ราชาซากศพ - บทที่ 351 การประลองเริ่ม
บทที่ 351
การประลองเริ่ม
”เจ้าเด็กหน้าเหม็น! เจ้ากล้าที่จะตั้งคำถามกับการรับรู้และการฝึกฝนของข้างั้นหรือ? จินหยูพูดด้วยความโกรธ ราวกับว่าคำถามของหลินเว่ยทำให้เขาเสียเกียรติ
”อืม! ตามที่ท่านพูด ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นจริง มีเจ้านายลึกลับอยู่เบื้องหลังที่เฟยหยางจู” หลินเว่ยพยักหน้าและพูดด้วยความโล่งใจ
”มันน่าจะเป็นเช่นนั้น” จินหยูพูดแน่วแน่มั่นใจ
…………
ร้านเฟยหยางจูที่ตั้งอยู่ห่างจากที่พักของสถานศึกษาเทียนหยูเล็กน้อย ดังนั้นหลินเว่ยใช้เวลาเดินไปครึ่งชั่วโมง ก็สามารถกลับมายังที่พักได้
เหมือนในตอนแรกที่เขาแอบออกจากที่พัก เขาเดินกลับห้องพักของตนเอง โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น จากนั้นเขาก็ปล่อย จื่อหยูและหูหนิว และเสี่ยวหมี และคนอื่น ๆ ออกมา จากนั้นหยิบอาหารที่เขาจ่ายไปหนึ่งล้านหินหยวนออกมาต่อหน้าพวกนาง
ครู่ต่อมาชุดของแสงสว่างพลันเจิดจ้า จื่อหยูและราชาอินทรีพยัคฆ์ พวกมันทั้งหมด กลายร่างกลับเป็นมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อยกเว้น นั่นคือ เสี่ยวไป๋ และ เสี่ยวหลง ซึ่งทั้งสองคน ยังไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ ด้วยเหตุผลบางประการ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สนใจ หลินเว่ยคว้าโต๊ะตัวใหญ่ออกมา แล้วโบกมือ ในไม่ช้าบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารทุกประเภท จนไร้ที่ว่าง
”ว้าว! เสี่ยวหมีร้องอุทานขึ้นมา อร่อยจริง ๆนางกระโดดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น นางอดไม่ได้ที่จะคว้าอาหารด้วยมือของนางและกินมันทันที เมื่อเห็นสิ่งนี้ทั้ง จื่อหยูและ คนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามหรือสัตว์อัญเชิญก็ร่วมวงมื้ออาหารกันอย่างไม่มีแบ่งแยก
มีเพียงมังกรดำ ที่กลายร่างเป็นชายร่างใหญ่ วัยกลางคนเท่านั้น เขามองไปทางด้านเสี่ยวหมี แววตาฉายแววด้วยความรังเกียจ ท้ายที่สุดแล้ว ตัวเขานั้น อยู่ในโลกมนุษย์มานาน อาหารเลิศรสหลายอย่างล้วนเคยได้ลิ้มลองมาทุกแบบ
โดยธรรมชาติแล้ว เสี่ยวเฮยนั้นยังมีมารยาท แตกต่างจากจื่อหยูคนคนอื่น ๆ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เสี่ยวเฮยก็กระโดดมาร่วมวงในการกินด้วยเช่นกัน
สำหรับ หลินเว่ยเขาไม่สนใจกินอาหารเหล่านั้น จากนั้นเดินออกมาจากมื้ออาหารและนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เบื้องหน้าของเขาปรากฏแหวนมิติจำนวนมาก แหวนมิติเหล่านี้ ล้วนเป็นของที่ได้มาจากจื่อหยูซึ่งมีจำนวนนับหมื่นทำให้หลินเว่ยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
แหวนมิติมากมายและทุกวงล้วนเต็มไปด้วยของดีๆ จากเจ้าของเดิม ซึ่งเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่มีระดับความแข็งแกร่งเหนือขั้นราชาแห่งการต่อสู้
”กรอบแกรบ!”กองพะเนินยุ่งเหยิงจากสิ่งของภายในวงแหวนมิติตกลงสู่พื้น ดูไร้ระเบียบเล็กน้อย แหวนมิติถูก หลินเว่ยตรวจสอบทีละชิ้น บริเวณด้านหน้าของหลินเว่ย ปรากฏเนินเขาย่อม ๆ กินพื้นที่ไปครึ่งห้องพักทันทีหลินเว่ยจำเป็นต้องคัดแยกพวกมันออก และจำแนกใส่ไว้ในแหวนมิติที่ว่างเปล่า
ในความเป็นจริงแล้ว มีเพียงสิ่งของไม่กี่ชนิดที่อยู่ในวงแหวนเหล่านี้ โดยพื้นฐานแล้ว มีพวกอาวุธและวัสดุจำนวนมาก บางส่วนเป็น ร่างหรือชิ้นส่วนของสัตว์อสูร และมีหินมากมายหลายชนิด
หลินเว่ยคิดว่า หินพวกหนี อาจเป็นประโยชน์สำหรับตัวเขา
หลังจากตรวจสอบแหวนมิติจำนวนหลายร้อยชิ้นผ่านไป หลินเว่ยก็ไม่พบเม็ดยา หรือแม้แต่ หินหยวนต่ำ เห็นได้ชัดว่า จื่อหยูนำมันออกมาใช้จนหมดสิ้น การกระทำของหลินเว่ยในการตรวจสอบสิ่งของเป็นไปด้วยความรวดเร็ว
พลังจิตของเขาครอบคลุมไปทั่วบริเวณสิ่งของทุกชิ้น ในชั่วพริบตา เนินเขาเล็กๆ ก็พลันหายไป และกลับเข้าสู่แหวนมิติ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มีแหวนมิติจำนวน 10752 ชิ้น ซึ่งถูกตรวจสอบด้วยสายตาของหลินเว่ย
และเหลือเพียง 41 ชิ้นเท่านั้น
หลังจากตรวจสอบแหวนมิติทั้งหมดแล้ว หลินเว่ยก็ได้เห็นป้ายหยกที่มู่ชิวเสวี่ยมอบให้เขา เขาหยิบมันออกมาดู ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และแนบไว้ที่หน้าผากของเขา
เขารับรู้ได้ทันทีว่า มีข้อมูลมากมายที่หลั่งไหลเข้าไปในห้วงความคิดของเขา
ยารักษาระดับแปด ยาเฉิงซี เครื่องมือระดับล่าง ซวนฉี ใบมีด และสมบัติอื่น ๆ สมบัติในรายการนี้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นยาสองสามชนิด และอาวุธต่างๆ
หลินเว่ยคิดว่า การประมูลที่กำลังจะจัดขึ้นนี้ น่าจะมีสมบัติที่สามารถช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้
สมบัติในชุดที่สาม ที่ระบุในรายการคือ หอก เครื่องมือซวนฉีชั้นยอด รองเท้าซวนฉีชั้นยอด และของเหลวหยวนเยว่ขวดเล็ก ๆ จำนวนสิบหยด
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเว่ยก็หมดความสนใจในสิ่งของประมูล เนื่องจากเครื่องมือซวนฉีชั้นยอดนั้น ยังไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้มากนัก ในขณะที่ ของเหลวหยวนเยว่ เขาเองก็มีมากมายจนสามารถดื่มกินแทนน้ำเปล่าได้เลยทีเดียว เพียงแค่สิบขวด หลินเว่ยไร้ซึ่งความสนใจ
ทั้งๆที่เสวี่ยมู่ชิวกระตือรือร้นต้องการให้เขาเข้าร่วมการประมูล แต่กลับมีสินค้าที่ไม่เตะตาเขาเลย ดังนั้นหลินเว่ยอดไม่ได้ที่จะผิดหวัง อย่างไรก็ตาม หลินเว่ยก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หลังจากพักผ่อนไปสองวันสองคืน หลินเว่ยกลืนยาช่วยฟื้นฟูพลังปราณในร่างของตนเองไป หลังจากนั้นพลังปราณมากกว่าครึ่งในร่างของหลินเว่ย ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นพลังปราณกำเนิด
อย่างไรก็ตาม หลินเว่ยใช้เวลาหลายวัน ในการเปลี่ยนพลังปราณในร่างที่เหลือทั้งหมด ให้เป็นพลังปราณกำเนิด สาเหตุหลัก ล้วนมาจากหลินเว่ย ที่กลืนยาเม็ดลงไปและร่างกายเริ่มดูดซับและผสานกับพลังปราณ หากความแข็งแกร่งของหลินเว่ยไม่ได้ดีเท่าตอนนี้ เขาจะต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งถึงสองเดือนในการดูดซับ
หลังจากนั้น สามวันต่อมา หลินเว่ยผลักประตูและก้าวเท้าออกไป เขากลับพบว่า เบื้องหน้ามี
เสวี่ยมู่ ซางกวนฮ่าวหยาง และเหลยเป่า กับกำลังรอเขาอยู่เงียบๆ
หลังจากที่เห็นหลินเว่ยผลักประตูออกมา เหลยเป่าเป็นผู้นำในการร้องขึ้นว่า “ทุกคนพร้อมแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
หลังจากนั้น หลินเว่ยติดตามซางกวนฮ่าวหยางและ หลงซีเฉิน นอกจากนี้ยังมีอาวุโสขั้นอรหันต์ อีกสองสามคนเดินลงบันได หลังจากนั้นมองเห็น หลินคังซ่งและ หลินเสวี่ยเฟิง ที่กำลังเดินออกมาเช่นเดียวกัน
หลังจากพบกันแล้ว พวกเขาก็ปล่อยสัตว์อสูรบินของตนเองออกมา โดยสัตว์อสูรบินของสถานศึกษาเทียนหยูคืออินทรีพยัคฆ์ขั้นเก้า
ในขณะที่ สัตว์อสูรบินของอาณาจักรเฟิงหยู คือค้างคาวหางแมงป่อง ซึ่งระดับความแข็งแกร่งนั้นสูงกว่าของอินทรีพยัคฆ์มาก มันคือสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง
”ไปกันเถอะ!” เมื่อเห็นค้างคาวหางแมงป่อง กำลังแบกร่างของหลินคังซ่ง จากนั้นพวกมันก็ทะยานบินขึ้น เมื่อเหลยเป่าเห็นดังนั้น เขาตบหลังของอินทรีพยัคฆ์ และออกคำสั่ง
“ ฮึก … ” เมื่อได้ยินคำสั่งของเหล่ยเป่า ร่างของมันก็ ค่อย ๆกระพือปีก จากนั้นบินตามค้างคาวแมงป่องไปอย่างใกล้ชิด
ในสนามประลองต้าอู่ ภายในเมืองเหยียนจิง มีขนาดใหญ่มาก มันสามารถรองรับผู้ที่เข้ารับชมการต่อสู้ได้หลายล้านคนในเวลาเดียวกัน
เมื่อหลินเว่ยมาถึงที่นี่ ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ายังไม่ทันสาดแสงได้เต็มที่ แต่ทั้งเวทีคลาคล่ำไปด้วยผู้คน มองลงมาจากท้องฟ้า มองเห็นเพียงศีรษะดำของผู้คนเต็มไปหมด
”อาณาจักรเฟิงหยู สถานศึกษาเทียนหยู และคนคน นั้นคือ หลินเว่ย มีคนกล่าวว่า เขาทะลวงไปยังขั้นอรหันต์และความแข็งแกร่งของเขา เหนือคู่แข่งทั้งหมด”
”ไม่ใช่แค่นั้น เขายังมีพรสวรรค์สูงสุด ในวัยเยาว์เช่นนั้น กลับเป็นอรหันต์ที่แข็งแกร่งอยู่ ดูราวกับว่า เราจะได้ผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้”
“ นั่นไง! อย่าลืมสิ…เขายังคงเป็นคว้าชัยในการแข่งขันประเภทกลุ่ม มันน่าตื่นเต้นมากสำหรับข้า ที่ได้เห็นการถือกำเนิดของยอดราชันเสียที
”มาเลย หลินเว่ย! ข้าจะเบิกดวงตา..เพื่อรอดูเจ้าเป็นอย่างดี”
“ ……”
อินทรีพยัคฆ์ร่อนลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้า ๆ และจากนั้นเสียงก้องกังวานก็กระหึ่มจนแสบแก้วหู
”โอ้! ความนิยมของศิษย์น้องนั้นสูงมาก แม้แต่ผู้คนในดินแดนกังหลัน ก็หวังว่าเจ้าจะสามารถคว้าชัยได้ เจ้าอย่าทำให้พวกเขาผิดหวังล่ะ หยางไป๋หยอกล้อหลินเว่ย
”ซี๊ด! ใครคือศิษย์น้องของเจ้า! นั่นคือปรมาจารย์ที่ก้าวเข้าสู่ระดับอรหันต์ หากเขาไม่สามารถคว้าชัยได้ แล้วผู้ใดจะทำได้ ติงเซียงกลอกตาขาวและบิดริมฝีปากของนาง
หลินเว่ยมองไปที่ชายหญิงคู่นี้ และพูดไม่ออก ทั้งสองคนนั้น แม้มีความรู้สึกดีๆให้กันแต่ยังมิวายทะเลาะถกเถียงกัน โดยเฉพาะ หยางไป๋ที่แก้นิสัยเสียเรื่องปากพล่อยไม่ได้
…………
หลังจากรอสักพัก ผู้เข้าแข่งขันก็มาถึงทีละคน เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงเด่น มีผู้ตัดสินจำนวน 12 คนมากันอย่างพร้อมเพรียง หลงฉีผู้นำในการจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้จากดินแดนกังหลันก็ ลอยตัวขึ้นไปในอากาศ เมื่อเห็นฉากนี้ ทั่วทั้งเวทีสนามประลองต้าอู่ทั้งหมดก็เงียบลงทันที และไร้ซึ่งเสียงรบกวนใดๆ
”ใกล้จะถึงเวลาแล้ว..ข้าขอประกาศกฎของการแข่งขันนี้ก่อน” หลงฉีกล่าวราวกับขยับริมฝีปากเบาๆ แต่เสียงของเขานั้นได้รับการขยายไปยังหูของหูของทุกคน ด้วยการถ่ายทอดเสียงด้วยพลังปราณ
“ การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันประเภทเดี่ยว แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือการแข่งขันแบบคัดออก ใช้คนจำนวนสิบคน โดยต่อสู้เป็นกลุ่มใหญ่ เพื่อต่อสู้อย่างเป็นระเบียบ ผู้ที่ยืนอยู่บนสังเวียนท้าทายคนสุดท้ายจะเข้าสู่รอบที่สอง ต่อไปคือ การป้องกัน.”
”ในรอบการต่อสู้แบบป้องกัน หากมีผู้ที่กระโดดขึ้นไปบนสังเวียนการต่อสู้ จำเป็นต้องรับคำท้าทายจากผู้ใดก็ตาม หากเอาชนะสิบครั้งติดต่อกัน จะสามารถเข้าสู่รอบต่อไป หากล้มเหลวในการท้าทายถึงสองครั้ง จะถูกคัดออกโดยตรง
อย่างไรก็ตาม จำนวนในการท้าทายสำหรับแต่ละคนนั้นไม่จำกัด อย่างไรก็ตามบุคคลๆ เดิม สามารถถูกท้าทายได้เพียงครั้งเดียว กล่าวคือหากล้มเหลวในการท้าทาย ‘ จะไม่สามารถทำการท้าทายเพื่อต่อสู้กับคนเดิมได้อีก แต่สามารถท้าทายคนอื่น ๆต่อไปได้ ”
”ถ้าประสบความสำเร็จในการท้าทายการต่อสู้ ก็จะกลายเป็นผู้คว้าชัยคนใหม่ ตราบใดที่เอาชนะสิบครั้งติดต่อกัน หรือไม่มีใครกล้าท้าทายติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง จะมีคุณสมบัติ ให้เข้าสู้รอบต่อไปได้ทันทีและรายชื่อผู้เข้ารอบต่อไป มีจำนวนจำกัด ดังนั้นโปรดระมัดระวัง”
“ ในรอบที่สาม เป็นการแข่งขันการสุ่ม ด้วยวิธีการจับฉลากทีละสองคน จนกว่าจะเหลือสิบอันดับสุดท้าย และในรอบที่สี่ นั่นคือรอบสุดท้าย เป็นการแข่งขันรอบคัดเลือก ใช้วิธีเดียวกันคือการจับฉลาก และต่อสู้เพื่อตัดสินผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรก ”
”ต่อไปข้าจะประกาศกฎของการแข่งขัน” หลงฉีหยุดชั่วครู่และพูดอีกครั้ง
”ในการแข่งขันการเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ห้ามมิให้สังหารคนโดยเจตนา เป็นเด็ดขาด หากตรวจพบ เราจะตัดสิทธิ์การแข่งขันโดยตรง และผลการแข่งขันทั้งหมดจะไม่ถูกนับมาคำนวณ” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของหลงฉีก็แหบพร่าขึ้นเล็กน้อย