Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 460
สองวันผ่านไป
ซูผิงใช้เวลาสองวันในห้องสมุดที่สํานักงานใหญ่เพื่อดูผลงานที่ผู้ฝึกสอนหลายคนทิ้งไว้
ในฐานะผู้ฝึกสอนชั้นนําเขาสามารถเข้าถึงหนังสือและผลงานทั้งหมดได้ แน่นอนว่างานบางส่วนที่ไม่ได้พิมพ์ไม่ได้รวมอยู่ด้วย แม้แต่ผู้ฝึกสอนชั้นนําก็ต้องสะสมแต้มสะสมให้มากพอที่จะมีโอกาสอ่านผลงานเหล่านั้น ซูผิงต้องไปหารองประธานที่ยังทํางานอยู่เพื่อเชิญเขาเข้าร่วมสมาคมเพื่อให้เขาเข้าถึง
รองประธานให้แต้มโดยไม่ลังเล
มันไม่ใช้แต้มมากมาย และซูผิงจะเป็นหนี้บุญคุณเขา
ซูผิงได้รับความเข้าใจที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับผู้ฝึกสอนหลังจากอ่านผลงานล้ำค่าเหล่านั้น ทฤษฎีและกลไกการทํางานของทักษะผู้ฝึกสอนหลายคนค่อนข้างซับซ้อน ซูผิงตระหนักว่าเขาสามารถพัฒนาทักษะบางอย่างด้วยความสามารถของเขา
ผลงานและหนังสือเหล่านั้นทําให้ซูผิงมีความรู้เชิงทฤษฎีมากขึ้น
“ไม่น่าแปลกใจที่จิตวิญญาณหมอกเลือดสามารถวิวัฒนาการได้ จิตวิญญาณหมอกเลือดเกิดมาด้วยความกลัวสายฟ้า อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณหมอกเลือดมีโอกาสที่จะรู้ทฤษฎีพื้นฐานของสายฟ้า ในขั้นตอนนั้น จิตวิญญาณหมอกเลือดได้สัมผัสกับสิ่งที่มันกลัวที่สุด แน่นอนว่าจะทิ้งร่องรอยไว้ ..
“ ถ้าฉันบอกกฏสายฟ้าให้กับอสูรร้ายอื่น ๆ ที่ปกติกลัวสายฟ้า จะมีโอกาสมากที่อสูรเหล่านั้นจะวิวัฒนาการ…”
ซูผิงพบวิธีการที่จะทําให้อสูรมีวิวัฒนาการในหนังสือนี้ การสร้างแรงกระตุ้นด้วยการเล่นกับความกลัวของอสูรเป็นวิธีการหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นอสูรตระกูลน้ำที่กลัวไฟ แต่กลับวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าสู่โลกแห่งไฟ
โดยปกติโอกาสที่จะเสียชีวิตจะเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากมีผู้ฝึกสอนที่สามารถให้คําแนะนําได้ ก็จะมีโอกาสมากขึ้นที่อสูรร้ายจะกลายพันธุ์และวิวัฒนาการ สุนัขและมังกรของฉันตายในสนามบ่มเพาะหลายครั้งและผ่านการกระตุ้นที่แข็งแกร่งกว่ามาก พวกมันได้เรียนรู้ทักษะของตระกูลอื่นแล้ว การขับเคลื่อนวิวัฒนาการด้วยวิธีนี้คงเป็นเรื่องยากสําหรับพวกมัน
แน่นอนว่ายังมีโอกาส อย่างไรก็ตามสายเลือดของสุนัขได้พัฒนาขึ้นหลังจากได้รับมรดกของราชามังกร สายเลือดของมันเป็นอันดับสองรองจากสายเลือดของโครงกระดูกน้อย
สุนัขสามารถเข้าถึงได้เหนือกว่าระดับตํานาน โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ !
ในขณะนี้อสูรที่มีสายเลือดที่อ่อนแอสุดคืออสรพิษม่วงซึ่งมีสายเลือดระดับหกขั้นสูงสุด การจะไปถึงระดับสูงขึ้นนั้นยาก
อสรพิษม่วงไม่โชคดีเหมือนสุนัขที่ได้รับมรดกจากสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่า ฉันจะต้องหาจุดอ่อนของมัน ต้องเป็นจุดอ่อนที่หาได้ยาก ..
ซูผิงไม่รีบเร่งที่จะทําให้อสรพิษม่วงวิวัฒนาการ
ท้ายที่สุดด้วยสายเลือดที่ดีกว่า อสรพิษม่วงก็จะไต่ระดับสูงขึ้นเช่นกัน
ในกรณีนี้เขาจะต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อให้อสรพิษม่วงมีไหวพริบสูงกว่าค่าเฉลี่ย
เขาอยากจะฝึกฝนอสูรระดับหกมากกว่าราชาอสูรร้ายเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะมีไหวพริบสูงกว่าค่าเฉลี่ย ซูผิงตัดสินใจปล่อยให้อสรพิษม่วงอยู่เหมือนเดิมต่อไป
ท้ายที่สุดแล้วข้อกําหนดบางประการของระบบขึ้นอยู่กับไหวพริบเป็นเกณฑ์
ตัวอย่างเช่นเขาสามารถเปิดบริการฝึกฝนมืออาชีพได้หลังจากที่เขามีอสูรที่มีไหวพริบสูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่านั้น
ซูผิงไม่รู้ว่ามาตรฐานของระบบในอนาคตจะสูงขึ้นหรือไม่ เขาตัดสินใจที่จะปล่อยให้อสรพิษม่วงอยู่ในระดับหกเพื่อความปลอดภัย
ดูจากสุนัขเป็นตัวอย่าง หลังจากระดับของสุนัขได้ขึ้นสูงขึ้น คะแนนไหวพริบของสุนัขก็ลดลง แน่นอนความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมันเพิ่มขึ้น และถึงกระนั้นการเพิ่มขึ้นก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ เพื่อให้แน่ใจว่าคะแนนไหวพริบของสุนัขจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซูผิงจะต้องให้สุนัขผ่านการฝึกฝนที่เข้มงวดมากขึ้นในวันที่สาม
รองประธานมาเยี่ยมซูผิงแต่เช้า
นี่เป็นรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันของผู้ฝึกสอน
เกมตัดสิน!
จะมีพิธีมอบรางวัลเมื่อประกาศผล จากนั้นผู้ฝึกสอนชั้นนําจะไปคัดเลือกศิษย์ สื่อจะนําเสนอการถ่ายทอดสด
ในอดีตตอนจบที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ฝึกสอนชั้นนําไปต่อสู้เพื่อแย่งชิงศิษย์
ท้ายที่สุดแล้วการได้ศิษย์ที่โดดเด่นจะช่วยกระจายอิทธิพลของผู้ฝึกสอนชั้นนําได้เช่นกัน เพราะศิษย์สามารถเติบโตไปเป็นผู้ฝึกสอนระดับปรมาจารย์ หรือแม้แต่ผู้ฝึกสอนชั้นนําในอนาคต!
ผู้ฝึกสอนชั้นนําคือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิดผู้ฝึกสอน
สิ่งที่โดดเด่นกว่าผู้ฝึกสอนชั้นนําคือผู้ฝึกสอนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในเรื่องเล่าเท่านั้น
ไม่มีผู้ฝึกสอนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในเขตอนุทวีป ผู้ฝึกสอนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คนสุดท้ายได้ล่วงลับไปแล้วกว่าร้อยปีแล้ว ในศตวรรษปัจจุบันไม่มีผู้ฝึกสอนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เมื่อใดก็ตามที่นักรบอสูรระดับตํานานต้องการให้ราชาอสูรร้ายได้รับการฝึกฝน เขาหรือเธอจะต้องไปเขตอนุทวีปอื่นและจ่ายเงินจํานวนมากเพื่อให้ผู้ฝึกสอนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ช่วย บางครั้งนักรบอสูรระดับตํานานจะต้องยอมรับเงื่อนไขที่น่ากลัวมากมาย
มีผู้ฝึกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพียงสองคนในโลก และทั้งคู่อยู่ในทวีปอื่น
ผู้ฝึกสอนชั้นนําโดดเด่นที่สุดในเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกสอนชั้นนําที่อายุน้อยบางคนซึ่งมีอายุประมาณห้าสิบปียังคงฝึกเพื่อเป็นผู้ฝึกสอนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกสอนที่มีอายุสูงได้ละทิ้งแรงบันดาลใจที่ไม่มีทางเป็นจริงดังกล่าวแล้ว
ความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกสอนชั้นนําและผู้ฝึกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นยิ่งใหญ่กว่าระหว่างนักรบอสูรกิตติมศักดิ์กับนักรบอสูรในตํานาน
ผู้ฝึกสอนชั้นนําจะสอนศิษย์ที่โดดเด่นมากกว่าเพื่อเป็นผู้ฝึกสอนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง พวกเขาสามารถเพิ่มสถานะของพวกเขาในแวดวงผู้ฝึกสอนได้หากศิษย์ของพวกเขาเติบโตไปเป็นผู้ฝึกสอนระดับปรมาจารย์
รองประธานการพาซูผิงนั่งรถไปยังสถานที่จัดงาน
ระหว่างทางรองประธานได้เปิดวิดีโอการแสดง 10 อันดับแรกให้ซูผิงดูเพื่อให้เขามีตัวเลือกมากขึ้น ผู้แข่งขัน 3 อันดับแรกรวมอยู่ในวิดีโอด้วยเช่นกัน ด้วยวิธีนี้ซูผิงจะสามารถรู้จักพวกเขาได้ดีขึ้น
ซูผิงดูวิดีโอที่ละรายการ
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าการแข่งขันของผู้ฝึกสอนไม่น่าเบื่อเลย มันรุนแรงพอ ๆ กับการต่อสู้ของนักรบอสูร
ไม่มีการเป่าปากหรือเสียงตะโกน แต่ทักษะการฝึกฝนต่างๆก็น่าตื่นเต้นเช่นกัน “ แล้วคุณชอบใคร?” รองประธานยิ้ม
ผู้ฝึกสอนชั้นนําจะไม่เพียงแค่มองทักษะของผู้เข้าร่วม แต่มองถึงบุคลิกของพวกเขาด้วย
“ พวกเขาทุกคนดีมาก” ซูผิงตอบ
“อะไร?”
รองประธานมองเขา ไม่มีใครดีพอสําหรับซูผิง?
ในความเป็นจริงซูผิงคิดจริงๆว่าผู้เข้าร่วมทุกคนมีความโดดเด่นมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้แสดงความสามารถทั้งหมดของพวกเขาออกมา ดังนั้นซูผิงจึงไม่สามารถวัดขีดจํากัดของความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ ผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ บางคนต้องพยายามอย่างเต็มที่ แต่หลายคนแทบจะไม่ผ่านรอบที่แล้ว และหลายคนก็ตกรอบ เขาไม่ได้คิดนที่จะหาศิษย์ในกลุ่มรองนั่น
ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงสถานที่จัดงาน
สถานที่จัดงานคือสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในย่านเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์
การแข่งขันระดับสูงอื่น ๆ จะจัดขึ้นที่นี้เช่นกัน สนามแห่งนี้เป็นสนามที่ดีที่สุดในเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสิทธิ์จัดงานที่นี่
มีฝูงคนจํานวนมากอยู่ข้างใน ที่นั่งทั้งหมดถูกจับจอง
แต่ตรงกันข้ามกับการแข่งขันของนักรบอสูร ไม่มีใครส่งเสียงเชียร์ ผู้ชมเพียงกระซิบกัน ถึงกระนั้นด้วยข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้คนกว่าแสนคนอยู่ในขณะนี้ เสียงกระซิบของพวกเขาจึงทําให้เกิดเสียงดังอยู่ดี