ราชาซากศพ - บทที่ 372 ค่ายกลแข็งแกร่ง
บทที่ 372
ค่ายกลแข็งแกร่ง
”ตู้กัง! เจ้ามัวทำอะไรอยู่! นี่คือสิ่งที่เจ้าเรียกว่า ค่ายกลพื้นๆอย่างนั้นหรือ? พลังของมันมีข้อจำกัดหรือไม่?” ขณะที่กัวห้วยหลบหนี เขาก็ตะโกนใส่ชายสวมเสื้อคลุมไปพลางๆ
”ไม่มีทาง! ค่ายกลเทียนกังห้า มันเป็นค่ายกลพื้นฐาน ที่ถูกต้อง มันเป็นเพียงพลัง … ” เมื่อได้ยินคำถามของกัวห้วย ใบหน้าของตู้กังก็ขมวดคิ้ว และมีร่องรอยการขบคิดอยู่ในสายตาของเขา
ครู่ต่อมาหัวใจของ ตู้กังก็เปล่งประกายแห่งการรู้แจ้ง และพูดว่า “ข้ารู้! นี่คือค่ายกลเทียนกังจริง ๆใช่แล้ว! อย่างไรก็ตามค่ายกลที่ยอดเยี่ยมนี้ ไม่ได้เปิดใช้งานมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว มันได้สะสมพลังงานธาตุทั้งห้าไว้เป็นจำนวนมาก
เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างธาตุทั้งห้า จะทำให้พลังงานจะไม่สลายไป รังแต่จะแข็งแกร่งขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นพลังจะเพิ่มขึ้นมากจนถึงขณะนี้ มันมีพลังของค่ายกล ระดับสาม ”
”ค่ายกลระดับสาม หรือ มันมีพลังมากหรือไม่? เราจะทำอย่างไร เพื่อตีค่ายกลให้แตก” กัวห้วยเอ่ยถามอย่างรีบร้อน
”สิ่งนี้คือ หากคนที่ควบคุมค่ายกล ไร้ซึ่งการฝึกฝนเพียงพอ แม้แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับค่ายกลก็เป็นเพียงผิวเผิน พวกเขาก็จะไม่สามารถดึงพลังของมันออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ การทำลายค่ายกลให้พังทลายมีสามวิธี แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ ”
ตู้กังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วและกล่าวอธิบาย
“ ทั้งสามวิธีคืออะไร…พูดมาโดยเร็ว ? กัวห้วยและ คนอื่น ๆ ร่วมมือกันเพื่อสกัดกั้นโซ่เหล่านั้นชั่วคราว และกล่าวด้วยความรีบร้อน
ในเวลานี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยมากสำหรับพวกเขา และตอนนี้มีเพียงอรหันต์เพียงหกคน ที่ไม่ได้ตรึงโดยโซ่ และ ตู้กัง ชายที่สวมเสื้อคลุม ชายทุกคนที่เขาพามา ล้วนถูกโซ่เหล่านั้น มัดตึงห้อยศีรษะลงและขยับไม่ได้
”วิธีแรกคือ การทำลายค่ายกลด้วยการบังคับ แต่เห็นได้ชัดว่า น่าจะไม่สามารถทำได้ แม้ว่าจะมีผู้แข็งแกร่งระดับเงิน แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้นพลังของค่ายกลนี้ ยังได้รับการเลื่อนระดับแล้ว ” ตู้กังก็ส่ายหัวปฏิเสธ
“ วิธีที่สองคือ การหาดวงตาของค่ายกล ตราบใดที่เจ้าทำลายดวงตาค่ายกลได้ สิ่งเหล่านี้จะไร้ประโยชน์ และหากสามารถเปลี่ยนเป็นคนควบคุมค่ายกลได้ ด้วยวิธีนี้ เราจะมีตัวช่วยชั้นดี” ตู้กังอธิบายต่อ
”ดวงตาของค่ายกลนั้นหรือ นั่นคือป้ายหยกในมือของตาเฒ่าหลงฉี! แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขา และผู้คนรอบข้าง บวกกับโซ่ที่ไล่ต้อนอยู่ในตอนนี้ พวกเราไม่สามารถแย่งชิงป้ายหยกมาจากมือของเขาได้! ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว” กัวห้วยขมวดคิ้ว
แล้วขอความช่วยเหลือจากตู้กัง
”อืม! ดูเหมือนว่า..จะต้องเป็นเช่นนั้น คราวนี้มันเกิดข้อผิดพลาดในการคำนวณของข้า ไม่คาดคิดว่า พลังของค่ายกลเทียนกังจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อดำเนินการมาถึงจุดนี้แล้ว แผนจะต้องไม่ล้มเหลว เนื่องจากคนเหล่านี้ได้ใช้ค่ายกลป้องกันแล้วหลังจากเหตุการณ์นี้ ก็ยากที่จะมีโอกาสดีๆเช่นนี้อีกครั้ง “ตู้กังพยักหน้าและเห็นด้วยกับข้อเสนอของกัวห้วยโดยตรง
หลังจากพูดแบบนั้น ร่างของตู้กัง เคลื่อนไหวชั่วพริบตา จากนั้นแยกตัวออกจากระยะของการโจมตีด้วยโซ่ และพุ่งไปที่หลงฉี
”ไม่…หยุดนะ เขาพยายามจะคว้าดวงตาของค่ายกลเทียนกัง”
เมื่อเห็น ตู้กังเสี่ยงชีวิตที่จะแยกตัวออกจากกลุ่ม และมุ่งไปที่ หลงฉี และคนอื่น ๆ ที่มองเห็นเหตุการณ์ต่างร้องอุทานออกมา
”ฮ่าฮ่า! ไม่เป็นอันใด! เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฝ่าการปิดล้อมจากผู้คนมากมาย ด้วยกำลังเพียงคนเดียว” หลงฉีส่ายหัวหัวเราะเบา ๆ สองครั้ง และพูดอย่างมั่นใจบนใบหน้าของเขา
จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าโซ่ที่ปิดล้อมกัวห้วย และคนอื่น ๆ ถูกแยกออกมา มีโซ่จำนวนห้าเส้นที่เข้าโจมตีตู้กัง
”อาจารย์! ท่านควรเตือนหลงฉีให้ระมัดระวัง การฝึกฝนของชายเสื้อคลุมนั้น แข็งแกร่งมาก บางทีเขาอาจจะก้าวข้ามขั้นอรหันต์ไปแล้ว และอย่าให้เขาประมาท” หลินเว่ยรู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตู้กัง ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าหลงฉีเลินเล่อ
และไม่สนใจอีกฝ่าย หลินเว่ยก็ขมวดคิ้วและรีบกระซิบกับหลงซีเฉิน อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้บอกว่า เขาแน่ใจมาก มิฉะนั้นเขา หากบอกอีกฝ่ายไปเช่นนั้น อาจจะทำให้เกิดความสงสัยอย่างแน่นอน
”ก้าวข้ามขั้นอรหันต์ เป็นไปได้อย่างไร? เจ้ารู้ได้อย่างไร?” หลงซีเฉินตกใจกับข่าวของหลินเว่ย จากนั้นนางก็มองไปที่ หลินเว่ย ด้วยใบหน้าที่ตกใจและถามออกมาตรง ๆ
”อันที่จริง ข้าเพียงคาดเดาเท่านั้น ข้าคิดว่ามีผู้แข็งแกร่งมากมาย แต่กัวห้วยกลับส่งเขาออกมา เพื่อแย่งชิงป้ายหยก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของคนคน นี้คือ คนที่แข็งแกร่งกว่ามากกว่ากัวห้วย ยิ่งกว่านั้นข้าไม่สามารถค้นพบการฝึกฝนของเขา และเขาเป็นคนเดียวที่แปลกประหลาด ดังนั้นข้าเดาว่าความแข็งแกร่งของเขาอาจจะเกินกว่า ขั้นอรหันต์ไปแล้ว “หลินเว่ยแสร้งทำเป็นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และมอบข้ออ้างที่เขาขบคิดมานาน
”หืม?” แม้ว่านางจะไม่สามารถรับรู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตู้กัง แต่เมื่อฟังเหตุผลจากหลินเว่ย นางก็รู้สึกว่า มีความเป็นไปได้ จากนั้นนางรีบเอ่ยปาก
”หลงฉี! ระวังชายคนนี้ พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าของ กัวห้วยมาก เขาอาจจะทะลวงเหนือขั้นอรหันต์ไปแล้ว” จากนั้น นางก็ตะโกนด้วยความจริงจัง
”อะไรนะ?” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงซีเฉิน ทุกคนต่างก็ตกใจ พวกเขาทั้งหมดมองนาง ด้วยความประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เริ่มสะกิดความสงสัยของหลงฉี อย่างไรก็ตามความคิดของเขาต่อตู้กัง ก็เริ่มจริงจังขึ้น เขาระดมครึ่งหนึ่งของโซ่เข้าโจมตีไปที่ตู้กัง
”ฮ่าฮ่า! มันสายไปแล้ว หลังจากได้ยินเสียงของหลงซีเฉิน ดังนั้นหลงฉีจึงคอยระมัดระวังตู้กังอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นเช่นนั้นตู้กังก็เพิ่มความเร็วของเขา ในแววตาเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่คำพูดนั้นจะสิ้นลงไป ร่างของตู้กังพลันระเบิดพลังปราณอันทรงพลังออกมา จากนั้นเขาก็ตบมือบนหน้าอกของหลงฉี
เมื่อรู้สึกถึงแรงกดขี่ของการระเบิดพลังอย่างกะทันหันของตู้กัง ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก ในขณะที่ใบหน้าของ หลงฉีนั้นซีดเผือด เส้นขนของเขาลุกชันขึ้นทั่วร่างกาย
”ระวัง!” ด้วยเสียงร้องที่ดังขึ้น ชายชราอรหันต์ระดับแปดคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ข้างๆหลงฉี พลันผลักเขาออกไป จากนั้น ยื่นฝ่ามือออกไปสกัดกั้นตู้กังแทน
“ ป่า!”
”ตูม เมื่อสองฝ่ามือปะทะกัน คลื่นพลังกระทบ ถูกสร้างขึ้นทันที จากนั้นก็กระจายไปรอบ ๆ มีร่างหนึ่งถูกพัดถอยหลัง ด้วยความเร็วมาก ละอองเลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากของเขาอย่างต่อเนื่อง
และร่างของเขาก็ล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง เป็นชายชราที่เพิ่งสกัดกั้นการโจมตีแทนหลงฉี