ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 63 2 สินค้าใหม่และคู่แข่งทางการค้า Part 9
- Home
- All Mangas
- ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 63 2 สินค้าใหม่และคู่แข่งทางการค้า Part 9
อาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ที่ฉันอยากจะสร้าง ฉันก็ทำขึ้นมาเรียบร้อยหมดแล้ว
ฉันยังมีเก็บเอาไว้อยู่อีกหน่อย เพราะฉะนั้น เรื่องทำหมวกนี่ฉันก็ยังทำได้อยู่อีกซักพักนึงเลย แถมอีกอย่าง กำไรที่ฉันทำได้นี่มันก็น้อยมากด้วย
ต่อให้จะสร้างหมวกเย็นฉ่ำขึ้นมาไม่ได้ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรขนาดนั้นหรอก―――หมายถึงแค่กับฉันคนเดียวล่ะนะ
กลับกัน คุณเกรทส์กับคุณดาร์นาที่ซื้อหมวกเย็นฉ่ำต่อจากเราเนี่ยแหละที่จะเจอปัญหาเลย แล้วพวกชาวบ้านก็จะหาเงินจากการทำหมวกไม่ได้แล้วอีกต่างหาก
ฉันไม่คิดว่ามันจะส่งผลอะไรกับชีวิตความเป็นอยู่ของฉันหรอก เพราะมันเป็นรายได้ที่ไม่ใช่ส่วนเงินก้อนของฉันอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว… แต่เรื่องที่จะเสียแหล่งรายได้ที่เคยเป็นของฉันไปเนี่ยก็ไม่ได้ทำให้ฉันดีใจหรอก เรื่องที่ว่าระบบที่ฉันอุตส่าห์คิดขึ้นมาได้จะถูกทุบทิ้งไปเนี่ยก็ไม่ได้ทำให้ฉันดีใจเลยซักนิด
“เขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งสามารถประเมินโดยคนที่ไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุได้ แล้วก็เป็นวัตถุดิบที่เก็บรักษาง่ายด้วย…”
“ตอนนี้ ฉันเองก็ทำได้แล้วเหมือนกันค่ะ”
“อื้ม แต่ว่าโลเรียจังนี่ยอดไปเลยนะเนี่ย? หัวดีมากๆ เลยล่ะ”
“ขอบคุณนะคะ”
ระหว่างที่ฉันมองดูโลเรียจังที่ยิ้มแย้มอย่างดีใจ ในหัวก็คิดเรื่องต่างๆ ไปด้วย
มันเป็นวัตถุดิบที่การสังเกตโดยละเอียดก็สามารถประเมินค่าได้แล้ว เรื่องจะเพิ่มราคาขึ้นไปอีก 30% ก็เป็นไปอยู่
แต่ว่า เรื่องที่ว่าซื้อไปด้วยราคาขนาดนั้นแล้วจะยังทำกำไรได้มั้ยเนี่ยมันก็เป็นอีกเรื่องนึง
เทียบกับราคาตลาดที่เมืองหลวงแล้ว ราคารับซื้อของร้านเราก็ถูกกว่าจริงๆ แต่ก็เพราะพวกเรารับซื้อที่ ณ แหล่งเก็บรวบรวมวัตถุดิบเลยนั่นแหละ ถ้าต้องส่งไปที่เมืองหลวงด้วยล่ะก็ มันก็เป็นราคาขายที่หมิ่นเหม่อยู่นะว่าจะทำกำไรได้หรือเปล่า
ถ้าเพิ่มจากราคานี้ไปอีก 30% ล่ะก็… ถ้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเองที่สามารถจัดการแปรรูปวัตถุดิบให้เป็นผลิตภัณฑ์แล้วเพิ่มมูลค่าเข้าไป ก็อาจจะพอทำกำไรได้อยู่บ้างนะ
คงไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่าถ้าเป็นพ่อค้าหรอกเนอะ ถ้าเอาไปขายต่อให้นักเล่นแร่แปรธาตุตรงๆ ตามปกติล่ะก็ ยังไงๆ บัญชีก็ต้องติดตัวแดงแน่นอน
ยิ่งคิดถึงเรื่องที่ว่ามันมีแหล่งวัตถุดิบที่อื่นอยู่ด้วยอีก จะมองว่าเขาใช้วิธีการที่ดูเทาๆ อย่างการพยายามผูกขาดตลาดนี่ก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน
จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันนะ?
“…ก่อนอื่น ไปดูก่อนดีกว่าค่ะว่าราคาสูงกว่า 30% จริงๆ มั้ย? คุณไอริสคะ ฉันฝากเอาพวกเขี้ยวที่ผ่านการประเมินแล้วไปขายที่นั่นให้หน่อยได้หรือเปล่าคะ?”
“อ่า ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ นี่ใช่เรื่องของคุณอังเดรด้วยหรือเปล่าคะ?”
“อ้า ใช่แล้ว ฉันติดหนี้ซาราสะจังอยู่นะ เพราะงั้น คนแก่คนนี้ก็จะเอาของมาขายที่ร้านนี้นี่แหละ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าซาราสะจังจะคิดยังไง”
“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะคะ”
แบบนี้เอง ต่อให้จะมีที่ที่สามารถรับซื้อในราคาที่สูงกว่าได้ แต่เพราะแบบนี้ถึงได้ยังมีคนเอาของมาขายที่ร้านของเราอยู่สินะ
ว่าแล้วเชียว การรักษาความสัมพันธ์อันดีไว้กับผู้คนเพื่อทำธุรกิจเนี่ยมันสำคัญจริงๆ ด้วย
“แต่ว่า ถ้าเกิดพ่อค้าคนนั้นเขารับซื้อในราคาสูงกว่าจริงๆ ล่ะก็ เอาไปขายที่นั่นก็ได้นี่คะ? พวกคุณไอริสเองก็เหมือนกันนะคะ กรณีของฉันนี่ ถ้าจำเป็นจะไปเก็บมาเองก็ได้”
“ก็จริงนะ ซาราสะจา~งจะทำเองก็ทำได้นั่นแหละ เผลอๆ หนูไปเก็บเองคนเดียวก็อาจจะรวมมาได้เยอะกว่านักเก็บสะสมทั้งหมู่บ้านช่วยกันซะอีกก็ได้มั้ง”
“ก็ถ้าเกิดว่ามีใครไปช่วยฉันแบกออกมานะคะ”
มันไม่เกี่ยวหรอกว่าฉันจะใช้การเสริมแกร่งร่างกายได้มากขนาดไหน เพราะมันก็ยังมีขีดจำกัดที่ว่าฉันแบกของได้มากแค่ไหนอยู่ดี
โดยเฉพาะความคงทนของกระเป๋าหนังกับปัญหาสรีระร่างกายของฉันเองนี่แหละ
“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็เรียกพวกข้าได้เสมอเลยนะ แล้วนี่ ที่ว่าซาราสะจังไม่ได้ว่าอะไรเนี่ย ข้าไปบอกพวกลุงๆ เหมือนกันได้รึเปล่า?”
“เอ๊ะ แน่นอนค่ะ ถ้าคุณหาเงินได้เยอะๆ แล้วเอามาใช้จ่ายในหมู่บ้านล่ะก็ ฉันก็ไม่มีอะไรจะว่าหรอกค่ะ อันนี้หมายถึง มาใช้ที่ร้านของฉันด้วยนะคะ เนอะ?”
“โอ้! ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกนะ ขนาดพวกหน้าใหม่เองก็ยังมาก๊งกันที่โรงอาหารมันทุกวันเลยนะรู้มั้ย?”
“จะว่าไปแล้ว คุณพ่อเองก็บอกว่าช่วงนี้ ท่านซื้อเหล้าแพงๆ มาด้วยนะคะ พอคนที่พักในบ้านเช่าเพิ่มขึ้นมา ก็ดูเหมือนพวกขนมของทานเล่นก็เลยขายดีเหมือนกัน”
ช่วงนี้ ที่หมู่บ้านนี้กำลังเจอเข้ากับกระแสเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งฟีเวอร์แล้ว
ถ้าให้ขยายความล่ะก็ มันเก็บรวบรวมมาได้ง่ายจนน่าตกใจ แล้วราคาขายก็ยังสูงด้วยเทียบกับการลงแรงลงไป ก็เลยดูเหมือนจะมีนักเก็บสะสมมากขึ้น มากขึ้นเลยที่ใช้จ่ายเงินของพวกเขากันแบบเต็มที่
พอมีนักเก็บสะสมเยอะแบบนี้ เรียวกังของคุณดีรัลก็เต็มหมดแล้วเรียบร้อย โรงอาหารก็มีคนแน่นตลอดเลย
ผลก็คือ ดูเหมือนว่าบรรดานักเก็บสะสมที่จองโต๊ะอาหารไม่ได้จะมาตั้งวงดื่มฉลองกันที่บ้านเช่าแทน
ร้านของฉันเองก็ได้ผลของกระแสนี้เหมือนกันนะ น้ำยาลดการรับกลิ่นกับถุงมือยืดหยุ่นนี่ขายดีมากเลย แต่ตัวน้ำยานี่ขายไม่ได้ดีเท่าถุงมือหรอกนะ
เทียบกับถุงมือที่มันเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยเลยนี่ ก็คาดเอาไว้แล้วล่ะนะว่าสำหรับเรื่องกลิ่นเหม็นเนี่ย พวกเขาก็ใช้วิธีอดทนเอานั่นแหละ
มันใช้แล้วก็หมดไปได้ แถมราคาก็สูงด้วย
“แต่ ก็เป็นอย่างที่โลเรียจังว่าเลยนะเนี่ย การสร้างห้องครัวเอาไว้เนี่ยเป็นความคิดที่ถูกจริงๆ ด้วย ขอบใจนะ”
“ตอนนี้เข้าไปที่โรงอาหารไม่ได้เลยล่ะคะ คุณผู้จัดการ โลเรียจัง”
“นี่ก็ช่วยพวกเราเอาไว้ได้มากเหมือนกันจริงๆ ค่ะ ขอบคุณนะ โลเรีย”
“ไม่หรอกค่ะ! ฉันเองก็ชอบทำอาหารเหมือนกัน!”
พอได้คำชมจากพวกเรากันแบบนี้ โลเรียจังก็ส่ายหัวไปมาอย่างเขินๆ
“ก็ ตอนนี้ อาจจะแน่นไปซักหน่อยนะคะ สำหรับที่จะให้ผู้หญิงคนนึงเข้าไปได้”
“ว่าแล้วเชียว นี่คือสถานการณ์ในตอนนี้สินะคะ”
“อ่า การหาเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเนี่ยเป็นเรื่องง่ายๆ เพราะแบบนั้น ถึงได้มีพวกหน้าใหม่เข้ามาพอควรเลย แต่พวกนั้นก็เข้าไปกันโดยไม่ได้รวบรวมข้อมูลอะไรเอาไว้ก่อน แล้วก็กลายเป็นพวกโง่ที่เข้าไปนั่งตัวเหม็นอยู่ในโรงอาหารนั่นแหละค่ะ”
คุณไอริสขมวดคิ้ว ก่อนจะระบายเรื่องที่อัดอั้นออกมา
“อุหวา… แบบนั้นต่อให้โรงอาหารโล่งๆ ฉันก็ไม่อยากไปหรอกค่ะ”
“แน่นอนว่า ดีรัลก็ต้องเตะคนแบบนั้นออกไป ก่อนจะสาดน้ำทั้งถังใส่ใช่มั้ยล่ะคะ? จนกว่ากลิ่นนั่นจะหาย อย่าได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก! แบบนี้แหละ”
สมแล้วล่ะที่เป็นคุณดีรัล ไร้ปราณีเลย
นี่ยังเป็นฤดูร้อนอยู่ โดนแบบนั้นไปก็คงไม่เป็นหวัดหรอก แต่ว่า… นั่นก็ลูกค้าคนนึงไม่ใช่เหรอ?
“แต่ว่า ถึงจะเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว กลิ่นมันก็ยังติดอยู่ดี เพราะงั้นแหละ โรงอาหารตอนนี้มันก็…”
คุณไอริสพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับคุณอังเดร ที่ตอนนี้เขาเองก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เลย
“มีพวกนักเก็บสะสมตัวสกปรกอยู่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมดเลยล่ะนะ”
“ตามนั้นเลยค่ะ จุดนี้เลยค่ะที่ช่วยพวกฉันไว้ได้เยอะเลย พวกฉันอาบน้ำกันทุกวันเลยล่ะค่ะ”
“คือว่า ฉันเองก็ได้ใช้เหมือนกันนะคะ อีกอย่าง”
ถึงจะมีปัญหาตอนต้มน้ำอยู่ก็เถอะ แต่ให้พวกคุณไอริสมาอยู่ที่นี่ด้วยก็เลยคุ้มค่ากว่าล่ะนะ แล้วการที่พวกเธอดูดีอยู่แบบนี้ได้ก็ทำให้ฉันรู้สึกดีกว่าด้วย
อีกอย่าง ฉันก็ให้โลเรียจังแช่น้ำแทบทุกวันเลยด้วย เนื้อตัวเธอก็สะอาดเอี่ยมไปเลยเหมือนกัน
ถึงพวกเราจะยุ่งกับการจัดการกับการเล่นแร่แปรธาตุ แต่ถ้าเนื้อตัวสกปรกก็ดูแลร้านไม่ได้หรอก
“ถึงอย่างนั้น นั่นก็เป็นสภาพของโรงอาหารตอนนี้ไปแล้ว…”
ในฐานะคนๆ นึงที่เป็นต้นเหตุและมีส่วนผิดกับเรื่องนี้ด้วยส่วนนึงเหมือนกัน ฉันรู้สึกผิดกับคุณดีรัลอยู่เหมือนกันนะ
เรื่องทำเงินอาจจะไปได้สวยนะ แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็คือต้องทำงานกับของเหม็นๆ เนี่ยสิ…
“พวกเราจะขายน้ำยาดับกลิ่นตัวด้วยดีมั้ยนะ…?”
“ว้าว นายท่านผู้จัดการ นั่นเป็นของที่ดีเลยใช่หรือเปล่าคะ?”
“ใช่ค่ะ แต่ว่า ถึงตัวน้ำยาดับกลิ่นตัวจะราคาไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้นหรอกนะคะ แต่ว่าตัวภาชนะนี่มันก็แพงซักหน่อย…”
มันเป็นสเปรย์ที่ใช้ง่ายนะ เพราะงั้นมันก็จะแพงกว่าขวดโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ธรรมดาๆ อยู่พอสมควรเลยด้วย
แน่นอนว่าจะใช้จากในขวดโพชั่นปกติเลยก็ได้นั่นแหละ แต่การใช้งานมันจะไม่สะดวกสุดๆ ไปเลยล่ะ
“แสดงว่าก็ไม่ควรจะเอามาขายที่ร้านงั้นสินะ?”
“นั่นสินะคะ ฉันเองก็อยากได้เหมือนกัน ส่วนขวดก็ขายแยกต่างหากก็ดี”
แม้แต่นักเก็บสะสมเองก็เป็นผู้หญิงนะ
พวกคุณไอริสทั้ง 2 คนก็อดทนอยู่เหมือนกัน
ขวดโพชั่นทั่วๆ ไปต้องถูกนำกลับมาล้างอย่างเหมาะสม ถึงจะนำมาเติมใช้ใหม่ได้ แต่ว่ากรณีของน้ำยาดับกลิ่นตัวแล้ว มันไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดขนาดนั้นก็ได้ เพราะงั้นแบบนี้ก็อาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้นะ?
“อื~ม งั้นทำแบบนั้นเลยดีมั้ย? โลเรียจัง อาจจะใช้เวลาซักหน่อยนะ แต่แบบนี้ดีมั้ย?”
“ได้ค่ะ แบบนั้นดีเลย”
“ขอบใจนะ คิดว่าไงบ้างค่ะคุณอังเดร?”
พอฉันลองถามความเห็นว่าเหล่าคนมือเก๋าคิดยังไง เขาก็ยืนกอดอก ขมวดคิ้วคิดเลย
“นั่นสินะ ข้าว่าพวกข้าก็น่าจะซื้อนะ… ส่วนพวกหน้าใหม่นี่มันก็…”
“ยังงั้นเหรอคะ? พวกคุณมีปัญหาเรื่องกลิ่นตัวด้วยสินะ?”
“ถ้าจะบอกว่ามีปัญหามั้ยนี่ ก็ใช่นะ―――”
พูดโดยสรุปก็คือ ดูเหมือนจะมีนักเก็บสะสมหลายคนเหมือนกันที่คุ้นชินกับกลิ่นเหม็นแล้ว
ถ้าพวกเขาตัวเหม็นอยู่ตลอดล่ะก็ ต่อให้โดยรอบจะกลิ่นเหม็นด้วยเหมือนกันก็ไม่มีปัญหา
เหล่าคนเก่าคนแก่ที่อยู่มานานแล้วก็ไม่ลืมที่จะคิดถึงการเป็นอยู่ของชาวบ้านกันหรอกนะ แต่พวกนักเก็บสะสมที่วางแผนไว้ว่าอีกไม่นานก็จะออกจากที่นี่ไปอยู่แล้วเนี่ย ไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไรแบบนั้นเลย ที่ไหนที่พวกเขาปล่อยให้ตัวเหม็นได้พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องกลิ่นตัวกันเลยซักนิด
ต่อให้คนรอบตัวฉันจะมีปัญหาก็เถอะ แต่ถ้าฉันไม่ได้เจอปัญหา ฉันก็คงไม่ให้เงินช่วยหรอกนะ
“เอาเถอะ เจ้าพวกนั้นมันก็แบบนั้นแหละ บางคนถึงขนาดเสียนิ้วไปแล้วด้วยก็มี… ทำตัวเองแท้ๆ”
“เอ๊ะ? เป็นแบบนั้นเหรอคะ?”
“อ่า ตอนนี้ ข้าก็แนะนำเรื่องพื้นฐานให้เพื่อนๆ ไปแล้ว แต่มันก็ยังมีพวกที่มันเสียน้อยเสียยาก ดันไปขี้เหนียวในจุดที่ไม่ควรจะขี้เหนียวเนี่ยสิ ถ้าซื้อถุงมือของซาราสะจังไปซะก็ไม่ต้องกังวลแล้วแท้ๆ”
ดูเหมือนคนๆ นั้นจะทำพลาดตอนที่หักเขี้ยวค้างคาว จนนิ้วโดนแช่แข็ง สุดท้ายก็ต้องเสียนิ้วไปเลย
“อ๋า มาลองคิดดูแล้ว คนนั้นก็ด้วยสินะ”
“ก็สมควรแล้วล่ะ ไม่ยอมฟังกันเอง เจ้าพวกขี้หลีพวกนั้นน่ะ”
พวกคุณไอริสดูจะรุนแรงกันจังเลยนะ คุณอังเดรยังรู้สึกสงสารคนพวกนั้นเลย
ทั้ง 2 คนเองก็เป็นคนสวยเลยนะ บางทีพวกนั้นอาจจะเป็นพวกช่างตื๊อก็ได้มั้ง?
“พวกคุณทุกคนไม่ควรจะเป็นอะไรกันนะคะ แต่ถ้าเกิดมีเหตุสุดวิสัยที่นิ้วเกิดถูกแช่เข็งเข้าล่ะก็ ขอให้รีบมาที่ร้านของเราทันทีเลย เข้าใจนะคะ? ถ้านิ้วยังติดอยู่กับมือล่ะก็ สามารถรักษาได้ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันมากเลย”
โพชั่นที่ใช้รักษาภาวะชิ้นส่วนร่างกายขาดหายน่ะแพงสุดๆ เลย แต่ถ้าถูกแช่แข็งมาล่ะก็ แค่นั้นน่ะสามารถรักษาได้ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันมากเลย
ขอแค่มาถึงร้านของพวกเราโดยปลอดภัยก็พอ
อันที่จริง สิ่งที่ดีที่สุดก็คือซื้อโพชั่นรักษาเอาไว้ แต่กับพวกคนที่กับถุงมือยืดหยุ่นยังไม่ซื้อเลยเนี่ย เขาก็คงคิดว่ามันก็เป็นการเสียเงินไปแบบเปล่าประโยชน์อยู่ดี
“โอ้ แบบนั้นจะมาขอให้ช่วยหน่อยก็แล้วกัน ก็นะ หลังจากที่เจ้านั่นนิ้วด้วนไป แทบทุกคนก็เริ่มใส่ถุงมือยืดหยุ่นกันหมดเลย จะบอกว่าเจ้านั่นเป็นกรณีศึกษาก็ได้มั้ง”
“จะว่าไป ก็มีอยู่วันนึงนะคะที่ขายถุงมือได้เยอะๆ รวดเดียวเลย คงจะเป็นตอนนั้นล่ะมั้งคะ?”
“อาจจะใช่นะ เจ้าพวกนั้นรีบแห่กันไปซื้อเลยน่ะสิ”
คุณอังเดรพยักหน้าตอบเรื่องที่โลเรียจังทักขึ้นมา
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมถุงมือยืดหยุ่นที่เรามีเก็บเอาไว้ในโกดังจู่ๆ ก็ลดฮวบลงไปสินะ
ก็นะ การช่างน้ำหนักกันระหว่างความเสี่ยงกับการใช้จ่ายเนี่ย เป็นเรื่องที่บรรดานักเก็บสะสมต้องคิดกัน
ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็ตาม มันก็คงจะไม่สำคัญหรอก
“เอาเป็นว่า วันพรุ่งนี้จะลองสำรวจราคาขายดูนะคะ ขอฝากด้วยนะคะคุณไอริส”
“อ่า แค่เอาไปขายแล้วก็จำราคามาก็พอใช่มั้ยคะ?”
“โอ้ ถ้าแบบนั้น ให้ข้าไปด้วยอีกคนมั้ยล่ะ? มีเอาไว้เปรียบเทียบหลายๆ คนก็ดีนะ จริงมั้ย?”
“จะดีเหรอคะ? ถ้าแบบนั้นล่ะก็ ขอฝากด้วยนะคะ”
ฉันคืนของที่คุณอังเดรเอามาขายให้ก่อนหน้านี้ แล้วก็จดจำนวนเอาไว้
เอาล่ะ จะซื้อของพวกนี้ไปด้วยราคาเท่าไหร่กันนะ… ชักจะน่าสนใจขึ้นมานิดๆ แล้วสิ?
TN: นอกจากสงครามการค้าแล้ว ยังมีปัญหาอื่นอีก น่าปวดหัวจริงๆ เลย ให้ตายสิ