ราชาซากศพ - บทที่ 399 สังหาร
บทที่ 399
สังหาร
”นายท่าน! เจ้าอ้วนคนนี้ล่ะ จะจัดการอย่างไรดี” เสี่ยวเฮยชี้ไปที่ชายอ้วน ที่ถูกเขาเหยียบย่ำแล้วถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “เจ้ากินมันไปเถอะ! ” หลินเว่ยโบกมือ และพูดอย่างลวก ๆ
“ กินหรือ….เข้าใจแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย กู่ม่อและคนอื่น ๆ ต่างก็ตัวสั่นสะท้าน พวกเขาไม่คาดคิดว่า หลินเว่ยจะปล่อยให้สัตว์อสูรของตนกินมนุษย์เบื้องหน้า
โดยทั่วไปแล้ว ยกเว้นคนที่ชั่วร้ายที่จะทำเช่นนั้น แต่ หลินเว่ยกำลังจะปล่อยให้สัตว์อัญเชิญกินมนุษย์เข้าไปจริง ๆ หรือ? แม้จะเป็นศัตรูแต่วิธีการนี้ออกจะป่าเถื่อนไปหน่อย อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สายตาของคนในค่ายหลินเมิ่งอีกด้วย
”ช่างมันเถอะ! ข้าไม่ได้กินมนุษย์มาหลายปีแล้ว และชายอ้วนคนนี้ก็อ้วนมากเกินไป จนข้ากินไม่ลง” เสี่ยวเฮยมองไปที่ชายอ้วนที่กำลังดิ้นทุรนทุราย จากนั้นก็ส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยท่าทางรังเกียจ
“ งั้นหรือ เช่นนั้นก็สังหารมันทิ้งซะ” หลินเว่ยพยักหน้า
”รับทราบ! เสี่ยวเฮยยกเท้าเหยียบชายอ้วน ในทันที อีกฝ่ายไร้ท่าทีต้านทาน
”ตูม เกิดเสียงดังสนั่น ภาพที่เห็นเบื้องหน้าของทุกคนคือ ฝุ่นละอองตลบอบอวล แต่ละคนใบหน้าตกตะลึง และสำลึกฝุ่นละออง จำนวนนับไม่ถ้วน
เท้าของเสี่ยวเฮยนั้นหนักมาก เขาจึงสามารถสังหารคนได้ทันทีเพียงใช้ฝ่าเท้าเดียวของเขา ก็สามารถบดขยี้ร่างของชายอ้วน เมื่อเสี่ยวเฮยยกเท้าขึ้นอีกครั้ง ปรากฏหลุมขนาดใหญ่ สะท้อนสู่สายตาของสาธารณชน
ในหลุมนั้นมีชายอ้วนจมกองเลือดอยู่
“ หืม….ยังไม่ตายอีกหรือ” มองไปที่ชายอ้วนที่อยู่ใต้เท้าของเขา หน้าอกของชายอ้วนยังคงขยับขึ้นลง ใบหน้าของเสี่ยวเฮยมีร่องรอยของความประหลาดใจ เนื่องจากน้ำหนักของเท้าของเขานั้นสามารถทำให้มนุษย์ถูกสังหารได้โดยการเหยียบลงไปเพียงครั้งเดียว
แม้กระทั่งนักรบมนุษย์ขั้นอรหันต์ช่วงกลางก็ตาม
“ หวือ!” เมื่อหลินเว่ยพบสิ่งนี้ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นในหลุมทันที เสี่ยวเฮยจึงรีบก้าวเท้าออกไป จากนั้นเขาก็กลายร่างเป็นชายหนุ่มที่มีผมสีดำและใบหน้าที่เย็นชา เขายืนอยู่ข้างๆหลินเว่ย ด้วยความตั้งใจที่จะสำรวจร่างของชายอ้วน
เมื่อมองไปที่ร่างของชายอ้วนที่ดูสิ้นหวัง หลินเว่ยก็นั่งยองๆ กางฝ่ามือและประทับลงไปที่หน้าอกของชายอ้วน
“ ฮึบ!” จู่ ๆ ก็เกิดการระเบิดของพลังปราณ และเข้าต่อต้านการโจมตีของหลินเว่ย หลินเว่ยรู้สึกได้ถึงแรงผลักเล็กน้อยจากฝ่ามือผลัก ราวกับว่ามีชั้นอากาศไหลวนเวียนเพื่อเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
หลังจากรู้สึกเช่นนี้ ความแรงในการโจมตีของหลินเว่ย กลับเพิ่มขึ้น เขาใช้ความแข็งแกร่งทั้งร่างกายของเขาเพื่อประทับลงไปยังหน้าอกของชายอ้วน
แต่หลินเว่ยทำได้เพียงแค่ทำให้หน้าอกของชายอ้วนยุบลงเล็กน้อย และกระดูกส่งเสียงลั่นครวญครางราวกับไม่สามารถแบกรับแรงกดดันได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ท่าทางนี้กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชายอ้วน
หลินเว่ยขมวดคิ้วและครุ่นคิด ทางด้านเสี่ยวเฮยที่อยู่ข้างๆ เขาเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ และไม่รบกวนหลินเว่ย
ครู่ต่อมาคิ้วของหลินเว่ยก็คลายออก และพลังปราณจากร่างพุ่งออกมาเพื่อห่อหุ้มฝ่ามือของเขา นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของพลังลึกลับของสายฟ้าผสานตัวกัน
เขาตบมือลงไปที่ร่างของชายอ้วน และฝ่ามือแสงสีม่วงอ่อน ๆ กระทบกับร่างของอีกฝ่าย
”ปัง!”
”กึก!” หลังจากที่ฝ่ามือกระทบร่างของชายอ้วน เกราะป้องกันที่โปร่งแสง เกือบจะถูกดึงออกมา ด้วยแรงกระแทก การระเบิดพลังของหลินเว่ย ไม่ได้ทิ้งรอยแผลใดๆให้กับอีกฝ่าย แต่มีเสียงของการแตกร้าวไปยังกระดูก
”ของดี! มันไม่เพียง แต่สกัดกั้นการโจมตีทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถต้านทานพลังปราณ และพลังขอบเขตแห่งการรู้แจ้ง การป้องกันที่แข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าจะมีข้อบกพร่อง
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสมบัติหายาก “หลังจากการทดสอบหลายครั้ง หลินเว่ยรู้สึกมีความสุขในใจ และใบหน้าของเขาแสดงความคาดหวัง เขาเอื้อมมือไปคลำร่างของชายอ้วนทันที
ครู่ต่อมา ร่างของชายอ้วนถูกเปลื้องผ้าออก เหลือเพียงชั้นใน ในมือของหลินเว่ย เขาถือแหวนมิติอยู่ในมือ หลังจากบังคับให้ชายอ้วนลบตราออกจากแหวนมิติ หลินเว่ยตรวจสอบแล้วพบว่ามันเป็นเพียงแหวนมิติธรรมดา
ที่มีสิ่งระเกะระกะอยู่ในนั้น อย่างไรก็ตาม มันมีเนื้อสัตว์และเสื้อผ้าบางส่วน
เดิมทีเขาคิดว่าสมบัติได้รับการขัดเกลาจากชายอ้วน อาจจะไม่ได้อยู่ในแหวนมิติ จากนั้นหลินเว่ยทำลายชีพจรหัวใจของชายอ้วนโดยตรงทันที จากนั้นจึงลงมือสำรวจจิตสำนึกของอีกฝ่ายทันที
ปรากฏว่า มีค้อนขนาดใหญ่ทั้งสองชิ้น ลอยออกมาจากร่างของชายอ้วน และไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกต่อไป หลินเว่ยสำรวจหลายครั้ง แต่เขาไม่พบสิ่งอื่นใดนอกจากค้อนยักษ์
ค้อนขนาดใหญ่ทั้งสองนี้ ยังเป็นสมบัติชนิดหนึ่ง พวกมันทั้งคู่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นอาวุธครบชุด หากแยกมันออกมา พวกมันจะเป็นเพียงเครื่องมือซวนฉีชั้นยอด
เมื่อรวมกันจะสามารถสร้างพลังได้มากกว่าค้อนเดี่ยว ๆ เห็นได้ชัดว่าค้อนขนาดใหญ่ทั้งสองนี้ ไม่ใช่สิ่งที่หลินเว่ยมองหา
”ไม่มีทาง…เป็นเพราะอะไร … ”
หลินเว่ยตรวจสอบร่างกายของชายอ้วนอีกครั้ง แต่เขาไม่พบชุดเกราะและอุปกรณ์ใด ๆ บนร่างกายของอีกฝ่าย เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วสายตาของเขาก็ตกลงไปที่กางเกงชั้นใน
และใบหน้าของเขาก็มีสีหน้ายุ่งเหยิง
”เจ้าเด็กหลิน! กำลังมองหาสมบัติของชายอ้วนอันใดกัน ในขณะที่หลินเว่ยเตรียมพร้อมที่จะสั่งให้เสี่ยวเฮยถอดกางเกงในชายอ้วนออกมา เขาก็ได้ยินเสียงของจินหยูดังขึ้นมาในจิตใจ
“ มันอยู่ในกางเกงชั้นในใช่หรือไม่?” หลินเว่ยถาม พร้อมกับขมวดคิ้ว
”ไม่แน่นอน เจ้าลองเอื้อมมือไปสัมผัสผิวหนังของชายอ้วน และเปิดการรับรู้ อย่างระมัดระวัง” จินหยูส่ายหัว และพูดด้วยความมั่นใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของจินหยู หลินเว่ยก็ยื่นมือออกมาเพื่อสัมผัสกับร่างของชายอ้วน และตรงเข้าบีบแขนของศพ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติทันที
มันลื่นเกินไป แม้แต่ผู้หญิงที่มีผิวที่ดีที่สุด ก็ไม่สามารถมีผิวที่เรียบเนียนได้ถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นเรื่องผิดปกติ ที่จะพูดว่าชายที่หยาบกระด้าง เช่นชายอ้วนจะมีผิวที่ลื่นดั่งหยกเช่นนี้
”ผู้อาวุโส! รู้หรือไม่ว่า นี่คืออะไร? หลินเว่ยมองจินหยูด้วยสีหน้าหงอย ๆ ในน้ำเสียงของเขา มีคำประจบประแจงอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่าอีกฝ่ายชื่นชอบและโปรดปรานในยามที่เขาทำเช่นนี้
”ฮึ่ม! เจ้าคิดว่าปู่แช่นข้า จะไม่รู้งั้นหรือ ?ฟังข้าให้ดีๆ มันคือชุดเกราะที่ทอจากไหมวิเศษที่หายาก” เมื่อเห็นท่าทีของ หลินเว่ย จินหยูก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดอย่างหยิ่งผยอง
”แน่นอนว่ามันคือชุดเกราะ และมันก็ยังเป็นเกราะผิวหนัง แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่า มันอยู่ในระดับใด ถึงเพียงเครื่องซวนระดับสูงก็เถอะ ถือว่าดีมากๆ” เมื่อได้ยินคำบรรยายของจินหยู หลินเว่ย กล่าวด้วยใบหน้าที่มีความสุข
ในความเห็นของหลินเว่ย ชุดเกราะที่บาง ราวกับปีกของจักจั่น แม้จะไม่รู้ถึงอะไรเลยในยามสวมใส่ นอกจากนี้เขายังสามารถสวมชุดเกราะชั้นใน และชุดเกราะชั้นนอกได้อีกด้วย เขามีเกราะป้องกันตัวเองทั้งสามชุด
และยังมีชุดเกราะพลัง ก็เท่ากับ การป้องกันสี่ชั้นหนาแน่น
ยิ่งไปกว่านั้นชุดเกราะนี้ ยังโปร่งใส นอกจากนี้หากไม่มีความรู้ก็จะไม่สามารถจับพิรุจได้ หลินเว่ยตื่นเต้นเมื่อยามที่คิดถึงความเป็นไปได้หลายประการ สำหรับผู้ที่หวาดกลัวความตาย ชุดเกราะโปร่งแสงนี้ มีค่ายิ่งกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์
”อันที่จริงชุดเกราะนี้ เดิมทีควรจะเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง ที่ทอมาจากไหมวิเศษ ซึ่งได้มาจากแมลงโบราณ ผ้าไหมที่สกัดมาจากมัน เป็นวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการกลั่นอาวุธต่าง ๆ. . ” ในขณะที่หลินเว่ยกำลังพิจารณาว่าจะขัดเกลาชุดเกราะไหมวิเศษดีหรือไม่
เขาก็ได้ยินเสียงของจินหยูอีกครั้ง
“ อะไรกันเนี่ย” เมื่อได้ยินว่าจินหยูร้องขึ้นมา หลินเว่ยจึงถามอย่างกระตือรือร้น
”เพียงแค่เกราะนี้ กลับได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แม้กระทั่งจิตวิญญาณก็สลายไป และประสิทธิภาพการทำงานบางอย่างของมันก็เสียหาย เหลือเพียงการป้องกันพื้นฐานเท่านั้น” จินหยูกล่าวอย่างเสียใจ
แต่มันไม่สำคัญ สิ่งที่ข้าต้องการคือ การป้องกันขั้นพื้นฐานของมัน “เมื่อได้ยินคำพูดของจินหยู หลินเว่ยก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงพึงพอใจ
”โอ้! หากไม่มีอะไรแล้ว ปู่ของเจ้า ต้องการพักผ่อน” จินหยูพยักหน้า จากนั้นโบกมือและพูด
ณ ประตูพระราชวังอาณาจักรเวเนเชี่ยน
…………
”เกิดเรื่องแล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว หนิงฉีหลั่งเหงื่อเต็มร่าง เห็นพระราชวังอยู่เบื้องหน้า เขาก็ร้องเรียกทหารที่เฝ้าประตูวังทันที
”สามหาว! เจ้าจะส่งเสียงดังที่นี่ไม่ได้ หัดเกรงอกเกรงใจเสียบ้าง มารยาทขั้นพื้นฐานหายไปที่ใดหมด ? ทหารยามเผ้าประตูวังมองหน้ากัน และพวกเขาก็งงงวย จากนั้นหนึ่งในนั้นก็ดึงกระบี่ออกมาจากเอว และตะโกนใส่หนิงฉีทันที
”พี่น้อง! องค์ชายสี่ตกอยู่ในอันตราย มีคนโหดเหี้ยมกำลังทำร้ายองค์ชาย หนิงฉีมองไปยัง นายทหารถือดาบและชี้ไปที่เขา จากนั้นเขารีบหยุดฝีเท้าด้วยความกังวล
”อะไรนะ องค์ชายสี่ตกอยู่ในอันตราย เจ้าเป็นใคร ไม่กลัวจะถูกสังหารรึยังมาโป้ปดที่นี่?” นายทหารถือดาบมองอย่างตกตะลึง จากนั้นกล่าวด้วยใบหน้าที่ไม่เชื่อถือ
ทหารที่ถือดาบพูดจบ แต่มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา และกระซิบข้างหูของเขาว่า “หัวหน้า! ข้าเคยเห็นเขามาก่อน เขาคือคนขององค์ชายสี่จริงๆ”
“ จริงหรือ?” นายท่านที่ถูกเรียกว่า หัวหน้า เมื่อได้ยินคำพูดของลูกน้อง และใบหน้าของเขาก็ดูตื่นตระหนก
”ไป! ตามข้าเข้าไป และรายงานต่อฝ่าบาท” หัวหน้าทหารยามพูดจบ จากนั้นก็หันหลังเดินไปที่ประตู และหนิงฉีรีบตามไปทันที