ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 415 คนชั่วฟ้องก่อน
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 415 คนชั่วฟ้องก่อน
ตอนที่ 415 คนชั่วฟ้องก่อน
……….
เขตหอรำลึก ถนนน้ำพุ บ้านเลขที่ 11
การ์ดเนอร์·มาร์ติน ในเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ยืนอยู่หน้ากระจกหน้าต่างบานใหญ่ในห้องหนังสือ ผิวพรรณเปล่งประกายสีทองอ่อนจากแสงแดดจ้า
เขามองไปทางลูเมี่ยนกับคริสโตที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ฟังทั้งสองผลัดกันเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสมาคมถ้ำทรีอาร์
ลูเมี่ยนรับผิดชอบส่วนหลัก อธิบายรวบรัดถึงที่มาของตัวอย่างแร่เลือดธรณี
“ตอนที่ผมย้ายเข้าโรงแรมระกาทอง ที่นั่นมีคนบ้าคนหนึ่ง ชื่อฟลามง ได้ยินว่าเขาเสียสติหลังจากพบวิญญาณมงต์ซูรี จนครอบครัวทยอยล้มตายอย่างน่าพิศวง”
“เขามีสติดีเป็นครั้งคราว พวกเราเคยดื่มด้วยกันบ้าง อยู่มาวันหนึ่ง เขาก็ผูกคอตาย ข้าวของถูกตำรวจนำไปมอบให้ญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีใครยอมรับไป สุดท้ายจึงเรียกผมไปรับแทน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตัวอย่างแร่เลือดธรณี”
“ผมกับคนบ้าคนนั้นรู้จักกัน เคยดื่มกันด้วย เลยไม่ได้ทิ้งตัวอย่างแร่นั่นไป แต่วางไว้ในตู้เหล็กที่บ้านลับส่งๆ …”
ทุกคำที่ลูเมี่ยนพูด ล้วนเป็นข้อเท็จจริง ไม่โกหกแม้แต่ครึ่งพยางค์ เพียงแต่ปิดบังเรื่องที่เขาช่วยให้ฟลามงรอดจากวิญญาณมงต์ซูรี กับเรื่องที่เทอร์มีโพลอสเตือนเกี่ยวกับแร่เลือดธรณีก้อนนั้น
ฟังถึงตรงนี้ การ์ดเนอร์·มาร์ติน เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลแดง ผมสีดำปนเงินสองสามเส้น ถามเพื่อยืนยันว่า
“บ้านลับของคุณอยู่ที่ไหน”
ลูเมี่ยนตอบเถรตรง
“ถนนเสื้อนอกขาว บ้านเลขที่ 19 ชั้น 3 ห้องซ้ายสุด”
ห้องนี้อยู่คนละฝั่งถนน ซ้ำยังห่างจากอพาร์ตเมนต์เลขที่ 6 ซึ่งมีกลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึงลอยออกมา ทำให้ลูเมี่ยนกล้าตอบตรงๆ
การ์ดเนอร์·มาร์ตินยิ้มอ่อน
“ถึงว่าคุณไปถนนเสื้อนอกขาวบ่อย ไม่ใช่แค่เพราะมีจินนาสินะ”
บอส นี่คุณกำลังเตือนผมทางอ้อมว่า อย่าไปหาฟรังก้าบ่อยนัก รวมถึงเน้นย้ำว่า ‘ผมรู้เรื่องนี้นะ’ ใช่ไหม? ลูเมี่ยนรำพันเงียบ แล้วเล่าเรื่องต่อ
สุดท้าย ลูเมี่ยนจงใจถาม
“เรื่องนี้จะทำให้พรรคซาฟาห์เราเดือดร้อนไหมครับ สมาคมถ้ำอาจมีกลุ่มอำนาจทางการหนุนหลังอยู่ก็ได้”
เขากำลังบอกเป็นนัยว่า ตัวตนที่อุปโลกน์ไว้หลอกปุยฟ์·เซารอน อาจถูกเปิดเผยเอาได้ โดยเชื่อว่าด้วยสติปัญญาของบอสใหญ่รายนี้ คงเข้าใจได้ไม่ยาก
การ์ดเนอร์·มาร์ตินพยักหน้ารับ มองไปทาง ‘มุสิก’ คริสโตแล้วพูด
“ถ้าคุณอยากเข้าร่วมสมาคมถ้ำ ก็เข้าไปได้ แต่อย่าให้เสียธุรกิจขนของเถื่อนก็พอ”
คริสโตพยักหน้ารัวๆ
“ครับ บอส”
เขารับคำสั่งจากการ์ดเนอร์·มาร์ติน ให้ออกจากห้องหนังสือไปได้ เหลือเพียงลูเมี่ยนตามลำพัง
การ์ดเนอร์·มาร์ตินยิ้ม พลางปลอบโยนสมาชิกหลักของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กรายนี้
“ไม่ต้องกังวลเรื่องทางฝั่งปุยฟ์ ต่อให้เขารู้ตัวจริงของคุณ ก็จะทำเป็นไม่รู้อยู่ดี นับตั้งแต่คุณได้เป็นพระราชาในเกมเค้กพระราชา ทางนั้นก็สงสัยคุณอยู่หลายส่วนแล้ว หลังจากนี้ย่อมมีการลองใจ หรือหลอกใช้ประโยชน์จากคุณตามมาเรื่อยๆ”
ความหมายของเขาคือ ให้ลูเมี่ยนอยู่ที่เขตตลาดต่อไป ดูแลกิจการอย่างคาบาเร่ต์ลมเอื่อย โรงแรมระกาทอง และคาบาเร่ต์โรงโม่ต่อไป
“ครับ เมื่อครู่ผมแค่กังวลว่า มันอาจกระทบกับภารกิจหลักของเรา” ลูเมี่ยนยิ้มตอบ ทำท่าโล่งใจ
ขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มจิกกัดในใจ
เพราะสังเกตเห็นความผิดปกติในคำสั่งนี้ของการ์ดเนอร์·มาร์ติน:
สำหรับบอสใหญ่แห่งพรรคซาฟาห์ หรือ ‘ผู้การ’ แห่งชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก การเปลี่ยนให้ผู้วิเศษคนอื่นมาดูแลคาบาเร่ต์ลมเอื่อย รวมถึงกิจการต่างๆ แทน แล้วให้ลูเมี่ยนหลบเข้าเงามืด คืองานง่ายๆ ที่แทบไม่มีข้อเสีย
ต่อให้การ์ดเนอร์·มาร์ตินจะมองว่า ตนไม่ควรเอาเปรียบลูเมี่ยน ผู้กำลังแบกรับภารกิจสำคัญขององค์กร แต่ก็แค่เจียดส่วนแบ่งรายได้จากคาบาเร่ต์ลมเอื่อย กับกิจการอื่นๆ มาชดเชยให้เด็กหนุ่ม เท่านี้ก็สมน้ำสมเนื้อแล้ว มิใช่ปล่อยให้สมาชิกหลักที่กำลังถูกจับตามอง ต้องเสี่ยงอยู่ในตำแหน่งเดิม
แม้การที่ลูเมี่ยนหลบเข้าเงามืด จะทำให้ดูน่าสงสัยกว่าเดิม จนพรรคซาฟาห์ถูกหลายฝ่ายจับตามอง แต่ปัญหาระดับนี้ การ์ดเนอร์·มาร์ตินมิใช่เพิ่งเคยประสบพบเจอ ย่อมต้องมีวิธีแก้ไขแน่นอน
ลูเมี่ยนมองว่า ‘ผู้การ’ แห่งชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กรายนี้ เริ่มสงสัยตนเข้าแล้ว จึงหวังจะใช้สมาคมถ้ำเป็นเครื่องมือลองใจต่อไป
คำบรรยายและคำอธิบายของเด็กหนุ่มเมื่อครู่ ไม่มีจุดใดที่พิสูจน์ผิดได้ ตามปกติแล้วควรทำให้การ์ดเนอร์·มาร์ตินเชื่อสนิทใจ แต่ปัญหาคือ ช่วงนี้รอบตัวเขามีแต่เรื่อง เกิดเหตุการณ์ผิดปกติบ่อยครั้ง การ์ดเนอร์·มาร์ตินผู้เป็นหรือเคยเป็น ‘นักวางแผน’ ย่อมเกิดความสงสัยโดยสัญชาตญาณว่า เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล
เหตุผลในรายละเอียด ไม่เพียงพอที่จะบดบังความผิดปกติในภาพรวมได้แล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนก็พลันบังเกิดจิตฆ่าฟัน
เด็กหนุ่มจ้องการ์ดเนอร์·มาร์ติน ซึ่งยืนอยู่ข้างกระจกหน้าต่างบานใหญ่ กะเกณฑ์ระยะห่างได้คร่าวๆ ห้าเมตร
ในระยะใกล้แบบนี้ หากเขาใช้ ‘วิชาฮึ่มฮ่า’ ทีเผลอ โดยที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินยังไม่ได้เป็นลำดับ 4 ยังไม่มีเทวบารมี และไม่ได้พกสมบัติวิเศษสำหรับป้องกันโดยเฉพาะ ลูเมี่ยนก็จะกำราบบอสใหญ่ของพรรคซาฟาห์ได้ง่ายดาย ตามด้วยการกำจัดทิ้ง
สถานการณ์ในตอนนี้ เหมือนคนธรรมดาสองคนที่ไม่มีพลังวิเศษ ยืนห่างกันเมตร คนหนึ่งมีฐานะสูงส่ง เก่งการต่อสู้ อีกคนฐานะต่ำกว่า ร่างกายไม่แข็งแรง แต่ซ่อนปืนลูกโม่ไว้ และมีฝีมือยิงไม่เลว
ในระยะห้าเมตร ไม่ว่าคนธรรมดาจะมีฐานะสูงส่ง เก่งการต่อสู้ หรือมีลูกน้องมากแค่ไหน ก็ถูกปืนยิงล้มได้ในนัดเดียว!
คำนึงถึงภารกิจของชุมนุมทาโรต์กับชุมนุมแสงเหนือ ลูเมี่ยนข่มใจไว้ พร้อมกับเอ่ยปากถาม
“ผู้การครับ ผมอยากซื้อสูตรโอสถของ ‘นักวางแผน’ จากชุมนุม”
เด็กหนุ่มได้รับบทเรียนจากตอนเลื่อนลำดับเป็น ‘นักวางเพลิง’ เขาไม่อยากรอย่อยโอสถจนหมด แล้วค่อยตามหาสูตรลำดับถัดไปอย่างร้อนรน สะสมวัตถุดิบทีละชิ้น จึงหวังว่าจะได้เก็บรวบรวมส่วนผสมของ ‘นักวางแผน’ ล่วงหน้าขณะยังย่อยโอสถ ‘นักวางเพลิง’ ไม่เสร็จ เดินหน้าสองอย่างควบคู่กัน เพื่อประหยัดเวลาให้ได้มากที่สุด
การ์ดเนอร์·มาร์ตินถามกลับด้วยความแปลกใจเล็กๆ
“คุณมีเงินสดมากขนาดนั้นเชียว”
“ในชุมนุมลับส่วนใหญ่ สูตรโอสถ ‘นักวางแผน’ จะขายกันในราคาเจ็ดถึงแปดหมื่นเฟลคิน หรือแม้กระทั่งแพงกว่านั้น ไม่เหมือน ‘นักวางเพลิง’ ที่ตายไปเป็นประจำ แล้วก็มีคนเลื่อนมาใหม่ได้ตลอด นักวางแผนทุกคนตระหนักถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ใจร้อนซ้ำซาก สูตรโอสถในลำดับนี้จึงเริ่มถูกควบคุมอย่างเข้มงวด”
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบ การ์ดเนอร์·มาร์ตินหัวเราะเบาๆ
“ถ้าคุณสืบความลับในการเสื่อมโทรมของตระกูลเซารอนได้ ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด แค่ส่วนหนึ่ง ผมก็จะมอบโอสถ ‘นักวางแผน’ ให้เป็นรางวัล”
“หากคุณต้องการเพิ่มพลังตัวเอง ไม่อยากรอนานขนาดนั้น ในฐานะสมาชิกหลักของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก คุณมีสิทธิ์ซื้อสูตรโอสถ ‘นักวางแผน’ ในราคาพิเศษ เพียงหกหมื่นเฟลคิน”
“ได้ครับ” ลูเมี่ยนตอบรับทันทีโดยไม่ลังเล “พรุ่งนี้ผมจะนำเงินหกหมื่นเฟลคินมาให้”
เขาตั้งใจไว้แล้วว่า ถ้าการ์ดเนอร์·มาร์ตินไม่ให้ ก็จะไปถามเอาจากมิสเตอร์ K หรือมาดามเมจิกเชี่ยน
“คุณมีเงินสดหกหมื่นเฟลคินเลยหรือ” การ์ดเนอร์·มาร์ตินยิ้ม
ลูเมี่ยนสะดุ้งในใจ จึงแกล้งพูดว่า
“มันเป็นไปแล้วครับ ก่อนหน้านี้ ผมช่วยทวงหนี้จำนวนหนึ่งแสนเฟลคินให้ผู้เช่าของโรงแรมระกาทอง คู่กรณีคือคาบาเร่ต์แกะดำบนถนนเพรง ในเขตหอดูดาว ได้ส่วนแบ่งมากกว่าครึ่งหนึ่ง”
เขาได้รับเงินเป็นธนบัตร 50,000 ทองคำ 30,000 หลังจากคืนเงิน 25,000 ที่ยืมฟรังก้ามา ก็จะเหลือ 55,000 บวกกับเงินเดิมอีก 1,000 ทองคำ 1,000 ธนบัตร และ 4,000 เฟลคิน รวมแล้วจึงมีสินทรัพย์สภาพคล่อง 61,000 เฟลคิน
“คาบาเร่ต์แกะดำ…” การ์ดเนอร์·มาร์ตินทวนคำนี้ สีหน้าค่อยๆ ทวีความเคร่งเครียด “หนี้ก้อนนั้นเก็บมาจากคาบาเร่ต์แกะดำจริงหรือ”
เห็นได้ชัดว่า ‘ผู้การ’ ของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กรายนี้ รู้ถึงความพิเศษของคาบาเร่ต์แกะดำอยู่บ้าง
ลูเมี่ยนพยักหน้าซื่อตรง
“ครับ”
เรื่องที่เด็กหนุ่มช่วยฟิซเก็บหนี้ คนของพรรคซาฟาห์ในคาบาเร่ต์ลมเอื่อยพอจะรู้บ้างไม่มากก็น้อย ซ่อนจากการ์ดเนอร์·มาร์ตินไม่มิดแน่ จึงตัดสินใจเล่าออกไปตามจริง เพื่อทำให้เรื่องราวรอบตัวเขายิ่งสับสน เบี่ยงเบนทิศทางที่ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กสงสัย
มิหนำซ้ำ มันยังสามารถนำมาขู่การ์ดเนอร์·มาร์ตินได้ด้วย!
การ์ดเนอร์·มาร์ตินจ้องมองลูเมี่ยน แล้วเลื่อนไปทางหน้าต่างสูงพื้นจรดเพดาน
สองสามวินาทีต่อมา เขาถามด้วยท่าทีเหมือนอยากรู้อยากเห็น
“คุณไม่เคยได้ยินปัญหาของคาบาเร่ต์แกะดำหรือ”
“เคยได้ยินครับ” ลูเมี่ยนยิ้ม
เวลาแบบนี้ หากเขามีแว่นตาเลนส์เดี่ยว ก็อาจอดใจไม่ไหว ลองหยิบขึ้นมาสวมตรงเบ้าตาขวาดู เพื่อดื่มด่ำไปกับท่าทีตอบสนองของการ์ดเนอร์·มาร์ติน
ลูเมี่ยนเว้นช่วงสักครู่ แล้วพูดต่อ
“หลังจากรับคำขอทวงหนี้มา ผมก็ลองสืบเรื่องคาบาเร่ต์ดู พบว่ามันไม่ธรรมดาเลย มีทั้งคนหนุนหลัง แถมยังอันตราย จึงตัดสินใจพับเก็บแผนการไป แต่วันดีคืนดี ระหว่างที่ผมกำลังตามรอยศัตรูคนหนึ่ง เพียงชั่วหนึ่งกะพริบตา ผมเห็นการ์ดหน้าคาบาเร่ต์แกะดำหายไปหนึ่งคนอย่างน่าพิศวง พอแหงนมองหน้าต่างชั้นบน ก็เห็นเถ้าแก่ทิมมอนส์ของพวกมันยืนอยู่ ท่าทางเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว”
“ผมมองว่านี่เป็นโอกาส ก็เลยลองเข้าไปทวงหนี้ดู ไม่คิดเลยว่าจะสำเร็จ!”
ลูเมี่ยนพูดไปพลาง ก้าวเท้าไปข้างหน้า แล้วถามอย่างจริงใจ
“ผู้การครับ เรื่องนี้จะมีอันตรายแอบแฝงอะไรไหม”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินขยับไปอีกก้าวอย่างแนบเนียน แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า
“ตอนนี้ดูเหมือนจะยัง ต่อไปคุณก็ระวังตัวเองหน่อย ดูว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นบ้างไหม”
ลูเมี่ยนถือโอกาสแสดงความสงสัยของตน
“ผู้การครับ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ช่วงนี้ทำไมรอบตัวผมถึงมีแต่เรื่อง ทั้งผมลงมือเอง ทั้งวิ่งมาหาผมเอง หรือว่าผมจะเป็นตัวซวยจริงๆ? หรือผมมีชะตาต้องวิ่งวุ่นหัวหกก้นขวิดจนเหนื่อยล้า?”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินมองเขาอย่างลึกซึ้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแฝงนัย
“บางที นี่อาจเป็นโชคชะตาที่ ‘นักล่า’ ต้องเผชิญ”
หลังจากลูเมี่ยนกลับไป การ์ดเนอร์·มาร์ตินหันสายตาไปทางด้านข้าง
ประตูลับตรงนั้นเปิดออก ‘จเร’ โอลเซ่นที่ดูเหมือนหมีหิวโซเดินออกมา
“เป็นไงบ้าง” การ์ดเนอร์·มาร์ตินถาม
โอลเซ่นยิ้มมุมปาก
“เขาไม่ค่อยพอใจคำสั่งของคุณเท่าไร ซึ่งก็ปกติ เจ้าเด็กนั่นยังไม่ได้จงรักภักดีขนาดนั้น ตอนนี้ยังไม่พร้อมเป็นสมาชิกในทีมของคุณ”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินเปลี่ยนหัวข้ออย่างครุ่นคิด
“หายนะบนตัวเขา แจ่มชัดกว่าพวกเราทุกคน หรือว่าเขาจะเข้ากันได้ดีกว่า?”
โอลเซ่นเงียบไปสองสามวินาที แล้วพูดว่า
“รอดูไปก่อน”
…………
ขณะลูเมี่ยนกลับมาถึงเขตตลาด ฟรังก้ากำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟเรือนแดงเมืองชาโย มองบราวส์·เซารอนผู้มีผมสีส้มแดง ยาวดั่งน้ำตก นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะพูดว่า
“พวกคุณคิดจะตรวจสอบอีกนานแค่ไหนเนี่ย”
บราวส์·เซารอนไม่ตอบคำถาม เพียงมองฟรังก้าผู้มีผมดำตาน้ำตาล แล้วพูดอย่างครุ่นคิด
“ทางเราพบคนที่สงสัยว่าจะเป็นสมาชิกของสมาคมเสียวซ่านแล้ว”
……………………………………………………..