ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 64 2 ตอนที่ 3 สินค้าใหม่และคู่แข่งทางการค้า Part 10
- Home
- All Mangas
- ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 64 2 ตอนที่ 3 สินค้าใหม่และคู่แข่งทางการค้า Part 10
“30% อาจจะเป็นเรื่องเกินจริงไปบ้าง แต่ 10% นี่ก็เหมือนจะยังสูงไปหน่อยนะคะ”
วันต่อมา ข้อมูลราคารับซื้อที่ได้ฟังมาจากคุณไอริสกับคุณอังเดรก็เป็นตามนี้เลย
พวกเขาไม่รู้ราคารับซื้อของฉัน หรือว่าแข่งราคาขึ้นไปหลังจากที่รู้กันแน่นะ?
แต่ว่า เพราะฉันรับซื้อในราคาที่สูงนิดหน่อย มันก็เลยอาจจะใกล้เคียงกับที่สูงกว่าราคาตลาด 30% ก็ได้
“อา ตกใจนิดหน่อยนะคะ ต่อให้ราคาสูงกว่า ฉันคิดว่าจะเหลื่อมกันแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง”
“แต่ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องยากนะคะสำหรับคนค้าขายทั่วๆ ไปที่จะรับซื้อได้ในราคาขนาดนี้น่ะ…”
ต่อให้จะขายในราคาเดียวกัน ก็ไม่แน่ด้วยว่ามันจะขายที่เซาว์ท สแตรกออกได้น่ะ
ราคานี้ก็คงขายดีในเมืองหลวงแหละ แต่ถ้ารวมเรื่องค่าขนส่งเข้าไปล่ะก็ ยังไงบัญชีก็ต้องติดตัวแดงแน่นอน
“ไม่เข้าใจจุดประสงค์เลยนะคะ มารับซื้อแบบนี้ ทั้งๆ ที่ขาดทุนน่ะ”
โลเรียจังเองก็… ไม่รู้เหมือนกัน
ฉันก็ส่ายหน้าตอบ
“ฉ- ฉันทำอะไรไม่ได้เหมือนกันนะคะ? อันนี้เป็นงานของเคทนี่นา เนอะ?”
พอคุณไอริสพูดขึ้นมาแบบนั้น คุณเคทก็เอามือขึ้นมาจับคาง พลางนิ่งคิดอยู่พักนึง
“…นั่นสินะคะ ข้อแรกก็คงเป็นเพราะพ่อค้าต้องการรวบรวมเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเป็นอย่างมาก แบบ เขาต้องรวบรวมเขี้ยวมาให้ได้ตามปริมาณที่ทำข้อสัญญาเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว แบบนั้นน่ะค่ะ”
“แทนที่จะต้องจ่ายค่าปรับ สู้เตรียมสินค้าเอาไว้ให้พร้อม ต่อให้จะต้องจ่ายในราคาที่สูงกว่าก็ตามจะเป็นการดีกว่าสินะคะ?”
“ค่ะ นอกจากนั้นก็คงเป็น… การควบคุมราคาตลาด หลายคนซื้อเอาไว้โดยคาดหวังว่าราคาจะสูงขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน แต่ราคากลับไม่สูงขึ้นตามที่คาดเพราะคลังสินค้าที่มาจากที่นี่”
“ซื้อกักตุนเอาไว้เองเพื่อจะหยุดกระแสสินค้างั้นเหรอคะ? แต่ตัวเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งนี่ ไม่น่าจะหมุนเวียนมากขนาดนั้นนี่นา…”
หลังจากที่เอาไปขายรอบแรกให้คุณเลโอโนร่า เขี้ยวทั้งหมดที่ถูกรับซื้อมา ถ้าไม่ได้เอาไปสร้างพวกหมวกเย็นฉ่ำหรืออะไรพวกนั้น ฉันก็เก็บเอาไว้ที่โกดังสินค้าเป็นคลังสำรองแล้วล่ะ
ถ้าเป็นวัตถุดิบล่ะก็ มันไม่มีถูกส่งออกไปนอกหมู่บ้านหรอก
มีวัตถุดิบบางส่วนที่ถูกนักเก็บสะสมเอาออกไปขายอยู่นะ แต่ปริมาณมันก็ไม่ได้มากอะไรขนาดนั้น
พอฉันพูดแบบนั้น คุณเคทก็ยักไหล่ให้
“หมวกเย็นฉ่ำเองก็ถูกนำไปขายที่เซาว์ท สแตรก แล้วก็หมู่บ้านใกล้เคียงด้วยใช่มั้ยคะ? ไม่ใช่ว่าของที่เหมือนกันอย่างคลังวัตถุดิบอย่างเขี้ยวพวกนั้นก็น่าจะขายไม่ออกเหรอ?”
“…นั่นเองก็ จริงนะคะ”
เขี้ยวน่ะถูกเอาไปใช้งานได้หลายอย่างเลย แต่ในช่วงเวลานี้ของปี สินค้าที่ดีที่สุดก็คือหมวกเย็นฉ่ำนี่แหละ
ถึงมันจะเอาไปใช้ในตู้เย็นตู้แช่ก็จริง แต่พวกมันก็เป็นสินค้าฟุ้มเฟือย ขนาดของตลาดที่ต้องการโดยรวมๆ ก็ถือว่าเล็กเลยล่ะ
“นอกจากนั้นแล้วนี่ก็คง… เป็นความไม่พอใจส่วนตัวล่ะมั้งคะ?”
“เอ๋!? ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรที่ทำให้คนอื่นขุ่นเคืองเลยนะคะ!?”
ตอนที่ฉันร้องออกมาเสียงหลงแบบนั้น โลเรียจังก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังยิ่งกว่าฉันซะอีก
“จริงด้วยค่ะ! ไม่มีทางจะมีใครไม่พอใจคุณซาราสะหรอกค่ะ!”
…ไม่สิ ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะใช้ชีวิตตามทำนองคลองธรรมขนาดที่จะพูดแบบนั้นออกมาได้อย่างหนักแน่นหรอกนะ
“โลเรียจัง ในชีวิตน่ะ ต่อให้เราไม่ได้ทำอะไรที่ทำให้คนอื่นเกลียดเลย ก็จะยังมีคนที่ไม่พอใจเราอยู่ดีนะ?”
“ไม่มีเหตุผลเลย!”
ฮึมๆ ฉันกระแอมแห้งๆ พลางปรบมือ 2 ข้างเข้าด้วยกัน คุณเคทเองก็เอามือลูบแก้มของตัวเอง แล้วก็พยักหน้าให้พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ก็นะ ชีวิตมันก็เต็มไปด้วยเรื่องไร้เหตุผลจริงๆ เพียงแต่ว่า ครั้งนี้ อีกฝ่ายไม่ได้มีความจำเป็นอะไรต้องมาทำคุณผู้จัดการเลยนี่คะ”
“―――ว่าอะไรนะคะ?”
“อย่าง คุณเกรสหรือคุณดาร์นาก็ได้”
“เอ๊ะ? คุณพ่อ งั้นเหรอคะ?”
โลเรียจังหยุดนิ่งกึก ก่อนจะเอียงคอให้กับคำพูดที่คาดไม่ถึงที่คุณเคทพูดออกมา
“พวกเขาทำเงินจากหมวกเย็นฉ่ำได้มากพอควรเลยใช่มั้ยล่ะ?”
“เอ๋!? คุณพ่อไม่ได้ทำเงินก้อนโตขนาดนั้นนี่คะ? แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณคุณซาราสะด้วย บ้านเราถึงหาเงินได้เยอะเลย แต่เราก็เอาไปใช้เสริมสินค้าในร้านนะคะ”
“โอ้! แบบนี้นี่เอง สินค้าที่ร้านขายของชำช่วงนี้ถึงได้พัฒนาขึ้นมามากถนัดตาเลย!”
“ค่ะ จนถึงตอนนี้ เราซื้อของมาไม่ได้หรอกค่ะถ้าเกิดไม่รู้เลยว่าจะขายออกได้หรือเปล่า ดูเหมือนว่าพอคนในหมู่บ้านมีเงินในกระเป๋าเยอะขึ้นมาบ้าง ลูกค้าก็เลยมีเยอะขึ้นตามไปด้วย”
โอ๊ะโอ ดูท่าทาง ผลลัพธ์จากการพยายามของพวกเราจะเริ่มผลิดอกออกผลแล้ว
“ปัญหาเดียวก็คือ มันไม่ได้สะดุดตาสินะ”
ถ้าไม่ระวังล่ะก็ จะไม่รู้ตัวเลยนะว่าทำกำไรหลุดออกมาเปิดเผยที่ไหน
คนที่อิจฉาจนหน้ามืดตามัวน่ะไม่ทันสังเกตเรื่องนั้นหรอก
“ส่วนทางคุณเกรสนี่… อาจจะทำเงินก้อนใหญ่ได้มั้ยนะ?”
เมื่อวันก่อน คุณเกรสที่ดูท่าทางจะทำธุรกิจไปได้ด้วยดี ก็มาสั่งซื้อฮาเวสเตอร์อย่างเป็นทางการแล้ว
แน่ใจได้เลยล่ะว่าเขาต้องเก็บเงินได้เยอะมากพอควรเลย…
“แต่ว่า คนอื่นก็แค่รู้ว่าหาเงินได้ด้วยอะไรใช่มั้ยล่ะคะ?”
“ตรงนั้นนั่นแหละค่ะ อย่างคุณดาร์นา เขาขายของอยู่ที่เซาว์ท สแตรก เพราะฉะนั้น ฉันคิดว่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายที่เมืองนั้นก็สามารถเข้าใจถึงเรื่องนี้ได้ในระดับนึง แต่ว่ากรณีของคุณเกรสเนี่ย น่าจะผ่านไปหลายหมู่บ้านเลย…”
นอกจากพวกเราแล้ว อาจจะยากซักหน่อยที่จะจินตนาการออกว่าเงินที่เขาทำได้จะมากขนาดไหน นอกเสียจากว่าคนคนนั้นจะมีความสามารถในการคำนวณที่เก่งระดับคุณเอริน ที่เป็นส่วนน้อยมากๆ ในหมู่บ้าน ยิ่งถ้าเขาเป็นคนนอกก็ยิ่งนึกออกยากเข้าไปอีก
แน่นอนว่า ถ้าเขาพยายามลงแรงอย่างเต็มที่ในการถามชาวบ้านในเรื่องนี้ มันก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่ถ้าทำแบบนั้น จะเด่นมากๆ เลย แล้วฉันก็คิดว่าถ้าเป็นแบบนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้นะที่เรื่องจะไม่ลอยมาถึงหูของฉันเลยน่ะ
“ถ้าอย่างนั้น ต่อให้แรงจูงใจของพ่อค้าคนนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม พวกเราจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไงดีเหรอคะ นายท่านผู้จัดการ?”
“อื~ม จะสู้ตรงๆ หรือจะถอยดีนะ…”
“จะปล่อยเอาไว้แบบนี้เลยเหรอ? แบบนี้หมวกเย็นฉ่ำจะไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
“อย่างที่ฉันบอกเมื่อวานนี้เลยค่ะ ในห้องเก็บของก็ยังมีสินค้าเก็บเอาไว้อยู่ แล้วฉันก็ไปเก็บเขี้ยวมาเองก็ได้เหมือนกัน”
“นายท่านผู้จัดการคะ ในเวลานั้น พวกเราจะช่วยคุณด้วยแน่นอนค่ะ!”
“แทนที่จะล่าเองแล้วเอาไปขายที่นั่น อยู่ช่วยคุณผู้จัดการแบบนี้จะล่าได้เยอะกว่าด้วย แบบนี้ก็ทำเงินได้เยอะกว่าอีกสินะ”
“ใช่ ช―――ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย! เพราะเราติดหนี้นายท่านผู้จัดการอยู่ต่างหาก! อีกอย่าง เจ้าพ่อค้าคนนั้นน่ะ… ฉันไม่สบอารมณ์เลยด้วย!”
“อะฮะฮะ… ขอบคุณนะคะ ถ้าถึงตอนนั้น ฉันจะแบ่งส่วนให้เป็นอย่างดีเลยค่ะ”
“นายท่านผู้จัดการ! ฉันไม่ได้เป็นนกสองหัวจริงๆ นะคะ! จริงๆ นะ!?”
“เข้าใจแล้วค่ะ เข้าใจแล้ว”
ฉันพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะดันตัวคุณไอริสที่พยายามยืนกรานอย่างสุดชีวิตพลางเดินปรี่เข้ามาหาฉันออกไปด้วย
คุณเคทแค่หยอกเล่นเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องตระหนกลนลานแบบนี้ก็ได้
“โล่งอกไปทีค่ะที่เข้าใจ อืม―――แล้วถ้าเลือกจะสู้ตรงๆ ล่ะคะ?”
“ก็มีอยู่หลายวิธีนะคะในการทำแบบนั้น… อย่างการเพิ่มราคารับซื้อของฉันให้มาเท่ากัน”
ฉันชูนิ้วขึ้นมา 1 นิ้ว พร้อมกับเสนอความคิดนึงที่ฉันคิดเอาไว้ให้ฟัง
ผลตอบรับก็คือ คุณไอริสกับคุณเคทพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนโลเรียจังก็เอียงคออย่างสงสัย
“การยกราคาขึ้นมาเท่ากันมันมีความหมายยังไงเหรอคะ คุณซาราสะ…?”
“ไม่หรอก ถ้ายกราคารับซื้อมาเท่ากันแล้วล่ะก็ อาจจะมีคนเอามาขายให้นายท่านผู้จัดการมากขึ้นก็ได้ โดยเฉพาะนักเก็บสะสมที่อยู่ในหมู่บ้านนี้มานานแล้วน่ะ”
“นักเล่นแร่แปรธาตุกับพ่อค้าน่ะมีระดับความน่าเชื่อถือต่างกันนะ ต้องขอบคุณคุณผู้จัดการด้วยที่ช่วยทำให้สามารถซื้อโพชั่นกันได้ในราคาถูก มีนักเก็บสะสมจำนวนไม่น้อยเลยนะคะที่ได้คุณผู้จัดการช่วยเอาไว้”
“นั่นสินะ มีคนหลายคนเลยล่ะค่ะที่แค่มองมาที่ร้านก็มีความสุขแล้ว”
พอได้ฟังแล้ว โลเรียจังก็พยักหน้า เพราะเธอเอง แค่พูดคุยกันกับพวกนักเก็บสะสมโดยตรงก็รู้สึกได้แล้วจริงๆ
“แต่ว่า ถ้าทำแบบนั้น คุณผู้จัดการเองก็ต้องขาดทุนด้วยสิคะ?”
“ไม่หรอกค่ะ ราคาขนาดนี้น่ะไม่เป็นไร… ถ้าตัดเรื่องค่าแรงออกไป กับการที่ฉันไม่ทำผิดพลาดเลย”
ถ้าทำล้มเหลวไปซักอันล่ะก็ กำไรของหมวกหลายสิบใบก็จะปลิวหายไปเลย
แล้วก็แน่นอน นี่เป็นการคำนวณโดยไม่ได้คิดถึงค่าแรงของฉันเองเลยด้วย เนอะ
“นั่นมัน… อะไรกันน่ะคะ? ทำงานไม่มีค่าแรง แถมต้องไม่พลาดเลยด้วย”
“คุณซาราสะ การเล่นแร่แปรธาตุนี่ จะไม่มีการผิดพลาดเลยงั้นเหรอคะ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก พลาดได้อยู่บ่อยๆ เลยล่ะ ถ้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุทั่วๆ ไป แล้วไม่ได้คิดราคาสินค้าเผื่อกรณีที่ทำพลาดไปอย่างน้อย 1 ครั้งในทุกๆ 2 ชิ้นล่ะก็ ไม่นานร้านต้องล้มละลายแน่นอน”
เพราะแบบนั้น ราคาของอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ถึงได้แพงมากน่ะ
ถ้าใครทำสำเร็จแบบ 100% ราคาขายก็จะลดลงมาได้นิดหน่อย
“ฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ของอย่างหมวกเย็นฉ่ำ ฉันไม่ทำพลาดหรอก… น่าจะนะ”
“น่าจะ สินะคะ…”
“ไม่เป็นไรหรอกนะ! จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยพลาดเลย! ถึงยังไงฉันก็เป็นลูกศิษย์ของนักเล่นแร่แปรธาตุระดับปรมาจารย์เลยนะ!”
การแปรธาตุระดับ 4 แบบนี้น่ะ ฉันไม่ยอมทำพลาดหรอกน่า!
หมวกเย็นฉ่ำน่ะ เป็นอาร์ติแฟกต์ระดับง่ายๆ เลยนะ
“โห นั่นน่ะ-… หืม? ลูกศิษย์ของนักเล่นแร่แปรธาตุระดับปรมาจารย์?”
ฉันพยักหน้าตอบคุณไอริส ที่ตอนนี้กำลังเอียงคอพร้อมกับสีหน้า ‘เอ๊ะเอ๋?’ อยู่
“ค่ะ แต่เอ๊ะ? ฉันไม่เคยบอกพวกคุณไอริสเลยงั้นเหรอคะ?”
“ไม่เคยเลยค่ะ! ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย! ป- เป็นลูกศิษย์ของใครงั้นเหรอคะ?”
จะว่าไปแล้ว รู้สึกว่าอาจารย์จะแวะมาที่นี่ก่อนที่พวกคุณไอริสจะมาที่บ้านของฉันซะอีกนี่นา
คุณไอริสถามฉันแบบร้อนรนนิดหน่อย ฉันก็เลยตอบชื่อของอาจารย์ของฉันไป
“โอฟิเลีย มิลลิสค่ะ รู้จักหรือเปล่า?”
“ไม่รู้จักก็แย่แล้วค่ะ! คนคนนั้นน่ะ… เห~ ฉันเริ่มจะเข้าใจเรื่องความแข็งแกร่ง ส่วนที่ขาดสามัญสำนึก กับเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังของนายท่านผู้จัดการแล้วสิ”
มาเรียกกันว่าขาดสามัญสำนึกนี่ หยาบคายจังเลยค่ะ
อาจารย์น่ะ ยังเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงของวิทยาลัยหลวงฝึกสอนนักเล่นแร่แปรธาตุเลยนะ?
“คือว่า ฉัน ไม่รู้จักเรื่องปรมาจารย์ หรือโอฟิเลีย มิลลิสคนนั้นเลย แต่ว่า… เขาดังขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
พอเห็นคุณไอริสถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ โลเรียจังก็มองตามดูด้วยสายตาแปลกๆ
“[ระดับปรมาจารย์] คือขั้นสุดของนักเล่นแร่แปรธาตุ นักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงสุดที่หาได้ยากมากในอาณาจักร ถ้าเธอสนใจเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุล่ะก็ รู้เอาไว้ก็ไม่เสียหายหรอกนะ”
“ค- คนแบบนั้นเป็นท่านอาจารย์ของคุณซาราสะเลยเหรอคะ… สุดยอดเลย!”
“อื้อ ก็ จะว่าสุดยอดก็สุดยอดนั่นแหละ แต่ว่า… ก็นะ?”
โลเรียจังตื่นเต้นขึ้นมาจนตาเป็นประกายเลย แต่ถ้าเธอได้เจออาจารย์เข้าจริงๆ ล่ะก็ เธอคงจะผิดหวังแน่เลย ก็อาจารย์ดูเด็กมากเลยนี่นา
ส่วนตัวฉันเลยนี่ ภาพของอาจารย์ก็ต่างจากที่ฉันจินตนาการเอาไว้ล่วงหน้าแบบคนละโลกเลย ขนาดที่ฉันไม่รู้เลยซักนิดเลยจนกระทั่งรุ่นพี่บอกฉันเรื่องนั้นน่ะ
ถ้าฉันไม่ได้สนิทกับพวกรุ่นพี่ ฉันอาจจะไม่รู้เรื่องนั้นเลยก็ได้นะ
“กับคนระดับโอฟิเลีย มิลลิสเลยเนี่ย… คุณผู้จัดการ เข้าไปเป็นลูกศิษย์ของคนระดับนั้นได้ยังไงกันน่ะคะ?”
“เอ๊ะ…? ฉันไม่รู้เรื่องชื่อเสียงของอาจารย์ในโลกเท่าไหร่ แต่ว่า… อาจารย์นี่ดังในหมู่นักเล่นแร่แปรธาตุน่าดูเลยสินะคะ?”
“บ้าน่า! นายท่านผู้จัดการ! จะบ้าเกินไปแล้วนะคะ!”
เอ๋!? อยู่ๆ ก็โดนคุณไอริสว่าใส่เฉยเลย!?
“ท่านโอฟิเลียน่ะ ไม่ใช่แค่ ‘ชื่อดังน่าดู’ หรืออะไรแบบนั้นหรอกนะคะ! คนคนนั้นน่ะ! คนคนนั้นน่ะนะ!!”
“จ้าๆ ไอริสเองก็ใจเย็นก่อนนะ ขอโทษนะคะคุณผู้จัดการ แต่ว่า ถึงการตอบโต้ของไอริสจะจริงจังเกินไปหน่อย แต่เทียบกับนักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว คนคนนั้นก็ ‘มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก’ เลยล่ะค่ะ”
“ยังงั้นเหรอคะ?”
“ยังงั้นเลยค่ะ”
ฉันก็ไปสมัครทำงานพิเศษตามปกติเฉยๆ เลยนะ แล้วระหว่างนั้น อาจารย์ก็เลยช่วยสอนฉันเหมือนเป็นลูกศิษย์ด้วย แต่ว่า…
ฉันแค่ โชคดีงั้นเหรอ?
ไม่สิ ก็จริงนะที่พวกรุ่นพี่น่ะอิจฉาฉันกันสุดๆ เลย
TN: เป็นลูกศิษย์มาตั้ง 5 ปี ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยเหรอ~ ซาราสะจา~ง 5555