ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 414 สาเหตุแ
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 414 สาเหตุแ
ตอนที่ 414 สาเหตุ
……….
โยเซฟกับราญองชะงักเท้า พลางหันกายเชื่องช้า ชำเลืองสายตามองมายังลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มมองพวกเขาเงียบงัน ไม่อธิบายต่อ
โยเซฟยังคงรักษารอยยิ้มสุภาพ เจือความเหยียดหยิ่ง พลางถามว่า
“มิสเตอร์ชาร์ล ผมว่าผมไม่เข้าใจความหมายของคุณ”
ได้ยินแบบนั้น ลูเมี่ยนบรรจงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผมอนุญาตให้พวกคุณขึ้นมาเยี่ยม แต่ไม่ได้ยินยอมให้กลับสักหน่อย”
“ที่นี่คือคาบาเร่ต์ลมเอื่อยของผม ไม่ใช่บ้านของพวกคุณ ไม่ใช่อยากมาก็มา อยากไปก็ไป”
เด็กหนุ่มยังไม่ได้ใช้พลัง ‘ยั่วยุ’ แต่ลำพังท่าทาง น้ำเสียง รวมถึงคำพูดคำจาที่แสดงออก ก็ล้วนเปี่ยมไปด้วยการดูแคลนอย่างเปิดเผย มิได้เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะถือโทษโกรธเคืองเลยสักนิด
ราญอง เจ้าของใบหน้าไร้อารมณ์ตลอดเวลา หรี่ตาลงแล้วหันหลังกลับ เดินต่อไปยังปากบันได ประหนึ่งคำพูดเมื่อครู่ของลูเมี่ยนไม่มีอยู่จริง
โยเซฟ ผมน้ำตาล ตาสีน้ำตาล มองลูเมี่ยนครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองราญอง แววตาวูบไหวเล็กน้อย แต่มิได้ห้ามปราม
ลูเมี่ยนชักปืนลูกโม่ ท่าทางไม่รีบร้อน เล็งใส่ปากบันไดแล้วกดไก โดยปราศจากความลังเล ไม่มีการชะงักงันแม้แต่น้อย
เสียงดังปัง ราญองหยุดฝีเท้าอีกครั้ง
เขาบรรจงหันกายกลับ สายตาที่จ้องใส่ลูเมี่ยน คล้ายกับมีแรงกดดันอย่างเป็นรูปธรรม
เสียงของบางสิ่งเคลื่อนไหว ดังมาจากกระเป๋าเสื้อด้านข้างของคริสโต สีหน้าของ ‘มุสิก’ กลายเป็นอึดอัดระคนหวาดระแวง ประหนึ่งได้กลิ่นอันตรายใกล้ปะทุ
ลูเมี่ยนยังคงไม่รู้สึกรู้สา ในท่าถือปืนลูกโม่ เขากล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจ
“ขอโทษที พอดีปืนเถื่อนน่ะ”
ขณะพูด เด็กหนุ่มมองราญองและโยเซฟกลับไป บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเจือจาง ปราศจากความหวาดกลัวใดๆ
โยเซฟไม่อาจรักษารอยยิ้มสุภาพที่ฝืนทำ ดวงตาหรี่ลงดุจดั่งเหยี่ยว เพ่งจ้องลูเมี่ยนอย่างคมกริบ ประหนึ่งกำลังประเมินความตั้งใจ ความมั่นใจ และฝีมือของหัวหน้าหน่วยแก๊งผู้นี้
ลูเมี่ยนอยากจะพูดออกไปว่า ‘มองอะไร? ถ้าอยากมีเรื่องก็ไม่ขัด แต่ถ้าไม่กล้า ก็ช่วยเจียมตัวหน่อย’ เพื่อยั่วโมโหสองเจ้าหน้าที่ประสานงานของสมาคมถ้ำทรีอาร์ แต่พอนึกได้ว่า ‘มุสิก’ คริสโตยังอยู่ในห้อง เด็กหนุ่มจึงละทิ้งแผนการ
นั่นจะทำให้เขาดูจงใจยั่วยุเกินเหตุ แทนที่จะแค่หยั่งเชิง จนยากที่จะหาคำอธิบายมาแก้ต่างกับการ์ดเนอร์·มาร์ติน ผู้อาจเป็นหรืออดีตเคยเป็น ‘นักวางแผน’
ด้วยดวงตาไร้อารมณ์ เด็กหนุ่มจ้องตาโยเซฟกับราญอง มือขวายังคงถือปืนลูกโม่กระบอกเดิม บรรจงลูบไล้กระสุนไปทีละนัด
ผ่านไปสิบกว่าวินาที เมื่อ ‘มุสิก’ คริสโตเริ่มเหงื่อซึมหน้าผาก โยเซฟก็ยิ้มอีกครั้ง ถามอย่างสุภาพว่า
“งั้นตอนนี้ พวกเราไปได้หรือยังครับ มิสเตอร์ชาร์ล”
โฮ่…ดูเหมือนหมอนี่จะมองออกว่า เราแค่อยากหาเรื่องวิวาทเฉยๆ…ความอวดดีไปไหน ศักดิ์ศรีไปไหนหมดแล้ว? ลูเมี่ยนเย้ยหยันในใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงยียวนที่ชวนให้คนโมโห
“ยัง”
ราญองถลันเข้ามาทันที แต่ก็ถูกโยเซฟด้านหลังหยุดไว้
ชายหนุ่มผมน้ำตาล ตาสีน้ำตาล หน้าตกกระ เงยคางขึ้นเล็กน้อย มองลูเมี่ยนพลางเอ่ยถาม
“แล้วเราต้องทำอย่างไร จึงจะได้รับอนุญาตจากคุณ”
ลูเมี่ยนยิ้มแกมผิดหวัง
“ตอบคำถามก่อนหน้านี้ของผม ทำไมถึงเชิญผมกับคริสโตเข้าร่วมสมาคมถ้ำ ไม่ยักจำได้ว่าตัวเองมีงานอดิเรกสำรวจถ้ำหรือศึกษาถ้ำ”
โยเซฟเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะเอ่ยปาก
“นักผจญภัยถ้ำของสมาคมเรา เคยพบคริสโตใต้ดินหลายครั้ง จึงสังเกตเห็นว่า เขาเข้าใจใต้ดินทรีอาร์ได้ค่อนข้างลึกซึ้ง และคงรู้จักเส้นทางลับไม่น้อย ซึ่งตรงกับเงื่อนไขการเชิญของสมาคมถ้ำเรา”
‘มุสิก’ คริสโตไม่มีข้อสงสัยในคำอธิบาย แม้ว่าส่วนใหญ่ที่เขาลงใต้ดิน ก็เพื่อลักลอบขนของเป็นหลัก แต่ไม่ว่าจะลักลอบด้วยเส้นทางใด ก็ไม่มีทางเป็น ‘เส้นทางลับ’ ตั้งแต่ต้นจนจบ มักถูกบังคับให้ต้องผ่านอุโมงค์หรือโพรงเหมืองบางแห่ง ซึ่งนักผจญภัยถ้ำกับตำรวจเหมืองรู้จักเป็นอย่างดี โดยระหว่างนั้น ก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงการ ‘เดินสวนกับคนอื่น’ หรือถูกใครสักคนแอบจับตามองจากไกลๆ
โยเซฟเว้นวรรคอยู่สองสามวินาที ก่อนจะพูดต่อ
“ส่วนเหตุผลที่เชิญคุณ มีอยู่สองเรื่อง”
“หนึ่ง คือตัวอย่าง ‘แร่เลือดธรณี’ นั่น”
ตัวอย่าง ‘แร่เลือดธรณี’ ก้อนนั้น…ลูเมี่ยนคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเหตุผลนี้
เด็กหนุ่มไม่มัววิเคราะห์หาสาเหตุให้เสียเวลา แต่อาศัยประสบการณ์อันโชกโชนเมื่อครั้งแกล้งคน ผนวกกับคำแนะนำของอ็องโตนี·รีดในพักหลัง จึงพูดออกไปทันทีว่า
“ตัวอย่าง ‘แร่เลือดธรณี’…อ๋อ นึกออกแล้ว ผมได้มันมาจากคนบ้าชื่อฟลามง ของพรรค์นั้นก็แค่ก้อนหินธรรมดามิใช่หรือ ไม่เห็นจะมีคุณค่าอันใด ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าโยนทิ้งไว้ตรงไหน”
พูดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนทำท่าเหมือนฉุกคิดได้ รีบเสริมด้วยหน้าย้อนนึก
“เหมือนจะถูกขโมยไปนะ ผมเคยวางมันทิ้งไว้ในอพาร์ตเมนต์ที่ตัวเองแอบเช่าไว้…หึๆ คนอย่างพวกผมน่ะ ไม่มีทางมีบ้านซุกหัวนอนแค่หลังเดียวอยู่แล้ว อพาร์ตเมนต์ของผมน่ะ ติดตั้งกับดักไว้เพียบ ใครจะไปรู้ว่า ยังมีหัวขโมยที่สามารถแอบย่องเข้าไปได้อย่างราบรื่น แถมยังไขตู้นิรภัยออกด้วย แต่ที่น่าแปลกคือ มันขโมยไปแค่ ‘แร่เลือดธรณี’ ก้อนนั้นก้อนเดียว ไม่แตะต้องของมีค่าอย่างอื่นในบ้านเลย ตอนนั้นผมงงหนักมาก คิดว่าตัวเองอาจจำผิดไป โยนหินนั่นทิ้งไปเองนานแล้ว หัวขโมยก็ไม่มีตั้งแต่แรก…”
เมื่อเห็นว่าชาร์ล·ดูบัวส์เล่าได้สมจริงมาก มีรายละเอียดเพียงพอ น้ำเสียงกับสีหน้าก็สื่อได้ว่า เขาไม่แยแสก้อนตัวอย่างแร่นั่นเลยจริงๆ มิได้มองว่าสลักสำคัญ เล่าประหนึ่งตนทำของกระจุกกระจิกหายไป โยเซฟกับราญองจึงหันมาสบตากัน ท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย
หลังจากเล่นละครจบไป สมองของลูเมี่ยนเริ่มประมวลผลด่วนจี๋ จนกระทั่งได้คำตอบว่า ที่สมาคมถ้ำทรีอาร์ตามหาตน ก็เพื่อ ‘แร่เลือดธรณี’ ก้อนนั้นก้อนเดียว
“ชั้นหิน ‘เลือดธรณี’ ที่อยู่ใต้ดินลึกลงไป ถูกค้นพบมานานเป็นร้อยปีพันปีแล้ว มิได้เพิ่งปรากฏตัวในช่วงหลัง จนนักวิชาการแร่อย่างฟลามงค้นพบแร่ชนิดพิเศษนี้เป็นคนแรก…”
“ขั้วอำนาจของทางการทรีอาร์ รวมถึงองค์กรลับบางส่วน คงทราบดีว่าแร่หายากนั่น ซึ่งอยู่สะสมอยู่ในชั้นหินเลือดธรณี มีความเกี่ยวข้องกับ ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์ที่ร่วงหล่นไป แต่พวกเขาคงยังไม่ค้นพบคุณค่าในตัวมัน อย่างมากก็ทำให้จิตของผู้สัมผัสได้รับมลทิน…”
“คืนนั้น ที่เรากระตุ้นตราประทับบนมือขวา จนคนใหญ่คนโตในกรุงทรีอาร์ต่างก็สัมผัสได้ พวกเขาคงอาศัยวิธีที่แตกต่างกัน ในการยืนยันว่านั่นคือพลังของ ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์ จึงเริ่มลงมือตรวจสอบวัตถุที่เกี่ยวข้อง…”
“หนึ่งในเบาะแสที่ใช้ตามหาคือ ที่อยู่ของแร่เลือดธรณีก้อนดังกล่าว ซึ่งเป็นแร่พิเศษที่พบในชั้นหิน ‘เลือดธรณี’ และมรดกต่างๆ ของฟลามงก็เคยถูกลงทะเบียนไว้ที่กองบัญชาการตำรวจเขตตลาด…”
“สมาคมถ้ำ มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเจ้าหน้าที่ จึงรับภารกิจตามหาเรา ผู้รับเอามรดกของฟลามงไป…”
“ทำไมไม่ให้ตำรวจจากกองบัญชาการมาสอบถามโดยตรงล่ะ คนของ ‘ผู้ชำระ’ ‘จิตแห่งจักรกล’ หรือหน่วยแปด ต่างก็มีฉากหน้าเป็นตำรวจไม่ใช่หรือ…”
“ก็นะ…หน่วยงานรัฐไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เพียงแต่แบ่งเป็น ‘รัฐบาล’ กับ ‘สองศาสนจักรใหญ่’ อย่างเปิดเผย กระทั่งในทางปฏิบัติ แต่ละกลุ่มอำนาจก็ยังแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันภายใน”
“ความขัดแย้งทางปรัชญาระหว่าง ‘ภราดรภาพเทศนา’ กับ ‘ภราดรภาพน้อย’ ของศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส ระบบอารามกับระบบวิหารของศาสนจักรเทพจักรกลไอน้ำ ส่วนหน่วยแปด ก็แทบจะเป็นการประกอบร่างเลยทีเดียว บางคนมาจากองค์กรลับที่รัฐบาลรองรับ บางคนสังกัดกลุ่มอดีตขุนนาง อย่างเซารอน ซึ่งยังคงหลงเหลืออำนาจอยู่ บางคนก็ถูกหน่วยแปดฝึกขึ้นมาเองตลอดหลายปีนี้…”
“หรือก็คือ คนของหน่วยแปดไม่สามารถเข้าร่วมพรรคการเมืองใดได้ มิเช่นนั้นจะยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม…”
“ในสถานการณ์ดังกล่าว กลุ่มย่อยบางกลุ่มในกลุ่มอำนาจบางกลุ่ม เกิดนึกถึงเบาะแส ‘แร่เลือดธรณีก้อนพิเศษ’ นี้ขึ้นมาได้ แต่ไม่อยากให้ฝ่ายอื่นรู้ จึงไม่ลงมือผ่านช่องทางเปิดเผยอย่างกองบัญชาการตำรวจ แต่ใช้หมากที่ไม่เป็นทางการอย่าง ‘สมาคมถ้ำ’ แทน?”
“หรือไม่ก็ อาจเป็นใครสักคนในสมาคมถ้ำเอง ที่นึกถึงเบาะแสนี้ขึ้นมา เพราะพวกเขารู้จักใต้ดิน รู้จักตัวอย่างแร่ดีกว่าใครอยู่แล้ว…”
“เป็นเหตุผลว่าทำไม พวกเขาไม่ขอความร่วมมือจากเราโดยตรง แต่พยายามเชิญเข้าร่วมสมาคมถ้ำแทน?”
ลูเมี่ยนเร่งวิเคราะห์จนได้ข้อสรุปเบื้องต้น พลางรอให้โยเซฟบอกเหตุผลที่สอง
ถัดมา โยเซฟอธิบายต่อ
“ทางเรานึกว่าคุณสนใจแร่ธาตุใต้ดินมาก เป็นคนชื่นชอบแร่เหมือนกัน”
“ถูกขโมยไปจริงหรือ ไม่ใช่ว่าไปเก็บไว้ที่ไหนแล้วลืมเองนะครับ?”
“ถูกขโมยไปแน่นอน” ลูเมี่ยนพูดความจริงเสียยิ่งกว่าจริง “ผมพบร่องรอยการขโมย หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมก็เริ่มห่วงว่าทองคำที่เก็บสะสมไว้จะถูกขโมยด้วย จึงไปเช่าตู้นิรภัยที่ธนาคาร แล้วเก็บทองไว้ในนั้นแทน”
โยเซฟพยักหน้ารับ
“เหตุผลที่สองคือ เคนดัลล์ ผู้ดูแลสุสานใต้ดินบอกกับเราว่า ในกลุ่มคนที่นำเถ้ากระดูกของฟลามงลงไปฝัง ดูเหมือนคุณจะพิเศษกว่าใคร สามารถสัมผัสถึงความผิดปกติบางอย่างที่คนอื่นไม่ตระหนักถึง”
ดมกลิ่นเบาะแสของแร่เลือดธรณีไปจนถึงสุสานใต้ดินเลยสินะ…ลูเมี่ยนพลันกระจ่าง
“ผมไม่เข้าใจที่คุณบอกว่า ‘พิเศษกว่าใคร’”
โยเซฟไม่อธิบาย ไม่ซักถามต่อ เพียงมองหน้าลูเมี่ยน
“มิสเตอร์ชาร์ล ตอนนี้พวกเรากลับได้หรือยังครับ”
ลูเมี่ยนจ้องพวกเขาสองสามวินาที แล้วพยักหน้ารับ
“ไปได้”
สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เด็กหนุ่มล้มเลิกความคิดที่จะยั่วยุสองเจ้าหน้าที่ประสานงาน สร้างความบาดหมางกับสมาคมถ้ำทรีอาร์
แม้ว่าตอนนี้ เขาจะทำให้โยเซฟกับราญองขุ่นเคืองใจไปแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ได้รับคำตอบที่ต้องการเช่นกัน อย่างน้อยก็บางส่วน ในอนาคตอาจมีการแก้เผ็ดกันบ้างแสบๆ คันๆ แต่คงไม่มีการแก้แค้นใหญ่แบบเอิกเกริก
หลังจากมองโยเซฟกับราญองหายลับไปจากปากบันได ลูเมี่ยนนั่งนิ่งอยู่สักครู่ เก็บปืนลูกโม่ แล้วลุกขึ้นยืน พูดกับ ‘มุสิก’ คริสโต
“เรื่องนี้ซับซ้อนกว่าที่ผมคิดไว้ ต้องรายงานให้บอสทราบ”
เด็กหนุ่มนึกถึงความเป็นไปได้อันตรายอย่างหนึ่ง
หากขั้วอำนาจที่ตามหา ‘แร่เลือดธรณี’ พิเศษผ่านทางสมาคมถ้ำคือตระกูลเซารอน เมื่อพวกเขารู้ว่าหัวหน้าหน่วยของแก๊งอย่างชาร์ล·ดูบัวส์ เคยครอบครองตัวอย่างแร่ก้อนหนึ่ง ถ้าพวกเขาค้นพบอีกว่า ลูกชายของเศรษฐีใจกว้าง ผู้เคยเผยความผิดปกติให้เห็นในเกมเค้กพระราชาของปุยฟ์·เซารอน คือสมาชิกพรรคซาฟาห์คนนี้พอดิบพอดี ก็คงยากที่จะไม่เชื่อมโยงสองประเด็นข้างต้นเข้าด้วยกัน
ดังนั้น ควรต้องรีบไปรายงานสถานการณ์ให้การ์ดเนอร์·มาร์ตินทราบ พร้อมกับ ‘สารภาพ’ ไปตามจริง เพื่อขจัดความเสี่ยงและรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
ในเมื่อมีองค์กรลับอย่างชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กคอยหนุนหลัง แถมยังเกี่ยวข้องกับภารกิจหลักที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินมอบหมายให้ตน ลูเมี่ยนย่อมไม่มีทาง ‘ตัดสินใจเอง’ แน่นอน
‘มุสิก’ คริสโตลังเลอยู่สองสามวินาที ก่อนจะฝืนยิ้ม
“ตกลง”