รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1093 เพื่อความอยู่รอดแล้ว ทำได้เพียงสองหนทางนี้เท่านั้น!
- Home
- All Mangas
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1093 เพื่อความอยู่รอดแล้ว ทำได้เพียงสองหนทางนี้เท่านั้น!
บทที่ 1093 เพื่อความอยู่รอดแล้ว ทำได้เพียงสองหนทางนี้เท่านั้น!
……….
บทที่ 1093 เพื่อความอยู่รอดแล้ว ทำได้เพียงสองหนทางนี้เท่านั้น!
สิ่งที่เต่าชราเอ่ยออกมา ดูแล้วเลื่อนลอยไปบ้าง
อา เรื่องทั้งหมดไม่อาจอธิบายออกมาได้ ควรกล่าวว่านี่ออกจะเลื่อนลอยเกินไปหน่อย
ทว่าซีเองก็ต้องยอมรับ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
พลังที่ปกป้องนางปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันยิ่ง ซ้ำยังได้รับการปรับปรุงใหม่ในทุกด้าน ทำให้นางไม่จำเป็นต้องพยายามอย่างยากลำบากก็สามารถเชี่ยวชาญวิชาทั้งหลายได้
อีกทั้งนางยังไม่จำเป็นต้องมีความคิดริเริ่มในการฝึกฝนเสียด้วยซ้ำ ร่างกายก็ดูดซับพลังฟ้าดินเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง พัฒนาขอบเขตให้สูงขึ้นไป
ผู้ใดที่ดีกับนางถึงเพียงนี้?
สิ่งที่เต่าชราเอ่ยมีโอกาสเป็นจริง เป็นไปได้อย่างมากว่าชาติก่อนของนางกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับนาง และกลัวว่านางจะไม่แข็งแกร่งพอที่จะทนรับการตื่นรู้ของชาติก่อนได้ ดังนั้นพลังในชาติก่อนของนางจึงออกมาคอยปกป้องเอาไว้
หากพลังที่คอยปกปักมีที่มาเช่นนี้ นางย่อมรู้สึกคุ้นเคยและใกล้ชิด ทั้งหมดเป็นสิ่งที่นางในชาติก่อนจงใจสร้างขึ้นมา จุดประสงค์เพื่อป้องกันนางคิดมากเกินไป ทำให้เข้าใจว่าอาจเป็นคนคุ้นเคยใกล้ชิดจากชาตินี้หรือชาติก่อนคอยปกป้องนางเอาไว้ ไม่ให้คิดโยงไปถึงชาติก่อนของตนเอง…
ขณะเดียวกัน ชาติก่อนยังส่งพลังชักนำนางให้ค่อย ๆ ตามหากล่องสี่เหลี่ยม
“ปัญหาคือ หากชาติก่อนของข้าทรงพลังน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้จริง เหตุใดจำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากถึงขนาดนี้ด้วย? ปล่อยให้พลังนี่บังคับพาข้าไปยังกล่องสี่เหลี่ยมไม่ดีกว่าหรือ?”
ซีกล่าวด้วยความสงสัย “ต่อหน้าพลังนี้ ข้าไม่มีความสามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย!”
“ข้าเพียงแค่บอกการคาดเดาของตนเอง หาได้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด”
เต่าชราเอ่ย “บางทีข้าอาจคิดมากเกินไป พลังปกป้องไม่ใช่พลังของชาติก่อนเจ้า ทว่าข้าก็ยังแนะนำให้เจ้าระมัดระวังมากขึ้น!”
มันพูดต่อ “เป็นไปได้ว่าอาจด้วยเหตุผลหรือข้อจำกัดบางอย่าง ชาติก่อนของเจ้าจึงไม่อาจบังคับพาเจ้าไปที่นั่นได้! นี่ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้! อย่างไรเสีย เจ้าก็รู้ พวกเราในตอนนี้ขอบเขตต่ำเกินไป มีเรื่องราวมากมายที่ยังไม่กระจ่างชัด”
จากนั้นมันก็ยกตัวอย่าง “เหมือนบทสนทนาระหว่างเสียงฉินกับหยวนอู้ ผู้เดินหมาก เรื่องลำดับขั้นพวกนั้น พวกเราไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย!”
“ดังนั้นทุกสิ่งมีโอกาสเป็นไปได้ จำต้องระวังเอาไว้!”
ความหมายของเต่าชราเข้าใจได้ง่ายมาก ปัญหายามนี้ที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้ นั่นเป็นเพราะขอบเขตของพวกเขาไม่สูงเพียงพอ ไม่เกี่ยวว่าเรื่องนี้จะมีความเป็นไปได้หรือไม่
ซีต้องการแยกตัวออกจากชาติก่อน ไม่อยากผสานเข้าด้วยกัน ไม่ยอมให้ชาติก่อนครอบงำ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องเหล่านี้จะไปเป็นได้หรือเปล่า ซีก็ยังคงต้องคำนึงถึงจุดนี้ ระมัดระวังในทุกด้าน!
อย่างไรเสีย ชาติก่อนของซีเหนือชั้นเกินไป ทุกอย่างไม่อาจใช้สามัญสำนึกคาดเดาหรือตัดสิน!
“เข้าใจแล้ว…”
ซีพยักหน้า “ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ เพื่อที่ข้าจะได้ต่อกรกับชาติก่อนได้ มีคุณสมบัติที่จะเอ่ยปากได้อย่างเท่าเทียม!”
นางตัดสินใจที่จะฝึกฝนก่อน รอจนแข็งแกร่งขึ้น มีความสามารถเพียงพอต่อกรกับชาติที่แล้ว นางค่อยกลับไปหากล่องสี่เหลี่ยม
สิ่งที่เต่าชรากล่าวมาไม่ได้ผิดแต่อย่างใด
นางต้องการรู้สถานการณ์ของบิดามารดารวมถึงคนในตระกูลมากจริง ๆ ทว่าด้วยตัวนางในตอนนี้ การไปที่นั่นทันที ไม่ว่าบิดามารดาและคนในตระกูลของนางจะอยู่ในสภาพเช่นใด อย่างเช่นถูกกล่องสี่เหลี่ยมขังเอาไว้เป็นต้น นางก็ไม่มีกำลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้
สิ่งที่สำคัญสุดคือนางจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ!
เช่นนี้แล้ว แม้ทุกอย่างจะเป็นกับดัก กลลวง ชาติที่แล้วนำบิดามารดาและคนในตระกูลของนางมาข่มขู่ หรือกรณีอื่น ๆ นางก็ยังมีพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวทั้งหมดได้
หลังจากนั้นพวกเขาก็จากไป ตามหาสถานที่อันมีสสารฝึกฝนคับคั่ง ก่อนจะเริ่มฝึกฝน
…
อีกด้านหนึ่ง จ้าวตี้กับเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ต่างสับสนจนโง่งมไปแล้ว
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าพลังเสียงระฆังโบราณนั้นจะพ่ายแพ้ ซ้ำยังพ่ายแพ้อย่างอนาถา ถูกทุบตีครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ระเบิดออกจนแหลกลาญ!
ทว่าบทสนทนาระหว่างหยวนอู้และฉินอี๋อิน พวกเขาไม่ได้ยินแต่อย่างใด
พวกเขาอยู่ห่างมากเกินไป การสนทนาระหว่างหยวนอู้และฉินอี๋อินถูกสารพัดพลังอันน่าสะพรึงกลัวกลบเอาไว้เสียหมด
“ควรทำเช่นไรดี? หรือว่ากระทั่งพลังที่อยู่เบื้องหลังเสียงนั้นเองก็ไม่ไหว?”
ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่เอ่ยออกมาเสียงสั่น
ขณะเดียวกัน ภายในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกโชคดีอย่างถึงที่สุด
ยังดีที่การต่อสู้ทางนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป ทำให้พวกเขาไม่มีหนทางเข้าใกล้ หากพวกเขาเข้าไปได้ และส่งเสียงให้กำลังใจระฆังโบราณข้างสนามรบ พวกเขาจะต้องถูกฉินอี๋อินกำจัดทิ้งอย่างแน่นอน!
“ทำอย่างไรได้! ข้าเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร!”
จ้าวตี้พยายามสงบสติอารมณ์ลง ครั้งนั้นยามที่พวกเขาทำร้ายคนผู้นั้น เขายังสับสนวุ่นวายไปครู่หนึ่ง แต่ก็ฟื้นความสงบนิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนกับเหล่าผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ที่หวาดกลัวเสียจนปัสสาวะราดกางเกง
แต่ตอนนี้เขาตื่นตระหนกยิ่ง ไม่อาจรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้
ความพ่ายแพ้ของระฆังโบราณ ทำให้เขารู้สึกว่าพลังเบื้องหลังเสียงนั่น เกรงว่าจะไม่สามารถต่อกรกับคนผู้นั้นหลังจากฟื้นคืนชีพกลับมาได้!
นี่หมายความว่าต่อให้พวกเขาสามารถหลบภัยไปพึ่งพิงพลังเบื้องหลังเสียงนั่นได้ พวกเขาก็ไม่อาจหนีพ้นความตายได้
“อย่าตื่นตกใจ อย่าสับสน!”
เขากัดฟัน บังคับให้ตนเองสงบสติอารมณ์ลงอย่างหนัก ตระหนักเป็นอย่างดีว่ายามนี้ไม่อาจตื่นตระหนกได้ ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงไปใหญ่
ต้องกล่าวว่าเขาไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง สุดท้ายก็กดข่มความตื่นตระหนกในใจลงไปได้ เปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง อีกทั้งยังสามารถคิดหนทางเดินหลังจากนี้ออกมา
“การต่อสู้ในวันนี้ยังไม่ใช่สงครามครั้งใหญ่ที่แท้จริง ถือได้ว่าเป็นเพียงแค่การกระทบกระแทกกันครั้งแรกเท่านั้น เป็นเพียงการต่อสู้เล็ก ๆ!”
เขากล่าวด้วยความใจเย็นว่า “แม้ระฆังโบราณจะพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพลังที่อยู่เบื้องหลังจะไม่อาจต่อกรกับคนผู้นั้นที่หวนคืนกลับมาได้! อย่างไรเสีย พลังที่อยู่เบื้องหลังเสียงนั่นก็เคยเป็นผู้ชนะมาก่อน ทำให้คนผู้นั้นพ่ายแพ้ได้!”
เขาเอ่ยต่ออีกว่า “ดังนั้นพวกเราคงต้องข้ามไปยังฝั่งทะเลนิโรธ ตามหาความช่วยเหลือจากพลังเบื้องหลังเสียงนั่น ก่อนจะเข้าร่วมกับฝ่ายนั้น”
“แต่พวกเราก็ไม่สามารถฝากความหวังทั้งหมดไว้กับพลังเบื้องหลังเสียงนั่นได้…”
ครั้งนี้ระฆังโบราณเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แม้ในความคิดของเขาแล้ว นี่เป็นเพียงแค่การต่อสู้เล็ก ๆ เป็นการปะทะกันครั้งแรก ไม่อาจตัดสินชัยชนะในท้ายที่สุดได้อย่างสมบูรณ์
ทว่าความพ่ายแพ้ในการต่อสู้เล็ก ๆ ครั้งนี้ก็ยังแสดงให้เห็นถึงปัญหาบางประการ…
“พวกเราแบ่งกำลังออกเป็นสองกลุ่ม หนึ่งไปทะเลนิโรธ อีกหนึ่งไป…ฝั่งด่างพร้อย!”
เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก
พลังด่างพร้อยในโลกใหม่น่าหวาดกลัวมาก เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงต้องการส่งเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ที่ตายแล้วไปฟื้นคืนชีพในดินแดนเก่า ไม่ยอมเสียพลังใดที่สามารถนำมาเป็นกำลังในการต่อสู้ได้
ยามนี้พลังด่างพร้อยในโลกใหม่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เริ่มสร้างรูปลักษณ์ทั้งยังมีจิตสำนึกเกิดขึ้นมา ไม่ใช่เพียงแค่พลังบริสุทธิ์อีกต่อไป
ก่อนหน้านี้ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขาตื่นกลัวอย่างมากถึงที่สุด
เนื่องจากต่อให้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ที่สิ้นชีพไปทั้งหมดฟื้นคืนชีพกลับมาจากดินแดนเก่า ก็ยังเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับพวกเขาที่จะจัดการพลังด่างพร้อยที่น่ากลัวขึ้นถึงขั้นเกิดรูปลักษณ์และจิตสำนึกขึ้นมา
“ไปหาพวกมัน?! นี่เป็นการรนหาที่ตาย!!!”
ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ที่มีร่างกายกำยำประหนึ่งกล้ามเนื้อจะระเบิดร้องอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้
เขาคือจ้าวหมาน แม้ลมหายใจของเขาจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ก็ยังถูกคำพูดจ้าวตี้ทำให้ตื่นกลัว
พลังด่างพร้อมนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เปี่ยมด้วยเจตจำนงต้องการทำลายล้างทุกสิ่ง ยามนั้นเป็นเพราะเหตุนี้เอง พวกเขาจึงต้องกัดฟันสู้ตายกับพลังด่างพร้อยที่ระเบิดออกมา
หากไม่ใช่เพราะพลังด่างพร้อยมีเจตจำนงต้องการทำลายทุกสิ่ง พวกเขาคงไม่เสี่ยงชีวิตหยุดยั้งมันเอาไว้!
พวกเขานั้นต่างรักชีวิตยิ่ง ไม่มีผู้ใดต้องการตาย
จ้าวตี้เสนอให้พวกเขาไปหาพลังด่างพร้อย นี่ไม่ต่างจากส่งพวกเขาไปตาย!
“ไม่เหมาะสม!”
“ข้าเองก็คิดว่าไม่เหมาะสม! พวกเราไม่ควรไปยุ่มย่ามกับพลังด่างพร้อยนั่น สมควรมุ่งเน้นไปที่ทางทะเลนิโรธ ตามหาความช่วยเหลือจากพลังเบื้องหลังเสียงนั่น!”
“ใช่แล้ว! ในความคิดของข้า การไปหาพลังเบื้องหลังเสียงนั่นปลอดภัยจากกว่าไปหาพลังด่างพร้อมมาก!”
ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่คนอื่นเองก็พากันส่ายหัวเอ่ยออกมา
พวกเขาทั้งหมดล้วนเคยต่อกรกับพลังด่างพร้อย รู้ซึ้งว่าพลังด่างพร้อยน่ากลัวเพียงใด มันไม่มีความคิดอื่นโดยสมบูรณ์ นอกเสียจากความต้องการทำลายล้างทุกสิ่ง เพียงแค่คิดว่าพวกเขาต้องไปหาพลังด่างพร้อยก็หวาดกลัวจนทนไม่ไหวแล้ว
“นั่นมันเมื่อก่อน!”
จ้าวตี้ส่ายหัวพลางเอ่ยว่า “เดิมทีพลังด่างพร้อยเหล่านั้นเป็นเพียงพลังบริสุทธิ์ มีเพียงแค่จิตสำนึกจากสัญชาติญาณ นั่นทำให้พวกมันต้องการทำลายล้างทุกสิ่ง”
“ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“พลังด่างพร้อยเหล่านั้นได้ให้กำเนิดรูปร่างและจิตสำนึกแล้ว หาใช่เพียงพลังบริสุทธิ์อีกต่อไป เช่นนั้นพวกมันยังต้องการทำลายล้างทุกสิ่งอีกหรือไม่?”
จ้าวตี้กล่าว “ข้าว่าเรื่องนี้ไม่แน่เสมอไป!”
“พวกมันมีจิตสำนึกแล้ว หมายความว่าพวกมันมีความคิดของตัวเอง ไม่ต้องการทำลายล้างทุกสิ่งอีกต่อไป!”
“อย่างน้อยสุด พวกมันที่มีสติแล้วยังสามารถเจรจาต่อรองได้”
เขาพูดต่อ “พวกเรากลัวคนผู้นั้นฟื้นคืนชีพกลับมายังโลกใหม่ เช่นนั้นแล้วพลังด่างพร้อยจะไม่กลัวหรือ?”
“พวกเจ้าก็รู้ ก่อนหน้านี้คนผู้นั้นได้ปราบปรามและพยายามแก้ไข้ปัญหาพลังด่างพร้อยให้สมบูรณ์!”
“พวกมันมีจิตสำนึกแล้ว ย่อมต้องกลัวว่าคนผู้นั้นจะหวนกลับมายังโลกใหม่แน่นอน!”
“เช่นนี้ พวกเรากับพวกมันนับว่ามีศัตรูร่วมกัน ยังสามารถร่วมมือกันได้!”
จ้าวตี้เอ่ยการวิเคราะห์ของตนออกมา
หลังจากนั้นผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่คนอื่น ๆ พลันเงียบไป
จ้าวตี้กล่าวไม่ผิด หากคนผู้นั้นหวนกลับมายังโลกใหม่จะต้องสะสางพลังด่างพร้อยเหล่านี้ออกไปอย่างแน่นอน
พลังด่างพร้อยที่มีจิตสำนึกเหล่านี้เองก็ต้องกลัวคนผู้นั้นหวนกลับมาโลกใหม่แน่นอน
“แบ่งกำลังออกเป็นสองทาง หนึ่งไปทางทะเลนิโรธ ตามหาความช่วยเหลือจากพลังเบื้องหลังเสียงนั่น อีกกลุ่มไปยังฝั่งพลังด่างพร้อย เจรจากับพลังด่างพร้อยเหล่านั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ!”
จ้าวตี้กล่าว “ทุกคนต่างต้องการมีชีวิตรอด เพื่อความอยู่รอดแล้ว พวกเราทำได้เพียงสองหนทางนี้เท่านั้น! ข้าหวังว่าทุกคนจะตระหนักจุดนี้ได้อย่างชัดเจน!”
สุดท้ายเขาก็แสดงตัวว่าตนเองสามารถไปยังฝั่งพลังด่างพร้อยได้
……….