงและเทพธิดาอวิ๋นเซียว
ในขณะนี้ ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งเก้าคน ศิษย์หลักทั้งเก้าคนของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า ต่างมารวมตัวกันอยู่ในนรกขุมที่สิบแปดแห่งแดนยมโลก
พวกเขาอยู่ห่างไปไม่ถึงหนึ่งจั้ง จากร่างจำแลงความเศร้าน้อยซึ่งเป็นหนึ่งในร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดของโฮ่วถู่ เพื่อเพ่งจิตจดจ่อกับประสบการณ์และความรู้สึก…
เสียงของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เมื่อครู่นี้ ยังคงดังกึกก้องอยู่ในหูของพวกเขา
“หากพวกเจ้าต้องการต่อสู้กับพลังแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด พวกเจ้าก็ต้องสัมผัสกับประสบการณ์ว่า พลังนั้นคืออะไร”
“มันไม่ใช่พลังเวท หรือวิชาเวทใดๆ แต่เป็นการสะท้อนอารมณ์ของตนเอง
เราต้องต่อสู้กับอารมณ์แห่งความเศร้าและแต่ละคนก็ต้องฝึกฝนวิธีการต่อต้านพลังของอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้นให้เชี่ยวชาญผ่านการเผชิญหน้ากับความเศร้า
ตัวอย่างเช่น เมื่อเผชิญกับความเศร้าน้อย เราก็ควรพยายามคิดถึงสิ่งที่มีความสุขอย่างเต็มที่เพื่อให้หักล้างกับอารมณ์ด้านลบในใจของเรา
หากรู้สึกว่าทนไม่ได้อีกต่อไป ก็ถอยหนีไป ยิ่งอยู่ห่างจากความเศร้าน้อยมากเท่าใด ก็จะได้รับผลกระทบน้อยลงเท่านั้น…
ดังนั้น…
ก่อนภาพเหตุการณ์ที่ศิษย์ทั้งเก้าของจอมปราชญ์จะนั่งล้อมรอบเขาอยู่ได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ไท่อี่เจินเหรินก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ที่หางตาของเขามีน้ำตาเป็นประกาย เขารีบหันกลับและหนีไปไกลๆ ในขณะที่เขาทั้งร้องไห้ แล้วเขาก็หัวเราะเสียงดังลั่นในเวลาเดียวกัน
บัดนี้ เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์อีกต่อไป
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าศิษย์น้องไท่อี่จะเป็นผู้ที่มีอารมณ์อ่อนไหวเช่นนี้”
กวงเฉิงจื่อคลี่ยิ้มและนิ่งเงียบทันที เขารู้สึกกระดากอายเล็กน้อย
ส่วนอีกแปดคนที่เหลือนั้นยังสามารถอดทนต่อไปได้ และอวี้ติ่งเจินเหริน ซึ่งมาพร้อมกับไท่อี่เจินเหริน ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เลย ดูเหมือนว่า เขาจะเพียงนั่งทำสมาธิอยู่เงียบๆ ที่ด้านข้างสนามเท่านั้น
“เฮ้อ”
ในขณะนั้น ความเศร้าน้อยก็นอนอยู่บนพื้นและถอนหายใจออกมาเบาๆ น้ำตาของนางรินไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
นางพึมพำออกมาเบาๆ ว่า “ร่างจำแลงของข้าช่างน่าสมเพชยิ่งนัก มันช่างน่าสลดใจเหลือเกิน แต่ข้าก็ยังต้องถูกใช้เป็นหินลับมีด[1]และถูกผู้อื่นล้อมรอบ…
นี่อาจเป็นชะตากรรมของร่างจำแลงของเรา
การดำรงอยู่มีทั้งปลอมแปลงและส่วนขยายที่ไม่ควรดำรงอยู่
พวกเจ้าล้อมข้าเอาไว้และกำลังคิดว่าจะกำจัดข้าอย่างไร และเพราะความตื่นเต้นนี้และการถูกผู้อื่นคิดถึง ข้าจึงยังรู้สึกมีความสุขเล็กน้อยในใจ…
มันยิ่งน่าสมเพชมากขึ้นไปอีก…”
“เฮ้อ ข้าทำไม่ได้จริงๆ!”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้กับความเศร้าน้อยก่อนจะหันหลังกลับและบินไปในระยะไกล
“ข้าจัดการกับอีกเจ็ดอารมณ์ที่เหลือได้ แต่ข้าทนกับอารมณ์นี้ไม่ได้! นางน่าสงสารมากเกินไป!”
“เฮ้อ เพียงคนเดียวที่รู้สึกว่าข้าน่าสงสารก็จากไปแล้วเช่นกัน”
ความเศร้าน้อยเผยรอยยิ้มเศร้าๆ ออกมา แล้วแตะนิ้วลงบนทะเลสาบแห่งน้ำตา
“การดำรงอยู่ มีอันใดให้ดีใจกันหนักหนา?”
เทพธิดาจินหลิงลุกขึ้นยืนและหันหลังเดินจากไป เหลือทิ้งไว้แต่เพียงการถอนหายใจเมื่อนางเดินไปไกล
นางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาของนางพลางกล่าวว่า “ข้าก็เหมือนกับศิษย์พี่ใหญ่”
ตายเพิ่มขึ้นอีกสาม
ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วก็มองไปที่เทพธิดาอวิ๋นเซียวที่อยู่ข้างๆ เขาด้วยความกังวล เมื่อเขาเห็นว่าอักขระเต๋าของอวิ๋นเซียว และอารมณ์ต่างๆ ของนางมั่นคง หัวใจของเขาก็สงบลงและเขาก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นเล็กน้อย
ครึ่งวันต่อมา
คนที่เหลืออีกหกคนก็ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้ความเศร้าน้อย จากนั้นพวกเขาไปที่ริมทะเลสาบแห่งน้ำตาพร้อมกับเซียนสามคนที่จากไปก่อนหน้านี้ และจัดการประชุมพิเศษเรื่อง “ช่วยโฮ่วถู่” ครั้งที่หนึ่งของพวกเขา
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า “ศิษย์น้องชายหญิงทุกคน พวกเจ้ามีแนวคิดเกี่ยวกับพลังแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดที่ชัดเจนหรือไม่?”
เหล่าผู้เป็นเซียนต่างพยักหน้า
กวงเฉิงจื่อกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “เจ็ดอารมณ์หกปรารถนาของสิ่งมีชีวิตล้วนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเฉกเช่นเดียวกันกับพวกเจ้าและข้า
พวกเราได้ฝึกบำเพ็ญมานานหลายปีแล้ว แต่โดยปกติแล้ว พวกเราก็มักจะไม่เผยมันออกมา
ร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดของต้าเต๋อโฮ่วถู่นั้น หาได้เกิดจากอารมณ์ทั้งเจ็ดของนางเองไม่
แต่มันเป็นเจ็ดอารมณ์ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนได้ละทิ้งไปก่อนที่พวกเขาจะผ่านสังสารวัฏ พลังของมันนั้นไกลเกินกว่าจะเทียบได้กับพลังเวท
พวกเราต้องมีใจอดทนต่อร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด แล้วเมื่อนั้นพวกเราจึงจะสามารถเปลี่ยนอารมณ์ทั้งเจ็ดได้อย่างแท้จริง”
“ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวได้มีเหตุผล”
ไท่อี่เจินเหรินกอดอกและพยักหน้าเพื่อแสดงความเห็นด้วย
จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อกล่าวว่า “ทว่าเมื่อคิดดูดีๆ แล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้พูดอะไรเลย”
กวงเฉิงจื่อจ้องมองไปที่ไท่อี่เจินเหริน ซึ่งกลอกตาอย่างสงบ “เช่นนั้นก็บอกข้ามา”
กวงเฉิงจื่อหยิบตราประทับขนาดใหญ่ออกมาอย่างไม่ตั้งใจและถือมันอาไว้ในมือ พลางกล่าวอย่างสงบว่า “แล้วพวกเราควรทำอย่างไรดี?”
ไท่อี่เจินเหรินมีสีหน้าดูขึงขังและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าเพิ่งมีประสบการณ์ผ่านมันอีกครั้ง…
ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง! ข้าต้องอดทนและรัก!”
“อย่าล้อเล่นสิ” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์น้องชายหญิงทั้งหลาย พวกเจ้ายังจำเป็นต้องสัมผัสกับมันอีกสักพักหรือไม่?”
เหล่าเซียนต่างส่ายศีรษะ บัดนี้พวกเขารู้วิธีต้านทานพลังแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดแล้ว
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ฉางเกิงและข้าได้เคยเข้าสู่แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี แล้วต่อสู้กับความชั่วร้ายและความปรารถนามาแล้วครั้งหนึ่ง
แค่กๆ และภายใต้การปิดบังของข้า ฉางเกิงก็ติดต่อกับราชินีโฮ่วถู่ผ่านร่างจำแลงแห่งความปรารถนาได้สำเร็จ…”
“โอ้?”
ดวงตาของจ้าวกงหมิงเป็นประกาย เขามองไปที่หลี่ฉางโซ่ว และกล่าวยิ้มๆ ว่า “บังเอิญว่าน้องรองของข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย
ฉางเกิง เจ้าช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมให้ข้าฟังสักหน่อยได้หรือไม่?”
เทพธิดาอวิ๋นเซียวรีบกล่าวว่า “พี่ชาย อย่าทำเช่นนั้น พวกเรากำลังหารือเรื่องร้ายแรงกันอยู่”
“ไม่เป็นไรหรอก” หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มและตกลง จากนั้นเขาก็หยิบม้วนกระดาษออกมาและใช้พลังเซียนของเขา ส่งมอบมันให้กับเหล่าเซียนบุรุษ
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หยุดยิ้มและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ร่างจำแลงแห่งความปรารถนามีการเปลี่ยนแปลงนับพันครั้ง
สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญที่แตกต่างกัน นางสามารถเป็นได้ทั้งแข็งแกร่งมากหรืออ่อนแอมาก
นางไม่เหมือนความเศร้าน้อย ร่างจำแลงแห่งความปรารถนาจะเริ่มยั่วยุความปรารถนาในใจของเราก่อน
ความปรารถนานี้อาจเนื่องมาจากระดับฐานพลัง พลังอำนาจ และความปรารถนาที่จะได้รับความเคารพจากผู้อื่น และอื่นๆ
ตราบใดที่นางใช้ประโยชน์จากมัน หัวใจเต๋าก็จะเต็มไปด้วยความปรารถนาและบ้าคลั่ง
หลังจากที่ข้ารอดชีวิตจากการโจมตีของนางหลายครั้ง นางก็ยังเผยความสามารถที่ทรงพลังยิ่งความปรารถนาที่จะกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยตัวมันเอง และการแทรกแซงหัวใจเต๋าของเราโดยตรง
โชคดีที่เมื่อนางจัดการกับข้า นางก็ได้กลายร่างเปลี่ยนเป็นตัณหาราคะ ซึ่งบังเอิญว่า ข้ามีเครื่องมือเวทบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต๋าของข้าสงบลงได้…
พวกมันคือ ม้วนภาพวาดเหล่านี้
ทุกท่าน ขอให้พกพวกมันไปด้วย หากพวกท่านได้รับผลกระทบจากร่างจำแลงแห่งความปรารถนาในระหว่างการต่อสู้ พวกท่านก็สามารถนำพวกมันออกมาดูได้”
บัดนั้นเหล่าผู้เป็นเซียนบุรุษต่างก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ละคนล้วนเปิดม้วนภาพวาดออกทีละม้วน และศึกษามันอย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็ราวกับได้ยินเสียงเข็มหล่นกะทันหัน[2]ในทั่วทั้งจักรวาลทะเลสาบแห่งน้ำตาที่ขาวโพลนไปสุดลูกหูลูกตา…
………………………………………………………………..
[1] เป็นฐานรองให้ผู้อื่นแข็งแกร่งขึ้น ทำให้เข้มข้นมากขึ้น หรือทำให้แข็งแรงมากขึ้น
[2] เปรียบในทำนองความเงียบกริบ เงียบมากๆ อย่างกะทันหัน