รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1012 หลี่จิ่วเต้า 'คนผู้นี้อำมหิตเกินไป เก็บไว้ไม่ได้!'
- Home
- All Mangas
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1012 หลี่จิ่วเต้า 'คนผู้นี้อำมหิตเกินไป เก็บไว้ไม่ได้!'
บทที่ 1012 หลี่จิ่วเต้า ‘คนผู้นี้อำมหิตเกินไป เก็บไว้ไม่ได้!’
บทที่ 1012 หลี่จิ่วเต้า ‘คนผู้นี้อำมหิตเกินไป เก็บไว้ไม่ได้!’
พวกลั่วสุ่ยดื่มกันไม่หยุด ต้าเต๋อร่วมวงแล้วก็เอ่ยว่ารสชาติดีเช่นกัน เฟิ่งหลวน จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิง จิ้งจอกขาวก็ถูกกระตุ้นให้อยากขึ้นมา
“เลิศรสเพียงนั้นจริงหรือ”
“ขอพวกเราด้วยเถิด!”
พวกนางปริปาก ยื่นจอกให้เช่นกัน
ซิงเมิ่งเห็นแล้วรู้เลยว่า น้ำมโนรถไหนี้คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว
มันปวดใจเป็นอย่างยิ่ง นับแต่กาลเวลาอันยาวนานเริ่มต้น มันเคยสกัดเพียงไหเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าเลอค่าทุกหยด บัดนี้ต้องเสียไปในที่แห่งนี้จนสิ้น
บอกตามตรง ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมามันไม่เคยนึกเสียใจกับเรื่องใด ทว่าบัดนี้ มันนึกเสียใจจริง ๆ ที่ใช้น้ำมโนรถ
“คุณชายก็ลองชิมดูเถิด!”
ไม่ใช่ว่าตอนสุดท้ายเจ้าตัวหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ดื่มสักอึก เช่นนั้นมันคงยิ่งชอกช้ำเข้าไปใหญ่!
“ได้ รินให้ข้าจอกหนึ่ง”
หลี่จิ่วเต้าดื่มสุราในจอกตัวเองรวดเดียวหมด แล้วยื่นแก้วเข้าไป
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นน้ำใจจากซิงเมิ่ง หากเขาไม่ดื่มคงดูไม่ดี แม้ว่าเขาจะไม่นึกสนใจในสุรารสอ่อนนัก
จะดื่มแล้วหรือ?
ซิงเมิ่งกลั้นความตื่นเต้นในใจ รินให้หลี่จิ่วเต้าหนึ่งจอกแล้วยื่นไปให้
หลี่จิ่วเต้ารับจอกมาจิบอึกหนึ่ง ให้อธิบายรสชาติอย่างไรดี ว่ากันตามมาตรฐานของเขาถือว่าเฉย ๆ พอไปวัดไปวา
เมื่อเห็นหลี่จิ่วเต้าดื่มน้ำมโนรถเข้าไป หัวใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของซิงเมิ่งในที่สุดก็เป็นจังหวะปกติ
ไม่ว่าอย่างไร หลี่จิ่วเต้าดื่มเข้าไปแล้ว!
ดื่มแล้วก็ดี ไม่ถือว่าเสียน้ำมโนรถโดยใช่เหตุ!
หลังฆ่าหลี่จิ่วเต้า ชิงขุมปราณพลังของเขามาหลอมละลาย แล้วริบของวิเศษในที่แห่งนี้ให้หมด มันก็ไม่ขาดทุนแล้ว
ซ้ำยังกำไรอีกด้วย
อย่างเช่นฉินโบราณและพู่กันในรถลาก นั่นก็ไม่ขาดทุนแล้ว!
“ยังดื่มไม่พอ!”
“ขอพวกเราอีกจอกเถิด”
“รสชาติดีจริง ๆ!”
พวกลั่วสุ่ยดื่มสุราในจอกรวดเดียวอีกครั้ง แล้วยื่นจอกไปให้
“ดื่มอะไรอีก! พวกเจ้าอยากดื่มสุราที่ไหน คิดไม่ซื่อต้องการอาศัยความเมากระทำเรื่องบัดสีชัด ๆ!”
ซิงเมิ่งตบโต๊ะ ตะคอกใส่พวกลั่วสุ่ย อีกทั้งเก็บน้ำมโนรถที่เหลือกลับไปอย่างรวดเร็ว
หลี่จิ่วเต้าดื่มน้ำมโนรถลงไปแล้ว มันไม่มีความจำเป็นต้องอดทนอีก พวกลั่วสุ่ยอย่าหวังว่าจะได้ดื่มน้ำมโนรถของนางอีกแม้แต่หยดเดียว
พวกนางอยากบอกเหลือเกินว่าอะไรของคนผู้นี้ ก็ให้พวกนางดื่มเองไม่ใช่หรือ เหตุใดบัดนี้ถึงโมโหขึ้นมาได้!
หากไม่ต้องการให้พวกนางดื่ม ไม่ต้องนำออกมาไม่ดีกว่าหรือ
ต้นหลิวหันมองซิงเมิ่ง คิ้วสีเขียวขมวดหากัน นับแต่ซิงเมิ่งโผล่มามันก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ชอบมาพากล ทว่ามีพิรุธตรงไหนนั้นมันบอกไม่ถูก
ท่าทางของซิงเมิ่งในตอนนี้ยิ่งทำให้มันรู้สึกว่าซิงเมิ่งไม่ปกติ
มันคลี่แผ่ญาณสัมผัส ตรวจสอบซิงเมิ่งอีกรอบ
ทว่ายังไม่พบจุดผิดปกติ
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้ารู้สึกเช่นกันว่าซิงเมิ่งนั้นแปลก ๆ
คนผู้นี้ขี้งกเกินไปหรือไม่!
ทั้งที่เป็นคนนำสุรารสอ่อนออกมาให้พวกเขาดื่มเอง
‘คนผู้นี้นิสัยไม่ดี…’
เขาขมวดคิ้วน้อย ๆ คิดในใจและรู้สึกว่าซิงเมิ่งนั้นไม่ชอบมาพากล แปรปรวนไปมา
“พวกเจ้าอยากดื่มให้เมาแล้วกระทำการบัดสีไม่ใช่หรือ ได้ ข้าสนองให้พวกเจ้าเอง! นี่คือน้ำมโนรถ หลังดื่มลงไปช่วยให้พวกเจ้าได้เฝ้าฝันแสนหวาน!”
ซิงเมิ่งถลึงตามองพวกลั่วสุ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว ชิงชังพวกลั่วสุ่ยเป็นที่สุด ผู้ใดใช้ให้พวกลั่วสุ่ยดื่มน้ำมโนรถของนางไปมากมายเพียงนั้นเล่า!
จากนั้นมันลงมือทันที ใช้วิชาลับปลุกพลังน้ำมโนรถในกายพวกลั่วสุ่ย
ฉับพลันนั้น สายตาพวกลั่วสุ่ยเปลี่ยนไปเป็นล่องลอย
น้ำมโนรถที่ว่านี้หาได้เป็นยาฝันหวาน หากแต่เผยให้เห็นสิ่งที่หวาดกลัวที่สุดในใจ
ทว่าซิงเมิ่งแก้ไขเรื่องนั้น
มันแก้ไขด้วยวิชาลับ แสดงภาพที่พวกลั่วสุ่ยปรารถที่สุดออกมา!
พวกลั่วสุ่ยดื่มน้ำมโนรถของมันไปตั้งมาก มันเคียดแค้นพวกลั่วสุ่ยเหลือแสน ตั้งใจลงโทษพวกลั่วสุ่ยอย่างหนักหนาที่สุด!
การลงโทษนี้คือลากพวกลั่วสุ่ยจากยอดเมฆายามพวกนางเปี่ยมสุขที่สุดด้วยคิดว่าฝันเป็นจริงลงมาอยู่ในนรก!
เช่นนี้สาแก่ใจยิ่งกว่าส่งพวกลั่วสุ่ยดำดิ่งในห้วงความผวา!
ถึงอย่างไร หากไม่เคยเห็นแสงสว่าง ย่อมไม่ต้องกลัวความมืดมิด หลังได้เห็นแสงสว่าง จักหวาดกลัวต่อความมืดมิดเป็นที่สุด!
“คุณชาย!”
ลั่วสุ่ยก้าวเข้าไปหาหลี่จิ่วเต้าทันที จากนั้นก็เทร่างทั้งร่างไปบนตัวหลี่จิ่วเต้า เรียวแขนโอบรัดคอของหลี่จิ่วเต้า ดวงตาวาวใสประดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง จับจ้องหลี่จิ่วเต้าไม่วางตา
“อาภรณ์ชุดนั้นงดงามยิ่ง ลายตาข่าย คุณชาย ท่านไม่อยากดูหรือ”
นางเอ่ยเสียงออเซาะกับหลี่จิ่วเต้า สมเป็นปีศาจจริง ๆ เสียงนี้แทบทำให้หลี่จิ่วเต้าอ่อนยวบไปทั้งร่าง
“แค่ก ๆ…”
หลี่จิ่วเต้ารีบกระแอมไอ “ลั่วสุ่ย เจ้าเป็นอันใดไป”
“ข้าไม่ได้เป็นอันใด! ผู้ใดใช้ให้ข้ามีแต่คุณชายในใจเล่า! เอ๋ เหตุใดแก้มคุณชายถึงแดง เพราะข้าอยู่ในอ้อมอกคุณชายหรือ”
ลั่วสุ่ยยิ้มหวานหยดย้อย “ฮิ ๆ คุณชายหน้าแดงอะไร เมื่อตอนที่ข้ายังเป็นแมวน้อยสีขาวคุณชายมักอุ้มข้าขึ้นไปบนตักบ่อยครั้งไม่ใช่หรือ กระทั่ง…ในยามราตรียังหลับนอนด้วยกัน!”
ใบหน้าหลี่จิ่วเต้ากระตุก เหมือนกันที่ไหน?
หนึ่งเป็นแมวน้อยสีขาว อีกหนึ่งเป็นปีศาจน้อยที่เย้ายวนไปถึงกระดูก!
ต่างกันมากเข้าใจหรือไม่!
“คุณชาย เหตุใดเดี๋ยวนี้ท่านถึงไม่สอนข้ายิงธนูแล้วเล่า”
เซี่ยเหยียนเบะปาก เอ่ยเสียงเหนียมอายว่า “ข้าชอบยามคุณชายสอนข้ายิงธนูกับมือ เราได้แนบชิดสนิท! ไม่ได้ ข้าต้องการให้คุณชายสอนข้ายิงธนูเดี๋ยวนี้!”
ท่าทางเหนียมอายของนางแม้แต่หลี่จิ่วเต้ายังเผลอมองอย่างเคลิบเคลิ้ม เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่าทางเหนียมอายของเซี่ยเหยียน ในวันปกติ เซี่ยเหยียนมักมีท่าทีปราดเปรียวเสมอ
พูดจบ นางก็ก้าวไปหาหลี่จิ่วเต้าและกอดเขาไว้เช่นกัน!
“คุณชาย นอกจากดีดฉินข้ายังบรรเลงเครื่องดนตรีอย่างอื่นเป็นด้วย อย่างเช่น…คุณชายไปกับข้าเถิด”
หลิงอินเดินเข้ามาด้วยใบหน้าระเรื่อ
อย่างเช่นเครื่องดนตรีอะไร!
หลี่จิ่วเต้าหน้าแดงฉับพลัน นึกถึงเครื่องดนตรีบางอย่าง คิดไม่ถึงว่าหลิงอินผู้สุภาพสง่าอยู่เสมอจะเอ่ยวาจาสัปดนเช่นนี้ได้ด้วย!
“ก้านหลิวชะล้าง!”
เขาไม่ลังเล เรียกก้านหลิวชะล้างออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะสะบัดไปทางพวกลั่วสุ่ย
น้ำมโนรถ สุราที่ซิงเมิ่งนำออกมามีปัญหาจริง ๆ ต้องเป็นเพราะสุรานี้ที่ทำให้พวกลั่วสุ่ยกลายเป็นแบบนี้
หลังก้านหลิวชะล้างกวาดผ่าน พวกลั่วสุ่ยกลับเป็นปกติทันที
“กรี๊ด!”
พวกนางได้สติแล้วรีบลุกพรวดจากตัวหลี่จิ่วเต้า หัวใจเต้นโครมคราม พวกนางรู้ว่าเมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น พวกนาง…เผยสิ่งที่ปรารถนาที่สุดในใจออกมาจนหมด!
“อะไรกัน!”
ซิงเมิ่งตะลึง คิดไม่ถึงว่าพวกลั่วสุ่ยจะได้สติ
มันไม่ได้ลังเล รีบใช้วิชาลับหมายจะปลุกพลังน้ำมโนรถในกายหลี่จิ่วเต้า ส่งหลี่จิ่วเต้าเข้าไปในห้วงฝันร้าย
ทว่ากลับทำไม่สำเร็จ!
“ก้านหลิวชะล้างอยู่ในมือ เจ้าไฉนเลยจะทำสำเร็จได้!”
หลี่จิ่วเต้าลงมืออย่างรวดเร็ว ปัดก้านหลิวชะล้างสาดส่องม่านแสงชำระลงมาผืนใหญ่ ป้องกันไม่ให้พวกต้าเต๋อที่ดื่มเหล้าไปแล้วเกิดปัญหาเช่นนี้อีก
“คิดไม่ถึงเลยว่าซ่อนแผนร้ายในใจ คงคิดไม่ซื่อแต่แรกสิท่า…”
หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ “ข้าหวังให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ยากเช่นนั้นเลยหรือ”
เขาจิตใจดีเกินไป เห็นว่าซิงเมิ่งดูไม่เหมือนคนเลวจึงไม่ได้ระวังตัว บอกกล่าวตัวตนให้ซิงเมิ่งรู้
น่าเสียดาย ที่เขาคิดไม่ถึงคือซิงเมิ่งคิดไม่ซื่อแต่แรก ที่ถูกตามล่าคงเป็นเพียงการแสดงละครเท่านั้น
ต่อมาซิงเมิ่งล่วงรู้ตัวตนของเขา น่ากลัวว่ายิ่งแน่วแน่ที่จะจัดการเขา!
เขาประมาทเกินไป อย่างคราวก่อนกับเฟิ่งหลวนเขายังไม่ได้บอกฐานะตัวเองให้รู้ตรง ๆ หากแต่อยู่ด้วยกันพักใหญ่ถึงบอก
คราวนี้เขาไม่ได้ตรองให้มาก ทันทีที่เจอก็บอกซิงเมิ่งว่าเขาคือหลี่จิ่วเต้า นับว่าเลินเล่อจริง ๆ
ทว่าเรื่องนี้ช่วยเตือนใจเขาว่าหลังจากนี้อย่าช่วยผู้ใดสะเปะสะปะ และยิ่งห้ามเปิดเผยตัวตน!
โลกแห่งการฝึกตนลุ่มลึกเกินไป ในบรรดาสิ่งมีชีวิตฝึกตนมีพวกใจดำอยู่มาก!
หลังจากนี้ เขาต้องรอบคอบแล้วรอบคอบอีก!
“ถือว่าเจ้าโหดใช้ได้!”
ซิงเมิ่งไม่ได้ลังเล เงาร่างหายไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว การปะทะซึ่งหน้าไม่เคยเป็นจุดแข็งของมัน และไม่เคยเป็นทางเลือกแรกของมัน
“จะไปไหน!”
ต้นหลิวลุกขึ้น หมายจะไล่ตามไป
ล่วงเกินคุณชายแล้วยังคิดจะหนีไปง่าย ๆ อีก
ง่ายปานนั้นที่ไหน!
นอกจากนี้ มันรู้สึกได้ราง ๆ ว่าซิงเมิ่งผู้นี้เกรงว่าคงมาตามมัน
ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้ทุกอย่างก็สงบสุข หลังมันกลับมากับก้อนหินก็เกิดเรื่องเช่นนี้ มันอดคิดมากไม่ได้!
ศึกใหญ่ในห้วงลึกอวกาศของมันกับก้อนหินเรียกได้ว่าเป็นที่จับตาของทุกผู้ทุกหน่วย น่ากลัวว่าเป็นตอนนั้นที่มันถูกซิงเมิ่งหมายหัว
ต่อมา ซิงเมิ่งไล่ตามมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว!
มันตำหนิตนเอง อยากจัดการซิงเมิ่งด้วยตัวเองเพื่อชดเชยความผิดที่มันก่อ
“นำก้านหลิวชะล้างไปด้วย”
หลี่จิ่วเต้าส่งก้านหลิวชะล้างไปให้ด้วยกลัวว่าต้นหลิวอาจไม่ใช่คู่มือของซิงเมิ่งแล้วจะเกิดเรื่อง
ซิงเมิ่งผู้นี้จิตใจอำมหิตไม่พอ ซ้ำยังเจ้าเล่ห์เพทุบาย เก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นได้เป็นภัยร้ายในวันหน้าแน่
“ได้!”
ต้นหลิวรับก้านหลิวชะล้างมา พลันมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
แต่เดิมมันยังไม่มั่นใจเท่าใด
ซิงเมิ่งติดตามมาได้โดยที่มันไม่ระแคะระคาย เห็นได้ชัดว่าต่อกรด้วยยากยิ่ง
ทว่าบัดนี้ มีก้านหลิวชะล้างที่คุณชายประทาน มันไม่มีความกังวลใดอีก คราวนี้ต้องสังหารซิงเมิ่งให้ได้!
มันหายตัวไปจากที่นี่ ออกไล่ล่าซิงเมิ่ง
“ต่อกรยากจริง ๆ ด้วย!”
ต้นหลิวมาอยู่บนท้องฟ้าอีกจุด คิ้วขมวดมุ่น
เริ่มแรก มันยังสัมผัสพลังปราณของซิงเมิ่งได้ มีทิศทางให้ไล่ล่า ทว่าบัดนี้ มันสูญเสียแรงสัมผัสจากพลังปราณของซิงเมิ่ง ไม่อาจยืนยันพิกัดของซิงเมิ่ง
นั่นบ่งบอกว่าซิงเมิ่งแข็งแกร่งกว่ามันจริง ๆ หาไม่แล้วย่อมไม่เป็นเช่นนี้
ทว่ามันไม่รู้สึกวิตก
มันหัวเราะเสียงยิ้ม เรียกก้านหลิวชะล้างออกมา
“คุณชายต้องการให้เจ้าตาย เจ้าไม่มีทางรอดต่อไปได้!”
มันบอกกับก้านหลิวชะล้าง “มาเถิด ช่วยข้าตามหามันที”
เสียงดังฟึ่บ ก้านหลิวชะล้างในมือมันส่องประกาย กฎระเบียบสูงส่งปะทุ ก่อนจะไหลไปตามฝ่ามือของมันจนผสานเข้าไปในร่างกายของมัน
เสี้ยวลมหายใจนั้น พลังปราณของมันพุ่งพรวด เก่งกาจถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าสยดสยองตั้งเท่าไหร่
พริบตาที่ดวงตาของมันเบิกขึ้น ลำแสงสีทองพวยพุ่งข้ามพ้นอาณาจักรนานัปการในพริบตา เล็งซิงเมิ่งผู้หนีไปไว้
…
ห้วงลึกของจักรวาลอันมืดมนอึมครึม
ในอาณาจักรลับตาอย่างยิ่งยวดแห่งหนึ่ง
ซิงเมิ่ง ไม่สิ เอ้อเมิ่งหนีมาอยู่ที่นี่
เอ้อเมิ่งต่างหากคือชื่อจริงของมัน ซิงเมิ่งเป็นนามแฝงของมัน
ที่นี่คือฐานทัพใหญ่ของมัน ห่างจากอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอยู่ตั้งไม่รู้เท่าใด
ทว่ามันทรงพลังอย่างยิ่งยวด ตั้งจิตครั้งเดียวก็เผ่นกลับมาถึงที่นี่
ขณะเดียวกัน มันยังปลุกการเตรียมการทุกอย่างในอาณาจักรนี้
ตัวมันรอบคอบระวังตัวมาแต่ไหนแต่ไร ฐานทัพใหญ่แห่งนี้มีสิ่งที่มันเตรียมการไว้หลายชั้น ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตล้ำขีดขั้นสิบเอ็ดสิบสองมายังที่นี่ก็ไม่มีทางค้นพบอาณาจักรนี้
อาณาจักรนี้เต็มไปด้วยสมบัติลับระดับล้ำขีด ถูกมันนำมาจัดตั้งค่ายกลใหญ่ทั้งหมด
การตั้งค่ายกลสำหรับมันผู้ถือกำเนิดขึ้นจากภายในกายของผู้เบิกทางไม่ยากเลยสักนิด มันตั้งค่ายกลด้วยสมบัติลับระดับล้ำขีดและโลหิตของสิ่งมีชีวิตระดับล้ำขีดมากมายสลักเป็นคลื่นริ้วค่ายกล ค่ายกลใหญ่ในอาณาจักรน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุดแน่นอน!
หลังหนีกลับมาถึงอาณาจักรนี้และปลุกพลังค่ายกลใหญ่ มันถึงวางใจได้อย่างสิ้นเชิง
“สลักคลื่นริ้วค่ายกลด้วยเลือดบรรดาลูกศิษย์ของท่านผู้นั้น ทั้งยังใช้สมบัติลับระดับล้ำขีดอีกมหาศาลในการเจือจุนพลัง ต่อให้หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งเพียงใดก็เท่านั้น!”
ค่ายกลนี้มีนามว่า ค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดค่ายกลที่ท่านผู้นั้นสร้างขึ้น
มันกางค่ายกลนี้ได้อย่างไร้ที่ติ ต่อให้หลี่จิ่วเต้าทรงพลังปานใดก็ไม่มีทางจัดการมันได้
“นั่นมัน…อะไร? ดูเหมือนมีสิ่งมีชีวิตเหินมาที่นี่!”
เวลานั้น ม่านตามันหรี่ลงเล็กน้อย คล้ายว่าเห็นสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเหินมาจากอวกาศ
“มีคน! ไม่สิ มีต้นไม้! ต้นหลิวต้นนั้นไล่ตามมาแล้ว!”
เมื่อเข้าใกล้ขึ้น มันสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและรู้ว่าเป็นต้นหลิวที่ไล่ตามมา
มันหัวเราะเสียงเย็นพลางกล่าว “ว่ากันตามพลังของต้นหลิวนี้ไม่มีทางตามมาถึงที่นี่ ต้องเป็นหลี่จิ่วเต้าที่คอยชี้ทางให้มันแน่”
มันเคยประจักษ์ถึงพลังของต้นหลิว ไม่ได้กล้าแกร่งเท่าใด ด้อยกว่ามันมากโข
ในสถานการณ์ปกติ ต้นหลิวไม่มีทางตามมาถึงที่นี่ได้เลย
ความเป็นไปได้เดียวที่ต้นหลิวตามมาถึงที่นี่คือหลี่จิ่วเต้าเป็นผู้ชี้ทางให้ต้นหลิว
ทว่ามันไม่รู้สึกกังวล
ก่อนหน้านี้มันยังไม่ได้เข้ามาในค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ พลังปราณยังหลงเหลืออยู่ข้างนอก หลี่จิ่วเต้าถึงชี้ทางต้นหลิวให้ตามมาถึงที่นี่ได้
ทว่าบัดนี้มันอยู่ในค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ พลังปราณถูกอำพรางไว้ทั้งหมด ต่อให้หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่ไหว
“เลิกซ่อนตัวได้แล้ว ออกมาเสีย มาสู้กับข้าซึ่ง ๆ หน้า อย่าทำตัวประหนึ่งเต่าหัวหด!”
ต้นหลิวตั้งตระหง่านอยู่กลางอวกาศตวาดลั่น “นี่คือศักดิ์ศรีที่ข้าเหลือให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะรู้ผิดชอบชั่วดี!”
คิดจะหลอกมันออกไปรึ
เอ้อเมิ่งหัวเราะ เอ่ยเสียงก้อง “เจ้าหาข้าให้พบก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน!”
เสียงของมันดังอยู่ทั่วสารทิศ ไม่อาจยืนยันพิกัดได้เลย มีค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์อยู่ มันไม่กลัวว่าจะถูกต้นหลิวจับได้เพราะส่งเสียง
“ข้ารู้มานานแล้วว่าเจ้าอยู่ที่นี่!”
ต้นหลิวตวาด “ออกมาเสีย อย่าละทิ้งศักดิ์ศรีสุดท้ายที่ข้าเหลือให้เจ้า!”
ลูกไม้ของเด็กเล่นซ่อนแอบหรือไรกัน?
ทั้งที่ไม่รู้ว่าเด็กคนอื่นซ่อนตัวที่ไหน กลับตะโกนว่ารู้เพื่อหลอกให้เด็กที่ซ่อนตัวอย่างดีออกไป!
เอ้อเมิ่งหัวเราะออกมาอีกครั้ง ต้นหลิวดูถูกมันเกินไปกระมังถึงได้ใช้ลูกไม้ตื้น ๆ เช่นนี้
มันอยากขำให้ตายชัก!