ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 73 2 สงครามธุรกิจและกลเม็ดหลังฉาก Part 8
- Home
- All Mangas
- ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 73 2 สงครามธุรกิจและกลเม็ดหลังฉาก Part 8
หลังจากนั้น ฉันกับคุณเลโอโนร่าก็ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้อีกซัก 2-3 แบบ ต่อด้วยการคิดแผนในการสร้างความเสียหายให้ฝั่งของโย้คได้แบบเห็นผลชัดๆ กัน
พวกเราตัดสินใจเลือกหน้าที่แต่ละอย่างตามแต่ละกรณีไป รวมทั้งคุยกันถึงเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยด้วย
“แต่ว่า สมแล้วจริงๆ ค่ะ คุณเลโอโนร่า ช่วยสนับสนุนหลายๆ จุดที่ฉันไม่ทันสังเกตได้เยอะเลย”
“ไม่หรอกๆ ซาราสะเองก็ใช้ได้เลยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าเพิ่งจะอายุแค่นี้เอง”
“งั้นเหรอคะ? แต่แบบนี้ คิดว่าน่าจะได้ผลนะคะ”
ถ้าเป็นในจุดๆ นี้ล่ะก็ พวกเราน่าจะชนะในศึกครั้งนี้ได้แล้วล่ะ
ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นถึงระดับที่ทำให้โย้คต้องล้มครืนเพราะความโลภของตัวเองเลยด้วย
ยอดเยี่ยมที่สุดไปเลย
“ตั้งตารอเลยเหรอ?”
“ค่ะ ใช่เลยค่ะ”
คุณเลโอโนร่ายิ้มมาให้ด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย ส่วนฉันก็ยิ้มตอบกลับด้วยรอยยิ้มน่ารัก
―――คุณฟิริโอเน่ที่เข้ามามีมุบมิบว่า ‘คล้ายกันจริงๆ เลยนะ สองคนนี้’ แต่ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยินเธอก็แล้วกัน
วันต่อมา หลังจากที่สุมหัววางแผน―――เออ ฉันหมายถึง หลังจากที่ประชุมเรื่องธุรกิจกันกับคุณเลโอโนร่าเสร็จเรียบร้อย
พอจบมื้อเช้าฝีมือคุณฟิริโอเน่ในตอนที่ออกจะสายหน่อย ฉันก็ออกจากเมืองเซาว์ท สแตรกมา
ทุกอย่างเป็นไปได้สวย ฉันออกวิ่งไปตามถนนด้วยก้าวย่างที่เบาหวิวเลยล่ะ
แต่ ก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ยังกับว่ามาเพื่อขัดอารมณ์ของฉันยังไงยังงั้นแหละ
ตรงที่ใกล้ๆ จะถึงหมู่บ้านอยู่แล้ว
มีผู้ชายประมาณ 10 คน จู่ๆ ก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง พากันมายืนขวางหน้าฉันเอาไว้
“ฮ- เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้!”
พอชายถืออาวุธคนนั้นตะโกนเรียกฉันแบบนั้น ฉันก็หยุดฝีเท้าตัวเองทันที
ทิ้งรอยครูดเป็นทางเอาไว้บนพื้นตามการวิ่งของฉันด้วย
พอเห็นฉันแล้ว ชายคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“อ- โอ๊ะๆ ฟิ่ว กำลังดีเลย”
ฉันว่าที่เขาชะงักไปนี่ คงเพราะฉันวิ่งมาเร็วกว่าความเร็วในการวิ่งปกติของม้าอีกล่ะมั้ง
…เอาเถอะ ที่จริงฉันจะวิ่งผ่านเลยไปเลยก็ได้ แต่ในเมื่อพวกคุณอุตส่าห์โผล่ออกมากันหมดเลยทั้งทีนี่นะ
ถ้าไม่หยุดแวะซักหน่อยล่ะก็น่าเสียดายแย่เลย ว่ามั้ย?
แถมคนก็มีไม่กี่คนด้วย… ฮุฮุฮุ
“นี่ ต้องการอะไรงั้นเหรอคะ?”
“ไม่ใช่ ‘อะไร’ ซักหน่อย นี่แกไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้รึไงฮะ? หา?”
“อะฮ่าฮ่า! ไม่คิดไม่ฝันเลยนะว่าจะเป็นแค่เด็กตัวแค่เนี้ย!”
“นี่มันงานหมูๆ เลยไม่ใช่รึไงฟะ!”
อยู่ๆ พวกเขาก็ดูห้าวกันขึ้นมาเลย คงเพราะเห็นว่าฉันตัวเล็กงั้นสินะ
ไม่สิ เรียกแค่ว่าเพราะพวกนี้เป็นโจรก็คงพอแล้วมั้ง
“เลือกมาปล้นนักเล่นแร่แปรธาตุแบบนี้นี่ ใจกล้าบ้าบิ่นกันน่าดูเลยนะคะ?”
“โห! ยัยรู้มากนี่มันอะไรฟะเนี่ย?”
“ก้าฮ่าฮ่าฮ่า! ถ้าไม่มีคนคุ้มครองแล้วเนี่ย แม้แต่ขุนนางก็ยังเป็นหมูในอวยเลยนะรู้มั้ยหนู?”
ฉันพยายามจะเตือนแล้วนะ แต่สิ่งที่ฉันทำได้ก็มีแต่คำพูดโง่ๆ ทั้งนั้นเลย
คำพูดที่มันไร้สมองนี่ มันทำเอาฉันเหนื่อยใจจนอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาไม่ได้เลย
“เฮ้อ… ฉันว่านี่คงจะเป็นมุมมองทั่วไปที่คนมองนักเล่นแร่แปรธาตุสินะ”
“หา? มัวแต่พูดอะไรของแกอยู่เนี่ยยัยเด็กน้อย”
“เฮ่ๆ รู้เอาไว้ซะด้วยนะ ว่าพูดบลัฟไปมันก็เปล่าประโยชน์น่ะ”
“ตามนั้นแหละ เฮ้ย! ส่งเงินที่แกมีทั้งหมดมาซะ! ถ้ายอมแต่โดยดี พวกข้าอาจจะใจดียอมไว้ชีวิตให้ก็ได้นะ ออ ข้าหมายถึงแค่ชีวิตอย่างเดียวล่ะนะ”
“ฮิฮิฮิ นี่ แกชอบกินเด็กตัวกะเปี๊ยกแบบนี้รึไงฟะ? เหอะๆ”
“ตัวกะเปี๊ยก? {ฟอร์ซ บุลเล็ต (กระสุนพลัง)}”
โจรคนนึงที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างชั่วร้ายถูกเป่าหงาย หลังล้มตึงลงไปกับพื้น
กลิ้งกระเด็นไปซักสิบเมตรได้ ก่อนที่จะหยุดนิ่งสนิท
“““…”””
พอเจอแบบนี้เข้าไป พวกโจรก็เงียบกันเป็นเป่าสากเลย
“นักเล่นแร่แปรธาตุน่ะใช้เวทมนตร์ได้ด้วย ไม่รู้กันหรือไงคะ?”
คำพูดที่ฉันบอกไปพร้อมกับรอยยิ้มดูเหมือนจะช่วยดึงสติให้พวกโจรกลับมาได้นะ พวกนั้นถึงได้ชูอาวุธในมือขึ้นมาพร้อมกันเลย
“ฮ- เฮ้ย! พวกแกทุกคน! จัดการพร้อมกันเลย! ถ้ากวนสมาธิมันซะ แค่นั้นมันก็ใช้เวทมนตร์ไม่ได้แล้ว!”
“ก็เป็นความคิดที่ดีเลยนะคะ ติดแค่ว่า ฉันใช้ดาบเป็นด้วยเท่านั้นเอง {ฟอร์ซ บุลเล็ต} แล้วก็ ต่อให้ขยับตัวแบบนี้ฉันก็ยังใช้เวทมนตร์ได้อยู่ดีนั่นแหละ เอาไปอีกลูก {ฟอร์ซ บุลเล็ต}”
หลังจากที่ฉันเป่าโจรร่วงไปอีก 2 คน ฉันก็ชักดาบของตัวเองออกมา
ก่อนอื่นเลยเนี่ย การเคลื่อนไหวของฉันน่ะเสริมแกร่งด้วยพลังเวทได้ ไม่เหมือนกับพวกโจรดาดดื่นพวกนี้หรอก
ถ้ามีใครมีสติสัมปชัญญะสมประกอบเหมือนคนปกติซักหน่อยล่ะก็ เห็นความเร็วที่ฉันวิ่งมาได้แบบนั้นแล้วเนี่ย ก็ไม่ควรจะคิดแม้แต่จะออกมาทำร้ายฉันแล้วนะ
เอาเถอะ ถ้าเขาฉลาด เขาก็คงไม่มาเป็นโจรหรอก
ฉันอ้อมไปข้างหลังพวกโจรที่โถมเข้ามาพร้อมกัน ก่อนจะฟันพวกนั้นลงไปอีกหลายคน จนตอนนี้ จำนวนโจรที่เหลือก็มีไม่ถึงครึ่งแล้ว
แล้วในที่สุด เจ้าโจรที่ตระหนกลนลานก็ร้องขึ้นมาจนได้
“ด- เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! เจรจา! มาเจรจากันก่อนเถอะ!”
ได้ยินแบบนั้น ฉันก็หยุดการเคลื่อนไหวของตัวเอง
“เจรจา?”
“เอ้อ! พวกข้าแค่ถูกขอมาเท่านั้นเอง! ช่วยมองข้ามไปทีเถอะนะ!”
กับคำพูดสุดแสนจะเห็นแก่ตัวของพวกโจรที่ร้องลั่นพลางถอยห่างออกจากฉัน ฉันตอบกลับไปด้วยการส่ายหัว
“นั่นมันไม่ใช่การเจรจาค่ะ เพราะฉันไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรเลย”
“ด- เดี๋ยวบอกเจ้าคนที่มาขอพวกข้าให้! พ่อค้า! เจ้านั่นเป็นพ่อค้าน่ะ!”
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอกค่ะ ที่คุณเอามาอ้างนั่นน่ะ ไม่ใช่ว่าถ้าพวกคุณจับพ่อค้าคนนั้นไปซะจะได้ประโยชน์มากกว่าหรือไงคะ”
ถ้าคิดจะจ้างคนน่าสงสัยมาทำงานล่ะก็ ยังไงก็ควรจะเตรียมมาตรการเผื่อเอาไว้ซักหน่อยนะ
พ่อค้าทั่วไปกับโจรงั้นเหรอ
ได้ยินคำกล่าวอ้างแบบนี้แล้วเนี่ย ไม่จำเป็นต้องคิดเลยล่ะว่าควรจะเชื่อฝ่ายไหนดี
อีกอย่าง ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ยังไงก็มีแค่คนเดียวอยู่แล้วที่จะหมายหัวของฉันน่ะ จริงมั้ย?
ฉัน แค่ไม่คิดว่าทางนั้นจะไม่พอใจถึงขั้นนี้เลยก็เท่านั้นเอง
“ง- งั้น! ข้ายกเงินทั้งหมดที่มีให้เลย! เพราะงั้น! ขอล่ะ! ปล่อยพวกข้าไปเถอะ! นะ?”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะ? ถ้าฉันฆ่าครบทุกคน ยังไงฉันก็ได้เงินที่ว่านั่นมาอยู่แล้วโดยปริยายไม่ใช่เหรอ?”
“““เอาจริงเหรอเนี่ย ยัยนี่!?”””
พวกโจรเบิกตาโพลง ร้องออกมาลั่นเพราะตกใจสุดขีด ซึ่งมันก็แหงอยู่แล้วล่ะ
แต่ การที่คิดว่าหลังจากไปเอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเองแล้วจะไม่มีผลอะไรกลับมาเนี่ย มันอ่อนหัดจะตายไป
อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้คิดจะปล่อยให้โจรพวกนี้รอดไปได้มาตั้งแต่แรกแล้วด้วย
“ขอโทษด้วยนะ [ถ้าเจอพวกโจรล่ะก็ จัดการพวกมันให้เหี้ยนไปเลย อย่าให้พลาด] นั่นคือคติในครอบครัวของฉันค่ะ ถ้าทำหลุดมือไปล่ะก็ มันจะไปเป็นปัญหากับคนอื่นได้”
ทุกครั้งที่พวกท่านกลับมาบ้านหลังจากเติมสินค้า ฉันก็จะได้ยินเรื่องเล่าคุยโวกันอย่าง ‘คราวนี้เราเด็ดไปได้กี่หัวเนี่ย?’
[กี่หัว] เหรอ? พวกเขาหมายถึงอะไรกันนะ? ตอนยังเด็ก ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ แต่สำหรับเหล่าพ่อค้าแม่ขายที่ต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างเมืองแล้ว พวกโจรข้างทางก็เป็นเหมือนพวกแมลงปรสิตนั่นแหละ
คุณพ่อของฉันเองยังเคยบอกเอาไว้เลยว่า ‘เหล่าผู้ค้าขายต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมา และเงินพวกนั้นก็เอาไปใช้เพื่อซื้อสินค้าอื่นต่ออีก พ่อจะไม่มียกโทษให้ใครหน้าไหนที่มันคิดจะมาลักเอาเงินนั้นไปแบบมักง่ายอย่างเด็ดขาด!’ พ่อค้าบางคนที่ฉันรู้จักที่เขาตอบโต้พวกโจรไม่ได้อย่างคุณพ่อของฉัน สุดท้ายพวกเขาก็ต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
หรือก็คือ การจัดการพวกโจรทิ้งไปซะ ก็ถือเป็นการช่วยเหลือคนอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน
ความยุติธรรมน่ะอยู่ฝั่งของฉันไงล่ะ
“เพราะอย่างนั้น―――ลาขาดล่ะนะ”
ฉันยิ้มส่งให้พวกเขา พร้อมกับโบกมือลา
TN: บ้านน้องซาราสะนี่สอนมาดีจริงๆ เลยนะเนี่ย 555
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r