ราชาซากศพ - บทที่ 369 อรหันต์ขั้นเก้า
บทที่ 369
อรหันต์ขั้นเก้า
”หวือ! เกิดเสียงดังทะลุท้องฟ้าต่อเนื่อง ทั้งสามร่างพุ่งไปยังหลี่ซาน ด้วยความรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือ คือ หลงฉี
”พี่หลง! ทำไมท่านกลับมาเร็วมาก หลี่ซานแสดงความสงสัย และถามด้วยการอาการขมวดคิ้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หลงฉีจะตอบ หลังจากนั้นหลี่ซานมองเห็นว่า เบื้องหลังของพวกเขาทั้งสามคน มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว มองด้วยตาเปล่าแทบไม่พบ มันเป็นผู้อาวุโสอีกคนของวิหารเร้นลับ เหมิงโซ่ว
”นี่มันเป็นพลังลมปราณที่แข็งแกร่งมาก ข้าเกรงว่าความแข็งแกร่งของเขา จะทะลวงถึงระดับเก้าแล้ว” หลินคังซ่งกล่าวด้วยใบหน้าที่ตกใจ
“ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ทั้งสองคนจากวิหารเร้นลับสามารถทะลวงไปถึงระดับเก้า ในขั้นอรหันต์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ข้าจำได้ว่าเมื่อสองปีก่อนนั้น พวกเรายังเคยต่อสู้กับเขามาก่อน ในตอนนั้นพวกเขายังคงมีความแข็งแกร่งในขั้นอรหันต์ ระดับแปด
เป็นไปได้หรือ..ภายในเวลาสองปี พวกเขาทั้งสองสามารถทะลวงด่านได้พร้อมๆกัน” หลี่ซานส่ายหัวและอุทานด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
”หืม เกิดอะไรขึ้น เหตุกัวห้วยจึงมีความแข็งแกร่งขั้นอรหันต์ระดับเก้า?” ทันทีที่เสียงของเขาลดลง ทั้งสามคนก็เพ่งมองไปที่กัวห้วย ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทางดูไม่ได้
“ เกิดอะไรขึ้น…เหตุใดข้าไม่รู้ พวกเขาปิดซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้?” ใบหน้าของหลินเว่ยฉายแววประหลาดใจ และเขาอดไม่ได้ที่จะถามจินหยูภายในใจ
”ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าคิดว่า…ข้าเข้าใจเรื่องราวนี้แล้ว” เมื่อได้ยินคำถามของหลินเว่ย จินหยูหลับตาและควบคุมพลังวิญญาณของเขา เพ่งมองไปที่กัวห้วยและ เหมิงโซ่ว เพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
แม้แต่กัวห้วยและคนทั้งหมดที่อยู่ในปัจจุบัน ต่างก็ไม่มีใครสังเกตเห็น
”เป็นเพราะ?” หลินเว่ยถามอย่างรีบร้อน
”เพราะพลังจิตวิญญาณของคนสองคนนี้สูงกว่าเจ้ามาก และเจ้ามักจะใช้พลังจิตของตัวเอง ในการรับรู้ความแข็งแกร่งของผู้อื่น หากพลังทางจิตของอีกฝ่ายไม่ดีเท่าเจ้า หรือความแตกต่างนั้นไม่ได้มีช่องว่างมากมาย เจ้าก็สามารถรับรู้ได้
แต่เมื่อใดก็ตามที่พบเจอคนที่มีความแข็งแกร่งของพลังจิตมากกว่าเจ้า และหากอีกฝ่ายปิดซ่อนมันไว้ โดยเจตนา เจ้าย่อมไม่สามารถตรวจพบได้ ” จินหยูกล่าวช้า ๆด้วยน้ำเสียงราวกับสั่งสอน
”เจ้าสามารถตรวจพบได้อย่างไร ทั้งๆที่เจ้าเองไร้ซึ่งพลังจิตวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าบอกว่าความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณ ของพวกเขานั้นสูงกว่าของข้ามาก พวกเขามีความแข็งแกร่งถึงระดับทองแดงแล้วหรือ ?หลินเว่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
”โดยธรรมชาติแล้ว พลังจิตวิญญาณของข้าได้รับการเลื่อนระดับเป็นทองแดง หากเจ้ารวบรวมพลังจิตวิญญาณของตัวเองในการตรวจสอบ มันจะสามารถค้นพบได้อย่างง่ายง่าย สำหรับพลังจิตวิญญาณของพวกเขาพวก มันไม่ได้ทรงพลังอย่างที่เจ้าคิด
แต่พวกมันแข็งแกร่งกว่าผู้คนที่นี่ เป็นเพราะพลังจิตของพวกเขาเป็นเหล็กดำระดับสูงสุด เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ก็สามารถทะลวงไปถึงทองแดงได้” จินหยูพูดอย่างไม่แยแส
”โอ้ๆ! พลังจิตวิญญาณสูงสุดของระดับเหล็กดำทั้งคู่ มันเป็นไปได้อย่างไร พวกเขาทำได้อย่างไร?” หลินเว่ยสูดลมหายใจเย็น ๆ มองด้วยใบหน้าที่ตกใจ และเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้ม
”ข้าไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม ชายที่สวมหน้ากาก ยังปิดซ่อนความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ด้วย เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับทองแดง พลังปราณของเขาอยู่ในระดับทองแดง ระดับสาม ความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณคือเหล็กดำ ระดับห้า
และพลังจิตยังเป็นจุดสูงสุดของเหล็กดำ ความแข็งแกร่งของเขามีแนวโน้มที่ค่อนข้างดี เจ้าควรระวังชายผู้นั้นไว้ ” จินหยูกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ ชายชุดคลุมนั้น เจ้าเล่ห์มาก แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่า เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับทองแดง หากในอาณาจักรกังหลัน เราล้วนเรียกเขาว่า เทพสงคราม!” หลินเว่ยกล่าว ด้วยอารมณ์ความรู้สึกบนใบหน้าของเขา แต่ท่าทางของเขาผ่อนคลาย
เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาไม่รู้มาก่อนหน้านี้ เมื่อทราบถึงสถานการณ์เบื้องหน้า ย่อมไม่ทำให้เขาเป็นกังวลมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการ ผู้เชี่ยวชาญระดับทองแดง ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีจินหยู แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นระดับเงิน เขาก็ไม่หวาดกลัว
หลังจากเข้าใจสถานการณ์ทะลุปรุโปร่งแล้ว หลินเว่ยพยายามสังเกตท่าทางของ ชายชุดคลุมตามคำพูดของจินหยู โดยอาศัยพลังจิตวิญญาณและการผสานรวมพลังจิต แม้ว่าการรับรู้จะยังคลุมเครืออยู่มาก แต่อย่างน้อยก็พบสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าก่อนหน้านี้
ด้วยพลังจิตของเขา สำหรับสถานการณ์ของกัวห้วยและ เหมิงโซ่ว ทางหลินเว่ยก็สามารถค้นพบได้เช่นกัน เนื่องจากทั้งเขาและคนพวกนั้น ไม่มีความแตกต่างทางด้านพลัง
”ฮึ่ม! ฝันไปเถอะ วันนี้พวกเจ้าสองคน ถึงแม้ว่าจะมีอรหันต์ขั้นสูงมาอีกกี่คน แต่เอาณาจักรกังหลันจะไม่หวาดกลัว” หลงฉีพูดอย่างเย็นชา ท่าทีแข็งกร้าวไม่ผ่อนปรน
ปรากฏว่าในตอนที่กัวห้วย แนะนำว่าทั้งสามอาณาจักร อย่าได้สร้างปัญหาให้กับพวกเขาอีกต่อไป แต่ในเวลานี้ คนจากสามอาณาจักรตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เหตุการณ์นี้ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว ในไม่ช้าเรื่องนี้มันจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งอาณาจักรกังหลัน และแม้แต่ทั้งดินแดน หากพวกเขาประนีประนอมกับกัวห้วย ใบหน้าของอาณาจักร กังหลันจะไม่หลงเหลืออีกต่อไป
”แล้วหาก ยินดีที่จะหยุดมือ และส่งมอบหลินเว่ยออกมา ข้าจะไม่โต้เถียงกับเจ้า ไม่เช่นนั้นอย่าถือโทษว่าข้าหยาบคาย” เมื่อได้ยินคำขู่ของหลงฉี กัวห้วยก็ไม่ตอบสนอง เขาหันหน้าไปมองหลงซีเฉินและ หลินคังซ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”ข้าเห็นว่าเจ้าตีโพยตีพายมากมายและพูดจาข่มขู่ คิดว่าเจ้าเป็นอรหันต์ระดับเก้า แล้วจะอยู่ยงคงกระพันในโลกนี้งั้นหรือ? หากเจ้ายังทำเช่นนี้อีก ข้าจะเลาะฟันของเจ้าออกมา .” น้ำเสียงของหลงซีเฉินนั้น เต็มไปด้วยความโมโหมาก
”ใช่ข้าจะทุบหัวของเจ้าให้กลายเป็นหมูเสียให้เข็ด” หลินคังซ่งพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
”ฮึ่ม! ไอ้พวกโง่ดักดาน เมื่อเห็นท่าทีของทุกคนแล้ว พวกเขาก็แข็งกร้าวมากขึ้น หลังจากกัวห้วยพูดจบ เขาก็พุ่งออกมา และรีบวิ่งไปหาหลงซีเฉิน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจที่พูดจาด้วยอีกต่อไป
”ระวัง! อรหันต์ระดับเก้า แห่งอาณาจักรกังหลันได้รับข่าวแล้ว อีกไม่นานพวกเขาจะมาถึงที่นี่ เราต้องถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด และอย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไป” หลงฉีอ้าปากเตือน
”หากต้องการถ่วงเวลาไว้สักพักก็ง่ายหน่อย” หลินคังซ่งพยักหน้าและกล่าวอย่างแผ่วเบา
”ต้องการการถ่วงเวลาหรือ กัวห้วยกล่าวด้วยความรังเกียจและเหยียดหยาม จากนั้นพลังปราณต้นกำเนิด ก็เพิ่มขึ้นรอบ ๆ อุณหภูมิเริ่มลดลงอีกครั้ง ในพริบตาท้องฟ้าก็เริ่มมีหิมะตกอีกครั้ง.
การลดอุณหภูมิโดยรอบ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เกล็ดหิมะที่ตกลงมาทั่วศีรษะ ในไม่ช้าก็กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ภายใต้การควบคุมของ กัวห้วย พวกมันพุ่งไปยังทิศทางของหลินคังซ่งและคนของเขา ด้วยความเร็วสูง
”เคล็ดลับ ศิลปะการต่อสู้น้ำแข็ง”
ผลึกน้ำแข็ง ราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด กลับกลั่นตัวเป็นหยดน้ำอย่างต่อเนื่อง ราวกับฝนตกทั่วไปและตกสู่ร่างของทุกคน
”ทักษะปฐพี ศิลปะการต่อสู้พื้นฐาน ห่าฝาสายหอก”
เหมิงโซ่วที่อยู่ข้างๆกัวห้วย ไม่ได้อยู่เฉยๆ เมื่อกัวห้วยเปิดการโจมตี เขาเองก็เริ่มการโจมตี เขาโยนแสงดินสีเหลืองชิ้นหนึ่ง ไปยังเวทีที่พังยับเยินด้านล่าง จากนั้นหนามดินก็ลอยขึ้นจากพื้น และกลายเป็นหอกที่มีความหนาเท่าแขนของทารก
ด้านบน มีผลึกน้ำแข็งไม่มีที่สิ้นสุด และมีหอกจำนวนมาก ที่มีพลังโจมตีที่น่ากลัวอยู่ด้านล่าง ไม่เพียงแค่ผู้ที่อยู่ในสนามรบ แต่ยังรวมถึง หลินเว่ยและอาณาจักรมืดโบราณคนอื่น ๆ ด้วย
เห็นได้ชัดว่าไม่มีความแตกต่างในการโจมตีของพวกเขา สำหรับคนจากอาณาจักรมืดก็จะต้องถูกลูกหลงไปด้วย แต่พวกเขาไม่สนใจ
”สมควรแล้วที่จะเป็นผู้อาวุโสของวิหารเร้นลับ ทั้งสองคนมีทักษะในการต่อสู้จริง ๆและดูเหมือนจะมีความคล้ายคลึงกันมากระหว่างทักษะทั้งสองนี้” หลินเว่ยคิดด้วยความชื่นชม บนใบหน้าของเขา หลินเว่ยซ่อนตัวอยู่ในโล่ป้องกัน
ที่ทุกคนช่วยกันสร้างร่วมกันและท่าทางของเขาเรียบเฉย
”เป็นความจริงที่ว่า ทักษะการต่อสู้ของชายสองคนนั้นดูเรียบง่าย และหยาบไปด้วยซ้ำไม่ได้มีความโดดเด่นใดๆ” จินหยูพยักหน้าและกล่าว
”กึก กึก กึก … !” เสียงกระแทกดังขึ้นหลายครั้ง แต่ฝาครอบป้องกันของ หลินเว่ยแข็งแกร่งมาก ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ไม่มีปัญหา
“ หวิว!”
”ตูม เมื่อพวกเขาถูกบังคับให้สร้างเกราะป้องกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่า เหนือท้องฟ้า ปรากฏร่างสองร่างที่กำลังเหาะอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา เป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่งคน
“ สารเลว! กล้ามากระตุกหนวดเสือ ในอาณาจักรกังหลันของเราได้อย่างไร? ยินยอมรับความตายเสียเถอะ” ผู้ที่กำลังมา เปล่งเสียงพูดอันดัง คือชายวัยกลางคนที่กำลังเหาะเข้ามาในสนามประลองต้าอู่
เขาและหญิงสาวที่อยู่ข้างๆล้วนมีความแข็งแกร่งขั้นอรหันต์ระดับเก้า ชายคนนี้มีชื่อหลงชิงหยาง และหญิงสาว มีนามว่า ฝานเหวินหยู ทั้งสองบุคคลที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในอาณาจักรกังหลัน และเป็นคู่สามีภรรยากัน
เมื่อคำพูดของหลงชิงหยางยังไม่ทันจบลงดีนัก เขาคว้าดาบในมือขึ้นมาและจ้องมองไปยัง เหมิงโซ่วที่อยู่ภายใต้ฝูงชน ในขณะที่ฝานเหวินหยูเปิดการโจมตีไปที่กัวห้วย
จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนมาก พวกเขาต่างเข้าโจมตีทั้งกัวห้วยและเหมิงโซ่ว ไปพร้อม ๆกัน
กึก! ด้วยวิธีนี้ทั้งสองคน วางแผนที่จะช่วยเหลือผู้คนทั้งสามอาณาจักรต่อสู้ ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสองคน มีระดับเดียวกับกัวห้วย และเหมิงโซ่ว ซึ่งไม่สามารถดูแคลนได้
เมื่อเห็นว่าถูกโจมตีโดยทั้งสองคน ทั้งกัวห้วยและ เหมิงโซ่วก็หยุดโจมตีผู้คนจากสามอาณาจักรอย่างรวดเร็วและหันไปหลบร่างจากการโจมตีของผู้ที่พึ่งมาถึง
”เป็นอย่างไรบ้าง?” หลงชิงหยางเอ่ยถามฝูงชนของสามอาณาจักรทันที
”พวกเราปลอดภัยดี! ผู้อาวุโสมาทันเวลา เจ้าหัวขโมยแห่งอาณาจักรมืดโบราณเหล่านี้ สังหารหลงหลี่ อย่าได้ปล่อยพวกมันไป” หลงฉีส่ายหัวและพูดอย่างรีบร้อน
”อะไรนะ?” หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของ ฝานเหวินหยูก็ซีดเผือด คล้ายจะเป็นลม
”ใครถูกสังหารนะ พูดอีกครั้งสิ…ฝานเหวินหยูถามด้วยความตื่นตระหนก