ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 422 สูตร
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 422 สูตร
ตอนที่ 422 สูตร
……….
กระดูกเก่าจากยุคที่สี่…ลูเมี่ยนมองข้ามคำบรรยายเจ้าอารมณ์ของผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ โดยสกัดเอาแต่ข้อมูลสำคัญๆ
แต่เมื่อเทียบกับข้อมูลก่อนหน้า มันไม่ถือว่าแปลกใหม่แต่อย่างใด ปัญหาส่วนมากจากทรีอาร์ใต้ดิน ก็ล้วนมาจากยุคที่สี่อยู่แล้ว
ลูเมี่ยนใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า
“กระดูกเก่าๆ มาจากที่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไร”
ผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ ตอบด้วยท่าทางหงุดหงิด
“ข้าไม่เคยเห็นพวกมันสักหน่อย! กลิ่นอายของพวกมันช่างน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง สกปรกโสมม!”
เธอเองก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกันสินะ…ลูเมี่ยนเลิกรบกวนผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ เพียงมองส่งเธอถือจดหมาย ซึ่งถูกพับเรียบร้อย ลับสายตาหายไป
จนถึงตอนนี้ ลูเมี่ยนถือโอกาสที่ระหว่างรอคำตอบจากมาดามเมจิกเชี่ยน เพิ่งจะมีเวลาตรวจสอบการเก็บเกี่ยวในค่ำคืนที่ผ่านมา
ยาสารภาพ 1 ขวด, ยาสลบของสมาคมเสียวซ่าน 1 ขวด, เกลือดมวิเศษ 1 ขวด และ 1,500 เฟลคิน
…………
ถนนเสื้อนอกขาว เลขที่ 3 ห้อง 601
“ดึกป่านนี้เชียวหรือ? ฉันนึกว่าพวกเธอจะจัดการได้ง่ายๆ เสียอีก” จินนาผู้สวมชุดกระโปรงผ้าฝ้ายบางเบา เอ่ยขณะลุกขึ้นต้อนรับฟรังก้าที่ประตู
เธอเชื่อว่า ถ้าฟรังก้าร่วมมือกับชาร์ล ต่อให้ศัตรูเป็น ‘มารพฤกษาเสื่อมทราม’ ทั้งสองก็ยังมีโอกาสชนะอยู่หลายส่วน!
ฟรังก้าบ่นพึมพำ
“เจออุปสรรคนิดหน่อย เอ่อ…สักครู่นะ”
ฟรังก้าหันมองจินนา สีหน้ากลายเป็นจริงจังทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” จินนาได้กลิ่นความผิดปกติ
ฟรังก้าเดินเข้าไปใกล้ สังเกตดวงตาของเธอ
ไม่มีร่องรอยของการใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำเงิน!
“ฮู่…” ฟรังก้าถอนหายใจ “ช่วงนี้พวกเราต้องหมั่นตรวจสอบกันเองเป็นประจำ เพราะบางที อาจมี ‘นักแสดง’ ปลอมตัวมา”
พวก ‘นักแสดง’ จากเส้นทางของ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ ไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อหนังหรือรูปร่างหน้าตาได้โดยสมบูรณ์เหมือน ‘ผู้ไร้หน้า’ พวกเขาต้องอาศัยเครื่องสำอางกับอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ
สิ่งที่พวก ‘นักแสดง’ แตะต้องได้ยากที่สุดคือสีตา การสังเกตว่าคนรอบข้างใส่คอนแทคเลนส์สีหรือไม่ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันมิให้ ‘นักแสดง’ เข้าใกล้ตัว
แต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไป เพราะพวกเขาอาจส่ง ‘นักแสดง’ ที่มีสีตาเหมือนกับเป้าหมายมาสวมรอยแทน
สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ สีตาของไมป์·ไมเออร์คือน้ำตาลเข้ม ของจินนาเป็นสีฟ้า เช่นเดียวกับลูเมี่ยน ส่วนของฟรังก้าจะอ่อนกว่าหน่อย คล้ายสีฟ้าน้ำทะเลสาบ ตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลว่าอดีตผู้จัดการโรงละครกรงพิราบเก่า จะปลอมตัวมา — ไมป์·ไมเออร์ห่างเหินจากสมาคมเสียวซ่านพอสมควร คงยากที่จะฝึก ‘นักแสดง’ หน้าใหม่ขึ้นมาในเวลาอันสั้น
สิ่งเดียวที่ต้องระวังไว้คือ อ็องโตนี·รีดมีดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนกับไมป์·ไมเออร์
ในฐานะนักแสดงฝึกหัดของโรงละครกรงพิราบเก่า จินนารู้สึกไวต่อปัญหาของสมาคมเสียวซ่าน จึงเกิดความระวังทันที คอยสังเกตดวงตาของฟรังก้า แล้วถามด้วยความหวาดกลัวเล็กๆ
“พวกมันคิดจะก่อเรื่องในเขตตลาดอีกแล้วหรือไง”
“เป็นไมป์·ไมเออร์ หมอนั่นกลับมาที่เขตตลาดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน” ฟรังก้าไม่ปิดบัง เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดตามตรง
ในบรรดาสมาชิกของสมาคมเสียวซ่าน จินนาคุ้นเคยกับไมป์·ไมเออร์เพียงคนเดียว ถึงขั้นรู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ เพราะเขาเคยเป็นผู้จัดการของเธอ ซึ่งสามารถกำหนดอนาคตของเธอได้
หญิงสาวเผลอลูบ ‘ลูกศรผู้กระหายเลือด’ ในกระเป๋าลับโดยไม่รู้ตัว พลางพยักหน้าขึงขัง
“ฉันจะระวังไว้”
ฟรังก้าไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงมองนาฬิกาแขวนผนัง แล้วเดินเข้าห้องของตัวเอง เปิดเครื่องรับสัญญาณเพื่อเตรียมติดต่อ ‘007’
ไม่นานนัก เธอก็ใช้เครื่องพิมพ์ดีดกลไกและเครื่องวิเคราะห์นั่น ส่งโทรเลขไปว่า
“007 …เรียก 007!”
2-3 วินาทีผ่านไป โทรเลขฉบับหนึ่งก็ถูกพิมพ์ออกมาอัตโนมัติโดยเครื่องจักร
“ดาบซ่อนแขน อย่าทำแบบนี้สิ ผมกลัวนะ คราวนี้มีเรื่องอะไรล่ะ?”
“คราวนี้มีสิทธิ์เป็นเรื่องใหญ่มาก!” ฟรังก้าขู่ ‘007’ ด้วยการเล่าความจริง “พี่ใหญ่ ก่อนที่ฉันจะบอกรายละเอียด ช่วยรวบรวมข้อมูลมาให้หน่อย ทางนี้อยากยืนยันว่า หนึ่ง ความเชื่อเรื่องเทพแห่งโรคที่เกิดขึ้นแถวถนนปลาสเตอร์กับถนนอีฟลินในเขตสวนพฤกษศาสตร์ สืบขยายผลได้ความว่าอย่างไรบ้าง สอง ในใต้ดินลึกๆ ของสุสานเก่าของวิหารนักบุญโรแบร์ แท้จริงแล้วซ่อนปัญหาอะไรไว้กันแน่”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง โทรเลขใหม่ก็ถูกส่งเข้ามา
“คืนนี้ผมเลิกงานแล้วนะ กำลังพักผ่อน! ทำไมต้องกลับไปทำงานล่วงเวลาอีกแล้วเนี่ย!”
“คุณรอผมสักครึ่งชั่วโมง หรืออาจจะหนึ่งชั่วโมง”
หลังจากฟรังก้าตอบกลับไปว่า ‘ไม่มีปัญหา’ เธอก็เสวนาเรื่อยเปื่อยกับสมาชิกคนอื่นใน ‘กลุ่มโทรเลข’ พร้อมกับหยิบสร้อยเพชรที่ได้จากเบียทริซ·อังกูร์ออกมา แล้วใช้สารพัดวิธีการ เพื่อยืนยันความสามารถกับผลข้างเคียงเชิงลบของสมบัติวิเศษชิ้นนี้
“เพชรเม็ดนี้สัมพันธ์กับแรงกระหายถึงห้าประเภท”
“ความโลภ ตัณหา ราคะ แรงกระหายอยากแสดงออก แรงกระหายในความสำเร็จ…”
“ดูเหมือนจะใช้ได้ไม่กี่ครั้ง แต่ละแรงกระหายคงไม่เกินสองครั้ง…”
“หลังจากสวมใส่มัน เราน่าจะแสดงได้ดีขึ้น และแต่งหน้าเก่งขึ้นด้วย…”
“ถ้าแค่ใส่ไว้ในกระเป๋า ไม่ให้สัมผัสกับผิวหนังหรือเนื้อโดยตรง ก็จะไม่ส่งผลข้างเคียงเชิงลบ…”
“หลังจากสวมใส่ เราจะตื่นเต้นกว่าปกติ แรงกระหายต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นในระดับที่จับต้องได้ หากเผชิญหน้ากับผู้วิเศษที่มีพลังทำนองนี้ เราคงถูกเล่นงานได้ง่ายกว่าปกติ หรือแม้กระทั่งแพ้ทางไปเลย…”
“ในบรรดาแรงกระหายเหล่านี้ รุนแรงที่สุดคือแรงกระหาย ‘อยากถูกผู้อื่นยอมรับ’…”
“อา…คงใส่ไปสู้กับผู้วิเศษจากเส้นทางของ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ ไม่ได้ จุดอ่อนของสร้อยก็คือจุดแข็งของเจ้าพวกนั้น…”
“จะเรียกว่าอะไรดี? ห้วงแห่ง 7 อารมณ์ 6 แรงกระหาย? หืม…ไม่ค่อยเข้ากับรูปลักษณ์เท่าไหร่ งั้นเรียกว่า ‘สร้อยคอเบียทริซ’ แล้วกัน ง่าย สะดวก ชัดเจน!”
คำตอบของ ‘007’ มาเร็วกว่าที่ฟรังก้าคาดไว้ ไม่ถึงสามสิบนาที อีกฝ่ายก็สืบจนได้ข้อมูลที่เธอต้องการ
“คลังข้อมูลการนับถือเทพมาร ซึ่งแต่ละกลุ่มอำนาจใช้ร่วมกันระบุว่า ไม่มีใครเคยพบ ‘ผู้แจ้งสารของเทพแห่งโรค’ ดูเหมือนว่าทางนั้นจะรับรู้ถึงอันตรายได้ จึงไม่ปรากฏตัวอีก”
“รายละเอียดของสุสานเก่าวิหารนักบุญโรแบร์มีระดับชั้นความลับสูงเกินไป ตอนนี้ผมยังไม่มีสิทธิ์อ่าน”
ระดับชั้นความลับสูงเกินไป? ฟรังก้าส่งเสียง ‘ซี้ด’ ในใจ แล้วเริ่มรายงานสถานการณ์ล่าสุดขององค์กรเทพมารต่างๆ ซึ่งเก็บตัวเงียบผิดปกติ ให้ ‘007’ ทราบ
…………
ถนนอลเวง โรงแรมระกาทอง
จดหมายตอบกลับของมาดามเมจิกเชี่ยนมาถึงค่อนข้างช้า ลูเมี่ยนต้องรอหนึ่งชั่วโมงเต็ม
“ทางเราอนุมานกันว่า หลังจากผู้ได้รับพรตาย พลังจะหวนกลับคืนสู่รากเหง้า แต่ตามปกติแล้ว พวกเธอจะไม่สามารถสังเกตเห็น”
“ครั้งนี้เป็นเพราะเธอพกถุงมือสนับ ‘ทุบตี’ ที่ทำจาก ‘พฤกษาเงา’ ซึ่งเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับเทพมารของสมาคมเสียวซ่าน หรือก็คือ รากเหง้าที่ประทานพร ดังนั้น เมื่อพลังที่ถูกประทานให้เบียทริซหวนกลับคืน การเชื่อมโยงจึงแข็งแกร่งขึ้น เทพองค์ดังกล่าวจึงตระหนักถึงการมีอยู่ของเธอกับ ‘สองถ้วย’ ทางอ้อม ส่งผลให้ซากศพผิดปกติ โดยความผิดปกตินั้นทำให้การไหลเวียนของพลังปรากฏชัดขึ้น”
“หากต้องการยึดพลังเหล่านี้ไว้ไม่ให้กลับคืน ก็ต้องอาศัยพลังบางชนิดหรือสภาพแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งบางครั้ง ทั้งสองอย่างก็เป็นอันเดียวกัน หรือก็คือ เธอต้องเลื่อนเป็นลำดับ 4 กลายเป็นครึ่งเทพ หรือมีวัตถุในระดับเดียวกัน จึงจะมีโอกาส ‘กัก’ พลังที่หลงเหลือเอาไว้ได้ จนมันกลายเป็นวัตถุวิเศษ แน่นอนว่าในสภาพแวดล้อมใต้ดินบางแห่ง เช่น รอบๆ ‘บ่อน้ำสตรีซามาเรีย’ ก็สามารถสร้างผลลัพธ์นี้ได้โดยไม่ต้องมีลำดับสูง”
อ่านถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนพลันกระจ่างเกี่ยวกับความผิดปกติเมื่อคืน
แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ที่เคยสังหารคนของสมาคมเสียวซ่าน คราวนี้เขามีถุงมือสนับ ‘ทุบตี’ ซึ่งนำไปสู่พัฒนาการที่ไม่เหมือนเดิม
ลำพังการสวมถุงมือสนับนี้ ก็ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาขององค์ซ่อนเร้นได้อยู่แล้ว แม้คราวนี้จะไม่ได้สวมใส่ แค่พกติดตัว แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างมันกับ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ ที่เบียทริซศรัทธา ถือว่าใกล้ชิดกันเกินไป จึงก่อให้เกิดอิทธิพลบางอย่างผ่านการหวนกลับของพลังที่ประทานให้
เมื่อเข้าใจความเป็นไป และทราบว่าต่อไปต้องป้องกันอย่างไร ลูเมี่ยนกลับมาอ่านจดหมายของมาดามเมจิกเชี่ยนต่อ
“พวกเรากำลังจับตามองความผิดปกติของกรุงทรีอาร์อยู่ โดยให้ความสนใจกับเบาะแสหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะได้ผลลัพธ์เมื่อใด สิ่งเดียวที่ยืนยันได้คือ อย่างช้าที่สุดภายในครึ่งปี เร็วที่สุดภายในสองสามเดือน ตัวเลขนี้อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคต”
“ใต้ดินที่สัมพันธ์กับคาบาเร่ต์ลมเอื่อยมีอะไรซ่อนอยู่ ฉันเองก็เข้าใกล้ได้ลำบาก จึงให้คำตอบเธอไม่ได้ บอกได้เพียงว่า มันไม่ได้มีแค่มลทินที่ ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์ทิ้งไว้”
“เธอไม่ต้องกังวลไปนัก เรื่องแบบนี้เธอจัดการเองไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งที่ต้องทำคือสะสมพลัง รอคอยจังหวะที่เหมาะสม”
สะสมพลัง รอคอยจังหวะที่เหมาะสม…ลูเมี่ยนมองจดหมาย ทวนคำเหล่านั้นในใจเงียบๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากพูดคุยกับฟรังก้าและจินนา เด็กหนุ่มก็นำเงินทั้งหมดไปที่บ้านเลขที่ 11 ถนนน้ำพุ เขตหอรำลึก
“บอสครับ นี่คือทองคำ 30,000 เฟลคิน กับธนบัตร 30,000 เฟลคิน” ลูเมี่ยนยิ้มพลางวางกระเป๋าหนังหนักๆ ใบเล็ก ลงบนโต๊ะทำงานของการ์ดเนอร์·มาร์ติน
ตอนนี้เด็กหนุ่มเหลือทองคำ 1,000 และเงินสดอีก 1,500 เฟลคินที่เป็นเงินทุนทำกิจกรรม
การ์ดเนอร์·มาร์ตินมองลูเมี่ยนแวบหนึ่ง แล้วเปิดซิปกระเป๋าหนังใบเล็ก นับเงินอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ได้ถามลูเมี่ยนว่าเหลือเงินทุนทำกิจกรรมอีกเท่าไร เพียงยิ้มแล้วเปิดลิ้นชัก หยิบกระดาษคล้ายหนังแกะที่ดูเหมือนเตรียมไว้ก่อนแล้วออกมา
“คุณต้องให้คำมั่นสัญญาสองอย่าง หนึ่ง จำให้ขึ้นใจแล้วเผากระดาษแผ่นนี้ทิ้ง สอง ห้ามนำสูตรโอสถ ‘นักวางแผน’ นี้ไปขายต่อ หากไม่ได้รับอนุญาตจากผมหรือ ‘จเร’” การ์ดเนอร์·มาร์ตินมิได้เรียกร้องให้ลูเมี่ยนเซ็นหนังสือสัญญาที่มีผลทางกฎหมาย แต่เหมือนกำลังออกคำสั่งมากกว่า
ลูเมี่ยนไม่ใส่ใจเงื่อนไขสองข้อนี้เลย จึงตอบกลับทันทีโดยไม่ลังเล
“ไม่มีปัญหาครับ”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ยื่นกระดาษคล้ายหนังแกะแผ่นนั้นให้ลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนรับกระดาษมาแล้วอ่านอย่างตั้งใจทันที
“สูตรโอสถ ‘นักวางแผน’”
“ส่วนผสมหลัก: ตารวมของแมงมุมล่าเหยื่อสีนิล, สมองของสิงโตครึ่งคน”
“วัตถุดิบเสริม: ต่อมพิษของแมงมุมล่าเหยื่อสีนิล 1 อัน, เลือดของสิงโตครึ่งคน 80 มิลลิลิตร, ผงอำพัน 10 กรัม, ผลโอ๊กขาว 2 ลูก”
หลังจากอ่านซ้ำหลายรอบจนจำขึ้นใจ ลูเมี่ยนก็สะบัดมือขวา ปล่อยให้เปลวไฟสีแดงเผากระดาษคล้ายหนังแกะแผ่นนั้นจนมอดไหม้
…………
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าท่ามกลางความเงียบเหงาอันผิดวิสัย โดยไม่รู้ตัว ความร้อนในทรีอาร์เริ่มจางหายไป อุณหภูมิค่อยๆ ลดลง
วันหนึ่งกลางเดือนกันยายน ฟรังก้ายืนอยู่ริมหน้าต่างห้อง 601 พลางสาปแช่งบราวส์·เซารอนเป็นครั้งที่ร้อย
เธอผ่านการตรวจสอบของนิกายนางมารแล้ว รวมถึงแจ้งบราวส์แล้วว่า ตนเข้าร่วมพรรคซาฟาห์เพื่อติดต่อกับ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ แต่ไม่คิดว่าจะยังมีระยะทดลองงานอีก จนกว่าระยะทดลองจะผ่านพ้นไป เธอจึงจะได้เป็นสมาชิกหลักของนิกายนางมาร
ซึ่งบราวส์·เซารอน ผู้ประสานงานคนปัจจุบัน ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการขัดขวางมิให้ฟรังก้าร่วมงานเลี้ยงรื่นเริงของสตรีที่ร้านกาแฟเรือนแดง ผลก็คือ ตลอดหนึ่งเดือนกว่านี้ เธอได้แต่วุ่นวายอยู่กับการ์ดเนอร์·มาร์ตินและพวกคู่นอนของเขา
สาปแช่งจบ ฟรังก้าหันไปมองจินนาที่ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดสิ่งใด ในใจนึกอิจฉาวาสนาของพวกพ้องคนนี้จากก้นบึ้ง
นิกายนางมารสืบไม่พบว่า เธอเป็นผู้วิเศษจากเส้นทางนักลอบสังหาร
“คิดอะไรอยู่” ฟรังก้าเอ่ยถาม
จินนาตอบด้วยท่าทีกังวลใจ
“โอสถ ‘นักกระตุ้น’ ของฉันถูกย่อยเสร็จแล้ว”
“นี่มันข่าวดีนะ!” ฟรังก้าตื่นเต้นดีใจ
จินนาเกาผมแล้วถอนหายใจ
“ฉันยังไม่ได้คืนเงินที่ยืมเธอมาเลย แล้วยังต้องมากังวลเรื่องสูตรกับส่วนผสมของโอสถ ‘แม่มด’ อีก… บัดซบ! ทำไมฉันรู้สึกเหมือนยิ่งเลื่อนลำดับ ก็ยิ่งยากจนลงไปทุกทีล่ะเนี่ย!”
……………………………………………………..