ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 406 จุดจบที่เหมือนชะตากรรม
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 406 จุดจบที่เหมือนชะตากรรม
ตอนที่ 406 จุดจบที่เหมือนชะตากรรม
……….
ลูเมี่ยนจ้องศัตรูที่สลบอยู่บนทางเดิน โดยยังไม่ลงมือทันที แต่นิ่งเงียบพร้อมกับย่อตัวลง
เขาหยิบขวดยาสลบจากลุนทาสแห่งสมาคมเสียวซ่าน เปิดฝา แล้วนำไปจ่อจมูกคนไข้ในชุดนอนลายทางสีฟ้าขาว
ฟรังก้าชะโงกมองพลางกล่าว
“ก่อนอื่น ดึงลูกธนูหักที่ปักคาหน้าอกมันออกมา ไม่อย่างนั้น ฉันรู้สึกว่าพลังชีวิตของมัน อาจต้านทานผลของยาสลบได้ดี”
เกล็ดสีเทาขาวคล้ายหินของผู้วิเศษที่คาดว่าเป็น ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เริ่มเลือนหายไปทีละนิดเพราะการสลบทางวิญญาณ อันเกิดจาก ‘วิชาฮึ่มฮ่า’
ลูเมี่ยนพยักหน้า ใช้มือที่ถือฝาขวด ดึงลูกธนูหินดำชำรุดออกมา
เมื่อพาดังกล่าว ฟรังก้าถอนหายใจเบาๆ
“ตอนนี้ปัญหาคือ เราจะรู้ได้ยังไง ว่าหมอนี่ใช่ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ตัวจริง”
“นักสะกดจิตมือดี สามารถ ‘สะกดจิต’ ผู้วิเศษเส้นทางและลำดับเดียวกันได้สบาย เปลี่ยนการรับรู้ในตัวเอง ให้อีกฝ่ายแทนที่ตน เพื่อออกหน้าทำสิ่งต่างๆ แทน หรือแม้กระทั่งการเล่นพิเรนทร์ รวมถึงการต่อสู้กับศัตรูที่บุกเข้ามา”
“บัดซบ! ทำไมถึงดูน่ารำคาญยิ่งกว่า ‘นักเชิดหุ่น’ อีกล่ะเนี่ย!”
ความหมายของเธอก็คือ ศัตรูตรงหน้าอาจเป็นเหยื่อก็ได้ เหยื่อที่ถูกเปลี่ยนการรับรู้ จนคิดว่าตัวเองคือ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’
ความเป็นไปได้เช่นนี้ ปัจจุบันยังตัดทิ้งไม่ได้ เธอจึงไม่ใจดำพอที่จะฆ่าทิ้งแล้วสื่อวิญญาณ
และในสถานการณ์นี้ การใช้ ‘ยาสารภาพ’ จำนวนน้อยนิดที่ลูเมี่ยนยังพอมีเหลือ ก็คงไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะคนที่ถูกสะกดจิต จะพูดแต่สิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นความจริงอยู่แล้ว
ลูเมี่ยนปิดฝาขวดยาสลบ ครุ่นคิดพลางพูดว่า
“จัดพิธี แล้วขอให้มิสเตอร์ฟูลช่วยยืนยัน ในเมื่อโลกิสามารถพึ่งความช่วยเหลือจากราชันสวรรค์องค์นั้น เพื่อค้นหาสมาชิกสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกในขอบเขตหนึ่ง พวกเราก็น่าจะใช้วิธีคล้ายกัน ในการกระตุ้นกลิ่นอายพิเศษบนตัว ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’…ถ้ามีก็เป็นตัวจริง ถ้าไม่มีก็เป็นตัวปลอม”
“แล้วถ้าเขาเป็นสมาชิกสมาคมฯ คนหนึ่งที่ถูกโลกิกับ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ จับตัวมาล่ะ จากก่อนหน้านี้ มีหลายคนหายตัวไป แต่ยังไม่ยืนยันการตาย ซึ่งก็รวมถึง ‘นักจิตบำบัด’ ด้วย” พอพูดถึงตรงนี้ ฟรังก้าเริ่มสงสัยแหล่งที่มาของตะกอนพลังที่ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ใช้ในการเลื่อนเป็นลำดับ 7
สมาชิกสมาคมฯ ที่เคยถูกพวกเขาล่า?
ลูเมี่ยนคิดอีกครู่ แล้วพูดว่า
“งั้นให้จินนาเข้ามา เธอน่าจะยังมีโชคดีในแง่นี้เหลืออยู่ ถ้าไม่เจอคนอื่นอีก ก็แสดงว่าคนที่สลบอยู่นี่คือ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’”
“คุณรับผิดชอบการปกป้องจินนา…”
ลูเมี่ยนยังพูดไม่จบ ก็มีเสียงของมาดามเมจิกเชี่ยนดังขึ้นข้างหู
“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น”
ลูเมี่ยนที่กำลังนั่งยองอยู่หน้าคนสลบ พบว่ามิติโดยรอบเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมากะทันหัน หดตัวเข้าหากัน กลืนกินผู้วิเศษที่สงสัยว่าเป็น ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เข้าไปในอึดใจเดียว
“สุดยอด…” ฟรังก้าส่งเสียงตะลึง ส่วนลูเมี่ยนบรรจงยืดตัวยืน
ทั้งสองรอคอยอย่างอดทน ผ่านไปสักยี่สิบสามสิบวินาที ผู้วิเศษในชุดคนไข้ลายทางสีฟ้าขาว ก็ถูก ‘คายออกมา’ จากอากาศ
ถัดมา ทั้งสองได้ยินคำตอบจากมาดามเมจิกเชี่ยนพร้อมกัน
“เป็น ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ตัวจริง”
…………
ใต้แสงจันทร์สีแดงเรื่อบนท้องฟ้า โรงพยาบาลจิตเวชเดลตา ถูกปกคลุมด้วยความมืดที่วาดเส้นเป็นวงโค้ง ซึ่งเข้มข้นกว่าบริเวณโดยรอบอย่างชัดเจน
บนดาดฟ้าของอาคารสีเทาอมฟ้า 3 ชั้น เงารางๆ ของ ‘เมจิกเชี่ยน’ พูดกับพวกพ้องข้างๆ ว่า
“นอกจากผู้ป่วยจิตเวชคนนั้น ก็ไม่หลงเหลืออันตรายซ่อนเร้นหรือกับดักอีกแล้ว”
“ฉันตอบสนองเกินไป ให้ความสำคัญมากเกินไปหรือเปล่า”
‘จัสติส’ ผู้ปรากฏตัวเป็นเงารางๆ เช่นกัน กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
“ทางเลือกของเธอไม่มีปัญหา เมื่อเผชิญกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราชันสวรรค์องค์นั้น ให้ความสำคัญมากเพียงใดก็ไม่ถือว่าผิด”
“มีเพียงการให้ความสำคัญที่มากพอในทุกครั้ง เราจึงจะไม่ถูกพระองค์หลอกลวงทีเผลอ จนพลาดไปเหยียบกับดักของจริงเข้า”
‘เมจิกเชี่ยน’ ผงกศีรษะรับ ปิดสมุดบันทึกในมือ แล้วหันสายตากลับไปยังทางเดินชั้นสาม ซึ่งมองไม่เห็นจากตำแหน่งนี้
…………
หลังจากได้ฟังบทสรุปจากมาดามเมจิกเชี่ยน ลูเมี่ยนก็หัวเราะออกมา
เด็กหนุ่มเก็บยาสลบที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง หันไปบอกฟรังก้า
“ให้จินนาเข้ามาได้แล้ว”
ฟรังก้าพยักหน้า แล้วก็หายตัวไปในเงามืดของทางเดิน
ด้วยแววตาแฝงเลศนัย ลูเมี่ยนก้มมองใบหน้าแสนจะธรรมดาของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ แล้วยิ้มมุมปาก
ผลของ ‘วิชาฮึ่มฮ่า’ คงหมดฤทธิ์ไปนานแล้ว แต่ยาสลบของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ ยังทำงานอยู่
ด้วยพลังชีวิตที่ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ แสดงให้เห็น ฤทธิ์ของยาคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่สำหรับลูเมี่ยนที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี เวลาเท่านี้ถือว่าเพียงพอแล้ว
ตอนนี้ เนื่องจากได้รับอิทธิพลของไฟไหม้กับเสียงตะโกนเมื่อครู่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยในโรงพยาบาลจิตเวชเดลตา เริ่มทยอยตื่นขึ้นมา ชั้นหนึ่งจึงวุ่นวายเป็นพิเศษ แพทย์เวรนำรปภ. ที่แข็งแรงสองสามคน ออกไปลาดตระเวนรอบๆ เพื่อตรวจสอบว่า ยังมีตะเข็บไฟหลงเหลืออยู่หรือไม่ ไฟดับไปจริงหรือยัง
จินนากับฟรังก้าอาศัยเงาบังตา หลบหลีกพวกเขา ขึ้นไปถึงชั้นสาม
ลูเมี่ยนรับหนังแกะของหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์มาจากจินนา แล้วปูมันลงบนพื้น
จากนั้น เด็กหนุ่มนำ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ มาวางแล้วห่อด้วยหนังแกะ
ลูเมี่ยนจ้องนักจิตบำบัดแห่งวันเอพริลฟูลรายนี้อีกสักสองสามวินาที แล้วก็พลันยกลูกธนูหินดำชำรุดในมือขึ้น แทงใส่เบ้าตาซ้ายของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ พร้อมเสียงฉึก
ความเจ็บปวดรวดร้าวทำให้ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ หลุดพ้นจากผลของยาสลบ ตาซ้ายเต็มไปด้วยเลือด
แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาได้ยินเสียงกระซิบพร้อมรอยยิ้ม
“แกะ!”
สิ้นเสียงคาถาภาษาเฮอร์มิส ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ที่ถูกหนังแกะปลุกเสกห่อหุ้มร่างกายอยู่ พลันถูกกลืนหายไปในแสงสลัว หมดสิทธิ์ใช้พลังใดอีก
เมื่อแสงสลัวสงบลง เขาก็กลายเป็นแกะสีเทาขาว
ลูเมี่ยนดึงลูกธนูหินดำชำรุดออกจากลูกตาที่แหลกสลาย แล้วแทงใส่เบ้าตาขวาของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ พร้อมกับเสียงฉึก
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ลูเมี่ยนดึงลูกธนูหินดำชำรุดออก มือหนึ่งกดแกะที่กำลังดิ้นรนไว้ อีกมือหนึ่งลูบหัวของมัน ยิ้มแล้วพูด
“เอาล่ะ ในที่สุดเราก็มีโอกาสได้คุยกันดีๆ เสียที”
เขากระซิบกับ ‘แกะ’ พลางโยนลูกธนูหินดำชำรุดให้จินนา
จากนั้น เด็กหนุ่มหยิบยารักษาแผลออกมาหนึ่งขวด เป็นยารักษาแผลทั่วไป ทามันใส่เบ้าตาสีเลือดของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ อย่างประณีต แล้วใช้ผ้าพันแผลสีขาวที่พกติดตัวมา พันตาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายทีละชั้น
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เพิ่งได้สติจากความเจ็บปวดแสนสาหัส จึงรีบใช้พลังของตัวเอง แต่ไม่สำเร็จสักอัน
ฟรังก้ากับจินนาด้านข้าง ขณะมองลูเมี่ยนบรรจงพันแผลให้กับ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ในร่างแกะ ต่างก็รู้สึกขนลุกไม่เบา คนหลังแต่เดิมยังคิดจะช่วยลูเมี่ยนระบายความโกรธ ด้วยการเตะก้นนักจิตบำบัดชั่วร้ายนั่นสักทีสองที แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว
หญิงสาวหันเหความสนใจไปหาลูกธนูหินดำชำรุดในมือ ไม่พบว่ามันส่งผลข้างเคียงเชิงลบใด และไม่แน่ใจสักเท่าไรว่า มันจะใช่สมบัติวิเศษที่ฟรังก้าเคยพูดถึงหรือไม่
ขณะลูเมี่ยนหยิบเชือกป่านสีน้ำตาลอ่อนที่เตรียมไว้ มาพันรอบคอแกะตัวดังกล่าว แพทย์เวรที่ได้ยินเสียงแกะร้อง ก็รีบนำรปภ. สองสามคนมาลาดตระเวนที่ชั้นสาม
ฟรังก้ากับจินนารีบซ่อนตัวในเงา ส่วนลูเมี่ยน เจ้าของรูปลักษณ์คล้ายโอลัวร์เพศชาย หมุนตัวอย่างไม่รีบร้อน จูงแกะเดินไปยังปลายทางเดิน
เปลวไฟสีแดงฉานลุกโชนจากร่างของเด็กหนุ่ม ซึ่งฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับคืนมาได้บ้างแล้ว ก่อนจะลุกลามไปบนทางเดินโรงพยาบาล
แพทย์เวรกับรปภ. ไม่กล้าเข้าใกล้ มองเห็นเพียงเงาคน กำลังเดินอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ ย่างกรายเข้าใกล้ปลายทางเดินของตึกเสริม
เงาของอีกฝ่าย แปลกตรงที่จูงแกะสีเทาขาวไว้ตัวหนึ่ง แต่ดูเหมือนแกะจะไม่อยากเดินสักเท่าไร ปล่อยตัวให้ถูกเชือกรัดคอลากไปเรื่อยๆ
หลังจากลากไปบนพื้นได้ระยะหนึ่ง คอของแกะถูกรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนหายใจลำบาก ในที่สุดมันก็ลุกขึ้นยืน ก้าวเดินตามไป
นี่เราเห็นภาพหลอนหรือ…เรื่องนี้แปลกเกินไป เหลือเชื่อเกินไป จนทุกคนต่างก็คิดแบบเดียวกัน
แต่ร่องรอยไหม้บนทางเดินช่วยพิสูจน์ว่า เมื่อครู่เกิดเพลิงไหม้ที่ไม่ได้ทำร้ายใครจริงๆ
หลังจากสั่งให้รปภ. คนหนึ่งไปแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจใกล้ๆ แพทย์เวรก็เดินกลับห้องทำงานชั้นหนึ่ง ด้วยสีหน้างุนงงระคนเหม่อลอย
เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ อดคาดเดาไม่ได้
“หรือว่าจะเป็นปีศาจเพลิงจากนรก?”
“ลักษณะเด่นของมันคือการจูงแกะหรือ นั่นคือร่างอวตารของเปลวไฟหรือ?”
แพทย์เวรยิ่งคิดก็ยิ่งเตลิด รู้สึกว่าไม่ควรแจ้งตำรวจ แต่ควรไปขอร้องให้บาทหลวงจากวิหารมาดูด้วยตัวเอง
ตึงๆๆ!
เขาได้ยินเสียงเคาะประตู
แพทย์เวรนั่งตัวตรง ตอบเสียงเข้ม
“เชิญครับ”
ประตูห้องเปิดออกด้วยเสียงแอ๊ด สายตาของแพทย์เวรเย็นเยียบทันใด
ผู้มาเยือนคือปีศาจผมทองเมื่อครู่ โดยแกะที่เขาจูงมา ถึงกับมีผ้าพันแผลสีขาวพันตา ขนหน้าสีเทาขาวเปื้อนคราบเลือดเล็กน้อย
“พอดีมีเรื่องอยากรบกวนคุณหมอสักหน่อย” ลูเมี่ยนจูง ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เข้ามาในห้องทำงานของหมอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แกะของผมมีแนวโน้มต่อต้านมนุษย์อย่างรุนแรง แถมยังมีพฤติกรรมก้าวร้าวสุดขั้ว ช่วยรักษาอาการทางจิตของมันให้หน่อยสิ”
จะรักษายังไง…แพทย์เวรยังไม่ทันได้พูด ก็เห็นปีศาจผมทองหน้าหล่อเอ่ยปากถาม
“คุณผ่าตัดลอกเปลือกสมองส่วนหน้าเป็นไหม”
“เป็นครับ…ก็นิดหน่อย” แพทย์เวรตอบโดยไม่ทันคิด “แต่มันเป็นแกะนะครับ…”
โครงสร้างสมองจะเหมือนกันได้อย่างไร?
ขณะที่เกิดคำถามนี้ แพทย์เวรเห็นแกะดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามหนีสุดชีวิตเพื่อให้หลุด แต่ถูกเชือกมัดแน่นจนไปไหนไม่ได้
ลูเมี่ยนหัวเราะ
“ไม่เป็นไร เรามาลองดูกันเถอะ มันก็แค่แกะตัวหนึ่ง ถ้าตายก็ตาย ยังไงก็มีแกะย่างทั้งตัวให้กิน”
เด็กหนุ่มพูดไปพลาง ก็ลากแกะที่พยายามจะโจมตีตน ไปไว้บนเตียงตรวจด้านข้าง แล้วใช้สองมือเท้าสองเท้ากดมันไว้แน่น
ถ้าคนไข้เป็นมนุษย์ แพทย์เวรซึ่งไม่มีประสบการณ์มากนัก ซ้ำยังถูกห้ามมิให้ผ่าตัดสมองส่วนหน้า แน่นอนว่าคงไม่กล้าลงมือ แต่ในเมื่อเป็นแกะ เขาก็ไม่มีข้อกังวลอะไร
ด้วยความคิดที่ว่า จะไม่ขอยั่วโมโหปีศาจวางเพลิง แต่จะยอมให้ความร่วมมือจนกระทั่งตำรวจมาถึง แพทย์เวรจึงเดินไปที่เตียงตรวจ
เขาพูดด้วยท่าทีลังเลเล็กๆ
“ผมต้องการเหล็กเจาะน้ำแข็ง”
เขาหาข้ออ้างเพื่อจะไปห้องเย็น ทิ้งระยะห่างจากปีศาจวางเพลิง แต่ทันทีที่พูดจบ ก็เห็นมือยื่นออกจากความมืด ส่งเหล็กเจาะน้ำแข็งปลายแหลมให้เขา
นี่…นี่มันเรื่องบ้าอะไร…แพทย์เวรตะลึงพรึงเพริด พร้อมได้ยินเสียงอู้อี้ว่า ‘ไม่ต้องขอบคุณ’
เขาเคลิ้มรับเหล็กเจาะน้ำแข็งมา แล้วคลายผ้าพันแผลสีขาวที่พันรอบศีรษะแกะออก
แกะยิ่งดิ้นแรงขึ้น
แพทย์เวรตรวจดูความเสียหายภายในเบ้าตาของมัน จากนั้นแทงเหล็กแหลมเล็กๆ เข้าไปในช่องว่าง แล้วคุ้ยเขี่ยสมองส่วนหน้า
หลังจากดิ้นอยู่สักพัก แกะสีเทาขาวก็สงบนิ่งไม่ไหวติง
……………………………………………………..