ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 407 รางวัลของคนโชคดี
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 407 รางวัลของคนโชคดี
ตอนที่ 407 รางวัลของคนโชคดี
……….
เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้น และเห็นแกะตาบอดทั้งสองข้างลงจากเตียงผ่าตัด ด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไร้การขัดขืน แพทย์เวรรู้สึกราวกับฝันไป
การผ่าตัดประสบความสำเร็จจริงๆ …
ขั้นตอนการผ่าตัดที่สร้างขึ้นสำหรับมนุษย์ กลับประสบความสำเร็จในแกะตัวหนึ่ง…
แพทย์เวรที่กำลังเคลิบเคลิ้ม มองตามหลังปีศาจวางเพลิง ซึ่งจูงแกะตาบอดที่รักษาอาการป่วยทางจิตหายแล้ว เดินออกจากห้องทำงาน หายลับท่ามกลางแสงจันทร์สีแดงเลือดด้านนอก
ทุกหนแห่งที่พวกเขาย่างผ่านไป เปลวไฟสีแดงโชนขึ้นอย่างร้อนแรง แผดเผาผ้าพันแผลสีขาวที่เพิ่งถอดออก รวมถึงเส้นขนที่มองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น
ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกไหม้ระลอกใหม่ ยังมีเปลวไฟสีดำปะปนอยู่ด้วย มันไหลเวียนราวกับสายน้ำ คอย ‘ชำระล้าง’ ร่องรอยที่หลงเหลือ เช่นก้อนน้ำแข็งและรอยเท้า
แพทย์เวรไม่รู้สึกถึงอันตราย เอาแต่จ้องมองประหนึ่งชื่นชมการแสดงดอกไม้ไฟสุดยิ่งใหญ่
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เปลวไฟทั้งหมดก็ดับลง รปภ. ที่ส่งออกไป กลับมาถึงโรงพยาบาลจิตเวชเดลตา พร้อมกับตำรวจในชุดดำกลุ่มหนึ่ง
“ทำไมถึงมาช้านัก” แพทย์เวรถามตามความเคยชิน
หัวหน้าตำรวจสบถด้วยความโกรธเคือง
“สารเลวเอ๊ย! เราถูกยิงสกัดระหว่างทาง มีคนซุ่มยิงพวกเราจากในเงามืด!”
…………
เขตตลาด ถนนเสื้อนอกขาว บ้านเลขที่ 3 ภายในอพาร์ตเมนต์ 601
ลูเมี่ยนผูกแกะ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ไว้กับขาโต๊ะอาหาร แล้วเลิกสนใจมันไป ก่อนจะไปนอนบนโซฟายาวในห้องนั่งเล่น ด้วยท่าทางเตรียมจะนอนหลับพักผ่อน
รูปลักษณ์ภายนอกของเด็กหนุ่ม ถูกปรับเปลี่ยนกลับสู่สภาพเดิมแล้วด้วย ‘คำลวง’ ส่วนเข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน
“ไม่รีบสอบสวนก่อนหรือ” ฟรังก้าเหลือบมองแกะที่ยืนนิ่งและไม่พยายามจะลากโต๊ะหนี
เธอไม่มองลูเมี่ยนเลย เพราะตอนนี้ไอ้หมอนี่น่ารังเกียจมาก อยากเตะก้นไปสักที กระทั่งแกะที่กลายเป็นผู้รักสันติ ก็ดูเหมือนยังอยากลงไม้ลงมือ
ลูเมี่ยนตอบด้วยเสียงเรียบเฉย
“รอให้พลังวิญญาณของผมฟื้นคืนมาก่อนค่อยถาม”
ก็จริงอยู่ แบบนี้ปลอดภัยกว่า ยังไงตอนนี้ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ก็เป็นแค่แกะที่สมองส่วนหน้าถูกตัดออกไป ทั้งใช้พลังไม่ได้ ทั้งขาดความคิดที่จะต่อต้าน…ฟรังก้าในชุดนักลอบสังหารละสายตาออก เดินเข้าไปในห้องนอนตัวเองทันที เพื่อมิให้สติขาดผึง จนควบคุมมือสองข้าง เปลวไฟสีดำ น้ำแข็ง และใยแมงมุมไม่อยู่
เธอไม่กังวลว่าจะเกิด ‘เหตุไม่คาดฝัน’ ก่อนการสอบสวน จนส่งผลให้ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา หรือคลุ้มคลั่งกลายเป็นสัตว์ประหลาด เพราะมาดามเมจิกเชี่ยนกับไพ่อาร์คาน่าใหญ่คนอื่นทำการยืนยันตัวตนของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาคงเก็บเกี่ยวข้อมูลที่สำคัญไปด้วย
จินนาถือลูกธนูหินดำชำรุดมาถึงหน้าโซฟายาว สีหน้าค่อนไปทางบิดเบี้ยว ก่อนจะถามว่า
“รางวัลของคุณ”
เธอส่งลูกธนูหินดำให้ลูเมี่ยนที่ยังไม่หลับตาไป
ระหว่างนั้น มือขวาของเธอสั่นเทาแผ่วเบา เหมือนอยากจะแทงลูกศรเข้าไปในเบ้าตาอีกฝ่าย
ลูเมี่ยนมิได้ยื่นมือไปรับ เพียงพูดเสียงราบเรียบ
“นี่คือรางวัลความโชคดีของคุณ”
“หรือควรพูดว่า นี่ต่างหาก…โชคดีที่แท้จริงของคุณ”
พูดจายังกับพวกหมอดูตามละครสัตว์…จินนาไม่ปฏิเสธ เพียงพึมพำสองสามคำ แล้วรีบหันหลังกลับ เดินเข้าไปในห้องนอนฟรังก้าด้วย
ต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่เพื่อนของเธอเลื่อนลำดับเป็น ‘นางมารสุขสม’ กระทั่งเธอที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน เห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ยังรู้สึกร้อนวูบวาบไปถึงแก้มถึงหู
เมื่อฟรังก้าเปลี่ยนเป็นชุดลำลองสบายๆ เธอก็ใช้ ‘ทำนายด้วยกระจกวิเศษ’ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับชื่อ พลัง และผลข้างเคียงเชิงลบของลูกธนูหินดำ
“ชื่อ: ลูกศรผู้กระหายเลือด”
“พลัง: เมื่อแทงลูกศรเข้าที่หน้าอกข้างเดียวกับหัวใจ แล้วปล่อยให้มันดูดซับเลือดเข้าไป ผู้ใช้จะได้รับพลังในการเยียวยาตัวเองอันแข็งแกร่ง สมรรถภาพร่างกายพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือความคล่องแคล่ว เพิ่มความสามารถในการสื่อสารกับสัตว์ รวมถึงการมองเห็น การได้กลิ่น การได้ยิน นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มเสน่ห์”
“นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังได้รับความสามารถคล้ายมนตร์ดำ เช่น ‘ตรวนนรก’ ‘กรงเล็บกัดกร่อน’ และ ‘ปีกแห่งความมืด’ ด้วย”
“ผลข้างเคียงเชิงลบ”
“เมื่ออยู่ในสถานะใช้งาน จะรังเกียจแสงแดดและกระหายเลือด”
“เลือดจะถูกลูกธนูสูบออกไปอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะเสียชีวิตจากภาวะเสียเลือดเกินขีดจำกัด จึงต้องคอยสังเกตสภาพของตัวเอง และดึงลูกธนูออกให้ทันเวลา”
“ยิ่งใช้บ่อย ยิ่งใช้หลายครั้ง ก็ยิ่งทำให้ร่างกายเกิดการกลายพันธุ์ไปในทิศทางแปลกๆ ที่ยากจะสังเกตเห็น หากสะสมเกินขีดจำกัด อาจนำไปสู่การพังทลายของร่างกาย ข้อควรระวัง: ในแต่ละครั้ง พยายามอย่าใช้เกินสามนาที และควรเว้นระยะอย่างน้อยสามวัน เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสฟื้นตัวโดยไม่สะสมการกลายพันธุ์”
“เวลาใช้งานควรหลีกเลี่ยงพระจันทร์เต็มดวง เพราะถึงแม้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่ก็ง่ายต่อการเห็นภาพหลอนและเผชิญอันตราย”
“ถือเป็นสมบัติวิเศษชั้นดีเลยล่ะ” ฟรังก้าชมจากใจ พร้อมคืน ‘ลูกศรผู้กระหายเลือด’ ให้จินนา “แค่พกติดตัวเฉยๆ จะไม่เกิดผลข้างเคียง สมบัติวิเศษแบบนี้ ขายในชุมนุมศาสตร์เร้นลับได้ไม่ต่ำกว่า 40,000 เฟลคิน”
จินนาถือ ‘ลูกศรผู้กระหายเลือด’ ไว้พลางครุ่นคิด ก่อนจะพูดว่า
“ถ้าฉันยกให้เธอ จะถือว่าหนี้ของเราหายกันไหม”
เธอเชื่อว่า ตนติดหนี้ฟรังก้าอยู่ราว 30,000 เฟลคิน
ฟรังก้าหัวเราะเบาๆ
“ไม่ต้องรีบหรอก ‘ลูกศรผู้กระหายเลือด’ ดอกนี้น่ะ จะช่วยเสริมเขี้ยวเล็บให้เธอได้มากโข เพียงพอที่จะปกป้องตัวเองอย่างแท้จริง เมื่อลำดับสูงขึ้นจนไม่จำเป็นต้องใช้มันอีก ค่อยเอาไปขายก็ยังไม่สาย”
“หนี้ก้อนของฉันน่ะ เธอค่อยๆ ใช้เถอะ ไม่ต้องรีบนัก”
จินนาเงียบไปสองสามวินาที ก่อนพยักหน้าแผ่วเบา
…………
เด็กหนุ่มลุกนั่ง มองไปรอบตัว พบว่าแกะ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ยังคงยืนนิ่งข้างโต๊ะอาหาร เบ้าตาอันว่างเปล่าเต็มไปด้วยเลือดแห้งกรัง
ลูเมี่ยนหัวเราะ
“ถึกทนเอาเรื่องเลยนะ แผลฉกรรจ์ขนาดนี้ แถมยังเจอการรักษาแบบขอไปที กลับยังทำให้แกตายไม่ได้”
เด็กหนุ่มจูงแกะเข้าไปในห้องนั่งเล่น แล้วบังคับให้กิน ‘ยาสารภาพ’ ที่เหลือทั้งหมด
จัดการเสร็จ ลูเมี่ยนเริ่มสวดคาถาถอนมนตร์ด้วยภาษาเฮอร์มิส
“ท่านอาร์ชบิชอป”
แสงสลัวปรากฏวาบหนึ่ง หนังแกะสีเทาขาวแตกออก เผยให้เห็นร่างของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ในชุดคนไข้ลายทางสีฟ้าขาว
ลูเมี่ยนช่วยประคองอีกฝ่ายที่สงบนิ่งเป็นพิเศษ จับนั่งลงบนเก้าอี้ จ้องเข้าไปในเบ้าตาสีเลือดอันว่างเปล่าของเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็อย่างที่บอกไปเมื่อวาน…ในที่สุดเราก็ได้คุยกันดีๆ เสียที”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ที่สงบนิ่ง ไม่ตอบสนองคำพูดเด็กหนุ่ม
ลูเมี่ยนถอยกลับไปนั่งบนโซฟา เงียบรอจนกระทั่ง ‘ยาสารภาพ’ เริ่มออกฤทธิ์ จึงเอ่ยถามว่า
“แกชื่ออะไร เดิมทีทำงานอะไร ทำไมถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชเดลตา”
คำถามเหล่านี้ของลูเมี่ยน เป็นการหยั่งเชิงผลของ ‘ยาสารภาพ’ ด้วยการถามตอบง่ายๆ ชักชวนให้อีกฝ่ายพูดคุยโดยสัญชาตญาณ
เสียงของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ปราศจากจุดเด่น แต่มีกลิ่นอายที่ทำให้คนเชื่อถือ
“ฉันชื่อปิแยร์·เตอรีโอ เดิมเป็นหนึ่งในรองบรรณาธิการของ ‘พื้นฐานการแพทย์’”
“ก็อย่างที่เคยบอกไป ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งประมาทและมั่นใจในตัวเองเกินเหตุ จนสุดท้ายต้องเข้าโรงพยาบาลจิตเวช เพื่อนคนนั้นคือฉันเอง…ฉันหมกมุ่นกับการควบคุมจิตใจผู้อื่น จนละเลยปัญหาของตัวเอง วันดีคืนดีก็เป็นบ้าไปเฉยๆ”
“พอรู้สึกตัวอีกที ฉันก็ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลจิตเวชเดลตาแล้ว โชคดีที่ตอนนั้นแค่จิตใจแปรปรวน ยังไม่ได้คลุ้มคลั่งไป อีกทั้งยังมีสัญชาตญาณป้องกันตัวเองอยู่ ไม่เผลอแสดงพลังวิเศษในสภาพไร้สติ ไม่อย่างนั้นคงถูกส่งตัวให้ศาลแล้ว”
เพื่อนที่หมายถึง ก็คือตัวเองจริงๆ สินะ…หลังจากพบว่า ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ซ่อนตัวในโรงพยาบาลจิตเวช ลูเมี่ยนก็มีมุมมองใหม่เกี่ยวกับประโยคดังกล่าว
เด็กหนุ่มถามต่อ
“ในเมื่อแกได้สติกลับมาแล้ว ความคิดก็กลับเป็นปกติแล้ว ทำไมถึงยังปักหลักอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชเดลตาต่อล่ะ”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ มิได้เยาะเย้ยหรือยิ้ม เพียงตอบอย่างสงบ
“ฉันพบว่าโรงพยาบาลจิตเวชน่าสนใจมาก วิธีคิด สภาพสมอง เกาะแห่งจิตใจของเหล่าคนไข้ แตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง คุ้มค่าแก่การสังเกต ค้นคว้า และวิเคราะห์”
“อีกทั้ง ในพวกเขามีทั้งคนที่เป็นบ้าเพราะป่วย กับคนมีอาการทางจิตเพราะปัจจัยอื่น สำหรับพวกหลัง บางคนเกิดจากการสัมผัสกับพลังเหนือธรรมชาติ หรือไม่ก็สัมผัสกับความผิดปกติ”
“รวมถึงคนที่แกแปลงโฉมเป็นตัวเองด้วย?” ลูเมี่ยนถามเพื่อยืนยัน
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ พยักหน้าเชื่องช้า
“ใช่ เขาพิเศษมาก ฉันคอยสังเกตเขามานานแล้ว หมอนั่นชอบทำตัวเหมือนนักปรัชญา มักจะถามคำถามประหลาด แต่ก็ไม่ซ้ำเดิม โดยคนไข้ที่อยู่ใกล้เขา พยาบาลที่ดูแลเขา หรือหมอที่รักษาเขา ต่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปในทิศทางที่เหมือนเขา รอบตัวเขายังซ่อน ‘คนคุ้มครอง’ ที่น่าจะมีพลังวิเศษด้วย”
“พวกเราจัดการกับคนคุ้มครองไป แล้วพยายามซื้อใจเขา ทุกอย่างราบรื่นดี ได้ทราบว่าพวกเขาสังกัดกลุ่มคนที่เรียกว่า ‘ผู้ผ่านประตู’ ซึ่งฝึกฝนศาสตร์แห่งพันธลับที่เรียกว่า ‘พิธีบูชาพระมิตระ’ ที่สามารถทำให้กายดาราของมนุษย์ เหาะเหินสู่สวรรค์ชั้นต่างๆ จนได้เห็นทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่ ได้สัมผัสขอบเขตอมตะ ได้รับความรู้ ได้พลังที่สามารถยกระดับคุณภาพตัวเองจากด้านหลัง ‘ประตูไร้ลักษณ์’”
ผู้ผ่านประตู…ประตูไร้ลักษณ์…ลูเมี่ยนจดจำคำสำคัญ แล้วถามต่อ
“หลังจากโลกิคืนชีพแล้วเตือนแก ทำไมแกถึงไม่รีบหนีออกจากทรีอาร์”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ตอบด้วยน้ำเสียงปราศจากอารมณ์ทั้งปวง
“แบบนั้นจะไปสนุกอะไร ต้องฆ่าผู้ไล่ล่าสักสองสามคนก่อนแล้วค่อยหนี”
สุดท้ายก็เป็นเหตุผลนี้จริงๆ … ลูเมี่ยนเคยคิดว่า อาจมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ทำให้ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ยังคงอยู่ในทรีอาร์
“แล้วทำไมแกถึงไม่ไปซ่อนที่อื่น”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ใฝ่หาความสนุกสนานโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน…ลูเมี่ยนหัวเราะ
“แกไม่รู้หรือว่าชุมนุมทาโรต์แข็งแกร่งขนาดไหน”
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ นึกทบทวนแล้วพูดว่า
“องค์กรลับที่ใช้ไพ่ทาโรต์เป็นโค้ดเนมนั่นน่ะหรือ พวกเขาเกี่ยวข้องกับนายยังไง”
ได้ยินแบบนี้ ลูเมี่ยนพลันหัวเราะเสียงดัง หัวเราะจนตัวโยนไปมา
……………………………………………………..