ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 421 ความเงียบงันอันไม่ปกติ
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 421 ความเงียบงันอันไม่ปกติ
ตอนที่ 421 ความเงียบงันอันไม่ปกติ
……….
ฟรังก้าสังเกตเห็นรอยเท้า รวมถึงร่องรอยต่างๆ จึงลองตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วกล่าวว่า
“ภายในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเขามาด้วยกัน อย่างน้อยสี่คน…”
“ไมป์·ไมเออร์มีพรรคพวก?”
ลูเมี่ยนจ้องมองบริเวณที่ยุบตัวลง ซึ่งถูกถมไปแล้วบางส่วน ครุ่นคิดสักพักแล้วพูด
“สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่า มีพรรคพวกหรือไม่ แต่เป็น พวกเขามาทำอะไรที่นี่”
“หากเป็นไมป์·ไมเออร์จริง ไม่ใช่ทีมนักสำรวจถ้ำที่บังเอิญผ่านมา เขาก็ต้องทราบว่า แถบนี้ถูกทำลายโดยผู้วิเศษทางการ ย่อมไม่มีทางหลงเหลือของมีค่า ไฉนถึงต้องยกพวกมาแถวนี้ในเวลาแบบนี้? เพื่อไว้อาลัย?”
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” ฟรังก้าพึมพำ “บางที เขาอาจตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่ ว่าจะบรรจุเป้าหมายบางอย่าง จึงได้รับพรใหม่จาก ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ กลายเป็น ‘มารพฤกษาเสื่อมทราม’ แล้ว?”
“อีกฉายาหนึ่งของเขาคือ ‘กามเทพน้อย’ แสดงว่าแรงกระหายในแง่ความรักอาจบิดเบี้ยว เหมือนกับที่ซูซานน่า·มาติสมีต่อชาร์ลี ดังนั้น การที่ไมป์·ไมเออร์มาไว้อาลัยความรักที่ตายไปของตน ก็ฟังดูสอดคล้องกับจุดเด่นของเส้นทางดี”
“แต่ไม่เห็นต้องพาสามสี่คนมาดูตัวเองแสดงเลย” ลูเมี่ยนละสายตา มองไปรอบตัว “บางทีอาจไม่ได้ตั้งใจ แต่ผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมาเฉยๆ?”
ฟรังก้าเข้าใจความหมายของลูเมี่ยน
“คุณกำลังจะบอกว่า ไมป์·ไมเออร์กับพรรคพวก เทียวไปเทียวมาอยู่แถวใต้ดินเขตตลาด?”
ลูเมี่ยน ‘อืม’ หนึ่งคำ
“ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่า ที่ไมป์·ไมเออร์ย้อนกลับมายังเขตตลาด อาจไม่ใช่เพื่อจัดการผม จริงอยู่ที่เขาอาจลงมือแก้แค้นผมในสักวัน แต่นั่นคือผลลัพธ์ ไม่ใช่กระบวนการ”
“เป้าหมายของพวกเขา คือบางสิ่งใต้ดินเขตตลาด?” ฟรังก้าขมวดคิ้ว “แต่ ‘พฤกษาเงา’ ถูกทำร้ายสาหัสไปแล้ว แถวนี้ยังจะเหลืออะไรพิเศษอีก? ใช่ว่าทางเข้าทรีอาร์ยุคที่สี่อยู่ในเขตตลาดสักหน่อย…”
พอพูดถึงตรงนี้ ฟรังก้าก็ชะงักปาก
นั่นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
ลูเมี่ยนเร่งทบทวนสถานการณ์ในเขตตลาด รวมถึงทุกข่าวลือที่ตนเคยได้ยิน แล้วก็ฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่ง
ผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ ของมาดามเมจิกเชี่ยน รังเกียจคาบาเร่ต์ลมเอื่อยชนิดที่ไม่คิดเผาผี โดยบอกว่าใต้ดินแถวนั้นมีแต่กระดูกเก่าๆ!
คำพูดนั้นคงหมายถึง ‘สภาพพิเศษ’ บางอย่างใต้ดินเขตตลาด โดยมันตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึกคาบาเร่ต์ลมเอื่อย ต้องสงสัยว่าอาจเกี่ยวพันกับสุสานเก่าของวิหารนักบุญโรแบร์
ลูเมี่ยนรีบเล่าสมมติฐานให้ฟรังก้าฟัง แล้วก็ลองแกะรอยเท้าที่ค้นพบ ไล่ตามออกจากโพรงเหมืองแท่นบูชา ซึ่งปัจจุบันถูกทำลายไปแล้ว
“ก็น่าจะมีปัญหาจริงๆ นั่นแหละ…แต่เรื่องนี้สืบไม่ยาก ถ้ามีโอกาสก็ลองอัญเชิญผู้ส่งสารนั่นมาถามสิ” ฟรังก้าเองก็รำพันว่า ฮวงจุ้ยของเขตตลาดเข้าขั้นแย่ พลางตามหลังลูเมี่ยนไป คอยสนับสนุนด้านศาสตร์เร้นลับระหว่างการสะกดรอยตาม
ทั้งสองเดินไปเดินมาใต้ดิน จนในที่สุดก็คลาดกับร่องรอย เนื่องจากกลุ่มที่น่าจะเป็นแก๊งของไมป์·ไมเออร์ เลือกใช้เส้นทางใต้ดินที่พวกนักสำรวจถ้ำ พ่อค้าลักลอบ และชาวเมืองที่ปลูกเห็ด รู้จักอย่างกว้างขวาง แถมยังใช้งานเป็นล่ำเป็นสัน ร่องรอยจึงถูกคนที่มาทีหลัง กลบหายไปในระยะเวลาสิบกว่าวัน
ลูเมี่ยน เจ้าของลูกไฟสีแดงฉานที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ พลันชะงักฝีเท้า มองเข้าไปในโพรงเหมืองดำมืดด้านหน้า ไม่พูดไม่จาอยู่นาน ไม่มีใครทราบว่ากำลังคิดสิ่งใด
ฟรังก้าเตรียมเสนอให้กลับ แต่ลูเมี่ยนชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน
“คุณรู้สึกไหมว่า เขตตลาดเงียบเหงาเกินไปในช่วงสักหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา”
“เงียบตรงไหน” ฟรังก้าโต้แย้งโดยสัญชาตญาณ
พี่ใหญ่ ‘007’ ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยสักนิด!
ลูเมี่ยนบรรจงเลือกใช้คำใหม่
“งั้นขอเปลี่ยนคำพูด นอกจากปัญหาเหนือธรรมชาติที่พวกเรานำมา เขตตลาดเงียบเหงาเกินไปในแง่ศาสตร์เร้นลับ…คิดว่างั้นไหม”
“ไม่สิ ถ้าจะระบุให้ชัดกว่านั้น…พวกสาวกเทพมารน่ะ หลังจาก ‘พฤกษาเงา’ ถูกทำร้ายสาหัส ก็เริ่มเก็บตัวเงียบผิดปกติ!”
“อา…ไม่มีขั้วอำนาจใหม่เข้ามา กลืนกินแก๊งเล็กๆ ที่ยังเหลือ เพื่องัดข้อกับพรรคซาฟาห์ แถมยังปลอดคดีที่น่าสงสัยว่าเป็นพิธีสังเวย หรือในแง่ของการแอบเผยแผ่ศาสนา ผมก็เจอแค่นักต้มตุ๋นนอกรีต แถมยังเป็นคนธรรมดาอีก…”
หลังเหตุการณ์ ‘พฤกษาเงา’ สาวกเทพมารที่ลูเมี่ยนกับฟรังก้าได้เจอ มีเพียงกิโยม·เบเนต์จากองค์กร ‘คนบาป’ กับเบียทริซ·อังกูร์จาก ‘สมาคมเสียวซ่าน’ เท่านั้น แต่ก็เป็นเพราะเด็กหนุ่มจงใจตามสืบจากเบาะแส แถมทั้งสองรายก็ไม่ได้อยู่ในเขตตลาด
มนุษย์หมาป่าจาก ‘โรงเรียนกุหลาบ’ อาจนับได้ว่าเข้าข่ายอย่างเต็มกลืน แต่นั่นเป็นผลพวงจากเหตุการณ์ ‘พฤกษาเงา’
บราวส์·เซารอนจากนิกายนางมาร ยังนับว่าก้ำกึ่งอยู่ เพราะองค์กรดังกล่าวมีประวัติยาวนาน อีกทั้ง พวกเธอศรัทธาเทพมารในโลกมนุษย์ มิใช่จากภายนอก
ฟรังก้าชะงักไปครู่หนึ่ง
“มันก็ปกติแล้วนี่? พวกองค์กรลับที่นับถือเทพมารน่ะ ทำการเล็กใหญ่ก็ต้องลับซ่อน ถ้าโผล่มาบนดินแล้วเจอคนแบบคุณเข้าทุกวัน ป่านนี้คงสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว!”
“คุณดูสิ พวกเราไม่เคยรู้เลยว่าไมป์·ไมเออร์แอบกลับมาเขตตลาด”
ถ้าเป็นคนอื่น คำพูดของคุณอาจฟังดูเข้าท่า แต่สำหรับฉันน่ะ ในกายมีเทวทูตมารถูกผนึกอยู่ ตามทฤษฎี ‘การดึงดูดขยะ’ ของมาดามเมจิกเชี่ยน หากเราไม่บังเอิญเจอสาวกเทพมารเป็นเวลานาน แสดงว่ามีบางสิ่งเริ่มไม่ชอบมาพากลแล้ว…พักหลังเทอร์มีโพลอสก็เงียบเกินเหตุ…ท่ามกลางความคิดที่แวบวาบประหนึ่งอสนีบาตของลูเมี่ยน เขากล่าวกับฟรังก้า
“คุณใช้ ‘ทำนายด้วยฝัน’ เพื่อช่วยให้ผมนึกถึงบางเรื่องได้ไหม”
“ไม่ได้ พวกนักทำนายเก่งๆ อาจทำได้ แต่ไม่ใช่ฉัน” ฟรังก้าส่ายหัว “คุณอยากนึกถึงอะไรล่ะ? ลองขอความช่วยเหลือจากมาดามเฮล่าสิ ตอนนี้เธอน่าจะสร้างแดนฝันแท้จริงได้แล้ว”
ลูเมี่ยนพยักหน้าช้าๆ
“ผมอยากนึกสถานที่หนึ่งให้ออก ที่นั่นเป็นแหล่งกบดานของคนที่ต้องสงสัยว่านับถือเทพมาร กะว่าจะลองแวะไปหาสักหน่อย ดูว่าพวกเขาหายตัวไป หรือเอาแต่เก็บตัวเงียบจนเกินเหตุหรือไม่ อา…ตอนนี้ยังไม่ต้องรบกวนมาดามเฮล่า ผมรู้แล้วว่าควรถามจากใคร”
เด็กหนุ่มเตรียมตัวพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ โดยอาศัยการสร้างข้อสันนิษฐานแบบตั้งธงล่วงหน้า
เมื่อเห็นลูเมี่ยนพูดไปเรื่อย พลางเดินกลับไปบนพื้นผิว ฟรังก้ารีบถามไล่หลัง
“ที่อยู่อะไร? ถามใคร?”
“ค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้ไปถนนสก็อตบรูมในเขตนอร์ดก่อน” ลูเมี่ยนพูดโดยไม่หันหลังกลับ
ทำไมถึงคุ้นชื่อเขตกับถนนจัง…ฟรังก้าพึมพำขณะตามไปติดๆ
ตอนใกล้จะถึงผิวดิน เธอนึกออกในที่สุด
นั่นคือที่อยู่ของคุณนายปัวริส!
‘คุณนายราตรี’ จากหมู่บ้านกอร์ตู!
…………
เขตนอร์ด ถนนสก็อตบรูม
ละแวกนี้เป็นแถบชานเมือง ตึกทุกหลังดูคล้ายบ้านพักตากอากาศ มีทั้งสนามหญ้าหน้าบ้าน รวมถึงสวนด้านหลัง
ลูเมี่ยนเดินอยู่ในเงานอกเขตแสงไฟถนน คอยสังเกตสนามหญ้ากับสวนของแต่ละตึกไปเรื่อยๆ
ฟรังก้าก็ทำสิ่งคล้ายกัน เนื่องจากพวกเขาไม่ทราบว่า บ้านเลขที่ของคุณนายปัวริสคือเลขอะไร จึงต้องใช้ความเจริญงอกงาม รวมถึงความมีชีวิตชีวาของพืชพรรณอันมากผิดวิสัย มาช่วยในการตัดสิน
เมื่อใกล้ถึงปลายถนน ลูเมี่ยนกับฟรังก้าต่างก็เห็นสวนดอกไม้บานสะพรั่ง ประหนึ่งป่าพืชพรรณก็มิปาน
ตึกสีเทาขาวที่เป็นเจ้าของสวน ปราศจากแสงไฟ จมอยู่ในความมืดโดยสิ้นเชิง ช่างขัดแย้งกับผู้อยู่อาศัยรอบๆ ที่กำลังสนุกสนานกับชีวิตครอบครัว
“ยังกับไม่มีคนอาศัยอยู่มานานแล้ว…” ฟรังก้าเริ่มเชื่อว่า ความวิตกกังวลของลูเมี่ยนชักจะเข้าเค้าขึ้นมา “คุณนายปัวริส ผู้เป็นสมาชิก ‘ชุมนุมท่องราตรี’ ย้ายออกไปแล้ว เพื่อหลบซ่อนอย่างเงียบเชียบ?”
ลูเมี่ยนลองสังเกตพลางฟังเสียงไปอีกพัก เมื่อแน่ใจว่าอาคารหลังดังกล่าวปลอดคนอย่างแท้จริง จึงหยิบลวดครึ่งท่อน แล้วไขประตูเข้าไป
ระหว่างนั้น ฟรังก้าใช้เทคนิค ‘ทำนายด้วยกระจกวิเศษ’ เพื่อยืนยันในเชิงศาสตร์เร้นลับ
ห้องนั่งเล่นในบ้านโล่งโจ้ง พวกผ้าปูที่นอนไม่เหลือแล้ว บนโต๊ะมีฝุ่นจับ ชัดเจนว่าไม่มีคนอยู่อาศัยมาสักพัก
ลูเมี่ยนเดินต่อไป ฟรังก้าเดินตามหลังด้วยท่าทางรอบคอบ ไม่กล้าเข้าใกล้หรือแตะต้องสิ่งใด
เมื่อมาถึงโต๊ะกาแฟ ลูเมี่ยนโน้มตัวลง หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งถูกทิ้งอยู่บนพื้น ดูจากสภาพคงถูกหนูกัดจนยับเยิน แต่ยังคงเหลือ ‘ซาก’ ให้สืบได้อยู่
ลูเมี่ยนอ่านผ่านๆ หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวโดยอาศัยแสงจันทร์ แล้วจึงพูดเสียงเบา
“ต้นเดือนกรกฎา…”
“นี่แสดงว่า คุณนายปัวริสไม่ได้ย้ายออกทันทีหลังผมถามที่อยู่ของเธอจากลูอิส·ลุนด์ รวมถึงไม่ได้รีบย้ายหนีหลังเหตุการณ์ ‘พฤกษาเงา’ แต่ยังอาศัยที่ถนนสก็อตบรูมต่ออีกสักพัก จึงค่อยละทิ้งไปด้วยเหตุผลบางอย่างที่ยังเป็นปริศนา”
“เรื่องราวชักแปลกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” ใบหน้าของฟรังก้าเริ่มเคร่งขรึม
ทั้งสองค้นหาซ้ำเร็วๆ ภายในตัวตึก จากนั้นก็โดยสารรถม้ารับจ้าง ย้ายสถานที่ไปยังจุดหมายถัดไป
หลังจากได้หนังสือพิมพ์ฉบับเก่าที่มีโฆษณา ‘สะพานอวกาศ’ มาจากโลรองต์ อดีตผู้เช่าโรงแรมระกาทอง ปัจจุบันเป็นรองบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ ‘เลอเปอตีทรีอาเรียง’ ลูเมี่ยนกับฟรังก้ามุ่งหน้าสู่บ้านเลขที่ 9 ถนนนักบุญมาร์แตง เขต 2
บนชั้นห้าของอาคาร คือสำนักงานเช่าของกลุ่มคนที่ดูเหมือนนักต้มตุ๋น แถมยังอาจเป็นสาวกเทพมาร โดยพวกเขากำลังระดมทุนเพื่อสร้างสะพานอวกาศไปยังดวงจันทร์สีชาด
ใต้แสงราตรีที่ดาวไม่จรัส ทั้งชั้นห้ากำลังมืดสลัว
ลูเมี่ยนบรรจงยื่นมือไปผลักประตูสำนักงาน ซึ่งมีลักษณะเป็นอพาร์ตเมนต์
แสงจันทร์สีแดงส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ช่วยให้ทั้งสองเห็นกระดาษนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายอยู่บนพื้น บนกระดาษมีสัญลักษณ์จักรกลที่ซับซ้อน รวมถึงภาพร่างของสะพานที่ละเอียดประณีต สื่อถึงแนวคิดที่มีบ่อเกิดจากจินตนาการ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเป็นไปได้ในทางทฤษฎี
ลิ้นชักหลายใบถูกเปิดทิ้งไว้ ข้างในว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของเหลืออยู่เลย ยังกับพวกนักต้มตุ๋นที่รู้ล่วงหน้าว่า ‘ตำรวจจะลง’ จึงลนลานหนีไปก่อน
ประเมินจากเอกสารข้อความ รวมถึงร่องรอยจำนวนมากในจุดเกิดเหตุ ลูเมี่ยนกับฟรังก้าได้ข้อสรุปว่า ชั้นนี้ถูกทิ้งร้างมาเกือบสองสัปดาห์
“ไม่ชอบมาพากลจริงๆ” ฟรังก้าพูดด้วยความรู้สึกซับซ้อน “ทำไมพวกสาวกเทพมารจากหลายองค์กร ถึงลดกิจกรรมลงกะทันหัน แล้วซ่อนตัว พากันเงียบไปหมด?”
สีหน้าของลูเมี่ยนเคร่งขรึมขึ้น ก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ความผิดปกติอาจหมายถึง มีเรื่องใหญ่กำลังก่อตัว”
โดยไม่รอให้ฟรังก้าตอบ เด็กหนุ่มกำชับเธอทันที
“คุณติดต่อ ‘007’ ถามเขาว่า สืบขยายผลคดีของพวกนอกรีตไปถึงไหนแล้ว รวมถึงปัญหาที่อาจซุกซ่อนอยู่ในสุสานเก่าของวิหารนักบุญโรแบร์”
“ผมจะเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยน เล่าการค้นพบของเรา รวมถึงข้อสันนิษฐาน”
พร้อมกับใช้โอกาสนี้ถามไปด้วยเลยว่า กระดูกเก่าๆ ที่ผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ เคยเอ่ยถึง มีความหมายเช่นไรกันแน่!
“ตกลง” ฟรังก้าไม่พูดมาก
…………
โรงแรมระกาทอง ห้อง 207
ลูเมี่ยนจัดเตรียมพิธี อัญเชิญผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ ในชุดกระโปรงสีทองอ่อนมา
เด็กหนุ่มยื่นกระดาษจดหมายที่พับเป็นสี่เหลี่ยมให้อีกฝ่าย พลางยิ้มกว้างแล้วถาม
“กระดูกเก่าๆ ใต้ดินที่เธอเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ มันหมายถึงอะไรหรือ”
ผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ แสดงสีหน้ารังเกียจเหยียดหยาม
“กระดูกเก่าๆ สกปรก น่ารังเกียจ จากยุคที่สี่น่ะ!”
……………………………………………………..