ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 410 สัปดาห์สบาย
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 410 สัปดาห์สบาย
ตอนที่ 410 สัปดาห์สบายๆ
……….
ในลานประหารรูฮัวที่เปียกฝน ลูเมี่ยนมองเปลวไฟสีแดงตรงหน้าค่อยๆ มอดลง มองของเหลวใสไร้สี ซึมออกจากศพแล้วล้อมรอบ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ซึ่งร่างกายไหม้ดำปริแตก โดยพยายามชอนไชเข้าไปในโพรงเบ้าตาอันว่างเปล่า เพื่อผสานเข้ากับอวัยวะสักชนิด
ฝูงอีกาไฟสีแดงเข้มโผล่ขึ้นรอบตัวลูเมี่ยน พากันมุดเข้าเบ้าตาที่ยังหลงเหลือสีเลือดได้ก่อนของเหลวเหล่านั้น
ตูม!
ศีรษะของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ระเบิดจากภายในสู่ภายนอก กระจัดกระจายเละเทะ สมองสีเทาขาวกระเซ็นไปทั่ว
ของเหลวใสไร้สีนั่น เมื่อสูญเสียตัวผสาน ก็รวมตัวกันเองแล้วกลายเป็นก้อนเมือกเหนียว
เมือกดังกล่าวตกลงบนแท่นย่างสด มองจากระยะไกลแล้วเหมือนกระจกรูปร่างไม่คงที่ สะท้อนสิ่งรอบข้างได้ทั้งหมด
ลูเมี่ยนเดินเข้าไปในอากาศร้อนระอุ ซึ่งมีเปลวไฟลอยคลุ้ง ก้มลงหยิบก้อนเมือกใสที่น่าจะเป็นตะกอนพลังของ ‘นักสะกดจิต’ ขึ้นมา
เด็กหนุ่มจ้องมอง พบว่าลึกในเมือกดังกล่าว มีฟองอากาศใสเล็กๆ คอยสะท้อนแสงแดดในมุมต่างกัน เกิดเป็นสีสันหลากหลาย
เก็บตะกอนพลังนั้นไว้ ลูเมี่ยนหมุนตัวกลับ เดินออกจากแท่นย่างสด
เปลวไฟที่ยังเหลืออยู่ด้านหลัง ยังคอยลุกโชนกัดกร่อนศพดำเกรียมอย่างไร้ความปรานี
ท่ามกลางแสงที่วูบวาบตลอดเวลา ร่างของลูเมี่ยนหายลับไปจากลานประหารรวมรูฮัว
…………
เขตตลาด ถนนเสื้อนอกขาว บ้านเลขที่ 3 อพาร์ตเมนต์ 601
ลูเมี่ยนที่กลับสู่โฉมเดิมด้วยต่างหู ‘คำลวง’ ขยี้ขมับแล้วพูดกับฟรังก้า
“จัดการเรียบร้อยแล้ว การเผาทั้งเป็น เหมาะกับคนแบบมันแล้ว”
“น่าเสียดาย ถึงมันจะทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่การนับถือราชันสวรรค์ยังถือเป็นภัยแฝงอยู่ดี ไม่ต่างกับระเบิดซ่อนเร้น ไม่งั้นผมคงปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไป โดยถูกตัดกลีบสมองส่วนหน้าและตาบอด”
“แบบนี้ดีแล้วล่ะ” ฟรังก้าถอนหายใจ
อันที่จริง เธอเสียดายเล็กน้อย หากมิใช่เพราะ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เคยคลุ้มคลั่ง แถมยังนับถือราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค ซึ่งสงสัยว่าเป็นคนส่งข้ามมิติมา เธออยากสื่อสารกับวิญญาณของเขา เพื่อสอบถามสูตรโอสถเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ตั้งแต่ลำดับ 9 ถึง 6 หรือแม้แต่ 5 แต่หลังจากชั่งใจแล้ว ฟรังก้าตัดสินใจทิ้งแผนอันตรายนี้ไป
ลูเมี่ยนเหลือบมองประตูห้องนอนรับแขกที่เปิดอ้า
“จินนาล่ะ”
“ไปกรงพิราบเก่าแล้ว” ฟรังก้าเยาะเย้ยลูเมี่ยน “เรื่องย่อยโอสถน่ะ เธอใส่ใจกว่าคุณเยอะ”
ลูเมี่ยนตอบอย่างครุ่นคิด
“หลังจากปลดปล่อยเปลวไฟในใจ หลังจากประหัตประหารด้วยไฟ โอสถนักวางเพลิงของผมก็ย่อยไปพอสมควร ถ้ายังเป็นไปตามอัตรานี้ แล้วสรุปกฎการสวมบทบาทใหม่ได้ ก็คงย่อยหมดภายในอีกสองเดือน”
เด็กหนุ่มไม่สานต่อหัวข้อเดิม รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“สำหรับตะกอนพลังของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ผมคิดว่าจะส่งให้มาดามเมจิกเชี่ยนไป ครั้งนี้ถ้าไม่ได้เธอกับชุมนุมทาโรต์ช่วย พวกเราคงหาเป้าหมายไม่เจอ หรือไม่ก็คลุ้มคลั่งไปตั้งแต่การโจมตีครั้งแรกแล้ว”
“ไม่มีปัญหา” ฟรังก้าไม่ถือสาเลยสักนิด “ตะกอนพลังของสาวกเทพมารแบบนี้ ถ้าไม่ผ่านการชำระล้างจากบุคคลลำดับสูง ฉันไม่กล้าถือไว้หรอก แล้วอย่าคิดว่าติดหนี้ฉันหรืออะไรเลย การไล่คิดบัญชี ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ก็ถือเป็นเป้าหมายของสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกเช่นกัน”
ลูเมี่ยนยึดถือเอาตามนั้น พลางมองฟรังก้ากลับเข้าห้องนอน เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวประดับลูกไม้ลายดอก กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อนรัดรูป ดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก
“จะไปไหน” เด็กหนุ่มถามไปงั้น
ฟรังก้าตอบเสียงขรึม
“ช่วงนี้ต้องวุ่นวายกับเรื่องที่คุณก่อขึ้นทุกวัน ฉันไม่มีเวลาออกไปเสพสุขที่ไหนเลย ในเมื่อมันจบลงได้เสียที ก็ต้องหาความเพลิดเพลินจำเริญใจเสียบ้าง สองสามวันนี้ก็ช่วยอยู่เฉยๆ ด้วยล่ะ!”
ลูเมี่ยนมองด้วยสายตาขบขันขณะ ‘นางมารสุขสม’ สวมรองเท้าบูต แล้วเดินออกประตูไป
ท่ามกลางเสียงปิดประตูห้องดังกึกก้อง เด็กหนุ่มที่ตั้งใจจะกลับไปโรงแรมระกาทองเพื่อเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยน ก็หยิบกระดาษกับปากกามาเขียนเล่าคำสารภาพของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ลงบนโต๊ะอาหาร
ถัดมา เขาพับกระดาษเรียบร้อย แล้ววางตะกอนพลังนักสะกดจิตของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ลงไปบนจดหมาย
เมื่ออัญเชิญผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ ออกมา ลูเมี่ยนรอคอยอย่างอดทน
ไม่นานนัก ผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ ก็นำก้อนเมือกใสกับกระดาษพับเป็นรูปสี่เหลี่ยมกลับมา
มาดามเมจิกเชี่ยนเขียนในจดหมายตอบกลับว่า
“นี่เป็นภารกิจส่วนกลางของชุมนุมทาโรต์ ไม่ต้องตกรางวัลให้พวกเรา เก็บไว้เองเถอะ ฉันกำจัดส่วนที่เป็นมลทินออกให้แล้ว”
“สำหรับที่อยู่ของสมาชิกหลัก ‘วันเอพริลฟูล’ อีกห้าคนที่เหลือ พวกเราจะระดมทรัพยากรเพื่อตามหา แต่ตอนนี้ยังขาดจุดเริ่มต้นที่ดีพอ การเล่นพิเรนทร์ในอดีตที่เล่ามา มันก็เกิดขึ้นนานแล้ว”
ลูเมี่ยนเงียบอ่านจดหมายจนจบ ปล่อยให้เปลวไฟสีแดงกลืนกินกระดาษในมือ
เขาอยาก ‘เทเลพอร์ต’ ไปยังแคว้นกายาในเฟเนพ็อต รวมถึงไบลัมตะวันตกบนทวีปใต้ทันที เพื่อตามหาสมาชิกกลุ่มย่อยวันเอพริลฟูลที่น่าสงสัยอย่าง ‘กวีเร่ร่อน’ แต่ก็ทราบดีว่ามันคงเปล่าประโยชน์ หากปราศจากข้อมูลหรือเบาะแสเพียงพอ ก็คงไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร
จะให้หวังพึ่งโชคดีจากเด็กชายกินไอศกรีมทุกครั้งก็คงไม่ได้
คงต้องรอจนกว่าชุมนุมทาโรต์จะหาเบาะแสดีๆ พบ…ตอนนี้สิ่งที่เราตามสืบได้คือ สำนักพิมพ์หนังสือใต้ดิน ‘บันทึกลับของโรซายล์มหาราช’ หากพวกเขาเคยเจอตัวจริงของนักเขียนอย่าง ‘กวีเร่ร่อน’ ก็คงดี…ชั่วขณะหนึ่ง ลูเมี่ยนรู้สึกหดหู่ไปพร้อมกับผ่อนคลาย
เด็กหนุ่มยังไม่รีบหาข้อสรุปให้กับตะกอนพลัง ‘นักสะกดจิต’ ระหว่างนี้ก็ตามหาช่างฝีมือเก่งๆ พลางรออ็องโตนี·รีดสืบเรื่องภรรยาหม้ายของนายพลฟิลิปให้กระจ่าง
หากนัก ‘จิตบำบัด’ รายนี้สืบได้เรื่อง จนสุดท้ายสามารถรักษาปัญหาทางจิตของตนสำเร็จ ลูเมี่ยนก็ไม่ถือสาที่จะขายตะกอนพลัง ‘นักสะกดจิต’ ให้เขา แล้วแบ่งเงินกับฟรังก้า
แต่ถ้าพบช่างฝีมือเก่งๆ ก่อน ลูเมี่ยนจะกำหนดให้สมบัติวิเศษที่ผลิตขึ้นเป็นของส่วนกลาง ฟรังก้ากับจินนาสามารถหยิบไปใช้ได้ตามใจชอบ
หลังเก็บตะกอนพลัง ‘นักสะกดจิต’ ใส่กระเป๋าเสื้อลับ ลูเมี่ยนถอนหายใจพลางพิงหลังเก้าอี้
จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งจะได้ยินเสียงท้องร้องโครกคราก พร้อมกับเกิดความหิวที่คุ้นเคย
ตั้งแต่ตื่นตอนหกโมงเช้า เด็กหนุ่มก็ยุ่งอยู่กับการสอบสวน ประหาร แล้วเขียนจดหมาย จนลืมไปเลยว่ายังต้องกินมื้อเช้า
“ให้ตายสิ เล่นทิ้งกันไว้คนเดียวเฉยเลย ทำยังกับเป็นบ้านของฉัน…” ลูเมี่ยนรำพันพลางลุกยืน เดินเข้าไปในครัวของอพาร์ตเมนต์ ตั้งใจจะหาอะไรกินแบบขอไปทีสักหน่อย
กวาดตาอยู่สักพัก ก็เห็นมันฝรั่งสองสามหัว
ลูเมี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถกแขนเสื้อขึ้น สวมผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่ด้านข้าง ปอกเปลือกมันฝรั่งอย่างชำนาญ ล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นเส้นบางๆ
จากนั้น เขาทำตามขั้นตอน จุดไฟ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ผัดจนหอม ใส่มันฝรั่งที่หั่นเส้นลงไปแล้วคนไฟต่อเนื่อง ปรุงรสตามต้องการแล้วตักขึ้น
ทำจานนี้เสร็จ ลูเมี่ยนก็ปิ้งโทสต์อีกสองแผ่น แล้วรินนมแก้วหนึ่ง
เด็กหนุ่มนั่งลงตรงโต๊ะอาหาร หนีบมันฝรั่งเส้นไว้ระหว่างขนมปังโทสต์สองแผ่น เริ่มเคี้ยวกินไปพลางจิบนมไปพลาง
นอกหน้าต่าง สายฝนเริ่มซาลง แสงแดดเริ่มเจิดจ้า
…………
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา งานของลูเมี่ยนไม่ชุกนัก เพียงใจเย็นรอให้บาดแผลทางจิตจากสองศึกล่าสุดฟื้นฟูจนสมบูรณ์ พลางหาโอกาสสวมบทบาทนักวางเพลิงไปเรื่อย ย่อยไปโอสถไปทีละน้อย
ระหว่างนี้ เขายังหาเวลาไปรายงานสถานะของภารกิจ รวมถึงองค์กรเทพมารที่ค้นพบใหม่ให้มิสเตอร์ K รับทราบด้วย
คนของพรรคซาฟาห์ที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อย ต่างประหลาดใจที่ลูกพี่ของตนโผล่หน้ามาที่ร้านติดต่อกันถึงห้าหกวัน แต่ละครั้งก็อยู่นานมาก เทียบกับเมื่อก่อนที่แทบไม่เห็นเงาหัว นี่ยังกับการเปลี่ยนเป็นของปลอมที่ขยันขันแข็งกว่าเดิม
ชาร์ลีก็ตกใจเช่นกัน ที่ชาร์ลไปดื่มเหล้าที่บาร์ใต้ดินทุกคืน แกล้งคนนั้นที เยาะเย้ยคนนี้ที โดยเขาเองเป็นเหยื่อรายใหญ่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากฟรังก้าเสพสุขจนรู้สึกว่างเปล่า ก็เกิดอยากไปร้านกาแฟเรือนแดงในเมืองชาโยอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นบราวส์·เซารอนเป็นนัย มิให้ลืมอ่าน ‘ใบสมัคร’ ของตน ตอนนั้นเอง กะโหลกศีรษะเงินแท้ของ ‘เฮล่า’ ก็ส่งประกาศแจ้งการชุมนุมนัดพิเศษ ไปยังอพาร์ตเมนต์ 601 บ้านเลขที่ 3 ถนนเสื้อนอกขาว รวมถึงบ้านลับของลูเมี่ยนบนถนนเสื้อนอกขาว ซึ่งตอนนี้ถูกทิ้งร้าง
ลูเมี่ยนไม่ได้ไปบ้านลับนั่นมาสักพักแล้ว ถ้าฟรังก้าไม่ได้รับจดหมายแล้วถามชวนคุย เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีจดหมายมา
หลายๆ คนของสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกก็แบบนี้ มักมีที่อยู่สำหรับรับส่งจดหมายประจำ แต่ตัวเองไม่ได้อาศัยอยู่จริง แค่แวะไปดูเป็นครั้งคราว เพื่อป้องกันมิให้ ‘เฮล่า’ ระบุตำแหน่งตนได้
ในรายละเอียดระดับนี้ พวกเขายังพอตระหนักถึงความปลอดภัยอยู่บ้าง
ลูเมี่ยนมาถึงบ้านลับในถนนเสื้อนอกขาว คลี่จดหมายออก เห็นข้อความเขียนไว้ว่า
“มักเกิ้ล”
“คืนนี้ สองทุ่มตรง มีการชุมนุมนัดพิเศษ พวกเราต้องปรึกษาเรื่องที่สำคัญมาก เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทุกคน”
…………
ตกกลางคืน ก่อนสองทุ่มสามนาที ภายในบ้านลับบนถนนไนติงเกล ลูเมี่ยนสวดคาถาที่แฝงไว้ด้วยพลังปกปิด
เด็กหนุ่มรับรู้ว่าตนเข้าสู่สภาวะคล้ายหลับใหล ร่างกายคล้ายกับถูกลบด้วยยางลบ
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ เขาได้สติกะทันหัน กลับมายังพระราชวังโบราณที่ถูกล้อมรอบด้วยเมืองในหมอกอีกครั้ง
ขณะนี้มีชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกทยอยมาถึงแล้วกว่าร้อยคน โดยยังมีร่างมนุษย์ถูกวาดอย่างต่อเนื่อง
หลังจากเดินลัดผ่านดินแดนที่เหมือนงานเต้นรำปลอมตัวสุดอลังการ ลูเมี่ยนที่ใช้ ‘คำลวง’ แปลงโฉมเป็นโอลัวร์ สวมเสื้อคลุมสีดำคล้ายจอมเวท กับหน้ากากครึ่งหน้า ก็เดินมาถึงกลุ่ม ‘วิทยาลัย’
กวาดตาหนึ่งครั้ง เขายังไม่พบสมาชิกเจ้าของโค้ดเนม ‘เพ็ตติกรูว์’
‘ศาสตราจารย์’ ที่ใส่หน้ากากผีเสื้อสีดำ สวมเสื้อเชิ้ตผูกหูกระต่าย กับเสื้อนอกยาวสีเข้ม กำลังยืนอยู่ข้างชายร่างสันทัด ค่อนข้างผอม สวมถุงกระดาษสีน้ำตาลอ่อนครอบหัว
นั่นคือ ‘รองศาสตราจารย์’ สามีของเธอ
‘ศาสตราจารย์’ มองลูเมี่ยน แล้วเอ่ยถามด้วยความฉงน
“คุณพอจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องนัดชุมนุมพิเศษ”
ลูเมี่ยนที่สวมรอยเป็น ‘มักเกิ้ล’ โอลัวร์ ยิ้มมุมปากพลางถอนหายใจ
“เพราะมีคนทรยศน่ะ”
“คนทรยศ…” ‘ศาสตราจารย์’ กับสมาชิกกลุ่ม ‘วิทยาลัย’ พากันทวนคำ
ขณะนี้ ประธาน ‘แกนดาล์ฟ’ ที่สวมเสื้อคลุมยาวเรียบง่ายกับฮู้ด ตัวสูงใหญ่ไม่ต่างจากลูกครึ่งคนยักษ์ กับรองประธาน ‘เฮล่า’ ที่แต่งองค์ทรงเครื่องหม้ายดำสวมผ้าคลุมหน้า ต่างเดินไปทางเก้าอี้หินมหึมา ณ ส่วนลึกของพระราชวังโบราณพร้อมกัน
……………………………………………………..