ตอนที่ 713 เหมือนใครบางคน
“นอกจากนั้น ฉันได้ใช้คอนเนคชันของฉันในอดีตค้นหาข้อมูลของพี่สะใภ้ จากข้อมูลบอกไว้ว่าพี่สะใภ้รับเลี้ยงสัตว์ไว้เมื่อหลายปีก่อนแล้ว แต่หลังจากนั้นมาได้ออกไปต่างประเทศ…
เมื่อเชื่อมโยงทุกอย่างนี้แล้ว ฉันเลยแน่ใจว่าพี่สะใภ้เป็นคนก่อตั้งเดอะ แองเจิล เฮ้าส์ แต่เนื่องจากว่าต้องไปต่างประเทศ เลยฝากเดอะ แองเจิล เฮ้าส์ไว้ให้หลินซูหย่าดูแลชั่วคราว ด้วยนิสัยของหลินซูหย่า หลังจากเธอได้กลายเป็นบุคคลสาธารณะแล้วต้องเอาเดอะ แองเจิล เฮ้าส์มาเป็นเครื่องมือแน่ๆ ไม่มีทางยอมรับว่าเดอะ แองเจิล เฮ้าส์เป็นของพี่สะใภ้หรอกค่ะ” หลิงเย่ว์ยังคงวิเคราะห์ต่อ
“อย่าบอกว่าเธอเป็นกุนซือของตระกูลเผยนะ?” หลินเยียนมองไปทางหลิงเย่ว์ด้วยสายตาประหลาดใจ
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว หลิงเย่ว์ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “พี่สะใภ้ชมฉันมากเกินไปน่ะ ตระกูลเผยไม่ได้ง่ายเหมือนที่พี่สะใภ้เห็นนะคะ
จริงๆ แล้ว ตระกูลเผยซับซ้อนมาก คอนเนคชันก็กว้างขวางมาก ไม่ว่าพี่อวี้ หรือจะเป็นพ่อของพี่อวี้ ก็เป็นได้แค่สมาชิกคนหนึ่งในตระกูลเผยแค่นั้นเอง
แต่ละเส้นสายของตระกูลเผยมีแต่คนไม่ธรรมดา คนฉลาดก็มีเยอะมาก ฉันนั้นแทบจะไม่มีบทบาท อีกทั้งยังโง่เขลามากอีกด้วย”
หลินเยียนสับสนเล็กน้อย เมื่อกี้เธอว่าไงนะ? เธอโง่เขลางั้นเหรอ?
หลินเยียนได้ยินแล้วรู้สึกพูดไม่ออก เธอคือเอมี่ที่บงการทุกอย่างดั่งใจสั่งในวงการบันเทิง ณ ตอนนั้นเลยนะ!
ยังจะมาไม่มีบทบาทอะไรอีก?
“พี่สะใภ้อยากรู้เรื่องตระกูลเผยไหมคะ ถ้าพี่สะใภ้อยากรู้ ฉันก็พอจะเล่าให้ฟังได้” หลิงเย่ว์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและสีหน้าคาดหวัง เหมือนอยากจะช่วยหลินเยียนอย่างเต็มใจ
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว หลินเยียนเงียบไปพักหนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า “ฉันไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลเผยจริงๆ ”
“พี่สะใภ้คะ จริงๆ แล้วตระกูลเผยมีคนเยอะมาก แบ่งออกเป็นอำนาจในแต่ละวงการ เหมือนที่ฉันเคยบอกว่าพี่อวี้กับพ่อของเขาอยู่ในวงการเดียวกัน
ส่วนพ่อของพี่อวี้ก็มีพี่น้องอีกมากมาย ซึ่งก็แบ่งออกเป็นอำนาจต่างๆ ไปอีก จริงๆ แล้วฉันก็พูดยากเหมือนกัน เพราะค่อนข้างจะซับซ้อนเลยน่ะค่ะ…
เช่นคุณป้าคุณลุงของพี่อวี้ พวกเขาต่างมีลูกหลานที่มีอำนาจไม่น้อย โดยที่พวกเขาล้วนอยากจะเข้าสู่แก่นกลางตระกูลเผยกันหมด รวมถึงพี่อวี้ก็เช่นกัน…
แต่พี่อวี้เป็นคนเก่งมาก ดังนั้นมีหลายคนกีดกันพี่อวี้ หรือแม้กระทั่งอยากให้เขาตาย…”
หลินเยียนเอามือเท้าคางตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักหนึ่ง หลินเยียนถึงค่อยรู้เรื่องขึ้นมาหน่อย
ประมาณว่าคุณปู่ของเผยอวี้เฉิง มีลูกหลานเยอะมาก ภายในคนเหล่านี้รวมไปถึงเผยอวี้เฉิง พวกเขาต่างอยากเข้าไปในแก่นกลางของตระกูลเผย แต่ก็ไม่สำเร็จสักที
เพราะเผยอวี้เฉิงเป็นคนมีศักยภาพทำให้มีโอกาสที่จะเข้าสู่แก่นกลางได้ เมื่อเข้าสู่แก่นกลางแล้ว ฐานะจะถูกยกระดับขึ้นมาก ดังนั้นหลายคนไม่อยากให้เผยอวี้เฉิงเข้าสู่แก่นกลางของตระกูลเผย คิดหาทางทำร้ายเผยอวี้เฉิง หรือแม้กระทั่งอยากเล่นงานเขาจนตาย
และก็เพราะว่าคนเหล่านั้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเผยอวี้เฉิงและพ่อตัวเองห่างเหินไปเรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งคุณปู่ของเผยอวี้เฉิงเองก็เริ่มสงสัยเจตนาของเผยอวี้เฉิงว่าไม่บริสุทธิ์ ก็เลย ‘เนรเทศ’ เผยอวี้เฉิงมาที่เมืองตี้ตู
ในเวลาสั้นๆ นี้ หลินเยียนรู้สึกมหัศจรรย์มาก ก่อนหน้านั้นเธอไม่เคยคิดเลยว่าเครือข่ายความสัมพันธ์ในบ้านตระกูลเผยจะซับซ้อนถึงขั้นนี้!
ขณะนี้ หลินเยียนเริ่มรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเผยอวี้เฉิงก็น่าสงสารเหมือนกัน เพราะเป็นคนเก่งเกินไปทำให้โดนหาเรื่องเป็นว่าเล่น และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อห่างเหินไปเรื่อยๆ คุณปู่ไม่ไว้ใจ และแม้กระทั่งถูกบ้านตระกูลเผย ‘เนรเทศ’
“พี่สะใภ้คะ จริงๆ แล้ว…พี่เหมือนใครบางคนที่ฉันเคยเจอเลยล่ะ” จู่ๆ หลิงเย่ว์ก็พูดแทรกทำให้หลินเยียนหลุดจากภวังค์
ตอนที่ 714 รสนิยมพี่อวี้ดีจริงๆ
หลินเยียนได้ยินแล้วรู้สึกสงสัย “ใครเหรอ”
หลิงเย่ว์มองไปยังหลินเยียน เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า “แฮ่ก ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่ศัตรูคนหนึ่ง อ้อ พี่สะใภ้…”
“แฮ่ก เดี๋ยวก่อน เอางี้ดีกว่า พวกเราเปลี่ยนคำเรียกกันดีกว่านะ! เพราะความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่อวี้เธอยังไม่เปิดเผย” หลินเยียนอธิบาย
สำหรับจุดนี้ หลิงเย่ว์พอจะเข้าใจ “ความเป็นส่วนตัวของดาราต้องระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนที่ไม่จำเป็น”
หลิงเย่ว์คิดสักพักแล้วพูดขึ้นทันที “งั้นฉันเรียกพี่ว่าพี่เยียนก็แล้วกันนะคะ! พี่เยียน เรื่องการเลือกแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลในครั้งนี้ พี่มีแผนอะไรไหมคะ หลินซูหย่าตั้งใจปั่นคะแนนให้พี่เข้ารอบ บังคับให้พี่ร่วมงานเลี้ยงเพื่อการกุศล อยากให้พี่เห็นเธอแย่งของรักจากพี่ไปกับตาชัดๆ แย่งชิงสิ่งที่สมควรจะเป็นของพี่ตั้งแต่แรกไป!”
ในที่สุดหลิงเย่ว์ก็เปลี่ยนคำเรียกสักที หลินเยียนถึงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย เธอผายมือออกแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางเหมือนไม่ใช่เรื่องของฉัน “ฉันไม่ได้สนใจตำแหน่งแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลอะไรนี่สักหน่อย เอาเวลาไปรับงานอื่นดีกว่า หาเงินซื้อปลาแห้งให้สี่สี่กับวั่นวั่นดีกว่า!”
ที่เธอก่อตั้งเดอะ แองเจิล เฮ้าส์ก็เพื่อมอบบ้านให้สัตว์จรจัดพวกนั้นแค่นั้นเอง ไม่ได้ทำเพื่ออยากถูกยกย่องหรือตำแหน่งใดๆ
หลิงเย่ว์เหมือนคาดถึงคำตอบของหลินเยียนได้ เธอถอนหายใจด้วยความอึดอัดใจ
ใครจะไปคิดว่าหลินเยียนที่ไม่มีอะไรดี เห็นเงินดีกว่าสิ่งใด วันๆ คิดแต่อยากรวยล้นฟ้าในสายตาคนนอกนั้นจะแอบเอาเงินมหาศาลมาทำการกุศล
เห็นหลิงเย่ว์มองมาทางตัวเองด้วยสายตาอันเป็นประกาย หลินเยียนกระแอมขึ้นเบาๆ เพราะรู้สึกโดนมองจนอึดอัด “ทำไมเหรอ”
หลิงเย่ว์พูดขึ้นด้วยสีหน้ายกย่อง “แค่รู้สึกว่ารสนิยมพี่อวี้ดีจริงๆ เลย! ไม่น่าล่ะ พี่อวี้ถึงชอบพี่น่ะ!”
หลินเยียน “…”
เอ่อ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชมว่าเผยอวี้เฉิงรสนิยมดีนะ…
……
เพื่อการโปรโมทให้กับงานเลี้ยงเพื่อการกุศลที่จัดขึ้นปีละครั้งนั้น มูลนิธิเพื่อการกุศลภายในประเทศได้เชิญแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลแห่งชาติรุ่นที่แล้วอย่างกู้ซินหานและผู้เข้ารอบแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลที่ได้รับความนิยมสูงอย่างหลินซูหย่าไปถ่ายทำมิวสิควิดีโอและโปสเตอร์
หลินซูหย่าพาผู้จัดการเดินทางไปยังสตูดิโอเพื่อเตรียมการถ่ายทำตั้งแต่เช้า
ระหว่างเดินทาง ผู้จัดการพลิกดูเอกสารสำหรับตารางการถ่ายทำในวันนี้ และมั่นใจว่าคนที่จะได้ออกหน้ากล้องพร้อมกู้ซินหานมีแค่หลินซูหย่าคนเดียว ผู้จัดการมองไปทางหลินซูหย่าด้วยรอยยิ้ม
“ซูหย่า ที่มูลนิธิเพื่อการกุศลในวันนี้ มีแค่การถ่ายทำสำหรับเธอและกู้ซินหานสองคน ดูเหมือนว่าแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลคนใหม่จะเป็นเธอแล้วล่ะ”
การได้ออกหน้ากล้องพร้อมแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลรุ่นที่แล้วในเวลาสำคัญสำหรับการโหวตแบบนี้ ถือว่ามีความหมายแอบแฝงอะไรบางอย่างแน่นอน
หลินซูหย่ากวาดมองวิวนอกหน้าต่างรถ ใบหน้าสง่างามของเธอแต้มด้วยรอยยิ้มบางๆ
“แค่ถ่ายมิวสิควิดีโอกับโปสเตอร์เอง ยังโหวตกันไม่จบ ทุกอย่างยังไม่ลงตัวเลยค่ะ”
“จะไม่ลงตัวได้ไงล่ะ ตอนนี้คะแนนเธอแซงดาราคนอื่นมาไกลแล้ว หลับตายังเดินแซงหน้ามาอย่างสบายๆ ได้ ฉันคิดว่าฝ่ายจัดงานคงจะคิดว่าเธอเป็นแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลไปโดยปริยายแล้ว ไม่งั้นจะเชิญกู้ซินหานมาถ่ายคลิปโปรโมทกับเธอให้ลำบากทำไมล่ะ
ซูหย่า เธอน่ะถ่อมตัวเกินไป เธอไม่เห็นที่เขาคุยกันในเน็ตเหรอ ทุกคนคิดว่าแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลรุ่นนี้เป็นเธอก็เหมาะสมดีแล้ว” ผู้จัดการพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
