รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1072 มู่อวี่ ‘ข้ากับเขาไม่คุ้นเคยกัน!’
- Home
- All Mangas
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1072 มู่อวี่ ‘ข้ากับเขาไม่คุ้นเคยกัน!’
บทที่ 1072 มู่อวี่ ‘ข้ากับเขาไม่คุ้นเคยกัน!’
บทที่ 1072 มู่อวี่ ‘ข้ากับเขาไม่คุ้นเคยกัน!’
จั่วเหยียนแสร้งตาย จงใจเดินเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูในส่วนลึกสุดของรถม้า
น่าเสียดาย สิ่งที่จะต้องเกิดสุดท้ายก็เกิด เขาไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ต้าเต๋อเป็นคนเข้ามา
“บ่าวจั่ว เจ้าอยู่ที่ใด!”
ต้าเต๋อเดินไปตะโกนไป ตามหาจั่วเหยียนไปทั่วทุกหนแห่ง
จั่วเหยียนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ภาวนาอยู่ภายในใจ ต้าเต๋อฝอผู้เคารพรักยิ่ง โปรดปล่อยข้าไปเถิด!
ดังคำกล่าวว่าพุทธะเปี่ยมเมตตา ต้าเต๋อฝอได้โปรดเมตตาข้าสักครา!
ทว่าคำภาวนาไร้ผล ต้าเต๋อยังคงเดินตรงมาหาเขา
“ทำได้ดีมาก ยังคิดว่าเจ้าไปหลบอู้อยู่ในรถม้าเสียอีก”
ต้าเต๋อเห็นว่าจั่วเหยียนกำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดจึงเอ่ยชมออกมา
“นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ!”
จั่วเหยียนตอบทันทีพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“เอาล่ะ ไม่ต้องทำความสะอาดที่นี่ต่อแล้ว ด้านนอกแขกผู้มีเกียรติมาเยือน เจ้ารีบออกไปรับใช้เสีย” ต้าเต๋อกล่าว
จั่วเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ต้าเต๋อฝอ ข้ายังทำงานที่นี่ไม่เสร็จ เช่นนั้นรอจนข้าทำเสร็จค่อยไปได้หรือไม่?”
“พูดอันใดกัน? แขกผู้มีเกียรติมาแล้ว บ่าวรับใช้อย่างเจ้ายังจะทำงานให้เสร็จก่อนค่อยไปรับใช่หรือ? รีบไปเสียอย่าได้มัวโอ้เอ้”
“ทราบ…ทราบแล้ว”
จั่วเหยียนไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงวางไม้กวาดและผ้าขี้ริ้วลง แล้วตามต้าเต๋อออกจากรถม้าไป
‘หลังจากเกิดใหม่มู่อวี่ก็ยัง…งดงามนัก!’
เขาเพิ่งออกมาก็พบกับมู่อวี่ที่กำลังเล่นฉินอย่างจริงจัง ภายในใจอดรำพึงไม่ได้
เทียบกับยามอยู่โลกใหม่แล้ว มู่อวี่ในยามนี้งดงามขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ลมหายใจที่ผ่านโลกมาอย่างยาวนานลดลงไปมาก ร่างกายเต็มไปด้วยลมหายใจอันเยาว์วัย
เขารู้อย่างชัดแจ้ง นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่การเกิดใหม่นำพามา ทำให้มู่อวี่เยาว์วัยลงอย่างแท้จริง!
‘ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่เหล่านั้นกำลังเล่นกับไฟอย่างแท้จริง มู่อวี่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนผู้นั้น หลังจากมู่อวี่สิ้นชีพลงในการต่อสู้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่กวาดล้างร่องรอยมู่อวี่จนสิ้น ทว่ายังส่งมู่อวี่มาดินแดนเก่าด้วย!’
เขาเอ่ยในใจ
ดินแดนเก่าคือบ้านเกิดคนผู้นั้น และเป็นบ้านเกิดของมู่อวี่ด้วยเช่นเดียวกัน นางมีความใกล้ชิดกับคนผู้นั้นมาก ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่เหล่านั้นไม่กลัวเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายขึ้นเลยหรือ?
ทว่าเมื่อขบคิดดูแล้ว เขาก็เข้าใจความต้องการของผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่เหล่านั้นได้
‘นี่คืออับจนหนทางแล้ว…’
เขาเอ่ยในใจ
ปัญหาของโลกใหม่หนักหนาเกินไป พลังด่างพร้อยปะทุอย่างต่อเนื่อง ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่เหล่านั้นไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาได้
ขณะเดียวกัน ยิ่งปล่อยเวลาล่วงผ่านไป ปัญหาในโลกใหม่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกทั้งเนื่องจากการปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องของพลังด่างพร้อย การจะมีขอบเขตแสวงวิถีเกิดขึ้นใหม่นับเป็นเรื่องยากยิ่ง
แม้การคืนชีพมู่อวี่จะมีภัยอันตรายแฝง แต่ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่เหล่านั้นก็ไม่มีทางเลือกมากนัก
ความแข็งแกร่งของมู่อวี่โดดเด่นอย่างยิ่งในหมู่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ หากไม่ฟื้นคืนชีพกลับมา การเสียกำลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไปก็เป็นเรื่องน่าเสียดายนัก
‘มู่อวี่ก่อนที่จะตายยังคงไม่รู้ความจริง ยามนี้นางควรถูกปิดบังเอาไว้ ไม่รู้ว่าเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่พยายามลบร่องรอยคนผู้นั้นออกไปอย่างเต็มที่ ไม่ต้องการให้คนผู้นั้นกลับคืนมาอีก’
เขาสิ้นชีพช้ากว่าอยู่บ้าง จึงรู้เรื่องราวมากกว่ามู่อวี่
หลังจากมู่อวี่ตาย พลังด่างพร้อยสามารถควบคุมเอาไว้ได้บ้าง เหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่จึงเริ่มลบร่องรอยของคนผู้นั้นให้สิ้น สังหารสิ่งมีชีวิตที่ล่วงรู้ถึงการดำรงอยู่ของคนผู้นั้น
เขาเองก็เข้าร่วมด้วย
ต่อมาพลังด่างพร้อยได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง การลงมือของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่จึงต้องหยุดลง สบโอกาสให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้หลบหนี
เขาเองยังตายลงในการปะทุครั้งนี้ด้วย
‘มู่อวี่ไม่รู้เรื่องนี้ ยังสามารถควบคุมได้ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่อาจคิดวางแผนไว้เช่นนี้ ส่งนางเพื่อไปฟื้นคืนชีพในดินแดนเก่า จากนั้นเมื่อกลับไปโลกใหม่ก็ปิดหูปิดตามู่อวี่ ให้นางไปต่อกรกับพลังด่างพร้อย’
เขาคิดในใจ คิดว่านี่อาจเป็นความจริง
‘ผิดแล้ว ผิดพลาดไปแล้ว ควรกลับตัวกลับใจใหม่ตอนยังไม่สายตั้งนานแล้ว…’
เขาถอนหายใจอย่างหนักภายในใจ ‘หลังจากเกิดเรื่อง พวกเราไม่ควรทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยามนั้นพวกเราสมควรคิดหาหนทางคืนชีพคนผู้นั้นกลับมา ทำให้คนผู้นั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง’
น่าเสียดาย เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดรวมถึงเขา ต่างกลัวว่าหลังฟื้นคืนชีพคนผู้นั้นแล้วจะถูกชำระสะสาง
นอกจากนี้ พวกเขายังหวาดกลัวยิ่งกว่า หากว่าเจ้าของเสียงที่ดังขึ้นในใจจะมาหาพวกเขา จากนั้นก็กวาดล้างพวกเขาจนสิ้น
คนผู้นั้นเหนือกว่าพวกเขามากเกินไป อาศัยเพียงพวกเขาย่อมไม่สามารถสังหารคนผู้นั้นได้ ยามนั้นสมควรเป็นเพราะอยู่ในช่วงสำคัญในการประชันกับเสียงนั่น
การลงมือของพวกเขาส่งผลกระทบต่อคนผู้นั้น ทำให้คนผู้นั่นสลายหายไปสิ้นการดำรงอยู่
หากพวกเขาอยากคืนชีพคนผู้นั้น เจ้าของเสียงนั่นจะต้องไม่ยินยอมและต้องจัดการพวกเขาอย่างแน่นอน
ด้วยความกลัวอย่างถึงที่สุดว่าเจ้าของเสียงนั่นจะมาหาพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า
การตัดสินใจเช่นนี้นำพาความทุกข์ทรมานมาให้พวกเขามากเกินไป อนาคตทุกวันล้วนอยู่ด้วยความหวาดกลัว
‘หากย้อนกลับไปได้ ไม่ว่าพูดเช่นไรข้าก็จะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว!’
จั่วเหยียนนึกเสียใจในภายหลังนานแล้ว
เขาต่อสู้ครั้งใหญ่กับพลังด่างพร้อยสุดชีวิต ทั้งยังคิดตายในสมรภูมิ หลังจากนั้นจะได้พ้นทุกข์ไปอย่างสมบูรณ์
ใครจะรู้ เขาตายไปแล้วแต่กลับยังคงไม่พ้นทุกข์ ถูกเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ส่งมายังดินแดนเก่าเพื่อฟื้นคืนชีพ
อีกด้านหนึ่ง หลังจากมู่อวี่บรรเลงฉินจบเพลง หลี่จิ่วเต้าก็ปรบมือให้
“ท่านเซียนช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!”
เขากล่าวชื่นชม ในด้านฉินนั้น นอกจากเขาแล้วมู่อวี่นั้นนับว่าเป็นอันดับหนึ่งได้อย่างแท้จริง!
คนที่รู้ฉินเช่นนี้ เขาชื่นชอบเป็นอย่างมาก ทั้งยังคิดอยากคบค้าสมาคมกับมู่อวี่
“จั่วเหยียน เอาชุดชงชาของข้าออกมา ข้าต้องการชงขาให้ท่านเซียนด้วยตัวเองสำหรับนั่งสนทนา”
ชายหนุ่มมองไปทางจั่วเหยียนแล้วเอ่ยออกมา
“จั่วเหยียน?”
เมื่อมู่อวี่ได้ยินชื่อพลันตกตะลึงไปครู่นั้น จากนั้นจึงมองตามสายตาหลี่จิ่วเต้าไปทางจั่วเหยียน
ชื่อของจั่วเหยียนคุ้นหูนางมากเกินไป นี่เป็นชื่อของหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่
จั่วเหยียนผู้นี้รักหน้ายิ่งนัก อาจกลาวได้ว่าทุกคนในดินแดนใหม่ต่างรู้ ไม่ว่าอย่างไร จั่วเหยียนไม่มีทางบอกว่าไม่ได้ ปากแข็งยิ่งกว่าสิ่งใด เสียอะไรก็ได้ แต่ไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด
ดังนั้นเหล่าผู้ยิ่งใหญ่แดนใหม่จึงขนานนามให้ว่า— จ้าวปากแข็ง!
หลังจากจำจั่วเหยียนได้ นางพลันยิ้มขึ้นมาทันที ดูจากสภาพของเขาแล้วเหมือนจะกลายเป็นบ่าวรับใช้สินะ?
นี่น่าสนใจมากจริง ๆ
คนที่ใส่ใจเรื่องใบหน้ามากสุดจนถูกเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่หยอกล้อว่าต่อให้จั่วเหยียนตาย ร่างกายเน่าเปื่อนสลายไปหมด แต่ปากของจั่วเหยียนก็ยังคงแข็งอยู่!
นางอยากรู้จริง ๆ เหตุใดจั่วเหยียนที่รักษาหน้าตา กลับกลายเป็นบ่าวรับใช้ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
อีกด้านหนึ่ง จั่วเหยียนรู้สึกอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสายตามู่อวี่ ทั้งร่างแทบเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงก่ำ อยากจะหารอยแยกบนพื้นแล้วมุดเข้าไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
มาถึงตอนนี้เขาไม่อาจหลบซ่อนได้อีกแล้ว ถูกมู่อวี่พบว่าตนเองกลายเป็นบ่าวรับใช้ นี่ช่างให้ความรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างมาก!
เขานึกอยากยืดหลังตัวเองแล้วตวาดใส่หลี่จิ่วเต้าว่า ‘บังอาจ ผู้ใดให้ความกล้านี้กับเจ้า กล้าสั่งให้ข้ารินน้ำชาหรือ?’
น่าเสียดายที่เขาทำได้เพียงแค่คิดในใจ ไม่กล้าเอ่ยออกมาจริง ๆ
พอเถิด แม้ปากเขาจะแข็ง แต่เขายังไม่อยากตายนะ
หากพูดออกมาเช่นนั้นจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องให้หลี่จิ่วเต้าลงมือ ต้าเต๋อคงจัดการเขาจนสิ้นซากเป็นคนแรก!
“เจ้าสองคนรู้จักกันหรือ”
หลี่จิ่วเต้าเห็นท่าทางของมู่อวี่และจั่วเหยียน พลันเข้าใจทันทีว่านางอาจรู้จักกับจั่วเหยียน
“รู้จัก”
“อ้า ข้าว่าแล้ว!”
หลังจากต้าเต๋อได้ยินก็พลันหันไปทางจั่วเหยียน “ข้ายังหลงคิดว่าเจ้าทำความสะอาดในรถม้าจริง ที่แท้เจ้าก็รู้ว่าเป็นคนคุ้นเคย จึงหลบซ่อนในรถม้าไม่ออกมา กลัวจะถูกล่วงรู้จนเสียหน้า?”
เขาตะโกนออกมา “อันใดกัน บ่าวจั่ว เจ้าคิดว่าการเป็นบ่าวรับใช้ของคุณชายน่าอับอายมากหรือ?”
“ไม่! สามารถเป็นบ่าวรับใช้ให้คุณชาย นับเป็นเกียรติอันล้นพ้นของข้าแล้ว!”
จั่วเหยียนรีบเอ่ยออกมา ขาแทบอ่อนแรงลงด้วยความตื่นตกใจกลัว
มู่อวี่ฟังคำตอบของจั่วเหยียนแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คนปากแข็งเช่นเจ้า ยามนี้กลับปากไม่แข็งแม้แต่น้อย นี่น่าสนใจเสียจริง”
นางมองไปที่หลี่จิ่วเต้า จากนั้นจึงเอ่ยถาม “พอจะอธิบายเรื่องราวให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
กล่าวตามตรง นางสงสัยเป็นอย่างยิ่ง หลี่จิ่วเต้าจัดการจั่วเหยียนให้อยู่หมัดได้อย่างไร สามารถทำให้ปากของจั่วเหยียนอ่อนลงเพียงนี้
“ไม่มีอันใด เป็นเขาที่ฝีมือเล่นหมากรุกไม่ดี หลังจากเล่นแพ้ข้าแล้วจึงคิดสังหาร ทว่าข้ากำราบเขาได้ เลยให้เขากลายเป็นบ่าวรับใช้”
ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยท่าทางสบาย ๆ
นี่มันบ้าอันใดกัน!
จั่วเหยียนคับข้องใจ หลี่จิ่วเต้าช่างสาดโคลนใส่เขาเกินไปแล้ว!
เพราะเล่นหมากล้อมแพ้จึงอยากสังหารคน?
ทักษะหมากล้อมของเขาเลวร้ายปานนั้น!
เขาอยากจะพูดออกมาเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากใช้ทักษะหมากล้อมมากำราบเขาหรือ ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้อย่างสุดชีวิต
“เช่นนี้นี่เอง…”
มู่อวี่ยิ้มกว้างกว่าเดิม
แม้หลี่จิ่วเต้าดูแล้วจะพูดออกมาอย่างสบาย ๆ แต่นางตระหนักได้เป็นอย่างดีว่ายามนั้นจะต้องไม่ได้ผ่านไปอย่างเรียบง่ายแน่นอน ทว่าเป็นดุเดือดอย่างถึงที่สุด
นางเกือบจะเข้าใจเรื่องราวแล้ว หลังจากจั่วเหยียนฟื้นคืนชีพได้ไปพบกับหลี่จิ่วเต้า อีกทั้งยังหมายจัดการหลี่จิ่วเต้า ทว่ากลับเป็นฝ่ายถูกกำราบเสียเอง กลายเป็นบ่าวรับใช้ของเขา
‘จั่วเหยียนคงคาดไม่ถึงแน่ ว่าในดินแดนเก่าจะยังมีตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวอย่างหลี่จิ่วเต้าดำรงอยู่…’
นางคิดในใจ
ใช่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงจั่วเหยียนเลย นางเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ท่านเซียนกับเขาคุ้นเคยกันหรือ?”
ขณะนั้นเอง หลี่จิ่วเต้ากล่าวออกมา “หากท่านเซียนคุ้นเคยกับเขา ข้าสามารถมอบอิสระปล่อยเขาจากไปได้”
เขาเต็มใจให้หน้ากับมู่อวี่
ดังคำกล่าวว่ารู้จักผ่านเสียงฉิน เขาฟังการบรรเลงฉินของมู่อวี่แล้วรับรู้ได้ว่ามู่อวี่เป็นคนดียิ่ง อุปนิสัยคู่ควรผูกเป็นมิตรสหาย
หากอุปนิสัยไม่ดีเพียงพอ มู่อวี่ไม่มีทางเล่นเพลงฉินเช่นนี้ออกมาได้
จุดนี้เขามั่นใจเป็นอย่างมาก
หลังได้ยินคำพูดของหลี่จิ่วเต้าแล้ว ภายในใจจั่วเหยียนพลันร้อนระอุมากขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกันเขาก็อิจฉาริษยาอย่างถึงที่สุด!
นี่คือเสน่ห์ของหญิงงามหรือ?
ดูมู่อวี่เสียสิ เพิ่งรู้จักกันแต่กลับได้รับความสำคัญอย่างมากจากหลี่จิ่วเต้า ไม่เพียงแต่จะชงชาด้วยตนเองเพื่อต้อนรับ ทว่ายังเต็มใจให้หน้านางถึงเพียงนี้!
ขณะนั้นความคิดต้องการตอนตัวเองแล่นขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
อ๊ากกก! เขาเองก็อยากเป็นสาวงามไร้ผู้เทียบเคียง ได้รับความสำคัญเช่นนี้ด้วย
หลี่จิ่วเต้าน่าพรั่นพรึงไม่อาจคาดเดาได้ เทียบกับคนผู้นั้นแล้วอาจไม่แข็งแกร่งกว่าแต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน กล่าวตามตรงแล้ว หากได้รับความสำคัญจากหลี่จิ่วเต้าจริง การตอนตนเองเป็นเพียงเรื่องเล็ก!
อีกด้านหนึ่ง มู่อวี่ไม่ได้หรือสบตาจั่วเหยียน
“ไม่คุ้นเคย” นางตอบตรง ๆ
“ขอบคุณสหายที่เชื่อถือข้าและให้เกียรติข้าเช่นนี้ ข้าไม่อาจเหยียบย่ำความไว้ใจที่สหายมอบให้ได้”
นางกล่าว “ข้าไม่ได้คุ้นเคยหรือติดต่อกับเขามากนัก สหายสามารถลงโทษอันใดกับเขาก็ได้”
กล่าวตามจริง นางไม่ได้คุ้นเคยกับจั่วเหยียนจริง ๆ และไม่ได้ติดต่ออันใดมากนัก เพียงแค่รู้ว่ามีคนชื่อจั่วเหยียนอยู่
นอกจากนี้ ไม่ใช่เพียงแค่จั่วเหยียนเท่านั้น ความสัมพันธ์ของนางกับผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นก็เป็นเช่นนี้ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ใด
คนผู้เดียวที่นางใกล้ชิดด้วยคือพี่ใหญ่!
ในฐานะคนที่ไม่คุ้นเคย ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ลงมือกับพี่ใหญ่ นางไม่มีทางร้องขอความเมตตาให้จั่วเหยียน
อย่างที่นางได้กล่าวเอาไว้ หลี่จิ่วเต้าให้หน้านางมากถึงเพียงนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเชื่อใจนางเป็นอย่างยิ่ง นางยิ่งไม่อยากทำลายความเชื่อใจที่อีกฝ่ายมีต่อตนเอง
ไม่อาจรับประกันการปฏิบัติตัวของจั่วเหยียน และทั้งไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว
มารดาเจ้าเถิด!
น่าคับข้องใจนัก!
จั่วเหยียนแทบร้องไห้ออกมา ในที่สุดก็ได้พบความหวังที่จะมีอิสรภาพ ทว่ายามนี้กลับพังทลายลงสิ้น
เขารู้สึกเสียใจในภายหลังแทบตายแล้ว หากรู้ตั้งแต่แรก ยามอยู่โลกใหม่เขาจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับมู่อวี่แน่นอน เช่นนี้แล้วนางจะได้พูดให้เขาจนได้รับอิสระมา
น่าเสียดาย นี่เป็นได้เพียงสิ่งที่เขาคิด
ครั้งที่เขาอยู่โลกใหม่ เขาจะไม่คิดอยากมีความสัมพันธ์อันดีกับมู่อวี่ได้อย่างไร กระทั่งเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่คนอื่นเองก็ล้วนต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับมู่อวี่
อย่างไรเสีย ความสัมพันธ์ของมู่อวี่กับคนผู้นั้นก็ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง!
ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ทุกคนต่างต้องการผูกมิตรมู่อวี่
ทว่ามู่อวี่เพิกเฉยและเย็นชาต่อพวกเขามาก ไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับนาง
“เช่นนี้นี่เอง…”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มบางเบา รู้สึกมั่นใจในอุปนิสัยของมู่อวี่มากขึ้น
หากนางขอให้ปล่อยจั่วเหยียนไป เขาคงจะรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
อย่างไรเสียหัวใจเต๋าของจั่วเหยียนก็ไม่มั่นคงเกินไป แพ้หมากล้อมก็คิดสังหารคน หากปล่อยไปเกรงว่าจะเกิดปัญหาในอนาคต
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ให้เขาอยู่เป็นบ่าวรับใช้กับข้าเถิด”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “ดูการประพฤติตัวของเขาในอนาคต หากทำตัวดี ข้าจะคืนอิสระให้กับเขา”
สุดท้ายเขาก็ให้จั่วเหยียนไปนำชุดน้ำชามาให้
เขาต้องการจะจิบชากับมู่อวี่
จั่วเหยียนเดินออกไป แต่ก่อนจากเขามองไปทางมู่อวี่ด้วยสายตาริษยาอย่างถึงที่สุด
ชาของหลี่จิ่วเต้า เขายังไม่เคยได้ลองสักจิบ ไม่ต้องกล่าวถึงชาที่หลี่จิ่วเต้าชงเองกับมือเลย!
เขารู้ดีเป็นอย่างยิ่ง ชาที่หลี่จิ่วเต้าชงเองกับมือนั้นพิเศษเพียงใด!
มู่อวี่โชคดีเกินไปแล้วจริง ๆ เพิ่งมาถึงก็สามารถดื่มชาที่หลี่จิ่วเต้าชงเองได้!
อันใดกัน?
ไม่ใช่ว่าอยากดื่มชากระมัง?
มู่อวี่เห็นแววตาริษยาที่จั่วเหยียนมองมา ภายในใจพลันพูดไม่ออกอยู่บ้าง
การดื่มชาเป็นเรื่องสามัญอย่างมาก จั่วเหยียนต้องริษยาเพียงนี้เชียวหรือ
นางไม่เข้าใจเสียจริง!