ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 408 แรงจูงใจ
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 408 แรงจูงใจ
ตอนที่ 408 แรงจูงใจ
……….
ท่ามกลางเสียงหัวเราะดังลั่น ประตูห้องนอนทั้งสองเปิดออกด้วยเสียงเสียดสี
ฟรังก้ากับจินนาชะโงกหน้าจากประตู มองลูเมี่ยนด้วยความฉงน
“มีอะไรตลกหรือ?” ฟรังก้าบ่นงึมงำเดินเข้าไปหา
ไหงสอบปากคำนักโทษ แล้วมีท่าทีเหมือนดูการแสดงตลกเอาได้?
ลูเมี่ยนหยุดหัวเราะ แล้วพูดเยาะหยัน
“ความโง่เขลานำพาอันตรายนับไม่ถ้วน ความหยิ่งยโสก็เช่นกัน ทั้งโง่เขลาและหยิ่งยโส คนแบบนี้เกินเยียวยาแล้ว”
จินนาเห็นท่าไม่ดี ก็ถอยกลับเข้าห้องนอน ปิดประตูลง
เธอรู้ว่าชาร์ลกับฟรังก้า มีบางเรื่องไม่สะดวกให้ตนรับรู้
“งั้นหรือ ไอ้หมอนี้ทั้งโง่เขลาและหยิ่งยโสเลยหรือ” ฟรังก้าใช้มือขวาเป็นหวี รีบสางผมกระเซอะกระเซิงหลังตื่นนอน
เธอนั่งลงบนเก้าอี้เอนหลัง มองหน้า ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ด้วยสีหน้าสงบปราศจากอารมณ์ใด
ลูเมี่ยนเล่าเรื่องทั้งหมดอีกรอบ เริ่มตั้งแต่ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ไม่อยากรีบหนีเพราะกลัวไม่สนุก อยากให้ชีวิตตื่นเต้นสักหน่อย ไปจนถึงเรื่องที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่า ผู้ไล่ล่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับชุมนุมทาโรต์
ฟรังก้าฟังแล้วก็อึ้ง
เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรดี จะบอกว่าสมาชิกแกนนำ ‘วันเอพริลฟูล’ รายนี้ยึดมั่นใจอุดมคติมาก ทำตัวเป็นมืออาชีพมาก หรือว่าเป็นพวกหยิ่งยโสโง่เขลากันแน่
สองสามวินาทีผ่านไป ฟรังก้าหันหลังมองประตูห้องพัก
“จินนาพัวพันกับเรื่องของเรามากขึ้นทุกทีแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว เธอคงสังเกตเห็นศรัทธาที่แท้จริง รวมถึงองค์กรลับของเรา…”
ลูเมี่ยนกล่าวอย่างไม่สนใจนัก
“เรื่องนี้ไม่ยาก มิสเตอร์ฟูลเป็นเทพทางการ อีกสองสามวันข้างหน้า คุณหาโอกาสพาจินนาไปท่าเรือลาวีน บอกเธอว่า ความจริงแล้วพวกเราศรัทธาเทพองค์ใด ทำงานเพื่อใคร ถามเธอว่าอยากเปลี่ยนใจมาแอบศรัทธามิสเตอร์ฟูลด้วยกันไหม ไม่เปลี่ยนก็ไม่เป็นไร”
ลูเมี่ยนหันกลับไปมอง ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ที่ยังรอด้วยความสงบ แล้วชักนำบทสนทนากลับเข้าลู่
“ทำไมพวกแกถึงจ้องเล่นงาน ‘มักเกิ้ล’ โอลัวร์?”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ พูดเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
“เพราะสมาชิกสมาคมวิจัยฯ หลายคนชมเธอ พวกเราเลยตัดสินใจจะทำให้เธอขายหน้าสักหน่อย”
“ตรรกะอะไรวะเนี่ย!” ฟรังก้าหลุดปากโผล่ “คนอื่นชม พวกแกก็ต้องแกล้ง?”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ พยักหน้าเบาๆ
“การทำลายภาพลักษณ์อันดีงามในใจผู้คน คือหนึ่งในจิตวิญญาณของการกลั่นแกล้ง ท่าทีของพวกเขาช่วยให้เราพึงพอใจได้”
ฟรังก้าโกรธจนหน้าแดงก่ำ อยากด่าคำหยาบ แต่เกลียดตัวเองที่คลังคำศัพท์ไม่อุดมพอ
เธอสูดหายใจลึก แล้วบรรจงเปล่งเสียงพูด
“แล้วตอนนี้เป็นไง? ความสุขกับความพึงพอใจคืออะไร แกยังมีสองอารมณ์นี้อยู่ไหม?”
ลูเมี่ยนถอนหายใจยาว
“เล่าต่อสิ”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ทำสีหน้าระลึกความหลัง
“ถือโอกาสที่ ‘มักเกิ้ล’ มาหากลุ่มของเราเพื่อซื้อขาย ฉันคอยให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับเธอเรื่อยๆ ส่งผลให้ทางนั้นยิ่งไว้ใจฉัน ถึงกับเล่าเรื่องที่รบกวนจิตใจตัวเอง ให้ฉันซึ่งเป็นนักจิตบำบัดฟัง เพื่อขอวิธีแก้ไข”
“ช่วงนั้นฉันทำตัวน่าเชื่อถือมาก แต่ก็เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลเพื่อออกแบบการกลั่นแกล้งครั้งใหญ่ ภายหลังฉันได้ทราบว่า ร่างที่ ‘มักเกิ้ล’ ครอบครองตอนข้ามมิติ เป็นของหญิงสาวที่ศรัทธาเทพมารแห่งชะตากรรม โดยเธอยังค้นพบว่า พ่อแม่พี่น้องล้วนไม่ปกติ มีรายละเอียดหลายจุดที่ถ้าตั้งใจสังเกตจะรู้สึกขนหัวลุก เธอเลยหาโอกาสหนีออกจากบ้าน”
“สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับบางครอบครัวที่ฉันรู้จัก ครอบครัวนั้นก็มีสมาชิกผู้หญิงหายตัวไปกะทันหันเช่นกัน”
“หลังจากเปรียบเทียบอย่างละเอียด ทั้งฉัน โลกิ และครอบครัวนั้น ต่างก็มั่นใจว่ามักเกิ้ลคือสมาชิกที่หนีออกจากบ้านไป…อยู่มาวันหนึ่ง โลกิถือ ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ ที่ผ่านการปรับแต่งโดยครอบครัวนั้น แล้วบอกให้ฉันหาทางขายให้มักเกิ้ล เพื่อให้เธอใช้กับตัวเอง”
“ฉันอาศัยความรู้เกี่ยวกับสภาพจิตใจ สภาพความคิดของมักเกิ้ล เพื่อออกแบบบทสนทนาอย่างพิถีพิถัน โดยอาศัยความปรารถนาที่จะกลับบ้านเกิดของเธอ กับความเคยชินที่จะตามหาเบาะแสไปทั่ว จน ‘นังบ้า’ สามารถขาย ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ ให้เธอสำเร็จ”
“เธอเริ่มจิตแตกสลายตามคาด โรช·หลุยส์·ซ็องซงได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในบางแง่มุม”
“ทุกครั้งที่เธอมารักษาต่อเนื่อง ฉันช่วยให้เธอ ‘เหมือนจะอาการดีขึ้น’ แค่ภายนอก แต่อันที่จริง ปัญหายิ่งแย่ลงทุกที บางครั้งก็จงใจชักนำให้บุคลิกของโรชปรากฏตัว พูดคุยกับเธอสองสามคำ ซึ่งมันสนุกมาก”
ลูเมี่ยนเงียบฟังโดยไม่ขัดจังหวะ ไม่มีอาการเดือดดาล ส่วนฟรังก้าโกรธจัดจนต้องดื่มน้ำติดต่อกันเพื่อทำใจ
ทำไมคนพวกนี้ถึงต่ำช้าได้ขนาดนี้!
ไม่ได้มองคนอื่นเป็นคนเลยสักนิด!
เมื่อ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เล่าจบ ลูเมี่ยนเอ่ยถาม
“สรุปแล้ว ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ มาจากครอบครัวของโรช·หลุยส์·ซ็องซงสินะ?”
“ใช่” สภาพของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เปรียบดังผิวน้ำไร้ลม “พวกเขาผสมผสานความรู้ที่ได้จากพร เข้ากับ ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ ที่ ‘จอมเวท’ คนหนึ่งคิดค้นขึ้น จนกลายเป็น ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ ฉบับที่มักเกิ้ลซื้อไป ส่วนจะพิเศษอย่างไรนั้น ฉันเองก็ไม่ทราบ เพราะไม่ใช่นักวิจัยไสยเวท”
ความรู้จากพร…ลูเมี่ยนรีบทบทวนความรู้ติดตัวจาก ‘นักเต้น’ ‘ภิกษุบิณฑบาต’ และ ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ ในหัว แต่ก็ไม่พบเนื้อหาที่สามารถเชื่อมโยงกับ ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ ได้เลย
เด็กหนุ่มสงสัยอย่างมีเหตุผลว่า นั่นคงเป็นความรู้ที่มาพร้อมกับพรเส้นทางชะตากรรมในลำดับสูง หรือไม่ก็เป็นพรชนิดพิเศษ ซึ่งเทพมารซ่อนเร้นเจ้าของนามชะตากรรมทรงประทานให้โดยตรง
ลูเมี่ยนคิดสักครู่ แล้วถามด้วยน้ำเสียงช้าลง
“ครอบครัวของโรช·หลุยส์·ซ็องซง รับรู้ถึงการมีอยู่ รับรู้ถึงสถานะของมักเกิ้ลด้วยหรือ? ถึงกับรู้ตัวจริงกับที่อยู่ปัจจุบัน?”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ พยักหน้า
“ข้อแรกฉันเป็นคนบอกเอง ส่วนข้อหลัง พวกเขาได้ยินจากปากโรช ภายหลังพวกเขายังติดต่อกับมักเกิ้ลโดยตรง ไม่ผ่านฉันกับโลกิแล้ว”
การระบาดของศรัทธาในชะตากรรมที่หมู่บ้านกอร์ตู รวมถึงการได้มาซึ่งทรัพยากรต่างๆ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับองค์กร ‘คนบาป’ ทั้งสิ้น…นั่นสินะ หลังจากหลวงพ่อหนีออกจากหมู่บ้านกอร์ตู ก็สามารถเข้าร่วมองค์กรได้ทันที ซ้ำยังได้รับตำแหน่งอาร์ชบิชอป แค่นี้ก็ยืนยันทางอ้อมได้แล้ว… ลูเมี่ยนรู้สึกหดหู่ แต่สมองกลับปลอดโปร่งยิ่ง
เด็กหนุ่มกำสองมือโดยไม่รู้ตัว มองไปทาง ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’
“สมาชิกครอบครัวนั่น มีใครชื่ออะไรบ้าง อยู่ที่ไหน เป็นสมาชิกขององค์กรลับหรือนิกายเทพมารบ้างหรือไม่”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ส่ายหน้า
“หลังจากฉันย้ายไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวช ก็ขาดการติดต่อกับพวกเขา พักหลังฉันเคยลองแวะไปหา แต่พบว่าพวกเขาย้ายออกจากที่อยู่เดิมไปหมดแล้ว แถมยังเปลี่ยนตัวตน ยังกับกำลังหลบหนีจากบางสิ่ง”
“พ่อของโรชชื่ออัวซอง แม่ชื่อกองสตาส์ พี่ชายชื่อบลิสส์ พี่สาวชื่ออันเน็ตต์ น้องชายชื่ออาตูร์ พวกเขาเป็นตระกูลสาขาของซ็องซง แต่ตอนนี้ใช้ชื่ออะไรกันบ้าง ฉันก็ไม่ทราบ”
“อัวซองเป็นนักธุรกิจ เคยใกล้ล้มละลาย แต่ภายหลังเข้าร่วมองค์กรลับที่เรียกว่า ‘คนบาป’ จนผ่านพ้นวิกฤตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ถือครองกิจการมากมาย ดังที่สุดคือร้านกาแฟอัวซอง ซึ่งนำจุดเด่นของโรงแรม ภัตตาคาร และธุรกิจต่างๆ มาใช้ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูง แต่ก่อนที่พวกเขาจะย้ายออกไป กิจการเหล่านี้ถูกขายเรียบ”
ลูเมี่ยนยังคงถามเกี่ยวกับองค์กร ‘คนบาป’ รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอก ท่าทางการเดิน และนิสัยของสมาชิกในครอบครัวทุกคนอย่างละเอียด
เมื่อเก็บข้อมูลเหล่านี้จนพอใจ เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“แกพอจะรู้ไหม ในโศกนาฏกรรมหมู่บ้านกอร์ตู ครึ่งเทพหรือผู้วิเศษลำดับสูงขององค์กร ‘คนบาป’ มีบทบาทอย่างไร”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ตอบกลับ
“ก่อนที่ฉันจะถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลจิตเวชได้ไม่นาน อัวซองเคยบอกว่า พวกเขาแปลกใจกับเรื่องนี้มาก เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วกว่าจุดเวลาที่ตกลงกันไว้ จนไม่มีใครไปถึงที่เกิดเหตุทัน”
“คงเกิดจากใครบางคนรีบร้อนรับพรเกินไป จนประสบความล้มเหลว ลุกลามกลายเป็นโศกนาฏกรรม ยังเป็นเหตุให้ทางนั้นสูญเสียเบาะแสไปจำนวนมาก ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงตามหานายเจอได้นานแล้ว”
‘ผู้ทนทุกข์’ ที่ซ่อนตัวในเงามืดรอบๆ เราที่หมู่บ้านกอร์ตู ไม่ใช่ครึ่งเทพขององค์กร ‘คนบาป’ หรอกหรือ? แล้วคนที่แอบร่วมมือกับเทอร์มีโพลอส ขัดขวางโชคชะตาของเรา แท้จริงแล้วเป็นใคร? ลูเมี่ยนขมวดคิ้ว
“โรชไม่ได้บอกเรื่องจัดพิธีก่อนกำหนด ให้องค์กร ‘คนบาป’ หรือพ่อแม่พี่น้องของเธอรู้หรอกหรือ”
“ไม่ได้บอก” ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ตอบเสียงเรียบ “พวกเขาเดาว่า เธอคงอยากลดจำนวนผู้รับพร เพื่อให้พลังของพรเข้มข้นขึ้น”
ลูเมี่ยนเงียบไป รู้สึกว่าตรงนี้มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลเล็กน้อย
เป็นฝีมือเอลฟ์น้อยร่างกิ้งก่าตัวนั้น?
มันขัดขวางมิให้โอลัวร์ขอความช่วยเหลือจากมาดามเฮล่า แต่อีกทางก็ไม่ให้โรช·หลุยส์·ซ็องซงติดต่อกับองค์กร ‘คนบาป’ เหมือนกัน?
ลูเมี่ยนซักถามรายละเอียดนี้หลายรอบ แต่ไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติม
ด้วยเกรงว่าฤทธิ์ ‘ยาสารภาพ’ จะหมดลง เขารีบเปลี่ยนหัวข้อ
“เทพที่แกศรัทธา ส่งแกทำอะไรที่ทรีอาร์”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ มองโซฟาด้วยดวงตาว่างเปล่า
“พระองค์จะประทานวิวรณ์ให้เราเป็นครั้งคราว ให้ไปตีความเอาเอง”
“หากตีความได้ถูกต้อง แล้วทำสิ่งที่สอดคล้องกันสำเร็จ จะได้รับผลตอบแทนที่คาดไม่ถึง”
“นอกจากวิวรณ์แล้ว พระองค์แทบไม่เคยประทานพระบัญชาให้เรา หากต้องการสวดวิงวอนถึงพระองค์ พวกเราก็ต้องประกอบพิธีกรรมกันเอาเอง ซึ่งทำได้ไม่เกินสัปดาห์ละครั้ง”
สภาพของราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค กับมิสเตอร์ฟูล ดูใกล้เคียงกันมาก…แม้ลูเมี่ยนอยากถามต่อว่า ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชคเคยประทานวิวรณ์ใดบ้าง แต่ก็กังวลว่าการชวนถกในหัวข้อเกี่ยวกับองค์ซ่อนเร้นระดับนี้ อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ตัวเอง
หลังจากครุ่นคิดไตร่ตรองสักพัก เด็กหนุ่มตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางไปเป็นการถามอ้อมๆ
“ข่าวลือเรื่องขนมปังเลือดมนุษย์ เป็นฝีมือของแกใช่ไหม”
“ใช่” ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ไม่ปฏิเสธ
ลูเมี่ยนถามต่อ
“แล้วข่าวลือที่ว่า ต้นแมนเดรกรักษาโรคได้ล่ะ”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เล่าอย่างใจเย็น
“ฉันก็เป็นคนปล่อยข่าวนั้น”
“เดิมที มันคือวิวรณ์จากราชันสวรรค์ แต่ก็ช่วยให้ฉันค้นพบว่า สามารถเล่นสนุกทางนี้ได้เหมือนกัน สักพักจึงเริ่มกระจายข่าวลือเรื่องขนมปังเลือดมนุษย์”
ข่าวลือเรื่องต้นแมนเดรก แท้จริงแล้วเป็นวิวรณ์จากราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค? งั้นการใช้มันสะกดภาวะพลังวิญญาณไหลบ่า จะเกิดผลเสียแอบแฝงอะไรไหม? ลูเมี่ยนรู้สึกว่าตนควรตักเตือนราโน·บรูห์ แวมไพร์ที่ดูไร้เดียงสานั่นสักหน่อย
เด็กหนุ่มตะล่อมถามถึงวิวรณ์อื่นๆ ของราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์นัก จึงต้องเข้าสู่หัวข้อสุดท้าย
“เล่าเรื่องของ ‘นังบ้า’ ‘อุลตร้าแมน’ ‘ฮิโซกะ’ ‘โลกิ’ กับ ‘กวีเร่ร่อน’ ให้ฉันฟังหน่อย”
……………………………………………………..