รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1092 เตรียมตัวให้พร้อม นี่อาจเป็นกับดัก!
- Home
- All Mangas
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1092 เตรียมตัวให้พร้อม นี่อาจเป็นกับดัก!
บทที่ 1092 เตรียมตัวให้พร้อม นี่อาจเป็นกับดัก!
……….
บทที่ 1092 เตรียมตัวให้พร้อม นี่อาจเป็นกับดัก!
เขาคือตัวอย่างชั้นดี หากเขายังมีกำลังรบระดับผู้เดินหมาก ปีศาจเฒ่าต้องห้ามเบื้องหลังเขาย่อมน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่า
ตู้ม!
ระฆังโบราณดังกู่ก้อง หลอมร่างอีกครั้ง หยวนอู้ถ่ายทอดพลังกล้าแกร่งกว่าเดิมไปให้ ไม่ยอมถอยทั้งอย่างนี้ เขาอยากเห็นว่าผู้นั้นที่หวนคืนกลับมาทรงพลังเพียงใด
‘น่าเสียดาย มีขีดจำกัดบางอย่างอยู่จึงถ่ายทอดพลังกล้าแกร่งกว่านี้ของข้ามาไม่ได้ หาไม่แล้วข้าต้องได้รู้เรื่องมากกว่านี้แน่’
เขาทอดถอนใจ
ในอดีต แม้ว่าผู้นั้นล้มเหลวถูกปลิดชีพ กระนั้นก็สร้างผลกระทบต่อพวกเขาได้บ้าง ทำให้พวกเขาถูกจำกัดหลายอย่าง ไม่อาจจุติมายังปฐพีผืนนี้ด้วยกำลังทั้งหมด
บัดนี้ พลังที่เขาถ่ายทอดเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่อาจถ่ายทอดพลังกล้าแกร่งกว่านี้ได้อีก
“เปล่าประโยชน์!”
ฉินอี๋อินเอ่ยเสียงเย็น ทวนยาวสัมฤทธิ์ซึ่งหลอมด้วยเสียงฉินแข็งกล้าไร้เทียมทาน เปี่ยมด้วยพลังไร้พ่าย กระเทือนระฆังโบราณจนแหลกลาญอีกครั้ง!
นี่คือพลังบรรเลงฉินจากคุณชาย ลำพังพลังที่หยวนอู้ถ่ายทอดมาสู้ได้ที่ไหน มันยังไม่ได้สำแดงพลานุภาพทั้งหมดด้วยซ้ำ
หากสำแดงทั้งหมด ต่อให้ร่างต้นหยวนอู้มาด้วยตนเองมันก็มั่นใจว่าฆ่าเขาได้!”
‘ลงท้ายข้าก็ยังเป็นหมากตัวหนึ่งหรือ’
เวลานั้น หยวนอู้สลดในใจ ไม่ได้หลอมร่างระฆังโบราณขึ้นมาสู้ต่อ
พลังกล้าแกร่งที่สุดที่ถ่ายทอดมาได้ยังสู้ไม่ไหว เขาลงมือต่อไปก็ไร้ความหมาย
นอกจากนี้ ศึกนี้สร้างความสะท้อนใจแก่เขาอย่างยิ่งยวด
ก่อนหน้านี้เขาคิดเสมอว่าตนไม่ใช่หมากตัวหนึ่งอีกแล้ว หากแต่ได้เป็นหนึ่งในผู้เดินหมากหลังฉาก
ทว่าบัดนี้ เขาต้องคลางแคลงขึ้นมาอีกครั้ง
วาจาของฉินอี๋อินลงท้ายก็สร้างความสะเทือนใจแก่เขา
เมื่อเขาได้ใคร่ครวญดู ก่อนหน้านี้เขาอยู่แต่ในโลกของตัวเองจริง ๆ ทึกทักเอาเองทั้งนั้น เขาไฉนเลยจะกลายเป็นหนึ่งในผู้เดินหมากหลังฉากได้เล่า ปีศาจเฒ่าต้องห้ามทั้งหลายยังไม่ให้การยอมรับเขา ใช้เขาเป็นหมาก
มิฉะนั้น เหตุใดบรรดาปีศาจเฒ่าต้องห้ามถึงไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน ทุกคำสั่งล้วนไม่ได้สั่งลงมาซึ่งหน้า!
เหตุใดเหล่าปีศาจเฒ่าต้องห้ามถึงไม่ยอมปรากฏตัวเสียที?
หากเหล่าปีศาจเฒ่าต้องห้ามยอมออกโรงแก้ไขปัญหาและผลกระทบอันเกิดจากผู้นั้น ทุกอย่างย่อมคลี่คลายลงง่ายดาย
ทว่าปีศาจเฒ่าต้องห้ามทั้งหลายไม่เคยปรากฏตัวสักครั้ง ไม่เคยยอมแก้ไขปัญหาและผลกระทบเหล่านั้น
นอกจากนี้ ผู้นั้นเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงเก่งกาจปานนี้ แล้วเหตุใดถึงเป็นปรปักษ์กับปีศาจเฒ่าต้องห้าม?
เขาไม่สู้จะเข้าใจเรื่องนี้เท่าใดนัก เหล่าปีศาจเฒ่าต้องห้ามไม่เคยบอกเขา
สิ่งที่เขาต้องทำ คือต่อสู้กับผู้นั้นใต้การบัญชาลับ ๆ จากปีศาจเฒ่าต้องห้ามเหล่านั้น
ส่วนเรื่องอื่นที่เขารู้นั้นมีจำกัด
ศึกวันนี้ช่วยให้เขาตาสว่าง เขาทึกทักเอาเองว่ากลายเป็นผู้เดินหมาก อันที่จริงเขายังเป็นหมากตัวหนึ่ง เพียงแต่ได้พลังซึ่งเทียบได้กับผู้เดินหมากในอดีตแล้วเท่านั้น
ว่าตามคำกล่าวของฉินอี๋อิน เขาแค่เปลี่ยนจากหมากตัวเล็ก ๆ เป็นหมากสำคัญ…
แม้ไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็จำต้องยอมรับว่าความจริงเป็นเช่นนี้
‘ไม่เป็นไร หมากก็หมาก อย่างไรก็ก้าวหน้าบ้างแล้ว ภายหน้าใช่ว่าข้าไม่มีโอกาสได้เป็นผู้เดินหมากที่แท้จริงเสียหน่อย!’
เขาหยุดความคิดหม่นหมองในใจ ปลุกความฮึกเหิมขึ้นใหม่
จากนั้น เขาเอ่ยกับฉินอี๋อินว่า “นี่เป็นเพียงเหตุการณ์ปะทะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่อาจสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งใด อนาคตยามศึกใหญ่ที่แท้จริงอุบัติค่อยพบกันใหม่! ชัยชนะในเวลานั้นต่างหากคือชัยชนะอันแท้จริง!”
เอ่ยจบ เขาก็ถอนกำลังทั้งหมด
ถึงแม้เหล่าปีศาจเฒ่าต้องห้ามเบื้องหลังเขาจะไม่ได้ออกโรงแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่ผู้นั้นทิ้งไว้ ทว่าเขาได้แก้ไขด้วยกำลังของตนเองแล้ว
อีกไม่นาน เขาจะจุติมายังปฐพีผืนนี้ได้โดยไม่ได้รับผลกระทบ
ถึงเวลานั้น จักเป็นการเริ่มต้นของศึกใหญ่อย่างแท้จริง!
‘ปีศาจเฒ่าต้องห้ามเหล่านั้นมัวยุ่งกับสิ่งใด ไม่ได้มีคำสั่งมานานแล้ว…’
บัดนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำล้วนตัดสินใจด้วยตนเอง เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเหล่าปีศาจเฒ่าต้องห้ามไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ ไม่มีข่าวคราวมานานแล้ว
‘พวกเขาเดินหมากกันอยู่หรือ’
เขาคิดอย่างอดไม่ได้
คนผู้นั้นคืนชีพซ้ำยังแข็งแกร่งขึ้น ปีศาจเฒ่าต้องห้ามเบื้องหลังเขาทั้งหลายไม่รู้เรื่องสักนิดจริงหรือ
เป็นไปได้ว่าปีศาจเฒ่าต้องห้ามทั้งหลายรู้ทุกอย่าง และกำลังเดินหมากซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้นั้นโดยที่เขาไม่รู้…
เขารู้สึกเศร้าสร้อยอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
เศร้าที่เขาไม่ใช่ผู้เดินหมากคนสุดท้าย
อีกด้าน ฉินอี๋อินดึงพลังซึ่งหล่อหลอมเป็นทวนยาวสัมฤทธิ์กลับ อาบไล้ม่านแสงผืนใหญ่ใส่ซีและเต่าชรา รักษาบาดแผลของพวกเขาให้หายดี
ซีและเต่าชรากล่าวขอบคุณฉินอี๋อินไม่หยุด
จากนั้น ซีถามอี๋อินอย่างอดไม่ได้ว่า “ผู้ที่คอยปกป้องข้าใช่หลี่จิ่วเต้าหรือไม่?!”
ตัวนางเองยังรู้สึกว่าความคิดของตนเหลวไหลสิ้นดี ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ทว่านางรู้สึกจริง ๆ ว่าคนผู้นั้นก็คือหลี่จิ่วเต้า!
ฉินอี๋อินไม่ตอบ มันไม่กล้าตอบ
การเปิดเผยตัวตนของคุณชายเกี่ยวพันกับบ่วงกรรมยิ่งใหญ่ ความจริงเปิดเผยเมื่อใดเป็นต้องสะเทือนเลือนลั่น เป็นเรื่องใหญ่โตเอิกเกริก
การเดินหมากที่แท้จริงนั้น ตัวมันยังไม่รู้ว่าไปถึงขั้นไหนแล้ว มันเองก็อยู่ในหมากกระดานนี้เช่นกัน พลังยังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ ข้อมูลบางอย่างจึงยังส่งมาไม่ถึง
สุดท้าย มันหายไปอย่างไร้สุ้มเสียง
“ไม่ตอบ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ หมายความว่าผู้ที่คอยปกป้องข้าอาจเป็นบุรุษตัวน้อยของข้าจริง ๆ”
รอยยิ้มสดใสระบายอยู่บนใบหน้าหญิงสาว
บางทีนี่คงเป็นความรักกระมัง ยามนึกถึงหลี่จิ่วเต้า นางรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
บุรุษตัวน้อยคนนี้เปิดใจของนางอย่างแท้จริง กลายมาเป็นคนสำคัญอย่างยิ่งยวดในใจนาง ระยะเวลา ระยะห่างล้วนไม่อาจแทรกแซงความรู้สึกที่นางมีต่อบุรุษตัวน้อยได้
“พี่สาว เพ้อเจ้อให้น้อย ๆ หน่อย!”
เต่าชราเอ่ยอย่างละเหี่ยใจ “เหตุใดเจ้าถึงไม่คิดว่าคำถามของเจ้าปัญญาอ่อนเกินไป ผู้นั้นจึงไม่อยากตอบเล่า”
ปุถุชนที่ยังไม่ได้ก้าวสู่เส้นทางฝึกตน ถูกซีเพ้อพกว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงส่ง บอกตามตรง ทั้งหมดนี้น่าขบขันสิ้นดี หากเป็นมัน มันคงไม่อยากตอบเช่นกัน!
“นอกจากนี้ ข้ารู้สึกว่าท่านผู้นั้นอาจหึงและโกรธ ทั้งที่เขาคอยปกป้องเจ้าเรื่อยมา เจ้ากลับเอาแต่จินตนาการว่าเขาคือหลี่จิ่วเต้า บางทีท่านนี้อาจโกรธจนไม่อยากตอบกระมัง!”
มันกล่าวต่อ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันรู้สึกว่าผู้ที่คอยคุ้มครองซีมีความรู้สึกบางอย่างต่อนาง เป็นความพิศวาสระหว่างชายหญิง มันคิดว่าผู้นี้คือคู่บำเพ็ญเพียรและคู่รักของนางเมื่อชาติก่อน
“เจ้าพูดเช่นนี้อีกแล้ว!”
ซีทุบศีรษะเต่าชราด้วยความโมโห เต่าชราหดหัวกลับไปในกระดอง นางทุบโดนแต่อากาศ
นางโกรธแทบแย่ ยกมือทุบกระดองเต่ายกใหญ่ ท่าทางน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ข้าก็คือข้า ต่อให้ชาติก่อนเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับข้า! ข้าในชาตินี้เป็นของบุรุษตัวน้อยคนเดียวเท่านั้น!”
นางเอ่ย “ต่อให้ท้ายที่สุดความทรงจำเมื่อชาติก่อนของข้าตื่นขึ้น ข้าก็จะแยกตัวจากชาติก่อน ไม่ยอมให้ชาติก่อนส่งผลกระทบต่อข้าแน่นอน!”
เวลานั้น หัวของเต่าชราโผล่ออกจากกระดอง มองซีด้วยท่าทางขึงขังพลางเอ่ยว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการเช่นนั้น”
“แน่ใจ!”
ซีพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ไม่ว่าชาติก่อนเป็นอย่างไรก็เป็นเพียงชาติก่อนของข้าเท่านั้น ข้าไม่มีทางลบเลือนชาตินี้ของข้า แยกจากบุรุษตัวน้อย!”
“ก็ได้!”
เต่าชรากล่าว “ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ ข้าขอเตือนให้เจ้าวางแผนแต่เนิ่น ๆ! ถึงอย่างไรชาติก่อนของเจ้าก็ไม่ธรรมดา น่าพรั่นพรึงเหลือแสน หากชาติก่อนของเจ้าตื่นขึ้นจริง เจ้าคิดว่าต่อต้านได้หรือ”
หลังซีฟังจบก็เงียบไปทันที
จริงสิ จากร่องรอยต่าง ๆ รู้ได้เลยว่านางมีชาติก่อน ซ้ำชาติก่อนของนางยังแสนสยดสยอง เป็นตัวตนระดับเกินจินตนาการ
แม้ว่านางในยามนี้จะเด็ดขาดมาดมั่น ทว่าเป็นอย่างที่เต่าชราว่า หากชาติก่อนของนางตื่นขึ้น ทุกอย่างยังเป็นไปตามที่ใจนางหมายได้หรือ
นางยัง…ตัดสินใจเองได้อยู่หรือ
แทบ…ไม่ได้เลย!
หากชาติก่อนอันน่าพรั่นพรึงตื่นขึ้น ย่อมกลายเป็นผู้ชักจูงแทนแน่นอน ถึงคราวนั้น ทุกอย่างต้องเป็นตามชาติก่อนของนางหมายใจ ดวงจิตในชาตินี้อาจถูกขจัดทันที
“หากเจ้าต้องการรักษาดวงจิตของชาตินี้ จำต้องแข็งแกร่งกว่านี้ให้ได้!”
เต่าชราเอ่ยเสียงจริงจัง “เช่นนี้แล้วเจ้าถึงจะมีสิทธิ์เจรจากับชาติก่อน มีสิทธิ์แยกตัวจากชาติก่อน หาไม่แล้วชาติก่อนของเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง ดวงจิตของเจ้าในชาตินี้ก็ยากจะรักษา”
มันเอ่ยต่อ “แม้ว่านั่นคือเจ้าทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรประสบการณ์ความทรงจำก็ต่างออกไป เจ้าไม่รู้ว่าตัวเองในชาติก่อนเป็นคนเช่นไร ข้าแนะนำให้เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมเสียเนิ่น ๆ ดีกว่า!”
ซีเงียบไม่พูดจา
ทุกอย่างที่เต่าชรากล่าวมาไม่ผิด เมื่อไร้พลัง นางย่อมไม่มีสิทธิ์เจรจา หากชาติก่อนเคารพดวงจิตในชาตินี้ของนาง ยินดีแยกตัวจากนางยังดี หากชาติก่อนไม่เต็มใจ ส่วนนางมีพลังไม่พอ นางจำต้องเป็นไปตามการตัดสินของชาติก่อน
“เห็นได้ชัดว่ากล่องสี่เหลี่ยมมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าในชาติก่อน หลังเจ้าได้พบกับกล่องสี่เหลี่ยม เป็นไปได้สูงว่าชาติก่อนของเจ้าจะตื่นขึ้นมาด้วย!”
เต่าชราเอ่ย “ข้าแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปหากล่องสี่เหลี่ยม รอจนเจ้าแข็งแกร่งพอและเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยไปหากล่องสี่เหลี่ยม!”
กล่องสี่เหลี่ยมลึกล้ำยิ่งยวด เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับชาติก่อนของซี ทันทีที่นางได้พบกล่องสี่เหลี่ยม ต่อให้ชาติก่อนของนางไม่ได้ตื่นขึ้นทันที แต่ก็ต้องตื่นขึ้นทีละน้อย จนส่งผลกระทบต่อนาง
หากซีอยากรักษาดวงจิตในชาตินี้ ก็ไม่ควรไปหากล่องสี่เหลี่ยมตอนนี้เป็นการดีกว่า
“ข้ารู้ กล่องสี่เหลี่ยมนำศพของบิดามารดา และคนในตระกูลเจ้าไป เจ้าอยากรู้ว่าบิดามารดาและคนในตระกูลของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นี่เป็นเหตุผลที่เจ้าอยากหากล่องสี่เหลี่ยมให้เจอโดยเร็วที่สุด”
เต่าชรากล่าวต่อ “ยิ่งเป็นเช่นนี้เจ้ายิ่งต้องอดกลั้นให้ได้! เจ้าควรเข้าใจว่าด้วยสถานการณ์ของเจ้าในยามนี้ ต่อให้เจ้าไปก็เปลี่ยนแปลงอันใดไม่ได้!”
“ขอพูดวาจาไม่น่าฟังสักประโยค หากมีทฤษฎีสมคบคิดแฝงไว้ละก็ อาจเป็นกับดักที่ชาติก่อนของเจ้าวางไว้ จงใจเก็บศพของบิดามารดาและคนในตระกูลของเจ้าไปเพื่อให้เจ้าตามไป”
มันกล่าวต่อ “พลังที่คอยคุ้มครองเจ้าชี้ทางสว่างในการตามหากล่องสี่เหลี่ยมแก่เจ้า อาจมาจากชาติก่อนของเจ้าเช่นกัน…”
ซีเงียบลงกว่าเดิม
นางตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด!
……….