ราชาซากศพ - บทที่ 371 ค่ายกล
บทที่ 371
ค่ายกล
”เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงบาดเจ็บ ผู้ใดทำร้ายเจ้า?” ท่ามกลางฝูงชน มีร่างหนึ่งรีบเหินร่างออกมา และรีบมาพบชายคนนี้ เขาเอ่ยถามอย่างรีบร้อน ซึ่งชายคนนั้นคือแม่ทัพบัญชาการของเมืองเหยียนจิง
“ ท่านแม่ทัพ! มีคนจากที่ใดไม่ทราบทำลายค่ายกลเคลื่อนย้ายจำนวนหลายแห่ง พวกมันแข็งแกร่งมากจนเรามิอาจเป็นคู่ต่อสู้ได้เลย” ตงกวนร้องอย่างเป็นกังวล
”อะไรนะ..ค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกทำลาย..นี่คือ … ” ไป่หลี่ซวนเช่ออุทาน จากนั้นก็หันไปมองกัวห้วยในทันที
“ เรียบร้อยแล้วหรือ?” หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่าง ไป๋หลี่ซวนเช่อ และตงกวน กัวห้วยและ เหมิงโซ่ว มองหน้ากัน และหัวเราะ จากนั้นเขามองไปที่ไป๋หลี่ซวนเช่อ จากนั้นพยักหน้าและยอมรับว่า: “ใช่แล้ว มันเป็นคนของเราเอง
ที่ทำลายค่ายกลเคลื่อนย้าย เนื่องจากนี่เป็นแผนหลักของเรา ดังนั้น เราจึงส่งมือดีจำนวนมากออกไปทำตามแผนที่วางไว้
ในการทำลายค่ายกลเคลื่อนย้าย ดูเหมือนอย่างที่กัวห้วยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ วิหารเร้นลับพร้อมที่จะโจมตีอาณาจักร กังหลัน หากไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้าย พวกเขาจะไม่สามารถขอกำลังเสริมเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้
แม้ว่าจะสามารถส่งข้อความเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่หากไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้าย กำลังเสริมก็เข้ามาที่นี่ไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะมีเวลาเพียงพอในการเก็บกวาดและจัดระเบียบเมืองให้เข้าที่เข้าทาง”เหลยเป่าพูดอย่างจริงจังกับซางกวนฮ่าวหยาง
แม้ว่า ซางกวนฮ่าวหยางจะปรึกษาหารือกับเหลยเป่า อย่างแผ่วเบา แต่ในที่แห่งนี้ ผู้ที่มีพลังที่ต่ำที่สุดคือ ขั้นจักรพรรดิ คำพูดของเหลยเป่าตั้งแต่ต้นจนจบลอยเข้าหู่ของคนทั้งหมด
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์เหลยเป่า ดังนั้นบรรยากาศพลันเกิดความวุ่นวาย โชคดีที่คำพูดของพวกเขานั้น ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ไม่ได้ยินเรื่องนี้ มิฉะนั้นความวุ่นวายที่เกิดจากผู้คนนับล้าน จะเป็นเรื่องไม่สู้ดีนัก
ถึงกระนั้น ก็ยากที่จะไม่สงสัยว่า มีปรมาจารย์จำนวนมากเพียงใดที่นั่งดูการต่อสู้ แม้ว่าจะไม่มีใครกล้าเอ่ยถาม แต่พวกเขาก็เริ่มจับกลุ่มคุยกันเป็นการส่วนตัว
“ กัวห้วย! เจ้าต้องการเป็นศัตรูทั้งอาณาจักรกังหลัน อย่างนั้นหรือ ใบหน้าของหลี่ซานเคร่งขรึมและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
”หืม…เป็นศัตรูกับทั้งอาณาจักรกังหลันได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นตราบใดที่ข้ากวาดล้างทั้งสามอาณาจักรแล้ว อาณาจักรที่เหลือจะสามารถสร้างคลื่นใต้น้ำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อข้าได้ ในท้ายที่สุด หากคนพวกนี้ดื้อด้านนัก ก็ทำให้หลงเหลือเพียงแค่ชื่อก็สิ้นเรื่อง
อาณาจักรมืดโบราณก็จะกลายเป็นอาณาจักรใหญ่เพียงแห่งเดียว และปกครองทั้งอาณาจักรกังหลัน”เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ซาน กัวห้วยก็เม้มริมฝีปาก ราวกับไม่เกรงกลัว และพูดอย่างตื่นเต้น พร้อมใบหน้าที่วาดหวัง
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้แรงจูงใจเต็มเปี่ยม
”หึ่งๆ..!”
ได้ยินเสียงนี้ ราวกับเกิดเสียงแมลงวันตีปีกร้องระงม ผู้คนต่างมองไปที่กัวห้วย ราวกับว่าพวกเขากำลังมองไปที่คนเสียสติ ที่ต้องการที่จะรวมอาณาจักรกังหลัน หากสถานการณ์ไม่ย่ำแย่อย่างที่เห็น คงไม่มีใครเชื่อ แม้ว่ามันจะมาจากปากของอรหันต์ระดับเก้าก็ตามที ผู้คนล้วนแต่จะมองว่าเป็นเรื่องตลก
”ข้าคิดว่าเจ้าล้อเล่นแล้วล่ะ ด้วยความแข็งแกร่งของอาณาจักรนี้ เจ้าสามารถทำได้อย่างที่พูด และครองอาณาจักรกังหลันทั้งหมดได้งั้นหรือ?” หลงฉีโค้งปากของเขา และพูดด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม
“ อะไรนะ…อาณาจักรมืดโบราณต้องการที่จะครอบครองทั้งอาณาจักรกังหลันจริงหรือ?”
”ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่เช่นนั้นทั้งสามอาณาจักร จะตั้งท่าเข้าห้ำหั่นกับอาณาจักรมืดโบราณได้อย่างไร …มันต้องเป็นเพราะเหตุนี้แน่นอน” เสียงของหลงฉีนั้นจงใจพูดดังมาก โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้แผนของกัวห้วย ทำให้คนในสนามประลองต้าอู่รับรู้
แม้ว่าสิ่งที่เขาทำ จะนำไปสู่ความวุ่นวาย แต่เขาก็ไม่ใส่ใจนัก เพราะตอนนี้เขาต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ ท้ายที่สุดแล้ว ในอาณาจักรกังหลันล้วนมีผู้แข็งแกร่งมากมาย แม้ว่าความแข็งแกร่งจะอ่อนด้อย แต่ก็ยังมีอีกมากที่มีความแข็งแกร่งค่อนข้างดี
”ทุกคน! คนของอาณาจักรมืดโบราณได้ทำลายค่ายกลเคลื่อนย้ายในเมืองเหยียนจิงทั้งหมด และตั้งใจจะสังหารทุกคนที่นี่ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ข้าหวังว่าพวกท่านที่มีความแข็งแกร่งขั้นอรหันต์จะยินดีร่วมต่อสู้กับเรา”หลงฉีเห็นว่าผลลัพธ์
ที่ต้องการของเขาบรรลุผลแล้ว จากนั้นเขาจึงร้องเรียกคนอื่นๆ
”ฮ่าฮ่า! เจ้าเก่งมากพอตัว ที่จะใช้พวกขยะพวกนี้ แม้ว่าพวกเจ้าจะร่วมมือกัน แต่ความแข็งแกร่งของเรามันห่างชั้นกันนัก” กัวห้วยมองดูหลงฉีอย่างไม่คาดคิดราวกับกับชมละครน้ำดีบทหนึ่ง ริมฝีปากเหยียดยิ้มพออกพอใจกับท่าทางของหลงฉี
”โง่เขลา! เขากำลังพูดไร้สาระอันใด! ข้าไม่เชื่อว่าความแข็งแกร่งอย่างพวกเราจะถูกดูแคลน?”
”ใช่! มาร่วมมือกับข้า เพื่อสอนบทเรียนที่เจ็บแสบให้กับคนหยิ่งผยองเหล่านี้กันเถอะ” เสียงร้องเรียกและปลุกใจของบรรดาผู้ชมการต่อสู้แพร่สะพัด
เดิมทีคนส่วนใหญ่ ล้วนไม่เชื่อคำพูดของหลงฉี แต่หลังจากได้ยินคำพูดของกัวห้วย ความโกรธก็ฉายแววปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา บางคนดูเหมือนจะได้รับแรงกระตุ้นและโห่ร้องเพื่อต้องการออกมาต่อสู้
แน่นอนว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่โกรธเคือง แต่ไม่กล้าพูด แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกโกรธในใจ แต่พวกเขาก็เกรงกลัวที่จะต้องต่อสู้กับกัวห้วย ซึ่งยังไม่รู้ว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ ดังนั้นคนพวกนี้จึงรอดูสถานการณ์ไปก่อน หากกัวห้วยและคนอื่น ๆ สามารถสยบผู้คนจากอาณาจักรกังหลันได้ พวกเขาก็จะยอมจำนนต่ออาณาจักรมืดโบราณ
สุดท้ายแล้ว ย่อมมีบางคนที่คิดหลบหนี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องปกติ ที่พวกเขาสามารถซ่อนตัวในเมือง หรือหลบหนีไปนอกเมือง เนื่องจากความแข็งแกร่งไม่มากนัก ทั้งกัวห้วยและคนอื่นๆ คงไม่มีทางพบพวกเขา!
“ ฮึบ!”
ในเวลานี้ทางทิศตะวันออกของเมืองเหยียนจิง มีเสาเพลิงสีแดงลุกโชนขึ้นจากท้องฟ้า หลังจากนั้นไม่นาน เสาแสงสีทองก็ลอยขึ้นมาจากทางทิศใต้ จากนั้นในเวลาต่อมาเสาสีฟ้าอ่อน และเสาสีเขียวมรกตก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ ทางตะวันตกและทางเหนือของเมืองเหยียนจิง จากนั้นที่ใจกลางเมืองเหยียนจิง ก็ปรากฏเสาแสงสีเหลืองอร่ามเพิ่มขึ้น
”นี่คือ…อา นี่น่าจะเป็นค่ายกลห้าธาตุในตำนาน ข้าเกือบลืมไปแล้วว่ามีค่ายกลป้องกันที่เก่าแก่และทรงพลังอยู่ภายในเมืองเหยียนจิง” เมื่อเห็นเสาแสงขนาดใหญ่ทั้งห้าต้น ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน หลี่ซานกล่าวอย่างมีความสุข.
”ค่ายกลห้าธาตุ?” หลินเว่ยขมวดคิ้วและมองไปที่ หลงซีเฉิน เขาเอ่ยถามอย่างอยากรู้ เนื่องจากหลงซีเฉินเอง ยังเป็นสมาชิกของราชวงศ์กังหลัน นางน่าจะรู้อะไรไม่มากก็น้อย.
”อืม! มีค่ายกลขนาดใหญ่เช่นนี้จริงๆ แต่ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน ว่ากันว่าค่ายกลขนาดใหญ่นี้ เป็นของบรรพบุรุษของตระกูลหลงของข้า มันทรงพลังมากและเป็นรากฐานของอาณาจักรกังหลันมาจนถึงทุกวันนี้ และเคยถูกเปิดใช้งาน เพียงสองครั้ง และแต่ละครั้ง มันช่วยให้เรารอดพ้นจากอันตราย ครั้งก่อนหน้านี้ ที่ถูกเปิดใช้งาน คือเพื่อป้องกันไม่ให้อาณาจักรล่มสลาย เมื่อกว่า 30,000 ปีก่อน “หลงซีเฉินพยักหน้าด้วยสีหน้าเปี่ยมด้วยอารมณ์ดวงตาอิ่มเอิบเต็มไปด้วยความทรงจำ
“ ทรงพลังงั้นหรือ มันแข็งแกร่งเพียงใด สามารถต้านทานการโจมตีระดับเทพสงครามได้หรือไม่?” เมื่อได้ยินคำบรรยายของหลงซีเฉิน หลินเว่ยก็พยักหน้าและถามอีกครั้ง
“ ป้องกันการโจมตีระดับเทพสงคราม?” หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ใบหน้าของหลงซีเฉินก็ตกตะลึง และปรากฏแววตาแปลก ๆ หลังจากลังเล นางพยักหน้าและกล่าวว่า: “ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ค่ายกลเทียนกังนี้ สามารถต้านทานการโจมตีของเทพสงครามได้จริง ๆ อย่างไรก็ตามข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ทั้งเมือง ตกอยู่ในความโกลาหล ดังนั้นสามารถพึ่งพามันได้ในระยะหนึ่งเท่านั้น ”
”ข้าเข้าใจแล้ว!” หลินเว่ยพยักหน้าและกล่าวตอบรับ
ในทางกลับกัน กัวห้วยและ เหมิงโซ่ว เป็นเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าของพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของสมาชิกทั้งสี่ของกู่หรูซี เต็มไปด้วยความระมัดระวัง
“ ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่า ข่าวลือจะเป็นจริง ในวันนี้สามารถเห็นด้วยตาของตนเอง นับว่าไม่เสียชาติเกิด” กัวห้วยพูดด้วยใบหน้าเฉยเมย
”ฮึ่ม! หากไม่ใช่เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับเจ้า คิดว่าข้าจะหลงคุยกับเจ้านานถึงเพียงนี้หรือ !” หลงฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”ข้าเข้าใจแล้ว!” เมื่อได้ยินคำพูดของหลงฉี กัวห้วยก็ตระหนักและพยักหน้า
”เอาล่ะ! ถึงเวลาแล้ว ” หลังจากที่หลงฉีพูดจบ เขาก็หยิบจี้หยกออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นเขาก็ถ่ายเทพลังปราณของตน ลงในจี้หยก ทำให้จี้หยกพลันสว่างจ้าทันที
“ ฮึบ!” ทันใดนั้นโซ่จำนวนหลายร้อยเส้นก็ตกลงมาจากท้องฟ้า ราวกับเถาวัลย์เลื้อยไปยังกัวห้วยและคนอื่น ๆ ทุกคนต่างถูกพันธนาการด้วยโซ่หลายเส้น หรือบางคนมากกว่าสิบเส้น
”ทักษะศิลปะการต่อสู้กักขังปฐพี” ปรากฏอุณหภูมิโดยรอบ ลดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ผลึกน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน กลั่นตัวออกมา ราวกับพายุฝนระดมยิงใส่โซ่เหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
”กึกๆ … !” เกล็ดน้ำแข็งที่กระทบกับโซ่ ทำให้เกิดเสียงดังแหลมคม ครู่ต่อมาผลึกน้ำแข็งไม่สามารถจับตัวกันได้และหลุดร่อนลงบนพื้น แต่กลับพบว่าโซ่นับร้อยเส้น ยังคงอยู่ดีไม่มีอันใดเสียหาย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของกัวห้วยก็เปลี่ยนไปในที่สุด และแววตาตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาคิดว่าโซ่เหล่านี้เกิดจากพลังงานชนิดหนึ่ง ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แม้ว่าจะไม่สามารถทำลายมันลงได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อย ก็ควรมีส่วนใดส่วนหนึ่งเสียหายราวกับว่า ไม่มีอะไรสั่นคลอนมันได้
“ หวือ … !” หลังจากนั้นโซ่เหล่านี้ คล้ายกับงูเหลือมหลายร้อยตัว เพียงแค่สัมผัสโดนร่าง ก็จะถูกกักขังอยู่ในนั้น และไม่นานมีคนมากกว่าหนึ่งในสิบคน ติดขังอยู่ในโซ่ ตรึงพวกเขาเอาไว้ ทางด้านกัวห้วยและคนอื่น ๆ กำลังง่วนอยู่กับการหลบการโจมตีของโซ่
”ให้ตายเถอะ! มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” กัวห้วยและคน อื่น ๆ ถูกไล่ต้อนจากโซ่นับร้อย ใบหน้าของพวกเขานั้นน่าเกลียดมาก