ราชาซากศพ - บทที่ 366 หมายใจทำลายการฝึกฝน
บทที่ 366
หมายใจทำลายการฝึกฝน
”นี่คือความแข็งแกร่งของอรหันต์เช่นนั้นหรือ? หลินเว่ยเพียงแค่ตบไปที่หน้าอกของหลงหลี่เบาๆ และทำให้ หลงหลี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
”แท้จริงแล้ว ชายคนนี้ที่มาจากอาณาจักรเฟิงหยู ช่างมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง ข้าจะพาบุตรไปเข้าเรียนที่อาณาจักรเฟิงหยูซะ”
”บุตรชายของเจ้างั้นหรือ? ข้าได้ยินมาว่าสถานศึกษาเทียนหยู เป็นหนึ่งในสามสถานศึกษาในอาณาจักรเฟิงหยู
แม้ว่าจะเป็นสถานศึกษาที่สามารถเข้าได้โดยไร้ข้อกำหนด แต่เงื่อนไขการรับศิษย์เข้าศึกษานั้น ค่อนข้างเคร่งครัด และยอมรับเฉพาะผู้ทีมีความสามารถที่แท้จริงเท่านั้น ”
”หมายความว่าอย่างไร…..แล้วบุตรข้าจะเข้าได้หรือไม่นะ?”
”เอ่อ…” เมื่อเห็นว่าหลงหลี่ และ ไท่ซานถูกหลินเว่ยจัดการได้อย่างง่ายดาย สนามประลองต้าอู่ทั้งหมด ก็พลันระเบิดเสียงจอแจเรื่องเกี่ยวกับหลินเว่ย และสถานศึกษาเทียนหยูที่อยู่เบื้องหลังเขา
”ยินดีด้วย…ไม่รู้ว่าจะมีศิษย์ในสำนักเพิ่มขึ้นอีกมากเท่าใด” หลินคังซ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม และพูดกับซางกวนฮ่าวหยางและเหลยเป่า
อันที่จริงแล้ว สถานศึกษาเทียนหยูไม่ได้ขาดแคลนความสามารถ ตึคนอื่นกลับไม่ได้มีความสามารถ เช่นเดียวกับ เจ้าเด็กหลินเว่ย” เหลยเป่าพูดด้วยความยินดี
”เจ้าจะโอ้อวดไปถึงไหนกัน หลินเว่ยนั้น เป็นยอดอัจฉริยะ และศิษย์คนอื่น ๆ ก็ล้วนมีความสามารถมากมายในสถานศึกษาเทียนหยู เท่านี้เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ?” หลินเสวี่ยเฟิงบิดริมฝีปาก และมองไปที่เหลยเป่าด้วยความอิจฉา
”พอใจหรือ ….นี่มันยิ่งกว่าพอใจ พรสวรรค์ของเขายิ่งมีมากเท่าใด ข้าก็ยิ่งมีความสุข เหลยเป่าร้องบอกหลินเสวี่ยเฟิง
”อืม! ใช่ ๆ ว่าแต่หลินเว่ย ดูเหมือนจะสำเร็จการศึกษาแล้วหรือไม่?” หลินเสวี่ยเฟิงหยุดพูด ทันใดนั้น ก็เปลี่ยนหัวข้อของการสนทนา
“ จบการศึกษา?”ทันใดนั้น เมื่อได้ยินหลินเสวี่ยเฟิงพูดถึงการสำเร็จการศึกษาของหลินเว่ย ไม่เพียง แต่เหลยเป่าและ ซางกวนฮ่าวหยางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้อาวุโสอีกสองคน และคนอื่น ๆ ด้วย ทุกคนหน้านิ่วคิ้วขมวด และเงียบงัน
หากเป็นศิษย์คนอื่น หลังจากจบการศึกษาแล้วพวกเขาจะอยู่ที่สถานศึกษาต่อไป แม้ว่าพวกเขาต้องการจากไป เหล่าปรมาจารย์ต่างๆ ก็จะไม่สนใจ
แม้แต่ศิษย์เก่าของซางกวนฮ่าวหยาง ก็ออกจากสถานศึกษาเทียนหยูไปบางส่วน ท้ายที่สุดศิษย์เหล่านี้ ต่างมีบิดามารดาและตระกูลของตนเอง
นอกจากศิษย์บางคนที่จากไปแล้ว บางคนได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งในสถานศึกษาเพื่อที่จะได้อาศัยอยู่ในสถานศึกษาสืบไป ท้ายที่สุดแล้ว สถานศึกษาเทียนหยู เป็นสถานที่ทรงพลัง และแหล่งในการฝึกฝนและอบรม
แต่ก็มีบางคนเช่นกัน ที่เลือกที่จะสร้างชื่อเสียงในสถานศึกษา และรับตำแหน่งของสถานศึกษา แต่พวกเขามักจะไปๆมาๆ และกลับมายังสถานศึกษาเมื่อเหล่าผู้อาวุโสต้องการ
มิฉะนั้น สถานศึกษาเทียนหยูคงจะไม่สามารถอยู่ในอันดับที่ทรงพลังในอาณาจักรเฟิงหยู เมื่อเทียบกับความสามารถธรรมดาเหล่านั้น แตกต่างจากหลินเว่ย ทำให้ทั้งเหลยเป่าและ ซางกวนฮ่าวหยาง ไม่เคยคิดที่จะให้ หลินเว่ยออกจากสถานศึกษาเทียนหยู อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องพูดคุยกันอย่างจริงจัง
”หลังจบการแข่งขัน ข้าจะคุยกับหลินเว่ยเกี่ยวกับปัญหานี้ อย่างไรก็ตามข้าเชื่อว่า ด้วยนิสัยของหลินเว่ย เขาเลือกที่จะอยู่ที่นี่ ต่อไปอย่างแน่นอน” ซางกวนฮ่าวหยางกล่าวด้วยใบหน้าที่มั่นใจ
ดีมาก! ตราบใดที่หลินเว่ยยินยอมอยู่ที่นี่ ข้าจะมอบตำแหน่งให้เขา เหลยเป่าพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
“ ……” หลินคังซ่งเมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็พูดไม่ออก เหตุผลที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ก็คือ เขาต้องการที่จะพาหลินเว่ยไปยังราชวงศ์หลินของเขา แต่มันกลับตาลปัตรไปได้ เขาเพิ่งฟังคำพูดของซางกวนฮ่าวหยางและเหลยเป่าที่กำลังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ และรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดาย
เมื่อมองไปที่ตรงกลางสนามประลอง หลินเว่ยถูกล้อมรอบด้วยใบมีดสีส้ม ซึ่งตกลงบนเกราะป้องกันของเขาอย่างต่อเนื่อง ที่ด้านล่างมีหอกของหลงหลี่กำลังจะแทงเข้ามายังร่างของเขา
”เคลื่อนไหวชั่วพริบตา”
ร่างของหลินเว่ยถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าสีม่วงอย่างรวดเร็ว และร่างของเขาก็หายไปจากตำแหน่งเดิมทันที จากนั้นก็ปรากฏตัวออกไปไกลกว่า 20 เมตร และออกจากระยะการโจมตีของหอกของหลงหลี่ได้สำเร็จ
”สถานการณ์เป็นอย่างไร…. มันเป็นการเคลื่อนไหวชั่วพริบตา หรือ หรือเคลื่อนไหวผ่านช่องว่างมิติ” จู่ๆหลินคังซ่งก็มองไปที่ซางกวนฮ่าวหยางด้วยใบหน้าประหลาดใจ และถามอย่างเร่งรีบ
”เจ้าคิดว่าอย่างไร…หลินเว่ยมีคุณสมบัติธาตุสายฟ้า เขาจะเดินทางผ่านช่องว่างมิติได้อย่างไร เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของเขา ในตอนนี้เขาน่าจะใช้ศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลังประเภทหนึ่ง แน่นอนว่ามันอาจเป็นผลกระทบที่มาจากอาวุธที่ทรงพลังของเขา ”
สำหรับการคาดเดาของหลินคังซ่ง ซางกวนฮ่าวหยางส่ายหัวและพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ อืม! มันสมเหตุสมผลแล้ว.” เหลยเป่าพยักหน้า
เหลยเป่ายังเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่มีคุณสมบัติธาตุสายฟ้า เขารู้สึกได้ว่าพลังปราณในร่างกายของหลินเว่ยกำลังมาบรรจบกันที่ขาของเขา ด้วยวิธีนี้เขาสามารถมั่นใจได้ว่า หลินเว่ยใช้ทักษะการต่อสู้เพื่อทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น
การหายตัวไปอย่างกะทันหันของหลินเว่ย ทำให้ทั้ง หลงหลี่และไท่ซานไม่มีทางทำอะไรได้ เมื่อเขาพลันได้สติ ก็รีบควบคุมใบมีดทันที เนื่องจาก ทิศทางของใบมีดควรจะต้องตกมายังร่างของหลินเว่ย แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นพุ่งเป้ามายังร่างของหลงหลี่แทน
บนที่นั่งของผู้พิพากษา หลงซีเฉินและ หลินคังซ่ง ต่างก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา เมื่อพวกเขามองไปที่หลงฉี ดวงตาของพวกเขาก็เผยให้เห็นร่องรอยของการประชดประชัน สำหรับกัวห้วย
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะสงบราบเรียบ แต่หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสุขในคราวทุกข์ของผู้อื่น
”เป็นเวลานานมากแล้ว! นี่คือสิ่งที่เรียกว่า พันธมิตร ข้าได้เรียนรู้มากมายในวันนี้ ต่อสู้มานาน แต่กลับมาสังหารคนกันเอง” หลินคังซ่งกล่าวอย่างประชดประชัน
ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองยังห่างไกลจาก หลินเว่ยมาก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่เคยร่วมมือกันมาก่อน และมีความสับสนในความร่วมมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ” เมื่อได้ยินดังนั้น หลงฉีปรากฏหน้าดำคร่ำเครียด
หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวด และพยายามหาเหตุผลมารับรองการกระทำของคนทั้งสอง
”ใช่หรือ?” หลินคังซ่งครุ่นคิดและหัวเราะ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่หันไปมองทิศทางของสนามประลอง
”อะไรนะ….พวกเราต้องหาทางจับเขาไว้! ไม่เช่นนั้น เราจะไม่สามารถแตะต้องแม้ชายเสื้อผ้าของเขาได้ เมื่อเราโจมตี อย่างไรก็ตามไม่มีทางชนะ?” หลงหลี่กดหน้าอกของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง และถือหอกในมือ
เขาพูดกับไท่ซานอย่างหมดหนทาง
”นี่! หลบไป ในวินาทีต่อมาใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป จากนั้นไท่ซานเปิดปากเพื่อเตือนหลงหลี่ ในขณะที่ตัวเขาเองก็หลบไปด้านข้างแล้ว
ได้ยินคำเตือนของไท่ซาน หลงหลี่ไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป เขาถอยหลังไปสองสามก้าว เขาเห็นหลินเว่ยซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม จากนั้นเขารู้สึกว่ามีความรู้สึกเสียวซ่า พลันแผ่ไปทั่วร่างกายของเขา จากนั้นเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ตามปกติ
“ ฟิว!” ร่างของหลินเว่ยเปล่งประกาย เขาคว้าร่างที่ล้มลงของหลงหลี่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลงหลี่ล้มลงมาใส่ร่างของเขา
”นี่มันขยะชัดๆ!” เมื่อเห็นว่า หลงหลี่ถูกหลินเว่ยจับได้อย่างง่ายดาย ไท่ซานอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง แต่แล้วใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าของเขาซีดเผือด และหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
ทั้งร่างสั่นสะท้านทันที ร่างกายของเขาเริ่มมึนงงและชาหนึบ และเขาสูญเสียการควบคุมร่างกายไปอย่างสิ้นเชิง
จนกระทั่งตอนนี้ มีคนพบว่าร่างของหลินเว่ย ปรากฏอยู่เบื้องหลังไท่ซาน มือที่มีส่วนโค้ง มีประกายแสงสีม่วงจับยึดไหล่ของเขาไว้
พลังของสายฟ้าได้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของหลงหลี่และ ไท่ซานอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขากลายเป็นอัมพาต ใบหน้าแข็งขึง และมีน้ำลายผุดที่ข้างริมฝีปาก ทั้งร่างปล่อยควันปกคลุมไปทั่วร่างกาย
พวกเขาสูญเสียการต่อต้านอย่างสิ้นเชิง แต่หลินเว่ยก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะยุติการต่อสู้ แต่เขาคว้าร่างทั้งสอง และค่อยๆ ร่อนลงไปยังสนามประลอง
หลินเว่ยยืนอยู่บนสนามประลอง แต่ร่างของหลงหลี่และไท่ซานถูกโยนขึ้นไปในอากาศ จากนั้นหลินเว่ยก็ส่งยิ้มให้พวกเขา
“ เขากำลังจะทำอะไร?” เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันสดใสของหลินเว่ย หัวใจของหลงหลี่ และ ไท่ซาน ก็รู้สึกหนาวสั่น
จากนั้นไม่ใช่แค่พวกเขาสองคน แต่ทุกคนในปัจจุบันต่างก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่หลินเว่ยกำลังจะทำ มือของหลินเว่ยเอื้อมออกไปจับคอของหลงหลี่และ ไท่ซาน ตามลำดับ แต่ทันใดนั้น เขาก็กดร่างทั้งสองลงไปกับพื้น
”ตูมๆ…!” เสียงคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่องดังไปทั่วทั้งสนามประลองต้าอู่ แม้จะอยู่ภายนอกสนาม ผู้คนที่กำลังดูผ่านกำแพงโปร่งแสงด้านนอกสนามประลอง ก็รู้สึกสั่นสะท้านในใจ สายตาที่มองไปที่หลินเว่ย
เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
”สารเลว! เขากล้าดีอย่างไร … ” หลงฉีกำหมัดแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ พลางกัดฟันและคำรามลั่น
”ทั้งสองคนต่างก็สูญเสียความสามารถในการต่อต้าน แต่กลับรุมทำร้ายพวกเขาอยู่ฝ่ายเดียว พวกเขาจะทนเรี่ยวแรงของขั้นอรหันต์ได้อย่างไร คนเลวทรามเช่นนี้ วันนี้ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับพวกเขา และทำลายการฝึกฝนของเขาลงไปซะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหลงฉี กัวห้วยรีบลุกขึ้นและประณามหลินเว่ยด้วยความโกรธ
จากนั้นร่างของกัวห้วยก็หายไปจากที่นั่ง และพุ่งไปหาหลินเว่ยด้วยความเร็ว เขาเอื้อมมือหมายจะตบไปที่ร่างของ หลินเว่ยโดยตรง
”หยุดนะ!” เมื่อเห็นการโจมตีอย่างกะทันหันของกัวห้วย หลินคังซ่งและใบหน้าของหลงซีเฉิน ก็เปลี่ยนไปและคำราม จากนั้นทั้งสองคนก็ออกมาวิ่งไล่ตามกัวห้วยทันที
อย่างไรก็ตาม มีร่างหนึ่งขวางพวกเขา เขาคือตัวแทนของอาณาจักรมืดโบราณ ซึ่งเป็นชายที่แข็งแกร่งที่ได้รับการฝึกฝนขั้นอรหันต์ ระดับแปด
”ไสหัวไป!” หลินคังซ่งมองเห็นดังนั้น จึงร้องคำราม เขาประแทกฝ่ามือของตนเองออกไป และร้องเรียกหลงซีเฉิน: “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า ไปช่วยชีวิตคน”
”ดี!” หลงซีเฉินพยักหน้าอย่างกังวลและเร่งรีบจากไป
แต่ในเวลานี้มีร่างสองร่าง สกัดขวางกั้นนางอีกครั้ง มันคือคนจากอาณาจักรแห่งแสง เป็นผู้อาวุโสของวิหารจรัสแสง และความแข็งแกร่งของพวกเขาคือ อรหันต์ระดับแปด ทั้งสองคน
เมื่อเห็นเช่นนี้หัวใจของ หลงซีเฉินก็พลันประหลาดใจ ด้วยความแข็งแกร่งของนาง แม้ว่านางจะไม่หวาดกลัวอรหันต์เบื้องหน้า แต่หากมีอรหันต์ระดับแปดทั้งสองคนร่วมมือกัน ขัดขวางนาง ในช่วงเวลาสั้น ๆ
นางไม่สามารถสลัดพวกเขาออกไปได้ ในตอนนี้ หลงซีเฉินต้องการไปช่วยหลินเว่ยให้เร็วที่สุด