รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1101 บ้าไปแล้วจริง ๆ กล้าแหกกฎเช่นนี้!
- Home
- All Mangas
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1101 บ้าไปแล้วจริง ๆ กล้าแหกกฎเช่นนี้!
บทที่ 1101 บ้าไปแล้วจริง ๆ กล้าแหกกฎเช่นนี้!
……….
บทที่ 1101 บ้าไปแล้วจริง ๆ กล้าแหกกฎเช่นนี้!
นักพรตชราจะไม่เกิดโทสะได้อย่างไร ในที่สุดก็เวียนมาถึงคราวของเขา ทว่ากลับมีคนแดนพิสุทธิ์จวินเทียนไม่รักษากฎ สังหารบรรพมังกรเก้าเล็บที่เขาเลือก เขาย่อมต้องโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว!
เส้นทางฝึกตนไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งก้าวไปไกลเท่าใด ก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
ยามนี้เขาอยู่ในขั้นที่ไม่อาจใช้คำว่ายากมาบรรยาย เป็นสถานการณ์ที่ไร้หนทางไปต่อโดยสิ้นเชิง
ตัวตนระดับพวกเขาในแดนพิสุทธิ์มีสถานการณ์ไม่ต่างกันมากนัก
เพื่อเปิดเส้นทาง เพื่อให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทุกระยะพวกเขาจึงต้องเลือกสิ่งมีชีวิตที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอในแดนลับ นำเข้ามาในแดนพิสุทธิ์ จากนั้นก็จะเก็บเกี่ยวดูดซับพลังทั้งหมดในร่างมา
แน่นอน พวกเขาย่อมไม่สามารถจับสิ่งมีชีวิตทรงพลังในแดนลับตามใจชอบได้ ไม่เช่นนั้นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งทั้งหมดจะถูกพวกเขาเก็บเกี่ยวเสียเรียบ ส่งผลให้หลังจากนี้พวกเขาจะขาดช่วงสิ่งไว้ใช้งาน
ดังนั้นพวกเขาจึงทำข้อตกลงร่วมกัน ทุกระยะเวลาช่วงหนึ่ง ผู้หนึ่งจากพวกเขาสามารถเลือกสิ่งมีชีวิตทรงพลังตนหนึ่งจากแดนลับเข้าสู่แดนพิสุทธิ์เพื่อเก็บเกี่ยว เวียนกันไป
บรรพมังกรเก้าเล็บคือสิ่งมีชีวิตที่เขาเลือก อีกทั้งยังจะได้มาในอีกไม่กี่วัน ทว่ากลับถูกสังหารตายอย่างน่าอนาถ!
เขาสงสัยมากว่ามีคนในแดนพิสุทธิ์ไม่ปฏิบัติตามกฎข้อตกลง สังหารบรรพมังกรเก้าเล็บและดูดซับพลังของมันเสียเอง!
“คิดว่าข้ารังแกได้ง่ายอย่างนั้นหรือ?!”
จิตสังหารของเขาล้นทะลัก
มารดามันเถิด ยามผู้อื่นเก็บเกี่ยวไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นแม้แต่น้อย ทว่ายามถึงตาของเขากลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว คนจากแดนพิสุทธิ์ผู้นั้นมองว่าเขาเป็นพลับนิ่มหยิบจับเมื่อใดก็ได้หรือ!
“ให้ข้าดูเสียว่าเป็นผู้ใด!”
สีหน้าของเขาเย็นเยียบ ใช้ร่างแปลงทะยานออกจากดินแดนพิสุทธิ์ มุ่งหน้าไปยังแดนลับลำดับหกสิบแปดที่บรรพมังกรเก้าเล็บอยู่
แดนลับมีแข็งแกร่งมีอ่อนแอ ลำดับหนึ่งย่อมแข็งแกร่งสุด หลังจากนั้นก็จะยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
ความแข็งแกร่งของเขา เทียบในหมู่เหล่าตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวในแดนพิสุทธิ์แล้วไม่นับว่าแข็งแกร่งที่สุด สามารถเลือกเก็บเกี่ยวได้เพียงแค่แดนลับอันดับหกสิบแปดเท่านั้น
ผู้ที่แข็งแกร่งเพียงพอจึงสามารถเลือกสิ่งมีชีวิตจากทุกแดนลับได้ตามใจชอบ
ทว่าถึงเป็นแบบนี้ เขาเองก็ไม่อาจปล่อยไปโดยง่าย!
เขาไม่อาจกล้ำกลืนเรื่องราวครั้งนี้ลงไปได้!
“มีผู้แหกกฎ คิดจะลอยนวลไปเช่นนี้หรือ! จะเป็นไปได้อย่างไร! ผู้ที่แหกกฎจะต้องได้รับการลงทัณฑ์!”
เขาหัวเราะเย็นชาครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าไม่ได้บุ่มบ่ามลงมือแต่อย่างใด
กฎเป็นการตกลงร่วมกันของทุกคน เมื่อมีคนฝ่าฝืน จักต้องถูกทุกคนลงทัณฑ์ ไม่มีทางจะปล่อยข้ามไปได้
“เขา…คิดทำสิ่งใด? นี่…บ้าไปแล้วหรือ? กล้าดีอย่างไรมาทำลายกฎ! ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย!”
ในแดนพิสุทธิ์เข้มงวดเรื่องลำดับชั้น เหนือจากพวกเขาไปยังมีจ้าวแดนพิสุทธิ์ดำรงอยู่
นั่นคือตัวตนที่ไม่อาจล่วงเกินได้อย่างถึงที่สุด เป็นจ้าวแห่งโลกา!
จ้าวแดนพิสุทธิ์ลึกลับอย่างถึงที่สุด กระทั่งเขาเองก็ไม่รู้อันใดมาก จ้าวแดนพิสุทธิ์ผู้นี้ปรากฏตัวออกมาน้อยครั้งยิ่งนัก ขนาดเขายังไม่เคยพบเห็น ได้ยินเพียงเสียงของจ้าวแดนพิสุทธิ์เท่านั้น
แดนพิสุทธิ์จวินเทียนเป็นคนผู้นี้ที่บุกเบิกขึ้นมา
พวกเขาคือสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการเลือกสรร ถูกจ้าวแดนพิสุทธิ์พามายังดินแดนพิสุทธิ์
จ้าวแดนพิสุทธิ์บอกพวกเขาอย่างชัดเจน จำนวนสิ่งมีชีวิตในแดนพิสุทธิ์จะต้องคงที่แน่นอน นอกจากพวกเขาแล้วไม่อาจมีสิ่งมีชีวิตอื่นได้
พวกเขาตระหนักชัดยิ่งถึงความประสงค์ของจ้าวแดนพิสุทธิ์ที่ไม่ต้องการให้สิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งเกินไป จนคุกคามจ้าวแดนพิสุทธิ์ได้
และพวกเขาก็เป็นผู้ที่จ้าวแดนพิสุทธิ์เลือกเอาไว้
จุดประสงค์การดำรงอยู่ของพวกเขาคือการรับรองว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใหม่ที่สามารถคุกคามจ้าวแดนพิสุทธิ์ได้ถือกำเนิดขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่พวกเขาคอยเก็บเกี่ยวสิ่งมีชีวิตทรงพลังจากแดนลับต่าง ๆ
สิ่งมีชีวิตทรงพลังในแต่ละแดนลับ หากก้าวขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่ห่างไกลอันใดจากขอบเขตพวกเขามาก พวกเขาจึงรับหน้าที่ทำให้สิ่งมีชีวิตในแดนลับไม่อาจก้าวเข้าสู่ขอบเขตเดียวกับพวกเขาได้
‘หลังจากจ้าวแดนพิสุทธิ์นำพาพวกเราเข้าสู่แดนพิสุทธิ์ก็ไม่ได้ชี้แนะแนวทางฝึกฝนต่อไปแต่อย่างใด จุดประสงค์ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง คือไม่ต้องการให้พวกเราก้าวสู่ขอบเขตที่สูงกว่านี้!’
เขาคิดในใจ ‘พวกเราล้วนกระจ่างแจ้งในจุดนี้ดี และก็ไม่ต้องการถูกจ้าวแดนพิสุทธิ์สังหาร ดังนั้นจึงได้ลอบทำข้อตกลงขึ้นมา เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว จะดูดซับพลังทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตที่เก็บเกี่ยวมา ให้เปิดหนทางเดินไปต่อ!’
เป็นเวลายาวนานมากแล้วที่พวกเขาอาศัยอยู่ในแดนพิสุทธิ์ ตอนแรกพวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของจ้าวแดนพิสุทธิ์อย่างเคร่งครัด เก็บเกี่ยวสิ่งมีชีวิตทรงพลังต่าง ๆ ในทุกแดนลับ ไม่ปล่อยให้พวกมันได้ก้าวไปไกลกว่านี้
ทว่าหลังจากนั้นความคิดของพวกเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป
พวกเขาคือผู้เก็บเกี่ยว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะกลายเป็นผู้ถูกเก็บเกี่ยวแทนหรือไม่ เพียงแค่จ้าวแดนพิสุทธิ์ต้องการ พวกเขาเป็นฝ่ายถูกเก็บเกี่ยวไปเมื่อใดก็ได้
ต่อมาพวกเขาจึงได้เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ ทุกครั้งที่เก็บเกี่ยวสิ่งที่ชีวิตทรงพลังจากแดนลับต่าง ๆ พวกเขาก็จะดูดซับพลังของสิ่งมีชีวิตทรงพลังมาช่วยเปิดหาทางการฝึกฝนด้วย
พวกเขาต้องการกำจัดชะตากรรมการถูกเก็บเกี่ยว!
แน่นอนว่าเพราะระหว่างนี้เคยเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ทำให้จ้าวแดนพิสุทธิ์เกิดปัญหาบางอย่างขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาจึงกล้ามีความคิดจะลอบทำเรื่องราวเหล่านี้
หากจ้าวแดนพิสุทธิ์ไม่เกิดปัญหาขึ้นมา พวกเขาคงไม่มีความกล้าอย่างแน่นอน
อย่างไรเสีย พวกเขาก็อยู่ในแดนพิสุทธิ์ ไฉนเลยจะกล้าทำเรื่องราวเหล่านี้ภายใต้สายตาของจ้าวแดนพิสุทธิ์ นั่นไม่ต่างอันใดกับการรนหาที่ตายเลย!
‘หลังจากเกิดปัญหาขึ้น สถานการณ์ทั้งหมดพลันเปลี่ยนไป จ้าวแดนพิสุทธิ์ออกจากดินแดนพิสุทธิ์ ยามนี้ไม่รู้อยู่แห่งหนใด ความสัมพันธ์ทั้งหมดกับพวกเราก็ถูกตัดขาด!’
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับจ้าวแดนพิสุทธิ์ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นปัญหาใหญ่หนัก พวกเขาตระหนักชัดเป็นอย่างดี เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์จะไม่สนใจพวกเขาจนกว่าจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้
ดังนั้นพวกเขาจึงกล้ามีความคิดมีเช่นนี้
ทว่าเส้นทางการฝึกฝนต่อนั้นยากเย็นแสนเข็ญนัก แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปิดเส้นทางเดินต่อ
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่กล้าเก็บเกี่ยวสิ่งมีชีวิตทรงพลังในแดนลับครั้งใหญ่ เหลือทิ้งไว้ค่อย ๆ เก็บเกี่ยวทีละน้อย
หากเก็บเกี่ยวทั้งหมดไป จะต้องเกิดการขาดช่วงอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นพวกเขาเองที่จะสูญเสียตัวช่วยเปิดเส้นทางการฝึกตนต่อไป
การเปิดเส้นทางฝึกฝนให้เดินต่อ ไม่อาจรีบร้อน จำเป็นต้องใช้เวลามาถม ค่อย ๆ ลับไปทีละน้อย หากเร่งร้อนเกินไป เช่นนั้นจะให้ผลตรงกันข้ามกัน
‘จะมีเวลาเพียงพอหรือไม่ พวกเราเองก็ไม่อาจทราบ แต่พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว…’
การเก็บเกี่ยวสิ่งมีชีวิตทรงพลังทั้งหมดในทุกแดนลับทั้งหมด จากนั้นค่อยเปิดหนทางฝึกตนต่อแบบไปตายเอาดาบหน้า ความคิดเช่นนี้ไม่ใช่พวกเขาจะไม่เคยมี
พวกเขากระทั่งเคยทำมาก่อนเสียด้วยซ้ำ
ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเก็บเกี่ยวสิ่งมีชีวิตทรงพลังจำนวนมากในแดนลับ ดูดซับพลังเหล่านั้นจนสิ้นเพื่อพยากรณ์หาเส้นทางการฝึกตนหลังจากนี้
ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้พวกเขาได้แต่มองอย่างโง่งม
การใช้พลังมากมายถึงเพียงนั้นพยากรณ์ ยังไม่สู้กระทั่งใช้พลังอันเล็กน้อยของพวกเขา ไม่ต้องกล่าวถึงการเปิดเส้นทางฝึกฝนหลังจากนี้เลย สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับเป็นม่านหมอกที่มากขึ้น ทำให้พวกเขาไม่ชัดเจนในเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้เสียยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ต้องก้าวเดินต่อเช่นไร
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าลงมือเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่อีกต่อไป เพียงทำข้อตกลงกันว่าหนึ่งในพวกเขาจะได้เก็บเกี่ยวหนึ่งสิ่งมีชีวิตทรงพลังแดนลับ เพื่อดูดซับพลังไปพยากรณ์
“มันได้ผล อย่างน้อยม่านหมอกเหล่านั้นก็จางลง ค่อย ๆ มองเห็นเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้”
พวกเขาทำเช่นนี้มาเป็นเวลายาวนาน ผลลัพธ์ไม่อาจกล่าวได้ว่าดีมากนัก แต่ก็ไม่นับว่าเลวร้ายเกินไป เกือบจะสามารถมองเห็นเส้นทางการฝึกฝนหลังจากนี้
หากพวกเขายังคงทำต่อไป พวกเขาจะต้องได้เห็นเส้นทางการฝึกฝนหลังจากนี้อย่างชัดเจน จากนั้นจึงเริ่มลงมืออย่างจริงจัง
“ปัญหาคือตอนนี้มีผู้ไม่รักษากฎ!”
มันยิ้มเย็นอีกครั้ง เดือดดาลอย่างแท้จริง
คนไม่รักษากฎไม่เพียงแต่จะทำร้ายตนเอง ยังทำร้ายพวกเขาทุกคนด้วย!
“ดังนั้น เขาจะต้องถูกทุกคนลงโทษอย่างแน่นอน!”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง กล้าที่จะไปดูว่าผู้ใดกันที่กำลังแหกกฎ
‘เขาเสียสติไปแล้ว มองไม่เห็นถึงความหวังในการก้าวเดินต่อบนเส้นทางการฝึกฝน หรือถูกกดดัน คิดว่าจ้าวแดนพิสุทธิ์กำลังจะกลับมาในอีกไม่ช้า เป็นเหตุให้แหกกฎอย่างนั้นหรือ?’
เขาเหยียดยิ้ม คิดว่าสิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์นี้จะต้องเสียสติด้วยความกลัวเป็นแน่ ดังนั้นจึงได้แหกกฎ ต้องการเก็บเกี่ยวสิ่งมีชีวิตทรงพลังจำนวนมากจากแดนลับเพื่อเป็นความหวังครั้งสุดท้าย
“เจ้าเสียสติไปแล้วก็อย่าได้ลากพวกข้าไปตายด้วย! หากปล่อยให้เจ้าเก็บเกี่ยวตามใจชอบ พวกเราทั้งหมดคงจบสิ้นแล้ว!”
เขาเอ่ยด้วยแววตาดุร้าย
ขณะนั้นเอง ร่างแปลงของเขาก็เร่งรุดมาถึงที่อยู่ของบรรพมังกรเก้าเล็บ
ครั้นเพิ่งมาถึงที่อยู่ของบรรพมังกรเก้าเล็บ เขาพลันสับสนขึ้นมา!
“ยังคงอยู่! อีกทั้งยังตุ๋นบรรพมังกรเก้าเล็บด้วย!”
เขากัดฟัน ไม่คิดว่าจะเจอสถานการณ์เช่นนี้จริง ๆ
เดิมทีเขาคิดว่าแม้ร่างแปลงจะไปถึง ก็ยังยากยิ่งที่จะได้พบสิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์อยู่ที่นั่น
ต่อให้สิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์นั่นจะบ้าไปแล้ว แต่ก็ควรกระจ่างแจ้งดีถึงผลที่ตามมาของการแหกกฎ จะต้องไม่กล้าเปิดเผย และลงมืออย่างลับ ๆ แน่นอน
ดังนั้นสิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์นั่นจึงได้ลงมือ คิดว่าหลังลงมือกับเขาที่แข็งแกร่งไม่เพียงพอแล้ว หลังจากสังหารมังกรเก้าเล็บจะต้องไม่ถูกเขาพบตัวแน่
ส่วนตัวเขาเองก็เผื่อใจว่าอาจจะตามหาตัวสิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์นั่นไม่เจอแล้ว เขาเตรียมติดต่อกับสิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์อื่นตั้งแต่แรก ต้องการให้สิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์คนอื่นมาช่วยเหลือเขา
แต่ผู้ใดจะรู้ ว่าเมื่อร่างแปลงของเขามาถึงก็ได้พบกับผู้ลงมือสังหารบรรพมังกรเก้าเล็บจริง ๆ!
“เขาบ้าไปแล้วหรือ!”
จิตสังหารล้นทะลัก สิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์นั่นบ้าไปแล้วจริง ๆ กล้าสังหารบรรพมังกรเก้าเล็บ ทั้งยังตุ๋นเนื้อมังกรกินที่นี่ ช่างหยิ่งผยองไม่เห็นหัวผู้ใด!
“ให้ข้าดูเสียว่าเจ้าเป็นใครกัน!”
เขาพุ่งตรงไปทันทีพร้อมตวาดใส่หลี่จิ่วเต้า “ผู้ใดบงการอยู่เบื้องหลังเจ้า!”
หลี่จิ่วเต้าไม่ใช่สมาชิกสิ่งมีชีวิตแดนพิสุทธิ์ เขาเชื่อว่าสมาชิกที่บ้าไปแล้วผู้นั้นจะต้องบงการให้หลี่จิ่วเตาสังหารบรรพมังกรเก้าเล็บ
“บงการอันใด?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย “แค่สังหารมังกรชั่วร้าย ยังจำเป็นต้องให้ผู้อื่นบงการด้วยอย่างนั้นหรือ?”
คนผู้นี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริง!
“ไม่พูดก็ไม่เป็นไร รอหลังจัดการเจ้าเสร็จย่อมรู้ความจริงทั้งหมด!”
ร่างแปลงนักพรตเฒ่าเหยียดยิ้ม
……….