รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1103 หลี่จิ่วเต้า ‘สายหน่อยจะตกปลาให้เจ้ากิน’
- Home
- All Mangas
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1103 หลี่จิ่วเต้า ‘สายหน่อยจะตกปลาให้เจ้ากิน’
บทที่ 1103 หลี่จิ่วเต้า ‘สายหน่อยจะตกปลาให้เจ้ากิน’
……….
บทที่ 1103 หลี่จิ่วเต้า ‘สายหน่อยจะตกปลาให้เจ้ากิน’
มีสมาชิกแดนพิสุทธิ์เฝ้าระวังขอบเขต พี่ชายยากจะก้าวสู่ระดับสูงกว่านั้นได้โดยที่สมาชิกแดนพิสุทธิ์ไม่รู้ นอกจากนี้ จ้าวแห่งแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายยังให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษอีกด้วย
ต่อให้พี่ชายปิดบังสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านั้นได้จนก้าวสู่ขอบเขตสูงยิ่งขึ้นไป ทว่าปิดบังจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายได้หรือ
จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายฝีมือสะท้านโลกันตร์ พลังลึกล้ำเกินหยั่ง ไฉนเลยจะไม่รู้เรื่อง
ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงเลย!
เพราะอย่างนี้ มู่อวี่ถึงแน่ใจยิ่งขึ้นว่าพี่ชายเดิมเป็นสมาชิกแดนพิสุทธิ์อยู่แล้ว
‘พี่ชายมีเรื่องบาดหมางกับจ้าวแดนพิสุทธิ์หรือ’
นางคิดในใจ
รู้สึกว่าพี่ชายอาจมีเรื่องไม่ลงรอยกับจ้าวแดนพิสุทธิ์ ถึงได้บาดหมางจนกลายมาเป็นปรปักษ์
ส่วนไม่ลงรอยเพราะเหตุใดนั้น นางไม่แน่ใจ
บางทีอาจเกี่ยวข้องกับที่จ้าวแดนพิสุทธิ์ไม่ยอมให้ผู้บรรลุใหม่เสมอภาคกับพวกเขา หรืออาจเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น
ที่สำคัญคือนางรู้เรื่องไม่มาก เพราะพี่ชายไม่เคยเอื้อนเอ่ยเรื่องเหล่านี้กับนาง
นี่จึง…ไม่อาจคาดการณ์ได้
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าฟังแล้วปวดหัว เรื่องราวในโลกแห่งการฝึกตนช่างวุ่นวายยุ่งเหยิงจริง ๆ
สมาชิกแดนพิสุทธิ์อะไรกัน จ้าวแดนพิสุทธิ์อะไรกัน เขาฟังแล้วปวดหัวมาก
ทว่าเขาก็พอเข้าใจขึ้นมาแล้ว บรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์สร้างแดนพิสุทธิ์จวินเทียนขึ้นมาเพื่อไม่ให้สิ่งมีชีวิตตนใหม่ขึ้นมาเสมอภาค จากนั้นมีการคัดสรรสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งเข้าไปในแดนพิสุทธิ์ มอบหมายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ให้กำกับควบคุม ไม่ให้มีสิ่งมีชีวิตขอบเขตสูงกว่านี้ปรากฏ
ต่อมา เกิดปัญหาใหญ่กับจ้าวแดนพิสุทธิ์เหล่านี้ สิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายจึงผุดความคิดใหม่ นึกอยากต่อต้านเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ ขณะที่ปลิดชีพส่งมีชีวิตทรงพลังในแดนลับต่าง ๆ ยังดูดกลืนสิ่งมีชีวิตทรงพลังจากแดนลับเหล่านั้นเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง เบิกทางสู่เส้นทางฝึกตนหลังจากนี้
‘โลกแห่งการฝึกตนทั้งโกลาหลทั้งโหดร้ายจริง ๆ…’
เขาถอนหายใจอีกครั้ง
“ร่างต้นของเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป”
เขาถามร่างแยกนักพรตเฒ่า อยากรู้ว่าร่างต้นนักพรตเฒ่าจะทำอย่างไรหลังจากนี้
ร่างแยกนักพรตอธิบาย สงสัยว่าเขาคือสมาชิกแดนพิสุทธิ์ผู้ไม่รักษากฎ ตอนนี้คงติดต่อสมาชิกแดนพิสุทธิ์ตนอื่นแล้ว
“บัดซบ!”
ร่างแยกนักพรตเฒ่าอยากฉีกปากเขาให้แหลกจริง ๆ เจ้าปากเวรตะไล เหตุใดถึงปากสว่างบอกทุกอย่าง
บัดนี้สิดี หลังหลี่จิ่วเต้ารู้เรื่องนี้ย่อมต้องระวังตัว หรืออาจไปจากที่นี่ จนร่างต้นของเขาและสมาชิกแดนพิสุทธิ์เสียเที่ยว
ตามคาด หลังหลี่จิ่วเต้าได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้น “เก็บของ พวกเราจะไปจากที่นี่”
เขาไม่ได้กลัวการตามล่าจากบรรดาสมาชิกแดนพิสุทธิ์
เพียงแต่ฆ่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านี้ไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่อาจแก้ปัญหาถึงต้นตอได้
หากต้องการแก้ที่ต้นตอ ก็จำต้องสังหารจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลาย
เวลานี้ เขาไม่รู้เรื่องจ้าวแดนพิสุทธิ์เท่าใด ไม่รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงไหน หากสุ่มสี่สุ่มห้าปะทะกับจ้าวแดนพิสุทธ์เหล่านี้เขาอาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แม้เขาจะมีของวิเศษนับคณาที่แลกมาจากบรรพารย์ฝู แต่ก็ต้องระวังและรัดกุม รอให้รู้เรื่องจ้าวแดนพิสุทธิ์เหล่านี้มากขึ้นแล้วค่อยลงมือยังไม่สาย
เพราะเหตุนี้ เขาจึงไม่อยากปะทะกับสมาชิกแดนพิสุทธิ์เสียเดี๋ยวนี้
ยามนี้แม้ยังไม่มีข่าวคราวของจ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลาย แต่ท้ายที่สุดก็ต้องกลับมาที่นี่อีก เขาสังหรณ์ใจเช่นนั้น
หากสังหารสมาชิกแดนพิสุทธิ์ทั้งหมด รอจนเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์กลับมาย่อมต้องหมายหัวเขาทันที
ถึงเวลานั้น ต่อให้ไม่อยากสู้กับจ้าวแดนพิสุทธิ์ก็เลี่ยงไม่ได้
หากชนะยังดี หากไม่ชนะ เป็นดั่งประโยคจากดาวเคราะห์สีฟ้า นั่นคือ…เละ
“ได้!”
พวกลั่วสุ่ยเชื่อฟังคำสั่งคุณชายทุกอย่าง รีบเก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย
จากนั้น พวกเขากระโจนขึ้นหลังหมีดำไปจากที่นี่
“พวกเจ้าก็ตามเราไปด้วยเถิด”
หลี่จิ่วเต้าพาสตรีเหล่านั้นไปด้วย เพราะกลัวว่าสตรีเหล่านี้จะถูกสมาชิกแดนพิสุทธิ์สืบทราบแล้วประสบเคราะห์ร้าย
ผ่านไปไม่นาน ทันทีที่พวกเขาไปจากที่นี่ก็มีเงาร่างน่าพรั่นพรึงปรากฏที่นี่กว่าสิบร่าง
พวกเขาก็คือสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านั้น
มีคนแหกกฎ กลายเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาอย่างยิ่ง หลังนักพรตเฒ่าส่งข่าวให้พวกเขา พวกเขาก็รุดหน้ามาที่นี่พร้อมนักพรตเฒ่าทันที
“หนีไปแล้ว!”
นักพรตเฒ่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ที่นี่ว่างเปล่าไม่เหลือสิ่งใด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขามาช้าไป
“ไม่ต้องรีบร้อน ให้ข้าสะกดหารอยพวกเขาเอง!”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเอ่ย
มันไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นวิหคกลืนฟ้ามหึมาตัวหนึ่ง กฎวิถีพิเศษถักทออยู่ในนัยน์ตา กวาดมองรอบ ๆ สถานที่นี้
“ไม่เหลือร่องรอยใด ๆ!”
สีหน้าของมันอึมครึม จับร่องรอยอันใดไม่ได้เลย จนมันยังอดประหลาดใจไม่ได้ว่าฝีมือผู้ใด พลังช่างน่ากลัวเสียจริง!
“ข้าเอง!”
เต่าชรารูปร่างประหลาดตัวหนึ่งกล่าว มันมีศีรษะมังกร หางกิเลน หนามแหลมบนกระดองเต่า
มันคือเต่ามังกรกิเลน เชี่ยวชาญการพยากรณ์ ทำนายให้เห็นถึงความจริงได้ทั้งปวง
จากนั้น มันเริ่มลงมือ พลังลับสารพันไหลเวียน น่าเสียดาย มันเองก็ไม่สำเร็จ ไม่อาจพยากรณ์ความจริงออกมา มองเห็นเพียงม่านหมอกหลายชั้น
“ไม่มีทางสำเร็จ”
เวลานั้น สตรีงามพิลาสนางหนึ่งเอ่ยขึ้น
นางมีนามว่าฝูหรง “ต่อให้หมอนี่เสียสติ ก็คงไม่ได้เสียสติอย่างสิ้นเชิง เขากล้าทำเช่นนี้คงเตรียมการมาอย่างรอบคอบแล้ว!”
นางสาธยายมุมมองของตน
“ลำพังสังหารบรรพมังกรเก้ากรงเล็บตัวหนึ่งทำอะไรได้? ไม่ได้เลย! นี่ต้องเป็นเพียงจุดเริ่มต้นแน่ หมอนั่นคงเตรียมวิธีไม่ให้พวกเราไล่ตามได้แล้ว”
พลังของบรรพมังกรเก้ากรงเล็บเพียงตัวเดียวย่อมมีจำกัด นางมองว่า หลังจากนี้สมาชิกแดนพิสุทธิ์ผู้นี้จะต้องลงมือล่าสิ่งมีชีวิตทรงพลังในแดนลับต่าง ๆ อีกครั้งแน่นอน
“สิ่งที่พวกเราต้องทำคือจับตาดูแดนลับทั้งหมดให้ดี ไม่ให้หมอนั่นทำสำเร็จอีก!”
นางเอ่ยเสียงเข้ม
กล่าวต่ออีกว่า “ทุกท่าน ผู้ที่แหกกฎอาจเป็นสมาชิกในหมู่พวกเรา กับเรื่องนี้ข้าต้องการเอ่ยเพียงว่าหากรามือเท่านี้ ที่ผ่านมาแล้วให้ผ่านไป ไม่มีการถือสาหาความอีก หากยังไม่ยอมรามือ ดื้อรั้นจนถึงที่สุด เช่นนั้นถึงเวลาอย่าหาว่าพวกเราใจไม้ไส้ระกำ!”
“ใช่แล้ว!”
วิหคกลืนฟ้าเอ่ยด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม “เรื่องนี้เกี่ยวกันถึงความปลอดภัยของพวกเราทุกคน ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ มีสมาชิกหลายคนไม่ได้มา ทุกท่านส่งต่อวาจานี้ต่อไปด้วย”
ในแดนพิสุทธิ์หาได้มีสมาชิกแค่พวกเขา แต่ยังมีคนอื่น ๆ อีกไม่น้อยไม่ได้มาที่นี่
“บ้าเอ๊ย! บรรพมังกรเก้ากรงเล็บที่ข้าเลือกถูกสังหาร ข้าคงไม่หมดสิทธิ์เพราะเหตุนี้กระมัง”
นักพรตเฒ่าเอ่ย “ข้าเลือกสิ่งมีชีวิตทรงพลังจากแดนลับอื่นเพื่อดูดกลืนพลังต่อได้ใช่หรือไม่”
อุตส่าห์ถึงตาเขาแล้ว เขาไม่อยากปล่อยไปง่าย ๆ ถึงอย่างไรเขายังอยากดูดกลืนพลังของสิ่งมีชีวิตทรงพลังในแดนลับเพื่อศึกษาเส้นทางฝึกตนต่อจากนี้อีก
“ย่อมได้!”
ฝูหรงพยักหน้า “เส้นทางฝึกตนต่อจากนี้ไม่แน่ว่าจะถูกใครศึกษาจนเจอ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเราตั้งกฎไม่ให้เข่นฆ่ากันเอง สิทธิ์ของเจ้าย่อมไม่หายไปทั้งอย่างนี้”
“เช่นนั้นก็ยังดี!”
นักพรตเฒ่าพยักหน้า
“เอาล่ะ พวกเรากลับกันเถิด”
แล้วฝูหรงกับสมาชิกแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายก็ไปจากที่นี่ กลับไปยังแดนพิสุทธิ์
ส่วนนักพรตเฒ่ายังไม่ได้ไปไหน
เขาต้องการตามหาสิ่งมีชีวิตตนอื่นในแดนลับ
ผ่านไปไม่นาน เขาก็พบสิ่งมีชีวิตทรงพลังตนหนึ่งในแดนลับนี้ และปรากฏตัวเจรจากับมัน ให้มันเตรียมตัวไว้ อีกไม่นานเขาจักนำทางสิ่งมีชีวิตทรงพลังตนนี้เข้าไปยังแดนพิสุทธิ์
นี่คือวาฬยักษ์สีเงินตัวหนึ่ง เป็นใหญ่ในมหาสมุทรแถบนี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรพมังกรเก้ากรงเล็บ
อันที่จริง เขาอยากพาวาฬยักษ์สีดำตัวนี้ไปเลย เพียงแต่เขาทำไม่ได้
แดนพิสุทธิ์ใช่ว่าเข้าไปได้ง่าย ๆ มีเพียงบางช่วงเวลาเท่านั้นที่เขาสามารถพาสิ่งมีชีวิตในแดนลับเข้าไปยังแดนพิสุทธิ์
นี่เป็นกฎที่สมาชิกแดนพิสุทธิ์อย่างพวกเขาตั้งขึ้น เป้าหมายก็เพื่อไม่ให้สมาชิกแดนพิสุทธิ์จับสิ่งมีชีวิตแดนลับเข้ามาดูดกลืนพลังในแดนพิสุทธิ์ตามอำเภอใจ
เพราะเหตุนี้ พวกเขาสมาชิกแดนพิสุทธิ์ถึงตั้งข้อจำกัดนับคณาในแดน มีเพียงถึงเวลาเท่านั้นจึงจะพาสิ่งมีชีวิตแดนลับเข้าไปในแดนพิสุทธิ์
“ขอบคุณท่านผู้ยิ่งใหญ่!”
วาฬยักษ์สีเงินตื้นตันเหลือแสน คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะถูกเลือก!
สำหรับสิ่งมีชีวิตแดนลับ การได้เข้าไปยังแดนพิสุทธิ์ถือเป็นเกียรติยศสูงสุด!
รวมถึงมันด้วย ปรารถนาเข้าไปยังแดนพิสุทธิ์อย่างยิ่งยวด
“ไม่ต้องขอบคุณ เจ้าสมควรได้รับแล้ว”
นักพรตเฒ่ายิ้มบาง “เอาล่ะ รอจนถึงเวลา ข้าจะมานำทางเจ้าที่นี่”
แล้วเขาก็ไปจากที่นี่ กลับไปยังแดนพิสุทธิ์
“คงไม่เป็นไร ถึงอย่างไรบัดนี้สิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์ก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว เจ้าคนเดนตายนั่นใจกล้าปานใดก็คงไม่กล้าทำอันใดผลีผลามในระยะนี้”
นักพรตเฒ่าเอ่ย “นอกจากนี้ เขาไม่รู้ว่าข้าเลือกวาฬเงิน ข้าอยู่รอจนถึงเวลาอันควรอย่างสบายใจก็พอ”
สมาชิกแดนพิสุทธิ์รู้เรื่องกันถ้วนหน้า ขืนเจ้านั่นยังกล้าทำอันใดผลีผลามในระยะนี้เป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เจ้านั่นคงต้องรอให้ผ่านพ้นเวลาช่วงนี้ จนเรื่องนี้ซาลงไปแล้วค่อยลงมืออีกครั้ง
“ทว่าระวังไว้หน่อยก็ดี! ช่วงนี้ข้าจักไม่ทำสิ่งใด จับตามองวาฬเงินตัวนี้ไว้ก็พอ!”
เขารอบคอบอย่างมาก ต่อให้แน่ใจว่าหมอนั่นไม่กล้าทำอันใดผลีผลามในระยะนี้เขาก็ไม่ได้ย่ามใจ ตัดสินใจจับตาดูวาฬเงินไว้ตลอดเวลา
…
อีกด้าน พวกหลี่จิ่วเต้ามายังเทือกเขาแห่งหนึ่ง
“พอดีเลย เนื้อมังกรตุ๋นเสร็จแล้ว ทุกคนมากินด้วยกันเถิด”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ก่อนหน้านี้เนื้อมังกรยังตุ๋นไม่เสร็จ ร่างแยกนักพรตเฒ่าก็บุกเข้ามา ยามพวกเขาจากมาจึงนำเนื้อมังกรที่ยังตุ๋นไม่เสร็จมาด้วย
บัดนี้ เนื้อมังกรตุ๋นเสร็จแล้ว กลิ่นหอมขจรขจาย อดน้ำลายไหลไม่ได้
สตรีเหล่านั้นเดิมทียังกลัดกลุ้มวิตก ถึงอย่างไรพวกนางก็ถือว่าเป็นปรปักษ์กับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในแดนพิสุทธิ์เข้าแล้ว แม้พวกนางจะได้ประจักษ์ถึงความไร้เทียมทานของหลี่จิ่วเต้า แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้
ทว่าหลังได้กลิ่นหอมจากเนื้อมังกร ความกลัดกลุ้มของพวกนางถูกสลัดทิ้งไปจนสิ้น
พวกนางอ้าปากกินเนื้อมังกรคำโต อย่าให้เอ่ยเลยว่าอร่อยถูกปากเพียงใด
พวกลั่วสุ่ยก็เช่นกัน ฝีมือของคุณชาย กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
“หลายวันมานี้เจ้าอยู่กับข้าได้กินแต่เนื้ออสูร…”
หลี่จิ่วเต้ามองลั่วสุ่ยยิ้ม ๆ “สายหน่อยข้าจะตกปลาให้เจ้ากิน”
……….