รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1078 ส่งยอดศาสตราออกไปสองชิ้น ศึกใหญ่สยดสยองยิ่งขึ้นปะทุ!
- Home
- All Mangas
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1078 ส่งยอดศาสตราออกไปสองชิ้น ศึกใหญ่สยดสยองยิ่งขึ้นปะทุ!
บทที่ 1078 ส่งยอดศาสตราออกไปสองชิ้น ศึกใหญ่สยดสยองยิ่งขึ้นปะทุ!
……….
บทที่ 1078 ส่งยอดศาสตราออกไปสองชิ้น ศึกใหญ่สยดสยองยิ่งขึ้นปะทุ!
“สามหาว!”
มู่อวี่ตวาด เปี่ยมด้วยบารมี กระโปรงของนางส่งเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะ ยกมือเรียกทวนเงินสีขาวหิมะเล่มหนึ่งออกมา ก่อนจะตวัดและบุกออกไปตามลำพัง
นางไม่ได้เปิดเผยพลังทั้งหมดในทันที หากแต่กักเก็บบางส่วนไว้เพื่อคลายความระแวงของพวกจ้าวเทียน ถึงอย่างไรวันหน้านางยังต้องต่อสู้กับปรมาจารย์ดินแดนใหม่อย่างพวกจ้าวเทียน หลังเปิดเผยตื้นลึกหนาบางทั้งหมดคงเป็นปัญหากับนาง
แน่นอนว่าหากเรื่องราวเลยเถิดจนเกินการควบคุมนางย่อมไม่ยั้งพลังอีก จะระเบิดออกมาเต็มกำลังไม่ให้ปรมาจารย์ดินแดนใหม่อย่างพวกจ้าวเทียนเชือดเฉือนได้ตามใจ
ตู้มมม!
อวกาศนอกอาณาจักรระเบิดออกอย่างสิ้นเชิง หลุมดำขนาดใหญ่เต็มไปหมดประดุจวิญญาณร้ายผู้เหี้ยมเกรียม คล้ายว่าจะกลืนกินทุกสิ่ง ชวนให้หวาดผวาเป็นหนักหนา
นี่คือการต่อสู้ของผู้อยู่เหนือขอบเขตคลุมฟ้า ห้วงอวกาศยังรับไม่ไหว ไม่อาจเป็นสมรภูมิให้ได้
ร่างกายมู่อวี่ส่องแสงวาววาม ทวนยาวสีขาวหิมะเปล่งแสงนับล้านลำ นางชิงปะทะกับกำลังรบระดับครึ่งก้าวแสวงวิถีก่อน
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ บัดนี้ข้ารู้แล้ว พวกเราเป็นคนกันเอง แม่นางมู่อวี่ พวกเรามาช่วยแล้ว!”
เมิ่งจีตะโกน “ลิ่วล้อเล็ก ๆ เหล่านี้ให้เป็นหน้าที่พวกข้าเอง!”
จากนั้น พวกเขาบุกออกไป สำแดงยอดศาสตราที่คุณชายประทานแก่พวกเขาออกไปทั้งหมด!
“ตาเฒ่านักพรต เปิดศึกแล้ว!”
สุนัขดำตะโกนเรียกให้นักพรตอัษฎสมบูรณ์ร่วมรบ
“ท่านราชันที่เคารพรักของข้า ท่านต้องการร่วมศึกหรือไม่”
มันหันไปถามหนังสือโบราณที่ประสานสองเป็นหนึ่งเล่มหนึ่งด้วยความนอบน้อม
“เจ้าสุนัขตัวนี้!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์เดือดดาลมาก
สุนัขอะไรกัน สองมาตรฐานเกินไปแล้ว เรียกเขาว่าตาเฒ่านักพรต เรียกสุนัขทมิฬว่าราชันที่เคารพรัก!
เสียงของราชันทมิฬดังขึ้น เหินออกจากหนังสือโบราณ ร่างสุนัขของเขาขยายใหญ่ตามลม กรงเล็บฟาดลงมาคล้ายจะยันจักรวาลให้แยกออก!
พรวดดด!
โลหิตสาดกระเซ็น เพียงครู่เดียวยอดฝีมือดินแดนใหม่ก็ถูกมันสังหารไปคณานับ ตายอยู่ใต้กรงเล็บของมัน!
มันน่าพรั่นพรึงเกินไป ยอดฝีมือดินแดนใหม่ที่ตายอยู่ใต้กรงเล็บของมันมีกำลังรบระดับคลุมฟ้าวรรณะห้าและหกอยู่จำนวนมาก สุดท้ายก็ถูกปลิดชีพเสียตรงนั้น ตายลงอย่างสิ้นเชิง!
น่าทึ่งเป็นที่สุด!
ต้องรู้ว่านี่คือกำลังรบระดับคลุมฟ้าวรรณะห้าและหกเชียวนะ หาใช่ลิ่วล้อกระจอกแต่อย่างใด ไม่มีทางถูกสังหารในทันที ต้องใช้วิธีการมากมายรวมถึงสุดยอดพลังจึงจะค่อย ๆ บั่นทอนชีวิตออกไป
ทว่าราชันทมิฬสังหารได้ในกรงเล็บเดียว พลังของราชันทมิฬต้องสยดสยองถึงขีดสุดอย่างแน่นอน!
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น กำลังรบที่แท้จริงของราชันทมิฬใกล้เคียงขอบเขตแสวงวิถี ถือเป็นครึ่งก้าวแสวงวิถี ครั้นจะสังหารกำลังรบระดับคลุมฟ้าวรรณะห้าและหกนับว่าง่ายดาย ไม่กดดันสักนิด
ยอดฝีมือดินแดนใหม่ตนหนึ่งบันดาลโทสะ หมายหัวราชันทมิฬและบุกไปทันที!
ขอบเขตพลังของเขานั้นสูงส่ง อยู่ในระดับคลุมฟ้าวรรณะเก้า มั่นใจว่าสามารถปลิดชีพราชันทมิฬ
“เด็กเมื่อวานซืนจากไหนกัน พี่สุนัขของข้าใช่ผู้ที่เจ้าแหยมได้ที่ไหน”
เวลานั้น นักพรตอัษฎสมบูรณ์ควบดาบบุกเข้ามา ดาบนั้นฟาดฟันออกไปพร้อมด้วยพลังสยดสยองไร้ใดเปรียบ หยุดยั้งยอดฝีมือคลุมฟ้าวรรณะเก้าผู้นั้นไว้
“ฆ่า!”
ขณะเดียวกัน ยอดฝีมือคลุมฟ้าวรรณะเก้าตนอื่น ๆ เห็นว่าราชันทมิฬและนักพรตอัษฎสมบูรณ์ต่อกรด้วยยากจึงพากันบุกเข้ามาทั้งหมดโดยไม่ยั้งมือ!
ดินแดนใหม่นั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง จำนวนยอดฝีมือคลุมฟ้าวรรณะเก้าก็ไม่ได้น้อย มีถึงยี่สิบกว่าตน!
นอกจากนี้ นี่ยังไม่ใช่ยอดฝีมือระดับคลุมฟ้าวรรณะเก้าทั้งหมดของดินแดนใหม่ ภายในดินแดนใหม่ยังมียอดฝีมือคลุมฟ้าวรรณะเก้าอยู่อีกไม่น้อย ตัวเลขรวมของยอดฝีมือในดินแดนใหม่น่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง!
“ฆ่า!”
จักรพรรดินีเรียกภาพเขียนที่คุณชายประทานให้ออกมา กฎวิถีพิเศษปรากฏออกจากตัวอักษรและตราประทับบนนั้น พลังมหาศาลหลั่งไหลเข้าร่างจักรพรรดินีในบัดดล!
ชั่วขณะนั้น ร่างของจักรพรรดินีราวกับถูกจุดไฟเผา เปลวเพลิงลุกโชนอยู่ทั่วกาย สีหน้าของนางเย็นชา จิตสังหารล้นฟ้า จ้องมองยอดฝีมือดินแดนใหม่ระดับคลุมฟ้าวรรณะหกแล้วบุกออกไป!
“สี่กระบี่ประหารเซียนจงไป สำแดงฤทธิ์เดชของพวกเจ้าให้พวกเขารู้ว่าดินแดนเก่านั้นใช่ว่าแตะต้องได้ง่าย ๆ!”
หยวนอีตวาดเสียงลั่น เรียกสี่กระบี่ประหารเซียนออกมา
สี่กระบี่ประหารเซียนส่งเสียงกู่ร้อง คล้ายว่าตอบสนองต่อหยวนอี พวกมันกางค่ายกลประหารเซียนทันทีแล้วบุกไปพร้อมด้วยพลังค่ายกลประหารเซียนอันมากล้น
“น้องหญิง พวกเรามีคำอวยพรจากคุณชายในมือ มาเถิด ให้พวกเขาได้เห็นว่าคำอวยพรที่คุณชายมีต่อเราแข็งแกร่งเพียงใด!”
สือเฟิงมองฉินซินอย่างอ่อนโยนพลางกล่าว
“ได้!”
ฉินซินพยักหน้า บุกไปข้างหน้าพร้อมสือเฟิง
ร่างกายพวกเขาระยิบระยับด้วยประกายเพชร โดยเฉพาะฉินซิน ทั้งเนื้อทั้งตัวถูกห่อหุ้มด้วยประกายเพชร มีเกราะวิเชียรอันมาจากเครื่องประดับเพชรซึ่งเป็นพลังป้องกันสุดยอด ช่วยให้นางไม่ต้องเกรงกลัวการโจมตีใด ๆ ทั้งสิ้น
และในมือพวกเขามีกระบี่วชิระอยู่ทั้งคู่ ทุกกระบี่ที่ตวัดออกไปล้วนแฝงไว้ด้วยพลังล้นฟ้า น่าประหวั่นพรั่นพรึง
“พวกเรา…จัดการปลาซิวปลาสร้อยก็พอ!”
ตงฟางเวิ่นเอ่ยเสียงอ่อยกับคัมภีร์กลยุทธิ์หมากล้อมเหนือหัว
คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมเหนือหัวเขามีภูมิหลังยิ่งใหญ่แน่นอน เป็นถึงคัมภีร์ที่หลี่จิ่วเต้าบันทึกด้วยตนเอง ทั้งยังมีข้อคิดเห็นจดไว้สารพัน พลังอันแท้จริงของมันต้องสยดสยองแน่นอน
น่าเสียดาย ขอบเขตวิถีหมากล้อมของเขาต่ำเกินไป พลังคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมที่ใช้ได้จึงมีจำกัด
กล่าวโดยไม่เกินจริง บัดนี้เขาจัดการได้เพียง…ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้น
“ปัญหาคือไม่มีปลาซิวปลาสร้อยเลย!”
เขาบุกไปพร้อมคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อม ไม่นานนักก็ร่ำไห้ออกมา
ยอดฝีมือดินแดนใหม่ที่บุกมาคราวนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ไม่มีปลาซิวปลาสร้อยสักตัว ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งทรงพลัง อย่างต่ำก็อยู่ที่ขอบเขตคลุมฟ้าวรรณะสาม
ทันทีที่เขาเข้าไปก็ตกที่นั่งลำบาก ถูกเล่นงานรุนแรง
“คนไร้ประโยชน์ ขายหน้านัก! คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมที่คุณชายเขียนด้วยตนเองซ้ำยังมีข้อคิดเห็นจดบันทึกอย่างละเอียด แต่ฝีมือวิถีหมากล้อมของเจ้าก็ยังยกระดับได้เชื่องช้า!”
คลื่นพลังจิตถูกส่งออกจากคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อม แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ “หากข้าเป็นเจ้าคงไปหาต้นไม้คอเอียงสักต้นแล้วผูกคอตายไปนานแล้ว! น่าขายหน้าสิ้นดี! ข้าเก่งกาจปานนี้แต่เจ้ากลับใช้ข้าจัดการปลาซิวปลาสร้อย ที่สำคัญยังไม่มีปลาซิวปลาสร้อยอีก!”
“!!!”
ตงฟางเวิ่นรับรู้ถึงคลื่นที่ส่งมาผ่านคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อม อย่าให้เอ่ยเลยว่าทรมานใจเพียงใด
มีผู้ใดอนาถเท่าเขาอีกหรือ ต้องถูกคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมดูแคลน!
“เจ้าโง่ เบิกตาของเจ้าให้กว้างแล้วดูให้ดี พลังที่ข้ามีเหนือกว่าที่เจ้าคิด อย่าคิดแต่ใช้ข้าจัดการปลาซิวปลาสร้อย!”
คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมต่อว่า “วันหน้าบำเพ็ญวิถีหมากล้อมให้ดี เลิกทำข้าขายหน้าเสียที!”
มันบุกไปข้างหน้า ตาเดินหมากล้อมสยดสยองปรากฏบนคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อม สังหารยอดฝีมือดินแดนใหม่ไปจำนวนมากในพริบตา!
“ดุดันจริง!”
ตงฟางเวิ่นมองคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมที่พิชิตไปทั่วทิศพร้อมปากที่อ้าค้างจนน้ำลายไหล
เขาสาบานว่าหลังจากนี้จะตั้งใจบำเพ็ญวิถีหมากล้อม ให้ตัวเขาเองก็มีพลังตาเดินหมากล้อมอันแข็งแกร่งสยดสยองเช่นนี้ด้วย
อีกด้าน ดินแดนใหม่
จ้าวเทียนและนายเหนือหัวหว่างเซิงจดจ้องสมรภูมิด้านนี้ด้วยสีหน้าอึมครึมทั้งคู่
เรื่องบ้าอะไรกัน ความเร็วในการฟื้นตัวของมู่อวี่เหนือความคาดหมายของพวกเขาจริง ๆ
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่านำทัพโดยครึ่งก้าวแสวงวิถีหกตนต้องกำราบมู่อวี่ได้แน่ สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือยื้อ ‘คนท้องถิ่น’ ผู้นั้นไว้
หารู้ไม่ มู่อวี่แข็งแกร่งจนน่างงงวย ยามต่อสู้กับครึ่งก้าวแสวงวิถีหกตนไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย นางสู้ได้สบาย ๆ!
นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตดินแดนเก่าอย่างพวกจักรพรรดินีก็มีพลังเกินที่พวกเขาคาดการณ์ไปมาก ทรงพลังไร้ใดเปรียบกันถ้วนหน้า!
ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ เหล่ายอดฝีมือดินแดนใหม่ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
“ยังดีที่มีท่านคอยเตือน พวกเราถึงได้เตรียมการล่วงหน้า ให้ปรมาจารย์ท่านอื่นส่งยอดศาสตราที่สกัดกลั่นเรียบร้อยแล้วมาให้ มิฉะนั้นคราวนี้พวกเราต้องล้มเหลวเป็นแน่!”
จ้าวเทียนเอ่ยกับนายเหนือหัวหว่างเซิงด้วยท่าทางสะท้อนใจ
กล่าวตามตรง หากไม่ได้นายเหนือหัวหว่างเซิงคอยเตือน บัดนี้พวกเขามียอดศาสตราให้ใช้เพียงสองชิ้นเท่านั้น
ยอดศาสตราสองชิ้นที่ต้องจัดการทั้งมู่อวี่และ ‘คนท้องถิ่น’ ผู้นั้น ไม่มีทางสำเร็จได้เลย
“ใช้ยอดศาสตราสักสองชิ้นเถิด กำราบพวกมู่อวี่ให้ได้ก่อน ส่วนยอดศาสตราชิ้นอื่นเก็บไว้จัดการ ‘คนท้องถิ่น’ ผู้นั้น!”
นายเหนือหัวหว่างเซิงเสนอ “ยอดศาสตราชิ้นเดียวก็พอให้กำราบพวกมู่อวี่ทั้งหมดแล้ว ทว่าเพื่อความปลอดภัย และเพื่อไล่ต้อนให้ ‘คนท้องถิ่น’ ยอมออกมา ข้าว่าใช้ยอดศาสตราไปเลยสองชิ้นดีกว่า”
พลังที่เจืออยู่ในยอดศาสตราเทียบเทียมพลังจากการโจมตีเต็มกำลังของพวกเขา เป็นดั่งที่นายเหนือหัวหว่างเซิงว่า ยอดศาสตราชิ้นเดียวก็พอให้กำราบพวกมู่อวี่ทั้งหมด
ถึงอย่างไรดูจากสถานการณ์ในยามนี้ ดูเหมือนมู่อวี่ยังไม่ได้ฟื้นพลังจนอยู่เหนือขอบเขตแสวงวิถี ไม่มีทางต้านพลังยอดศาสตราได้
“ได้!”
จ้าวเทียนพยักหน้า เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายเหนือหัวหว่างเซิง ยอดศาสตราถึงสิบแปดชิ้น ใช้เพียงสองชิ้นคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิบหกชิ้นที่เหลือเก็บไว้ใช้ถ่วง ‘คนท้องถิ่น’ ผู้นั้นคงไม่เป็นปัญหา
จากนั้น เขาและนายเหนือหัวหว่างเซิงลงมือ ต่างคนต่างควบคุมยอดศาสตรที่พวกเขาสกัดกลั่นให้บุกออกจากเส้นทาง!
ยอดศาสตราสองชิ้นนี้ หนึ่งคือดาบสวรรค์ชาดแดง หนึ่งคือเจดีย์วิจิตรเก้าชั้น!
ทันทีที่พวกมันปรากฏก็เปล่งพลังปราณสยดสยองไร้ใดเปรียบ จนพวกจักรพรรดินีสะท้านใจกันหมดอย่างอดไม่ได้ ตื่นตระหนกกับเรื่องนี้!
ดาบสวรรค์ชาดแดงกวัดแกว่งเข้ามา ส่องสะท้อนทุกอย่างเป็นสีแดงก่ำ พลังสังหารน่าพรั่นพรึงซัดสาด ชวนให้หวาดหวั่นจนอดผวาไม่ได้!
มันน่ากลัวเกินไป ลำพังแสงดาบที่พวยพุ่งออกมาก็แฝงไว้ด้วยความไร้เทียมทานน่าพรั่นพรึง ราวกับไม่มีสิ่งใดในใต้หล้านี้หยุดยั้งมันได้!
ขณะเดียวกัน เจดีย์วิจิตรเก้าชั้นขยายใหญ่ในชั่วพริบตา อวกาศนอกอาณาจักรถูกยันจนแยกออกจากกัน เหนือขึ้นไป ประตูเจดีย์ชั้นล่างสุดเปิดออก พลังสยดสยองหลั่งไหลออกมาตามประตูเจดีย์ โถมทับมาหาพวกจักรพรรดินี!
ยอดศาสตราสองชิ้น หนึ่งใช้จัดการมู่อวี่ หนึ่งใช้จัดการพวกจักรพรรดินี!
“นี่คือข้อดีของการซ่อนฝีมือ นำของวิเศษมาให้ข้าถึงที่เชียว”
เมื่อเผชิญหน้ากับยอดศาสตราน่าสะพรึงเหลือล้นสองชิ้น ดวงหน้างามลออขาวเนียนของมู่อวี่ปราศจากความเกรงกลัว มีเพียงรอยยิ้มกว้าง
นางปลื้มปีติเหลือเกิน หลังคืนชีพกลับมานางยังไม่มียอดศาสตราให้ใช้
ยอดศาสตราสองชิ้นนี้ไม่เลว เก็บไว้เป็นอาวุธของนางได้
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรเล่า?!”
หลังจ้าวเทียนเห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้ามู่อวี่ก็เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้
มู่อวี่แสดงท่าทีนิ่งเฉยอย่างยิ่ง หรือแท้จริงนางฟื้นพลังได้โดยสมบูรณ์แล้ว?
มิฉะนั้น เหตุใดมู่อวี่ถึงยังสงบอยู่ได้ทั้งที่เจอกับการโจมตีจากยอดศาสตราถึงสองชิ้น
ไม่มีทางแน่นอน!
……….