ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 402 โชคดี
ตอนที่ 402 โชคดี
……….
ลูเมี่ยนมองรูปในมือแล้ว แค่นหัวเราะเบาๆ
เขาไม่คิดเลยว่า ไพ่อาร์คาน่าใหญ่จะหาต้นตอของข่าวลือได้อย่างรวดเร็ว แถมยังรู้หน้าจริงของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ด้วย
แต่ถ้าลองคิดดู มันก็ไม่แปลกขนาดนั้น เพราะข่าวลือเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อสองสามเดือนก่อน ตอนนั้นลูเมี่ยนยังไม่มาถึงทรีอาร์ ยังไม่ได้ร่วมชุมนุมกับสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก ไม่ว่าจะเป็นโลกิหรือ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ต่างก็ยังไม่รู้สึกถึงภัยคุกคาม ตอนที่ ‘เล่นพิเรนทร์’ จึงไม่ได้ระวังตัวมากนัก ต่อให้เป็นคนนิสัยรอบคอบ ก็ย่อมไม่มีทางรัดกุมเท่ากับปัจจุบัน ต้องทิ้งร่องรอยไว้บ้างอย่างไม่อาจเลี่ยง
หากเป็นผู้วิเศษคนอื่น คงไม่ง่ายนักที่จะสืบร่องรอยของพวกเขา แต่มาดามจัสติสคือผู้วิเศษเส้นทางผู้ชม เป็นนักจิตบำบัดลำดับสูง นอกจากจะเข้าใจจุดเด่นของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เป็นอย่างดีแล้ว เธอยังสามารถควบคุมอีกฝ่ายได้ในทุกแง่มุม
หรือต่อให้ผู้ลงมือ จะมิใช่ผู้ถือไพ่อาร์คาน่าใหญ่ใบนี้ แต่มาดามซูซี่ ผู้ช่วยของเธอ ก็สามารถทำงานแทนได้อย่างไร้รอยต่อ เพราะตามความเข้าใจของลูเมี่ยน อย่างน้อยเธอคือลำดับ 5 ของเส้นทางนักจิตบำบัด ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะกลายเป็นครึ่งเทพ
ลูเมี่ยนมองภาพ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ที่สวมแว่นทองกรอบดำ ใบหน้าตกกระ ผอมเรียว ผมสั้นสีน้ำตาล แบ่งซ้ายเจ็ดส่วน ขวาสามส่วน พลางลูบกระดาษ ยกมุมปากยิ้ม พึมพำกับตัวเองว่า
“ทุกคนที่เดิน จะทิ้งรอยเท้าเสมอ…”
“คนที่มิอาจข่มสันดานการทำชั่ว สักวันก็จะถูกจับได้เช่นกัน”
เด็กหนุ่มหยิบรูป รีบไปที่โรงแรมระกาทอง ก่อนที่อ็องโตนี·รีด ซึ่งมักออกเช้ากลับดึก จะออกจากโรงแรมไป เมื่อถึงหน้าห้อง 305 ก็เคาะประตู
“ช่วยจับตาดูคนนี้ให้หน่อย เขาอาจเป็นแพทย์ หรือนักวิจัยทางการแพทย์” ลูเมี่ยนแสดงรูปให้อ็องโตนี·รีด ผู้แต่งตัวเป็นพนักงานเล็กๆ
จากนั้น เด็กหนุ่มเล่าสรุปเกี่ยวกับจุดเด่นของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ในงานชุมนุม รวมถึงยกตัวอย่างการเล่นพิเรนทร์สองสามครั้ง แล้วถามด้วยความสีหน้าเอาจริงเอาจัง
“คนแบบนี้ จะไปซ่อนอยู่ที่ไหน”
อ็องโตนี·รีดถอนหายใจแล้วตอบ
“ผมเป็น ‘นักจิตบำบัด’ ไม่ใช่ ‘นักทำนาย’ สักหน่อย”
หลังจากได้รับคำยืนยันจากลูเมี่ยน อ็องโตนี·รีดคิดสักครู่
“ในงานชุมนุมที่เต็มไปด้วยการเล่นพิเรนทร์ รายละเอียดต่างๆ ที่ผู้วิเศษเส้นทางผู้ชมแสดงออก ให้ตีไปว่า นั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากให้คุณเห็นและจดจำ ซึ่งไม่เท่ากับตัวจริงของเขา หรืออาจจะตรงกันข้ามเลยก็ได้”
“ผมขอเดาว่า ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ไม่ได้เป็นแพทย์ตัวจริง แต่มีความรู้ทางการแพทย์มากพอ และสั่งสมความรู้อย่างกว้างขวาง”
ไม่ได้เป็นแพทย์ตัวจริง…จดหมายจากมาดามเมจิกเชี่ยนก็กล่าวไว้ว่า อย่าจำกัดขอบเขตการค้นหาไว้แค่กลุ่มแพทย์…แต่ถ้าพูดแบบนี้ ชาวทรีอาร์หลายแสนคนก็ล้วนตกเป็นผู้ต้องสงสัย…ลูเมี่ยนทั้งโล่งใจและกังวล
อ็องโตนี·รีดเสริมอีกสองประโยค
“คนที่มีแนวโน้มต่อต้านมนุษยชาติ แถมยังมีสติปัญญาดี มักจะมีรสนิยมชอบท้าทายอันตราย ชอบเล่นตลกล้อเลียนคนอื่น บางที อีกไม่นาน เขาอาจลงมือเล่นพิเรนทร์อีกรอบ เพื่อเย้ยหยันผู้ไล่ล่าทั้งหมด”
ติดตรงที่ว่า พวกมันไม่รู้ว่ามีครึ่งเทพหลายคนคอยจับตามองอยู่… เห็นอ็องโตนี·รีดรีบร้อนออกจากห้องไป ลูเมี่ยนมองตามหลัง แล้วจึงเดินไปยังถนนเสื้อนอกขาว
เด็กหนุ่มวางแผนไว้ว่า จะไปหาลูกาโน·ทอสคาโน ผู้กำลังจะได้เป็น ‘แพทย์’ ตัวจริง เพื่อถามว่าจำคนในภาพได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ยังเช้าเกินไป คาบาเร่ต์โรงโม่ยังไม่เปิด และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอาศัยอยู่ที่ใด
ถนนเสื้อนอกขาว บ้านเลขที่ 3 อพาร์ตเมนต์ 601
ฟรังก้าตื่นนานแล้ว เพราะได้รับจดหมายจากไพ่อาร์คาน่าใหญ่ของตัวเองเช่นกัน ตอนนี้กำลังปรึกษากับจินนา ถึงทิศทางการสืบสวนที่พอเป็นไปได้
“เราไม่ควรจ้างนักค้าข่าวมาช่วยงานหลายๆ คน เพราะอาจทำให้ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ไหวตัวทัน จนเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา หรือหนีออกจากทรีอาร์ไปเลย” ฟรังก้าเตือนลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนพยักหน้ารับช้าๆ
“ถ้าใช้แค่พวกเราเอง ตามหาคนแบบนี้ในทรีอาร์ ก็แทบจะไม่มีหวังเลย…”
“ก็ยังมีอ็องโตนีอยู่ไม่ใช่หรือ?” ฟรังก้าขยิบตาให้ลูเมี่ยน หมายถึงยังมีผู้ถือไพ่ทั้งหมดในทรีอาร์
“ใช่แล้ว ฉันก็จะช่วยอีกแรง” จินนาอาสาด้วยตัวเอง
ลูเมี่ยน ‘อืม’ หนึ่งคำ เตรียมจะเริ่มสืบจากกลุ่มแพทย์ก่อน ตามแผนเดิมที่วางเอาไว้
…………
ตอนบ่าย จินนามาถึงถนนใหญ่ตลาด รอรถม้าสาธารณะอยู่ข้างป้าย
วันนี้เธอใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาวครีม สวมหมวกฟางสีน้ำตาลอ่อนที่สามารถกันแดด ติดดอกไม้ผ้าไว้สองสามดอก เก็บผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นมวยง่ายๆ ไว้ด้านหลังศีรษะ ที่เหลือปล่อยยาวตามธรรมชาติ
เธอไม่ได้แต่งหน้า ใบหน้าสะอาดสะอ้าน แม้ดวงตาสีน้ำเงินจะขาดการเน้นด้วยอายไลเนอร์ แต่ก็ยิ่งทำให้ดูหวาน
จินนานั่งรถม้าสาธารณะมาถึงเขต 7 ซึ่งก็คือเขตน้ำพุร้อน
เขตนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเขตหอดูดาว สภาพแวดล้อมดี เต็มไปด้วยคนรวย เถ้าแก่โรงงานเคมีโกลด์ไวร์ที่ล้มละลายไป ก็เคยอาศัยอยู่ที่นี่ โรงแรมหงส์ขาวที่ชาร์ลีเคยฝึกงานเป็นเด็กเสิร์ฟ ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
ในเขตน้ำพุร้อนยังมีพิพิธภัณฑ์ชื่อดังอีกหลายแห่ง จนได้ชื่อว่า ‘เขตพิพิธภัณฑ์’ สถานบำบัดผู้ป่วยจิตเวชที่ใหญ่ที่สุด และเป็นทางการที่สุดในกรุงทรีอาร์ อย่างโรงพยาบาลจิตเวชเดลตา ก็ตั้งอยู่ข้างน้ำพุร้อนแห่งหนึ่ง
จินนามาเยี่ยมนักร้องใต้ดินที่เคยดูแลเธออย่างดี — ‘นางพญา’ ที่ถูกมาร์โกต์แห่งแก๊งหนามพิษข่มขืน จนแตกสลายทั้งกายใจ ต้องย้ายออกจากเขตตลาด เข้าไปอยู่ในสถานบำบัดผู้ป่วยจิตเวช
หลังจากที่ลูเมี่ยนฆ่ามาร์โกต์ จินนาได้ข้ออ้างไปหาเธอ บอกข่าวดีนี้ให้เธอทราบ และเยี่ยมเยียนเธอเป็นประจำ
เดิมที จินนาก็ไม่ค่อยมีเงินมากนัก ยังคิดถึงการใช้หนี้ ไม่สามารถช่วยเพื่อนคนนี้ได้เกินกำลังตัวเอง ต่อมา หลังจากลูเมี่ยนล่าอดีตหลวงพ่อ เธอทำเงินได้ถึง 5,000 เฟลคินในภารกิจเดียว รวมกับเงินชดเชยสองก้อน รวมกับรายรับต่างๆ หลังจากใช้หนี้ยกเว้นของฟรังก้า ก็ยังเหลืออยู่อีกกว่า 7,500 เฟลคิน
สำหรับหนี้ของฟรังก้า จินนาไม่รู้สึกว่าต้องรีบคืน จึงสามารถแบ่งเงินก้อนหนึ่งออกมา ส่งอดีต ‘นางพญา’ ไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวชเดลตา ซึ่งมีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก สภาพแวดล้อม รวมถึงแพทย์พยาบาลที่ดีกว่าชัดเจน
เธอคอยไปเยี่ยมอีกฝ่ายเป็นระยะ แง่หนึ่งก็เพื่อชำระเงินกับโรงพยาบาล อีกแง่หนึ่งก็เพื่อ แสดงให้แพทย์พยาบาลเห็นว่า ผู้ป่วยคนนี้มีญาติ มีเพื่อนคอยเอาใจใส่ หากใครกล้ารังแกเธอ ก็ต้องประจันหน้ากับคนที่คอยหนุนหลังอยู่
จินนาลงจากรถม้าสาธารณะ สวมหมวกฟางสีน้ำตาล เดินไปตามถนนที่ค่อนข้างคึกคักและสมัยใหม่
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็เห็นเด็กชายตัวเล็กๆ วัยเจ็ดแปดขวบ ยืนอยู่ข้างถนนเพียงลำพัง
เด็กชายคนดังกล่าวมีใบหน้าอวบอิ่ม สวมชุดสูทสุภาพบุรุษตัวเล็ก ผมสีบลอนด์อ่อนถูกหวีเรียบร้อย
สังเกตเห็นว่า สายตาของเด็กชายดูงุนงง จินนาจึงเดินเข้าไปใกล้ ก้มตัวลงต่ำ ถามด้วยความเป็นห่วง
“หนูพลัดหลงจากครอบครัวหรือ อยากให้พี่พาไปสถานีตำรวจไหม หรืออยากให้เรียกตำรวจมาหา?”
เด็กชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกหูกระต่ายสีเงินปรอท ถอนหายใจแล้วพูด
“ผมไม่ได้หลงทาง แต่มีนารีขี้เหล้าคนหนึ่ง มาขอให้ผมช่วยงานบางอย่าง แต่ผมไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร แถมดูเหมือนจะมีอันตรายนิดหน่อยด้วย เลยต้องมารอตรงนี้”
ทางนั้น…จินนามองตามมือของเด็กชาย พบว่าอีกฝ่ายกำลังสื่อถึงเขตหอรำลึก เขตตลาด หรือเขตสวนพฤกษศาสตร์สักแห่งหนึ่ง
“ทำไมการให้ความช่วยเหลือ ถึงต้องมารอตรงนี้ล่ะ?” จินนาตามความคิดของเด็กๆ ไม่ทัน
เด็กชายเจ้าของใบหน้าอวบอิ่ม ถอนหายใจอีกครั้ง
“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม สัญชาตญาณของผมสั่งให้มา”
พูดจบ เขาก็เงยหน้า มองจินนา ฉายแววตาน่าสงสาร
“พี่ช่วยซื้อไอศกรีมให้ผมกินสักอันได้ไหม อากาศในทรีอาร์นี่ร้อนชะมัด!”
“แล้วนารีขี้เหล้าที่ขอให้หนูช่วยคนนั้นล่ะ” จินนาถามด้วยความสงสัยปนระแวง
เด็กชายเหลือบมองซ้ายขวา
“หลังจากผมบอกว่าจะรอตรงนี้ เธอก็ไปหาที่ดื่มเหล้าทันทีเลย”
ไร้ความรับผิดชอบเกินไปไหม ถ้าเด็กหลงทางจะทำยังไง? จินนาอดขมวดคิ้วไม่ได้
เด็กชายพูดด้วยตาเว้าวอนอีกครั้ง
“พี่ซื้อไอศกรีมจากร้านกาแฟนี่ได้นะ แบบนี้ผมก็จะได้กินไอศกรีม แล้วยังรอข้างในได้ด้วย ไม่ต้องกลัวหลงทาง”
จินนาลังเลอยู่สักครู่ ก็เพราะช่วงนี้เธอฐานะการเงินดี
“หนูอยากกินรสอะไร”
“วานิลลา!” เด็กชายตอบทั้งเร็วและดัง
จินนาพาเด็กชายเข้าไปในร้านกาแฟข้างๆ แล้วเจียดเงินหนึ่งเฟลคิน ซื้อไอศกรีมวานิลลาให้หนึ่งถ้วย
เด็กชายเลือกนั่งริมหน้าต่าง พลางรับถ้วยไอศกรีมไป จนความยินดีปรีดาแสดงออกทางสีหน้า
“ขอบคุณพี่สาวนะ พี่จะต้องโชคดีแน่ๆ เลย!”
จินนาไม่ใส่ใจกับคำขอบคุณ เมื่อเห็นเด็กชายตั้งอกตั้งใจกินไอศกรีม เธอก็รีบออกจากร้าน ตามหาตำรวจลาดตระเวน แล้วบอกกับพวกเขาว่า มีเด็กหลงทางอยู่ในร้านกาแฟด้านหน้า
เมื่อยืนยันว่า ตำรวจสองนายเข้าไปในร้านกาแฟดังกล่าว จินนาก็ถอนหายใจโล่งอก เดินต่อไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าแผ่วเบา
เพียงครู่เดียว เธอก็มาถึงโรงพยาบาลจิตเวชเดลตา
โรงพยาบาลจิตเวชแห่งนี้อยู่ติดกับน้ำพุร้อน ด้านในกำแพงคืออาคารสีเทาอมฟ้าสามชั้น พร้อมด้วยตึกย่อย รอบๆ อาคารเป็นสนามหญ้าสีเขียวอ่อน มีอุปกรณ์ออกกำลังกายหลายชนิด อาบไล้ด้วยแสงแดดสีทอง สภาพแวดล้อมถือว่าดีมาก
จินนาได้พบเพื่อนของเธอโดยราบรื่น
อดีต ‘นางพญา’ มีผมสั้นเสมอใบหู ใบหน้าสะอาดเรียบ ดวงตาสงบ ดูไม่ต่างอะไรจากคนปกติ เหมือนกับผู้ป่วยหญิงคนอื่นๆ
เมื่อจินนาคุยกับเธอ ก็มักจะเห็นภาพลวงตาทำนองว่า อีกฝ่ายไม่ได้ป่วย ไม่ได้เป็นบ้า แต่จินนาทราบดี หากอีกฝ่ายถูกกระตุ้น ก็จะเริ่มอาละวาดทันที ทำร้ายทั้งตัวเองและผู้อื่น
หลังจากพูดคุยกันเกือบครึ่งชั่วโมง จินนาออกจากห้องเยี่ยมคนป่วย แล้วเตรียมจากไป
ขณะเดินผ่านทางเดินด้านนอก เธอก็มองออกไปนอกหน้าต่าง
บนสนามหญ้าสีเขียวขจี ผู้ป่วยจิตเวชยี่สิบถึงสามสิบคน บ้างก็เดินเล่นอย่างไม่รีบ ครุ่นคิดอยู่คนเดียว บ้างก็พิงต้นไม้อาบแดด หรือมารวมตัวกัน ซุบซิบพูดคุยบางสิ่ง
พวกเขาแสดงออกไม่ต่างจากคนปกติเท่าไร
จินนามองผ่านๆ ไปรอบด้าน กำลังจะเลิกมอง
แต่ทันใดนั้น เธอเห็นใครบางคน ในชุดผู้ป่วยลายทางสีฟ้าขาว
ร่างนั้นสูงกว่า 1.75 เมตร ผมสั้นสีน้ำตาล หวีแบ่งซ้ายเจ็ดขวาสาม ดวงตาสีเชือกป่านถูกแว่นกรอบทองบดบังเกือบทั้งหมด ใบหน้าซูบผอมชัดเจน ตกกระไม่น้อย ตอนนี้กำลังอาบแดด เดินกลับไปกลับมาบนพื้นหญ้าสีเขียว คล้ายกำลังครุ่นคิดปัญหาปรัชญาบางข้อ
ม่านตาของจินนาเบิกกว้างทันใด
นี่…นี่มัน ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’!
……………………………………………………..