ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ - ตอนที่ 45 2 ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) Part 5
- Home
- All Mangas
- ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่
- ตอนที่ 45 2 ตายแล้วยังเหลือหนัง (& เนื้อ) Part 5
“ชั้นขอซื้อ 2 เตานะ!”
“เอ๋!? จริงเหรอคะ? จะดีเหรอคะ? ไม่ปรึกษากับเจ้าของร้านก่อนเหรอคะ”
ตัดสินใจทันทีเลย!?
ต่อให้ลดได้มากขนาดไหน เตาไฟ 2 เตาก็ยังราคา 270,000 แรร์เลยนะ
เงินขนาดนั้น พอๆ กับรายได้ครัวเรือนปีนึงของครอบครัวทั่วๆ ไปเลย
ขนาดนักเล่นแร่แปรธาตุอย่างฉันเอง ก็ยังลังเลนิดๆ เหมือนกัน
“ไม่ต้องคิดมากหรอก! เรียวกังควบโรงอาหารอย่างพวกเราน่ะ จำเป็นต้องใช้ไม้ฟืนจำนวนมากเลยนะ ไหนจะที่ต้องจ่ายเพื่อสำรองและเก็บรักษาไม้ฟืน ไหนจะเรื่องที่ต้องมาผ่าฟืนก่อนอีกเนี่ย ไม่ถูกหรอกนะ!”
จริงด้วยสิ ขนาดที่บ้านเด็กกำพร้า ปfริมาณไม้ฟืนที่พวกเราต้องใช้ในฤดูหนาวเนี่ยก็ยังเยอะเลย
เด็กที่โตๆ ก็จะเข้าไปเก็บมาจากในป่า แล้วก็ผ่าฟืนมาใช้… มันเป็นเรื่องยากมากเลยล่ะ
แถมยังต้องใช้พื้นที่เยอะเลยด้วย อย่างในบ้านเด็กกำพร้าเนี่ย พวกฟืนก็จะกองๆ อยู่ตามโถงทางเดินในอาคารนี่แหละ
คนที่ใช้วิธีซื้อฟืนมาใช้ทุกๆ ครั้งก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องกักตุนเอาไว้มากขนาดนั้น แต่บ้านเด็กกำพร้าน่ะไม่มีหนทางให้เลือกแบบนั้นหรอก
“ชั้นก็มีรายได้เพิ่มเติมด้วยนะ เจ้าพวกหมีเมื่อวันก่อนน่ะ คนที่จ่ายเงินซื้อขนไปก็คือซาราสะจังใช่มั้ย? ชั้นก็ได้มาหน่อยนึงนะ”
“อา คุณผู้ใหญ่บ้าน เอาไปแจกจ่ายเรียบร้อยแล้วสินะคะ”
“พวกเราก็ได้ส่วนเหมือนกันนะคะ เนอะ เคท”
“เอ ก็พวกคุณทั้ง 2 คนเองก็มีส่วนช่วยเยอะเลยนี่คะ เพราะทุกคนออกไปลุยกันหมดเลย”
ทั้ง 2 คนน่ะ มีส่วนช่วยเหลือไปเยอะเลยนะ
หลังจากที่โดนเฮล เฟลม กริซลีโจมตีใส่มา ก็คงไม่คิดนั่นแหละค่ะว่าจะติดหนี้ก้อนโตแบบนี้
แต่ตอนนั้น อาจจะเพราะมีตัวถ่วงอยู่ด้วยล่ะมั้ง
“ก็นะ เพราะแบบนี้แหละ ตอนนี้ ชาวบ้านก็เลยพอมีเงินในกระเป๋ากันเยอะ แล้วก็ เตาไฟพลังเวทเนี่ย ใช้งานได้ตลอดเลยใช่มั้ย?”
“อะ ไม่ค่ะ ไม่ได้ถึงกับตลอดหรอกนะคะ? เพราะศิลาเวทสามารถหมดไปได้ ถ้าใช้ตลอดทั้งวัน ฉันสามารถให้รับประกันได้ 30 ปีนะคะ แต่ถ้าเกิดศิลาเวทเสียหายล่ะก็ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนหิน ไม่ก็ซื้อเตาใหม่นะคะ”
“30 ปีนี่ก็พอแล้ว! ซาราสะจังนี่ก็ถ่อมตัวจังเลยนะ ถ้าใช้ได้ 30 ปีเนี่ย จะเรียกว่า ‘ตลอดไป’ เลยก็ยังได้เลย”
ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันวางแผนไว้ว่าจะทำร้านของตัวเองให้เป็นธุรกิจที่ซื่อสัตย์จริงใจไงล่ะ
ความเชื่อใจน่ะ เป็นสิ่งสำคัญ
อีกอย่างก็ เพราะมีแค่นักเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้นที่สามารถทำงานอย่างการเปลี่ยนศิลาเวทได้ ถ้าเกิดตอนนั้น ไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุที่สามารถทำงานนี้ได้อยู่ในหมู่บ้านล่ะก็ ซื้อเตาใหม่เลยก็อาจจะถูกกว่า
สำหรับการซ่อมนี่ จะมีเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับรวมอยู่ด้วย ส่วนถ้าเป็นการซื้อใหม่ ก็จะมีค่าเดินทางเที่ยวเดียวรวมเข้าไป
ดูจากการกะประมาณราคาของคุณดาร์นาแล้ว ค่าใช้จ่ายในการขนส่งเนี่ยไม่ใช่น้อยๆ แน่นอน
“อีกเรื่องนึงก็… ตัวเตาจะเป็นโครงไม้ แล้วโครงไม้นี้ต้องคอยเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ มั้ย? ตราบใดที่ไม่ได้สกปรกก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ แต่ฉันคิดว่าระหว่างทำอาหาร ตัวเตาก็อาจจะเปียกชื้นได้ มันก็เป็นแค่โครงไม้เอง ถ้าจะเปลี่ยนก็ให้คุณเกเบิร์กมาจัดการก็ได้นะคะ”
“อะฮ่าฮ่า! ป่านนั้น คุณปู่เกเบิร์กก็คงลาโลกไปแล้วล่ะ!”
“ไม่หรอกมั้งคะ~ บางที อาจจะยังแข็งแรงดีอยู่ก็ได้นะ”
เหมือนฉันจะเคยได้ยินว่าเขาอายุ 70 แล้ว เพราะงั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้หรอก แต่ฉันก็คงเออออตอบไปว่า ‘นั่นสินะคะ’ ไม่ได้ล่ะนะ นี่มันประเด็นหัวข้ออะไรล่ะเนี่ย
“…คือ คุณดีรัลคะ? ข้าวเที่ยงล่ะคะ? คือฉัน หิวแล้วค่ะ”
“โอ๊ะ โทษทีนะ โลเรีย เดี๋ยวไปเอามาให้แล้วล่ะ ถ้างั้นนะ ซาราสะจัง ฝากด้วยนะ!”
“ได้ค่ะ! ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ!”
คุณดีรัลที่กลับเข้าไปในครัว ก็ออกมาพร้อมกับอาหารกลางวัน 4 ที่ทันที อย่างที่เธอบอกเลย
หลังจากที่พวกเราทาน [มื้ออาหารที่ถูกแต่ดีและอร่อย] กันเรียบร้อย พวกเราก็แวะไปสั่งแผ่นเหล็กเพิ่มที่ร้านของคุณจิสด์อีกรอบนึง ก่อนจะกลับบ้านกัน
การสร้างเตาไฟพลังเวทน่ะง่ายจนน่าตกใจเลยล่ะ
แค่ใช้หมึกพิเศษวาดวงจรเวทบนแผ่นเหล็ก 1 อันจากใน 2 แผ่นก็เรียบร้อยแล้ว
ถ้าอยากจะทำอะไรธรรมดามากๆ แบบนี้ แค่ลอกสิ่งที่เขียนเอาไว้ในสารานุกรมแปรธาตุมาเลย
“สร้างได้ง่ายๆ เลยนะเนี่ย แค่ต้องใส่ใจเท่านั้นเอง”
ตอนนี้ สิ่งที่ยากก็คือคัดลอกมาไม่ให้พลาดซักจุด แล้วก็คอยเติมพลังเวทลงไปประมาณนึงอย่างต่อเนื่องตลอดก็เท่านั้น
ทั้ง 2 อย่างนั้นก็เป็นสิ่งพื้นฐานของวิชาเล่นแร่แปรธาตุอยู่แล้ว เพราะงั้น ขอแค่ค่อยๆ ทำ ยังไงก็ไม่พลาดหรอก
พอวาดวงจรเสร็จเรียบร้อย ก็เจาะรูสำหรับใส่ศิลาเวท ฝังศิลาเวทลงไปตรงนั้น แล้วก็ประกบแผ่นเหล็กทั้ง 2 แผ่นเข้าด้วยกัน
ถ้าแค่อยากจะสร้างความร้อนออกมา แค่นี้ก็เสร็จแล้วล่ะ แต่ถ้าแค่นี้ ยังเอาไปใช้งานไม่ได้หรอก
―――พูดให้ถูกคือ มันทำงานได้นะ แต่มันจะลวกเนี่ยสิ
เพราะการจะใส่พลังเวทให้กับศิลาเวทเนี่ย จะต้องใช้มือจับไปที่แผ่นเหล็กโดยตรง
มันก็แน่อยู่แล้วนี่เนอะ
ตอนเพิ่งเริ่มจุดเตาน่ะยังดี แต่ตอนที่ปรับความร้อนหรือดับเตาเนี่ย มันจะร้อนมากเลยล่ะ
เพราะงั้น ฉันก็ทำกล่องไม้ตื้นๆ ที่ใหญ่กว่าแผ่นเหล็กเกือบ 2 เท่า ทาด้วยดินเหนียวพิเศษที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนความร้อนสูงเอาไว้ทั่วอยู่ข้างใน ก่อนจะตรึงแผ่นเหล็กลงไปในนั้น
ถ้าใส่ลงไปจัดการในหม้อเล่นแร่ ดินเหนียวก็จะแข็งตัว แต่ดินเหนียวอันนี้จะมีข้อด้อยข้อนึง แลกกับคุณสมบัติความเป็นฉนวนความร้อนสูงของมัน
ก็คือพอมันแข็งตัวแล้วเนี่ย มันจะแตกได้ง่ายมาก
แค่ทุบกล่องไม้แรงๆ ซักทีนึง ดินเหนียวข้างในก็แตกแล้วล่ะ
แน่นอน ก็ต้องขนส่งอย่างระวังเลย ค่าขนส่งที่สูงก็มีส่วนนี้นี่แหละเป็นปัจจัย
ขั้นสุดท้าย ก็เติมช่องว่างระหว่างดินเหนียวกับแผ่นเหล็กให้เต็มด้วยเรซิ่น ฉาบแผ่นเหล็กด้วยสารเคลือบกันการกัดกร่อน และเคลือบสารกันน้ำเอาไว้ทั้งพื้นผิวเพื่อเพิ่มความคงทน เท่านี้ ก็ได้เตาไฟพลังเวทตรงตามมาตรฐานที่ใช้ไปได้นาน 30 ปีแล้วเรียบร้อย
ในแบบดัดแปลงเนี่ย ก็มีแบบที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับคนที่มีพลังเวทน้อย หรือแบบให้กำลังไฟมากๆ แบบที่จะใช้ร้านอาหาร อย่างที่คุณดีรัลสั่ง แต่แบบพวกนั้นน่ะ การจะเอามาขายในหมู่บ้านนี้คงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
บางที คุณดีรัลอาจจะเป็นทั้งลูกค้าคนแรก แล้วก็คนสุดท้ายเลยก็ได้มั้ง?
“ต่อให้เอามาวางในร้าน บางทีก็อาจจะขายไม่ออกก็ได้มั้ง ต่อให้เป็นแบบมาตรฐานก็เถอะ”
ราคาเตาแบบมาตรฐานก็คงมีราคาประมาณ 100,000 ถึง 150,000 แรร์
แบบที่บ้านนี่ก็ 120,000 แรร์ (กะไว้แบบนั้นนะ)
ถ้าใช้ไปต่อเนื่องซักสิบ ยี่สิบปี ก็ถอนทุนคืนได้แล้วล่ะ แถมยังไม่ก่อเขม่า ทำความสะอาดง่าย แล้วก็ไม่ต้องคอยไปผ่าฟืนด้วย
“เออ แหล่งกำเนิดความร้อนก็… แบบนี้ การควบคุมอุณหภูมิ… โอเค เรียบร้อยแล้ว!”
ฉันตรวจสอบรับรองด้วยเวทมนตร์แล้วว่ามันทำงานได้อย่างที่ฉันตั้งใจให้เป็น ก่อนจะพยักหน้าให้กับผลลัพธ์ที่ได้
“ทีนี้ก็เหลือแค่เรื่องเอาไปวางแล้ว แต่ว่า… หนักอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย!”
นี่หนักเกิน 20 กิโลอีกนะ
ถ้าเอาไปวางแล้วก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะก็ไม่ต้องขยับย้ายไปไหนแล้ว แต่นี่มันหนักเกินจนยกไม่ได้เลยล่ะถ้าโดยไม่ใช้การเสริมแกร่งร่างกายช่วยด้วย
ฉันใช้การเสริมแกร่งร่างกายอย่างว่าง่าย ยกเตาไฟพลังเวทไปไว้ในห้องครัว ก่อนจะยัดมันเข้าไปวางตรงที่ที่เคยมีเตาติดตั้งเอาไว้… อืม พอดีเลย
ฉันวัดขนาดเอาไว้ให้เป๊ะ แล้วก็สร้างขึ้นตามนั้นเลย เพราะงั้นก็จะไม่มีสั่นก๊อกแก๊กแน่นอน
“อะ คุณซาราสะ เสร็จแล้วเหรอคะ?”
“อื้ม ทางนี้เลย”
เหมือนว่าทุกคนจะได้ยินฉันทำเสียงกุกกักดังมาจากทางห้องครัว โลเรียจังกับคุณเคทก็เลยเดินมาที่นี่ พลางมองดูเตาไฟพลังเวทที่เพิ่งติดตั้งเรียบร้อยอย่างสงสัยกัน
จริงสินะ ถ้าเป็นคนทั่วๆ ไป นี่ก็อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น
“วิธีใช้เนี่ย… เพราะเป็นเรื่องใหญ่อยู่ งั้นก็มาลองต้มชากันดูดีกว่านะ”
“พร้อมแล้วค่ะ!”
บางที อาจจะเพราะเธอดีใจที่ได้ใช้เตาไฟพลังเวทก็ได้ โลเรียจังก็เลยไปเตรียมกาน้ำชามาทันทีเลย เติมน้ำที่ดึงมาจากบ่อน้ำลงไป ใส่ใบชาลงไปจำนวนนึง ก่อนจะยื่นกามาให้ฉัน
“ขอบใจนะ วางเจ้านี่ไว้ตรงกลางเตา จากนั้นก็… จุดเตา!”
ก็ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียวหรอก มันไม่ได้มีไฟติดนี่นา จะเรียกว่าจุดเตาก็อาจจะแปลกๆ อยู่นะ?
―――ช่างมันเถอะ เตาไฟพลังเวทไม่ได้มีไฟลุกขึ้นมาจริงๆ แต่ก็ยังเรียกว่า ‘จุดเตา’ อยู่ดี
“หืมๆ กดตรงนี้สินะคะ?”
“อื้อ ตรงเส้นนี้น่ะ ต่ำสุดจะอยู่ทางซ้าย ไล่ไปหาสูงสุดที่อยู่ทางขวา ถ้าจะดับเตา ก็กดตรงนี้ พลังเวทจะถูกดึงออกไปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปให้ความใส่ใจตรงนั้นหรอกนะ”
ระหว่างที่ฉันอธิบายอยู่ น้ำในกาก็เริ่มจะเดือดพอดี แล้วชาก็พร้อมแล้ว
“จากนั้นก็ รินใส่ถ้วยซะ… เอาล่ะ เชิญเลย”
น้ำสีเขียวสวยไหลออกทางปากกาน้ำ
นี่ก็คือชาสึยะ ชาที่ดื่มกันมากที่สุดในหมู่บ้านนี้ไงล่ะ
แค่หย่อนใบของต้นสึยะที่มีโตอยู่ทั่วแถวๆ นี้ก็เรียบร้อยแล้ว รสชาติที่ได้ออกจะเข้มอยู่หน่อยๆ แต่ก็ใช้ได้อยู่นะ
ถึงจะมีจุดด้อยอยู่บ้าง แต่กลิ่นหอมสมชื่นนี่ก็ไม่เลวเลย
และเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าต้นทุนมันเป็นไม่มี ทุกอย่างก็ให้อภัยได้นั่นแหละ
TN: ได้ของเล่นไว้ให้โลลิที่บ้านแล้ว~ ^^