รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1105 โตมาด้วยกัน สุดท้ายก็ไม่สู้ผู้ที่นางชอบ!
- Home
- All Mangas
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1105 โตมาด้วยกัน สุดท้ายก็ไม่สู้ผู้ที่นางชอบ!
บทที่ 1105 โตมาด้วยกัน สุดท้ายก็ไม่สู้ผู้ที่นางชอบ!
……….
บทที่ 1105 โตมาด้วยกัน สุดท้ายก็ไม่สู้ผู้ที่นางชอบ!
ต้นหลิวเพียงแต่ขู่ก้อนหินไปอย่างนั้น ภายหลังก็คืนถั่วรักษาชีวิตให้ก้อนหิน
ไม่ต้องเอ่ยถึงสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านั้น ลำพังแดนลับแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตสยดสยองอยู่นับไม่ถ้วนที่เหนือชั้นกว่าพวกเขา เอาชีวิตพวกเขาได้
ขืนเก็บถั่วรักษาชีวิตไปจริง ยามก้อนหินประสบภัยร้ายถึงชีวิตจักไม่เหลือวิธีเอาตัวรอด
สุดท้ายพวกเขาแยกย้ายกันเปิดฉากการเดินทางของตนเอง เตรียมขัดเกลาตนเองในแดนลับแห่งนี้ ทวีความแข็งแกร่งของตัวเองยิ่งขึ้นไป!
“อามิ…ข้าต้าเต๋อฝอ ข้าต้าเต๋อฝอเปี่ยมเมตตาที่สุด!”
ต้าเต๋อหิ้วกาสุรามือหนึ่ง หิ้วเนื้อย่างมือหนึ่ง กินเนื้อย่าง ดื่มสุราหอมกรุ่นอย่างมีความสุข
“สุราเนื้อสัตว์ผ่านท้องไป พระพุทธองค์อยู่ในใจ ใต้หล้านี้มีผู้ใดอิสระอย่างข้าบ้าง ประเสริฐ ประเสริฐ!”
เขาฮัมเพลงเคล้าคลอ สำราญเหลือแสน
ทว่าเพียงไม่นานความสำราญของเขาก็หายไป
“เจ้าเณรงี่เง่า รอข้าด้วย!”
อ้ายฉานตามมา หมายจะร่วมทางกับต้าเต๋อ
“พี่สาว ปล่อยข้าไปเถิด เจ้าอยากให้ข้าผิดศีลหรือ!”
ต้าเต๋อเอ่ยเสียงร่ำไห้ ไม่อยากร่วมทางกับอ้ายฉานเลยจริง ๆ เขาอยู่ตัวตนเดียวทั้งอิสระและเสรี
อ้ายฉานไม่สนใจต้าเต๋อสักนิด ยกมือเรียวขึ้นเคาะหัวโล้นเกลี้ยงเตียนของต้าเต๋อ “อย่ามา ศีลที่เจ้าผิดมีน้อยนักหรือ อย่าได้ใช้ข้ออ้างนี้หลอกข้า!”
นางตั้งใจแล้วว่าจะร่วมทางกับต้าเต๋อ ให้ต้าเต๋อปฏิเสธอย่างไรก็ไร้ผล
“พาข้าไปด้วย!”
จู้จื่อวิ่งกระหืดกระหอบมาจากด้านหลัง เพราะชอบอ้ายฉาน เลยอยากร่วมทางกับนาง
อนิจจา ผู้ที่อ้ายฉานชอบคือต้าเต๋อ
นางเห็นจู้จื่อตามมาก็รีบจูงมือต้าเต๋อไปจากที่นี่ หมายจะสลัดจู้จื่อให้พ้นทาง
จู้จื่อถอนหายใจ
ทว่าเพียงไม่นานเขาก็สงบจิตใจ ไล่ตามเข้าไปใหม่ ความชอบนั้นเปลี่ยนกันได้ หากวันหน้าอ้ายฉานไม่ได้ชอบต้าเต๋ออีกแล้ว เขาหวังว่าอ้ายฉานจะเห็นเขายามหันกลับมา
…
ดินแดนใหม่
จ้าวตี้และปรมาจารย์ดินแดนใหม่ตนอื่นแยกกันไปสองทาง กลุ่มหนึ่งไปยังทะเลนิโรธ กลุ่มหนึ่งไปหาฝ่ายด่างพร้อย
ฝ่ายด่างพร้อยสยดสยองและอันตรายยิ่งกว่า ถึงอย่างไรฝ่ายด่างพร้อยก็มีสัญชาตญาณทำล้ายล้างทุกสิ่ง ขืนพลาดพลั้งไปต้องถูกพลังด่างพร้อยสังหารแน่
จ้าวตี้ในฐานะตัวแทนมุ่งหน้าไปยังฝ่ายด่างพร้อยเพียงผู้เดียว
ที่นี่เป็นหลุมดำไร้ที่สิ้นสุด ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ ดวงดาวทั้งระบบถูกลบล้าง ถูกหลุมดำกลืนกิน
จ้าวตี้ผู้ทรงพลังที่สุดในบรรดาปรมาจารย์ดินแดนใหม่ ขอบเขตพลังอยู่ในระดับแสวงวิถีวรรณะแปด ส่วนปรมาจารย์ดินแดนใหม่อื่น ๆ ส่วนใหญ่อยู่ราว ๆ แสวงวิถีวรรณะห้า
แต่ต่อให้แข็งแกร่งระดับเขา หลังมาเหยียบที่นี่ยังอดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้
ปกติแล้วเขาไม่เคยมาที่นี่ตามลำพัง ต้องมาพร้อมเหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ทุกคราไป อีกอย่างก่อนหน้านี้ที่นี่ยังไม่ได้น่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้
ยามนี้เขายังไม่ได้เข้าไปจริง ๆ แค่เพียงชิดใกล้ก็รู้สึกถึงพลังปราณอันสยดสยอง เจ้าของพลังปราณนี้สามารถสังหารเขาได้สบาย!
“เหนือขอบเขตแสวงวิถีไปแล้ว!”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ว้าวุ่นใจเป็นหนักหนา
หวนนึกถึงอดีต พวกเขาทำอะไรลงไปกัน ถูกเสียงนั้นบงการไม่เท่าไหร่ พวกเขากลับทำผิดพลาดซ้ำ ๆ ตั้งใจจะผิดให้ถึงที่สุด
บัดนี้สิดี ปิตาจารย์หลี่ผู้นั้นอาจคืนชีพกลับมาแล้ว
มิหนำซ้ำ อย่าว่าแต่การคืนชีพของปิตาจารย์หลี่เลย ลำพังฝ่ายด่างพร้อยในตอนนี้ก็เหนือขอบเขตที่พวกเขาต้านทานไหวแล้ว
ต่อให้เหล่าปรมาจารย์ดินแดนใหม่ผู้ล่วงลับคืนชีพกลับมาหมด พวกเขาก็ไม่อาจต้านพลังด่างพร้อยนี้ได้ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่มีเพียงความตายเท่านั้น
เขาทรมานใจเหลือเกิน รู้สึกแย่อย่างยิ่งยวด
ในอดีต พวกเขาคิดว่าหลังเลยตามเลยแล้วจะได้รับชีวิตใหม่อันรุ่งโรจน์ ก้าวสู่ขอบเขตสูงขึ้นไป หารู้ไม่ว่าทั้งหมดเป็นเพียงความเพ้อฝันของพวกเขาเท่านั้น
ผลของการผิดเลยตามเลยคือพวกเขาต้องเจอกับภัยคุกคามถึงชีวิตสารพัด
“สำนึกเสียใจไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีสิ่งใดย้อนคืนไปได้ แม้หนทางเบื้องหน้าคือทางตัน แต่ก็ยังต้องก้าวไปข้างหน้า มองไปข้างหน้า!”
เขาสงบจิตใจ ไม่ไปคิดมากอีก ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางถอยแล้ว จำต้องก้าวไปข้างหน้า มองไปข้างหน้า
จากนั้น เขาเยื้องย่างฝีเท้าไปด้านหน้า
ไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก เพราะกลัวว่าพลังด่างพร้อยจะปลิดชีพเขาทันที
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็ยังถูกพลังด่างพร้อยอันน่าสะพรึงเล็งเป้า กลัวจนร่างกายแข็งเกร็ง ตั้งใจจะถอยกลับไปเสียเดี๋ยวนั้น
ทว่าลงท้ายเขาก็ไม่ใช่คนทั่วไป สามารถข่มความกลัวในใจพร้อมเอ่ยเสียงดังฟังชัดว่า “อย่าเพิ่งลงมือ ข้ามาคราวนี้ไม่ใช่เพื่อสู้! ข้าต้องการเจรจากับพวกเจ้า!”
ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ มีเพียงไอเย็นอันมากล้น จ้าวตี้พยายามควบคุมตัวเองที่สุดแล้ว ทว่าหลังไอเย็นนี้โถมทับเขามา เขาคุมตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป ความหวาดกลัวในใจทวีความรุนแรง ร่างกายสั่นระริกไม่หยุด
“อย่า…อย่าลงมือ! ข้ามาอย่าง…จริงใจ! ข้าอยาก…สนทนาเรื่องของผู้นั้นกับพวกเจ้า!”
เขากัดฟันอดทน เอ่ยเสียงสั่นเครือ
“ผู้นั้น?”
ภายในหลุมดำไร้ที่สิ้นสุดเริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ ฝ่ายความด่างพร้อยอุบัติดวงจิตออกมาแล้วจริง ๆ
ไอเย็นเสียดกระดูกหายไป จ้าวตี้กลับมาเป็นปกติ เขารู้ว่าฝ่ายความด่างพร้อยให้ความสำคัญกับผู้นั้นมาก
ต่อไปเขาสามารถเจรจากับฝ่ายความด่างพร้อยแล้ว
“ถูกต้อง ปิตาจารย์หลี่ผู้นั้นที่ต้องการลบล้างเปลี่ยนแปลงพวกเจ้ามาตลอด!”
เขารีบบอก
หลุมดำบิดเบี้ยว พลังพิศวงพวยพุ่งออกมา สัตว์ประหลาดหาคำนิยามไม่ได้ตัวหนึ่งก้าวออกมา
มันไม่มีศีรษะ รูปลักษณ์ชวนขนลุกเหลือแสน ร่างกายไม่เหมือนสิ่งใดเลย เต็มไปด้วยดวงตา ซ้ำยังเป็นดวงตาแดงก่ำ อีกทั้งตาจำนวนหนึ่งกำลังหลั่งเลือด!
เสียงของมันแหบแห้ง ฟังแล้วบาดหูเป็นพิเศษ เนตรโลหิตทุกดวงบนตัวเพ่งมองจ้าวตี้อย่างพร้อมเพรียง จ้าวตี้เห็นแล้วอดขวัญผวาไม่ได้!
จำแลงรูปร่างแล้ว!
สุดท้าย พลังด่างพร้อยก็มาถึงขั้นนี้ ไม่เพียงแต่พัฒนาสติปัญญา แต่ยังจำแลงรูปร่างแล้วด้วย
ปราศจากรูปร่างกับมีรูปร่างต่างกันมากโข ทันทีที่จำแลงรูปร่าง พลังด่างพร้อยย่อมต้องสยดสยองยิ่งขึ้น พวกมันจักวิวัฒนายกระดับได้เรื่อย ๆ
“ใช่แล้ว ปิตาจารย์หลี่ผู้นั้น!”
จ้าวตี้เอ่ยว่า “ในอดีต ปิตาจารย์หลี่ผู้นั้นสลายทั้งกายหยาบและวิญญาณ อันตรธานไปจากใต้หล้า เดิมพวกเราคิดว่าทุกอย่างปิดฉากลงแล้ว หารู้ไม่ว่าทุกอย่างยังไม่จบ ปิตาจารย์หลี่ผู้นั้น…กำลังหวนกลับมาแล้ว!”
หลังสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามได้ฟังคำกล่าวของจ้าวตี้ ก็อารมณ์สั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด
มันไม่รู้ว่าปิตาจารย์หลี่ผู้นั้นเป็นใคร เวลานั้นสติปัญญาของพวกมันยังไม่อุบัติ มีเพียงสัญชาตญาณเลือนรางเท่านั้น
ในสัญชาตญาณเลือนรางของพวกมัน มีผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งผู้หนึ่งคอยกำราบพวกมันเรื่อยมา
บัดนี้ดูแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ที่คอยกำราบพวกมันคงเป็นปิตาจารย์หลี่ผู้นี้
หลังเกิดเรื่องกับปิตาจารย์หลี่ พวกมันถึงปะทุออกมาได้ ค่อย ๆ พัฒนาสติปัญญาในเวลาต่อมา ก้าวสู่เส้นทางวิถีที่จำแลงรูปร่างได้
หลังจำแลงรูปร่างออกมา พวกมันเลยได้สัมผัสกับพลังมากกว่านี้ ยกระดับกว่านี้ได้ แข็งแกร่งกว่านี้ได้
“เวลานี้เขาอยู่ที่ใด”
เสียงทุ้มต่ำอุดอู้ของมันดังออกมา หมายจะขัดขวางการหวนคืนของปิตาจารย์หลี่
พวกมันซึ่งก้าวสู่เส้นทางจำแลงรูปร่างแล้วไม่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตอย่างถูกกำราบอีก
“ไม่รู้!”
จ้าวตี้ส่ายหัว “เวลานี้พวกเราก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเขาเป็นอย่างไร ทว่าพลังที่เป็นของเขาปรากฏออกมาแล้ว พวกเราแน่ใจได้ว่าเขาไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง และกำลังจะหวนกลับมาจริง ๆ”
“ยุ่งยากนัก”
เนตรโลหิตนับไม่ถ้วนของสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามเบิกออก ชั่วขณะนั้น จ้าวตี้รู้สึกเหมือนถูกมองทะลุปรุโปร่ง
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น
ใต้สายตาที่กวาดมองมาของเนตรโลหิต ทุกอย่างของจ้าวตี้ถูกมองทะลุ มันได้เห็นความทรงจำทั้งหมดของจ้าวตี้
“แข็งแกร่งจริง สมกับเป็นผู้ที่กำราบพวกเราได้เรื่อยมา!”
มันส่งเสียงอึ้งงันหลังเห็นการต่อสู้ระหว่างฉินอี๋อินกับระฆังโบราณและหยวนอู้ แม้ว่าเวลานี้พวกมันแข็งแกร่งเหลือแสน แต่มันต้องยอมรับว่าเมื่อเทียบกับพลังนั้น พวกมันยังด้อยกว่าไม่น้อย
หากต้องปะทะกันจริง น่ากลัวว่าพวกมันจะสู้ไม่ได้
“พวกเราจำต้องกรีธาทัพล่วงหน้าแล้ว…”
มันพึมพำเสียงเบา
จากนั้น มันหันมองจ้าวตี้ “ด้วยพลังของพวกเจ้ายิ่งสู้ปิตาจารย์หลี่ผู้นั้นไม่ได้ หากอยากต่อสู้จริง พวกเจ้าจำต้องแข็งแกร่งกว่านี้!”
“พวกเราช่วยให้พวกเจ้าแข็งแกร่งกว่านี้ได้ พวกเจ้าเต็มใจหรือไม่”
มันถามจ้าวตี้
ต้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามเช่นนั้นหรือ
จ้าวตี้เข้าใจความนัยในวาจาของสัตว์ประหลาดไร้คำนิยาม นี่คิดจะให้พวกเรายอมรับพลังด่างพร้อย กลายเป็นประเภทเดียวกัน เขารู้ว่านี่คือทางลัดช่วยให้พวกเข้ากล้าแกร่งขึ้น ทว่าเขายังต่อต้านอยู่ในใจนิดหน่อย ไม่อยากกลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้คำนิยามเช่นนี้
“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว พวกเราก้าวเข้าสู่เส้นทางจำแลงรูปร่างแล้ว ภายหน้าจักจำแลงต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คงสภาพเช่นนี้ไปตลอด”
สัตว์ประหลาดไร้คำนิยามกล่าว “หากพวกเจ้าไม่เต็มใจก็ไม่จำเป็นต้องเจรจากันอีก พวกเจ้าที่ไม่อาจแข็งแกร่งกว่านี้หาได้มีประโยชน์กับเราไม่”
“ได้! พวกเรายินดี!”
สุดท้ายจ้าวตี้ก็ตอบตกลง
“ดี”
สัตว์ประหลาดไร้คำนิยามเอ่ย “ไม่ต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ พวกเจ้าควรรู้สึกโชคดีถึงจะถูก หลังกลายเป็นสมาชิกของเรา เส้นทางวิถีของพวกเจ้าในภายภาคหน้าย่อมกว้างขึ้นไกลขึ้น! นี่คือวาสนาการเปลี่ยนแปลงของพวกเจ้า”
มันบอกว่าพลังของพวกมันวิเศษวิโสกว่า มีศักยภาพใหญ่หลวงในวันหน้า พวกมันสามารถจำแลงรูปร่างไม่หยุดหย่อน ไม่มีที่สิ้นสุดไปตลอดกาล!
“เอาละ ยอมรับการบรรพชาของพวกเราเสีย!”
สัตว์ประหลาดไร้คำนิยามกล่าว “หลังเจ้าผ่านพิธีบรรพชาแล้ว พวกเราจักลงมือปฏิบัติการ เริ่มจากการเสริมความแข็งแกร่งก่อน!”
มันอธิบายแผนการทวีความแกร่งกล้า
เดิมทีพวกมันตั้งใจรอให้มั่นคงกว่านี้อีกหน่อย ถึงอย่างไรพวกมันก็เพิ่งเริ่มจำแลงรูปร่าง พลังด้านต่าง ๆ ยังไม่เสถียรนัก
ทว่าบัดนี้ ปิตาจารย์ผู้นั้นนั้นใกล้หวนคืนมาแล้ว พวกมันจำต้องออกเดินทางก่อนล่วงหน้า
“สิ่งที่พวกเราต้องทำในยามนี้คือดูดกลืนกฎวิถีแห่งดินแดนใหม่ กลืนกินสิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่ เพื่อเร่งความเร็วของเส้นทางจำแลงรูปร่างของเรา!”
มันม้วนตัวจ้าวตี้เข้าไปในหลุมดำ เริ่มประกอบพิธีบรรพชาให้จ้าวตี้
หลังพิธีบรรพชาเสร็จสิ้น พวกมันจะเปิดฉากหนทางสู่ความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
……….