ราชาซากศพ - บทที่ 350 ยอดฝีมือ
บทที่ 350
ยอดฝีมือ
”อืม! นี่คือหินหยวนจำนวนหนึ่งล้านก้อน…ลองตรวจนับดูสิ” หลินเว่ยหยิบกระเป๋ามิติออกมา จากนั้นวางไว้บนโต๊ะน้ำชา
”ฮ่าฮ่า! ดูเจ้าพูดสิ ข้าวางใจเจ้า ไม่ต้องนับหรอก มู่ชิวเสวี่ยพูดพลางคว้ากระเป๋ามิติขึ้นมา ด้วยรอยยิ้ม และเก็บมันเข้าไปโดยตรง แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำทีว่าวางใจหลินเว่ย แต่ท่าทางของนาง กลับลอบตรวจสอบจำนวนหินหยวนอย่างเงียบๆและเก็บเข้าไปในอกเสื้อ
ยิ่งไปกว่านั้น มู่ชิวเสวี่ยคิดว่าหลินเว่ยนั้นคงไม่ทันได้เห็นท่าทางของนาง ดังนั้นนางจึงจงใจพูดว่า ตนเองไว้วางใจต่อหน้าหลินเว่ย
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเว่ยเองก็ไม่ได้เปิดโปงอีกฝ่าย กลับนั่งอยู่เงียบๆ เขาพยักหน้าและหยิบแหวนมิติที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาขึ้นมา พลางใจพลังจิตตรวจสอบอาหารเมื่อทราบว่า เรียบร้อยดี ดังนั้น เขาจึงต้องการที่นำจื่อหยูและสาวๆที่เหลือออกไปจากร้านทันที
”อยู่ต่ออีกหน่อยเถอะ! พวกเขายังคงกินไม่อิ่มเลย ทำไมเจ้าใจร้ายต่อสัตว์เลี้ยงเหลือเกิน มู่ชิวเสวี่ยไม่เต็มใจที่จะปล่อยพวกสัตว์เลี้ยงที่น่ารักน่าชังไป และรีบเอ่ยปากยื้อหลินเว่ยไว้ให้นานขึ้นไปอีก
“ ไม่! เราจะกลับไปกินอาหารที่สั่งไว้ที่บ้านแทน” หลินเว่ยส่ายหัวปฏิเสธ ในวันนี้เกือบทั้งวันที่เขาออกมาข้างนอก โดยไม่ได้บอกกล่าวผู้ใด หากซางกวนฮ่าวหยางและคนอื่นไม่พบเขา อาจจะทำให้พวกเขาเป็นกังวลได้!
ทางด้านเสี่ยวหมี และ หูหนิว ล้วนกินขนมอย่างสะอาดเกลี้ยงเกลา ในตอนนี้พวกนางอิ่มแล้ว จึงยินดีติดตามหลินเว่ย กลับไปโดยไม่ลังเล
“ พวกเจ้าช่างไร้จิตสำนึกยิ่งนัก” เมื่อเห็นเสี่ยวหมี และคนอื่น ๆ ทยอยเดินกลับไปหาหลินเว่ย โดยไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์นาง และไม่ได้เหลือบตามองนางด้วยซ้ำ มู่ชิวเสวี่ยจึงพูดด้วยความขุ่นเคือง
”ถ้าเช่นนั้น ขอบคุณมากสำหรับการต้อนรับสัตว์เลี้ยงของข้า ในครั้งนี้” หลินเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”ไม่จำเป็น มันเป็นแค่ขนมเปี๊ยะบางส่วน และข้าก็เป็นคนนำมันออกมาเอง” มู่ชิวเสวี่ยโบกมืออย่างรวดเร็ว จากนั้นนางเอ่ยถามอย่างคาดหวังว่า
”ท่านหลิน ท่านสนใจการประมูลของร้ายเฟยหยางจู ในช่วงเย็นหรือไม่ มีสมบัติหายากมากมาย หากท่านชอบข้าสามารถจัดการให้ท่านได้
”ไม่! ข้าไม่สนใจการประมูลใดๆ” หลินเว่ยส่ายหัวและพูดอย่างไม่แยแส
”หืม! นี่คือรายชื่อสมบัติทั้งหมดที่จะจัดการประมูลในคืนนี้ ท่านสามารถดูรายการก่อนได้ อาจมีบางอย่างที่ท่านพึงพอใจ!” มู่ชิวเสวี่ยกล่าวและหยิบป้ายหยกออกมา โดยไม่ต้องรอ คำปฏิเสธของหลินเว่ย นางยัดมันไว้ในมือของหลินเว่ยโดยตรง
“ เอาล่ะ! ข้าจะไปจัดการธุระก่อน หากข้าสนใจ… ข้าจะกลับที่นี่” หลินเว่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ปฏิเสธ เขาเก็บป้ายหยก พลางพยักหน้าและพูดกับ มู่ชิวเสวี่ย
”เอาล่ะ! เวลาเปิดประมูลอยู่ที่ช่วงเย็น หากท่านสนใจ นำป้ายหยกที่ข้ามอบให้มา และจะมีคนจัดห้องไว้ให้ท่าน” มู่ชิวเสวี่ยพยักหน้า และบอกว่า นางยังคงรอคอยหลินเว่ย มาที่งานประมูล
แน่นอนว่าเหตุผลที่นางกระตือรือร้นมากก็คือ นางได้เห็นหินหยวนที่หลินเว่ยนำออกมา ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถนำหินหยวนชั้นยอดหนึ่งล้านก้อนออกมาได้อย่างง่ายดาย
การมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก และการใช้จ่ายหินหยวนอย่างใจกว้าง ทั้งอาหารและเครื่องดื่มจำนวนมาก หลินเว่ยถูกมองว่าเป็นบุคคลมั่งคั่งในสายตาของนาง และคนร่ำรวยประเภทนี้ใช้เงินมือเติบฟุ้งเฟ้อและจะทุ่มเงินจำนวนมาก สำหรับสิ่งของที่ตนเองต้องการ
หลังจากนั้น มู่ชิวเสวี่ยเดินไปส่งหลินเว่ยด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นหลินเว่ยเดินลับตาไป มู่ชิวเสวี่ยก็หยุดยิ้มและเดินกลับไปที่ร้านเฟยหยางจู จากนั้นเดินขึ้นตรงไปยังชั้นสาม มู่ชิวเสวี่ยตรงเข้าไปในห้องหนึ่ง ซึ่งมีคนรอกำลังนั่งรอนางอยู่ที่นี่
เมื่อผลักประตูเข้าไป พบว่ามี คู่ชายหญิงชรา ผมยาวสีขาวโพลนเต็มศีรษะ แต่ใบหน้าของหญิงชราดูอ่อนเยาว์ ราวกับอยู่ในวัยสี่สิบปีเศษ
ผิวของนาง เป็นสีอมชมพู ดูอ่อนโยนและไร้ริ้วรอยใดๆ เมื่อชายคนนั้น เห็นมู่ชิวเสวี่ยเดินเข้ามา เขาพยักหน้าลง และพูดด้วยรอยยิ้ม: ” นายหญิง ข้าได้ตรวจสอบประวัติคนผู้นี้แล้ว”
หลังจากนั้น มู่ชิวเสวี่ยนั่งลงตรงหน้าหญิงชรา และพูดขึ้นว่า บอกข้าที เขาเป็นผู้ใดกันแน่?
“ เด็กคนนั้นชื่อว่า หลินเว่ยเขาเป็นศิษย์จากสถานศึกษาเทียนหยู ของอาณาจักรเฟิงหยู ว่ากันว่าเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของราชวงศ์เฟิงหยู หรือตระกูลหลินใดๆ แต่ความสามารถของเขาดีมาก ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุเพียง 20 ปี แต่เมื่อวานนี้ กลับสามารถทะลวงด่านขั้นอรหันต์ได้แล้ว ” หญิงชราพยักหน้าแล้วกล่าวช้า ๆ
“อะไรนะ เขารอดพ้นจากการทะลวงด่านขั้นอรหันต์งั้นหรือ?” มู่ชิวเสวี่ยร้องถามด้วยใบหน้าราวไม่อยากจะเชื่อ
”ใช่! ทันทีที่เด็กหนุ่มกลับมาจากดินแดนลับ เขาก็สามารถทะลวงด่านขั้นอรหันต์ได้ทันที ข่าวนี้ไม่มีทางผิดพลาด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีพยานแวดล้อมหลายคนที่พูดคุยถึงหัวข้อนี้” หญิงชราพยักหน้า และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นอกมั่นใจ
”อืม! พรสวรรค์ของเขานั้น ถือได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่หายากในรอบร้อยปี แม้ว่าจะเทียบกับอัจฉริยะคนอื่นๆไม่ได้ แต่ก็เป็นปีศาจอมตะกละในดินแดนลับ” มู่ชิวเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วนางก็โพล่งขึ้นมาด้วยความคิดบางอย่างเนื่องจากนางคิดว่า หลินเว่ยอาจจะได้ของดีๆมาจากดินแดนลับ จึงสามารถทำให้เลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็ว
”อะไรนะ….สาวน้อยเริ่มรู้สึกสนใจเขาแล้วงั้นหรือ?” หญิงชราคิ้วขมวดและยิ้มแย้มพูดอย่างติดตลก
”ไม่มีทาง! แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะค่อนข้างดี แต่เขาก็ยังห่างไกลจากความต้องการของข้า ยิ่งไปกว่านั้น ที่แห่งนี้เป็นเพียงเกาะร้างที่ห่างไกล….ตลอดชีวิตของเขา อย่างมากที่สุด ก็คงสามารถทะลวงได้เพียงระดับทองแดงเท่านั้น “มู่ชิวเสวี่ยเบ้ปากของนางใบหน้าฉายแววรังเกียจพลางส่ายหัว
”อืม! สิ่งที่นายหญิงพูดเป็นความจริง น่าเสียดายที่พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มคนนั้น หากอยู่ในดินแดนของเรา เขาอาจจะสามารถทะลวงไปถึงระดับทองขาว หรือทองนิลก็เป็นได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ชิวเสวี่ย หญิงชราก็พยักหน้าด้วย เนื่องจากนางรู้สึกเสียดายพรสวรรค์ของหลินเว่ย
“ น่าเสียดายที่เขาเกิดมาผิดที่ผิดทาง อย่างไรก็หากเขาสามารถทำประโยชน์กับข้าได้…ข้าก็ไม่คิดที่จะปิดกั้นความสามารถของเขา” มู่ชิวเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ นายหญิง! ท่านหมายถึง … ” หญิงชราดูเหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้ นางมองไปที่มู่ชิวเสวี่ย ด้วยความประหลาดใจและขมวดคิ้ว
“ ใช่! หากเขาเต็มใจที่จะภักดีต่อข้า…ข้าก็ไม่รังเกียจ หากเขาต้องการติดตามข้าไปดินแดนอื่น ข้าเองก็จะพาเขากลับไปและฝึกฝนเขาให้ดี อย่างไรก็ตาม ด้วยพรสวรรค์ของเขาและความช่วยเหลือของข้า ย่อมเป็นไปได้ที่จะทะลวงไปยังระดับทอง หรือแม้แต่ทองคำขาว ภายในสิบปี” มู่ชิวเสวี่ยพยักหน้าและกล่าวอย่างมั่นใจ
นี่คือเรื่องจริง หากท่านมีผู้พิทักษ์ระดับทองขาว ตำแหน่งของท่านในตระกูล ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น” หญิงชรากล่าวพยักหน้า
”ดี!” มู่ชิวเสวี่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
”นายหญิง! นี่เป็นข่าวอีกเรื่องที่ข้าได้มา ท่านต้องมีความสุขมาก หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้” ใบหน้าของหญิงชราปรากฏร่องรอยความลึกลับและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”อืมมีข่าวอะไรงั้นหรือ?” มู่ชิวเสวี่ยกระพริบตา ใบหน้าถามทางอย่างอยากรู้อยากเห็น
”ข้าได้ข่าวเกี่ยวกับท่านหญิงสามแล้ว” ใบหน้าของหญิงชรา เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“พรึ่บ!” เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชรา มู่ชิวเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน และมองไปที่ใบหน้าของหญิงชรา ด้วยใบหน้าจริงจัง แล้วถามขึ้นว่า “เจ้าแน่ใจหรือไม่?”
”ข้าไม่แน่ใจ..แต่มีความเป็นไปได้ถึง 8 ส่วน” เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ชิวเสวี่ย หญิงชราก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวและขมวดคิ้ว
”ไม่เป็นไร…แม้จะมีเพียงความเป็นไปได้ ข้าจะไม่ยอมปล่อยมันไป ข้าต้องหานางให้พบ” มู่ชิวเสวี่ยโบกมือของนาง ดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ กล่าวด้วยน้ำเสียงนั้นแน่วแน่มาก
”ตอนนี้นางอยู่ที่ใด…พาข้าไป มู่ชิวเสวี่ยพูดอย่างรีบร้อน
”นายหญิง! นางชื่อ เสวี่ยมู่ อายุยี่สิบปีเช่นกัน แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่นิสัยใจคอของนางย่อมไม่เปลี่ยนไป ข้าเชื่อว่าความรู้สึกของข้าจะไม่ผิดพลาด” หญิงชราพูดอย่างจริงจัง .
”ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านจะรออะไรอีก พาข้าไปเร็วเข้า มู่ชิวเสวี่ยยืนขึ้น และเอ่ยเร่งน้ำเสียงร้อนใจ
”นายหญิง! ตอนนี้นางอยู่ในบ้านพักของส่วนอาณาจักรเฟิงหยู พวกเราไปกันเถอะ หากปล่อยช่วงนี้ไป อาจจะยากที่จะได้พบนาง” หญิงชราส่ายหัว และพูดอย่างหมดหนทาง
“ นางเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเฟิงหยูได้อย่างไร?” มู่ชิวเสวี่ยขมวดคิ้วและถาม
”เท่าที่ข้ารู้ เสวี่ยมู่ นางเป็นศิษย์ของสถานศึกษาเทียนหยู ดูเหมือนว่านางจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับหลินเว่ย” หญิงชรายังมีท่าทางเขินอายและกล่าวช้า ๆ
”เนื่องจากยังไม่ชัดเจน เราจึงลอบสังเกตอย่างลับๆ เมื่อนางออกไปเพียงลำพัง ท่านสามารถจับตัวนางมาได้! เหตุใดจะต้องทำแบบลับๆล่อ ด้วยกำลังของข้ามันจะไม่ยุ่งยากถึงเพียงนั้น?” มู่ชิวเสวี่ยขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกัดฟันของนาง และ กล่าวด้วยใบหน้าโหดร้าย
”แน่นอน คนที่แข็งแกร่งที่สุด คือมีระดับความแข็งแกร่งเพียงเหล็กดำ ระดับเก้า พลังของข้าคือ ระดับทองแดง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นมากเกินไป พวกเราจะต้องรีบชิงตัวคนมา?” หญิงชราพยักหน้าและกล่าวอย่างมั่นใจ
”ดี! ถ้าอย่างนั้น เรื่องนี้ฝากให้เจ้าจัดการ ข้าไม่สนใจวิธีการ ข้าแค่ต้องการผลลัพธ์ ข้าต้องได้เลือดของนางมา” มู่ชิวเสวี่ยพยักหน้า ในดวงตาที่เย็นชาเกิดเป็นประกายวิบวับ
”เข้าใจแล้ว! เมื่อยินคำพูดของมู่ชิวเสวี่ย ใบหน้าของหญิงชราแสดงสีหน้าจริงจัง พยักหน้าและกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ระหว่างทางกลับไปที่ที่พัก จู่ ๆจินหยูก็ส่งเสียงดังขึ้นในห้วงจิตสำนึกของหลินเว่ย น้ำเสียงของเขาจริงจังเล็กน้อย: “เจ้าเด็กหลิน ข้าจำไม่ผิด หญิงสาวก่อนหน้านี้ ผู้ฝึกตนที่มีความแข็งแกร่งในระดับสูงสุดของขั้นทองแดง หรืออาจจะเป็นระดับเงินด้วยซ้ำ ความน่าจะเป็นคือ ระดับขั้นทองแดง”
”ยอดฝีมือขั้นทองแดง หรือปรมาจารย์ระดับขั้น เงิน เจ้ารู้สึกผิดพลาดไปหรือไม่? ปรมาจารย์ที่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้ในดินแดนกังหลัน มีเพียงไม่กี่คน แล้วจะไปปรากฏตัวที่ร้ายเฟยหยางจูได้อย่างไร?” หลินเว่ยถามด้วยใบหน้างงงวย