ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 394 ใจกลางวังวน
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 394 ใจกลางวังวน
ตอนที่ 394 ใจกลางวังวน
……….
ลูเมี่ยนเองก็กำลังรอให้สมาชิก ‘วันเอพริลฟูล’ ที่ถูกทอดทิ้ง นึกรายละเอียดที่มีประโยชน์ออกมา จึงพยักหน้าตอบ
“ได้ครับ”
มาดามเมจิกเชี่ยนมองเขาสักพักหนึ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิด แล้วพูดว่า
“ในอนาคต หากงานที่ฉันมอบหมายให้ มีความผิดปกติอย่างชัดเจน เธอสามารถปฏิเสธ หรือต่อหน้าตกลง แต่ลับหลังไปติดต่ออาร์คาน่าใหญ่คนอื่นได้”
“ทำไมครับ?” ลูเมี่ยนฟังแล้วงงงวย
มาดามเมจิกเชี่ยนกำลังจะบอกว่า ตัวเธอเองอาจมีปัญหา?
‘เมจิกเชี่ยน’ ยิ้มเยาะตัวเอง
“เพราะฉันมีความเสี่ยงสูง ที่จะได้รับอิทธิพลจากราชันสวรรค์”
“ราชันสวรรค์ครอบครองยอดพีระมิดของสามเส้นทาง ‘นักทำนาย’ ‘นักโจรกรรม’ และ ‘ผู้ฝึกหัด’ ผู้วิเศษในลำดับสูงของเส้นทางเหล่านี้ ยิ่งได้รับอิทธิพลจากพระองค์ง่าย เพราะทุกคนมีจุดเริ่มต้นในตัว และ…เอ่อ…สิ่งที่เธอต้องเข้าใจคือ ในฐานะลำดับสูงของเส้นทาง ‘ผู้ฝึกหัด’ และเป็นสาวกของมิสเตอร์ฟูล หากฉันจะถูกราชันสวรรค์หลอกล่อ หลอกใช้เป็นครั้งคราว ถือเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง”
“แน่นอน มิสเตอร์ฟูลก็อยู่บนยอดพีระมิดของสามเส้นทางนี้เช่นกัน พระองค์จึงต่อกรกับราชันสวรรค์ได้ เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อิทธิพลที่ฉันได้รับ โดยมากแล้วมาจากมิสเตอร์ฟูล สภาพจิตใจจึงไม่มีปัญหา แค่อาจผิดปกติบ้างในบางครั้ง”
นี่ก็เหมือนกับ ถ้าเราสวดวิงวอนหรือท่องพระนามอื่นนอกจากคำอธิบายสามส่วนดังกล่าว โดยไม่ได้ทำพิธี ก็อาจถูกราชันสวรรค์จับตามอง อาจได้รับ ‘คำตอบ’ จากพระองค์ ซึ่งแฝงภัยคุกคามแฝงมาด้วย… ผู้วิเศษระดับสูงของเส้นทาง ‘นักทำนาย’ ‘นักโจรกรรม’ และ ‘ผู้ฝึกหัด’ จะใกล้ชิดกับราชันสวรรค์และมิสเตอร์ฟูลมากกว่า ต่อให้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนปกติ ก็ยังมีโอกาสเกิดปัญหาได้…ลูเมี่ยนเข้าใจคำเตือนของมาดามเมจิกเชี่ยน จากนั้น เด็กหนุ่มพบว่าคำอธิบายของเธอ เปิดเผยบางข้อมูลที่ขัดแย้งกับหลักการพื้นฐานของศาสตร์เร้นลับ
มิสเตอร์ฟูลกับ ‘ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค’ สามารถครอบครองยอดพีระมิดของสามเส้นทางได้!
โดยปกติแล้ว การไต่เต้าเส้นทางจนถึงลำดับ 0 สุดท้ายก็ถือเป็นเทพแท้จริงแล้ว เช่นนั้น การครอบครองยอดพีระมิดของสามเส้นทาง เราควรเรียกว่าอะไร เทพเจ้า?
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูเมี่ยนค่อนข้างมั่นใจว่า ‘ศักดิ์’ ของมิสเตอร์ฟูลกับราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค อาจสูงกว่า ‘สุริยันเจิดจรัส’ และเทพแท้จริงอื่นๆ
ในทำนองเดียวกัน บิดาของอามุนด์ ‘เทพสุริยันบรรพกาล’ ก็คงอยู่ในระดับนี้เช่นกัน เพราะมรดกของพระองค์เพียงครึ่งเดียว ยังให้กำเนิดเทพที่ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ เคารพบูชาในปัจจุบัน
ในไม่ช้า ลูเมี่ยนก็นึกถึงจุดที่แตกต่าง ในคำพูดที่มาดามเมจิกเชี่ยนเคยอธิบายเกี่ยวกับเทพองค์ต่างๆ
บางพระองค์ เพียงแค่รู้ว่ามีอยู่ เข้าใจพระนาม ก็จะถูกปนเปื้อน เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือเผชิญอันตรายได้แล้ว
บางพระองค์สามารถพูดถึงได้ตามปกติ ตราบใดที่ไม่ใช้ภาษาเหนือธรรมชาติเปล่งพระนามสามท่อนขึ้นไป ก็จะไม่ถูกจับตามอง
นี่คงเป็นชนชั้นของเทพ… มิสเตอร์ฟูลกับราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชคครอบครองสามเส้นทาง ‘ที่ติดกันและสามารถสลับกันได้’ …นี่คือเงื่อนไขลับๆ ในการควบคุมเส้นทางร่วม? ลูเมี่ยนไม่กล้าคิดลึกลงไปกว่านี้ ด้วยเกรงว่า หากรู้มากเข้า ก็อาจเกิดปัญหาตามมา
สำหรับเรื่องที่มาดามเมจิกเชี่ยนอยู่บนเส้นทาง ‘ผู้ฝึกหัด’ เด็กหนุ่มเดาได้นานแล้ว เพราะในสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์เขียนไว้ว่า ‘ผู้ฝึกหัด’ ซึ่งเป็นลำดับ 9 ของเส้นทาง ถนัดการเปิดประตู ส่วนลำดับ 7 มีชื่อว่า ‘โหราจารย์’ สอดคล้องกับนิสัยโดยทั่วไปของมาดามเมจิกเชี่ยน รวมถึงคำพูดติดปากอย่าง ‘ดูดาว’ ‘ทำนาย’ ‘โชคชะตา’ เป็นครั้งคราว
“เข้าใจแล้วครับ” ลูเมี่ยนเปลี่ยนเรื่อง พูดถึงความหวังที่จะอาศัยขั้นตอนภายในของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก เพื่อโยกย้ายออกจากเขตตลาดภายในสองเดือน ในกรณีที่ตนไม่สามารถสังหารโลกิได้อย่างราบคาบ แล้วถามถึงวิธีปกปิดรอยประทับบนตัว
‘เมจิกเชี่ยน’ เข้าใจดี
“ไม่มีปัญหา ต่อให้เธอเขียนจดหมายถึงฉัน โดยแจ้งว่าจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ แต่ก็ไม่แน่ว่าโลกิจะอดทนได้นานถึงสองสามเดือน และฉันก็อยู่ข้างตัวเธอตลอดไม่ได้”
“ส่วนเรื่องรอยประทับ ถ้าเธอไม่ได้กระตุ้นขึ้นมาเอง ก็มีเพียงผู้วิเศษบนเส้นทาง ‘นักทำนาย’ ‘ผู้ฝึกหัด’ และ ‘นักโจรกรรม’ ที่ศรัทธาต่อราชันสวรรค์เท่านั้น จึงจะสังเกตเห็นมัน ซึ่งแตกต่างจากกลิ่นอายของราชันสวรรค์ที่ควบคุมไม่ได้”
“ถ้าเธอมีความจำเป็นในระยะสั้น ก็สามารถขอพรคุ้มครองจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูลได้ หรือเขียนจดหมายหาฉัน ทางนี้จะสร้างยันต์รักษาความลับให้”
“สำหรับกลิ่นอายของราชันสวรรค์บนตัว ‘สองถ้วย’ ก็ต้องแก้ไขแบบนี้ไปก่อนชั่วคราว โชคดีที่เทพมารอย่าง ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ มิได้สนใจกับคนประเภทนี้มากนัก”
ลูเมี่ยนถอนหายใจ
“ผมสามารถบอกข้อมูลราชันสวรรค์ที่คุณเพิ่งเล่า ให้ ‘สองถ้วย’ ฟังได้ไหมครับ”
“อาร์คาน่าใหญ่ของสองถ้วยจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ เอง แต่ไม่ชัดเจนเท่ากับที่ฉันพูดเมื่อครู่ เพราะทางนั้นก็ยังไม่เข้าใจดีพอ” มาดามเมจิกเชี่ยนปัดตกความคิดลูเมี่ยน “ถ้าเธอเล่าสิ่งที่ฉันพูดให้สองถ้วยฟังทั้งหมด นั่นอาจนำอันตรายมาสู่อีกฝ่าย”
ลูเมี่ยนไม่ถามต่อ มองดูมาดามเมจิกเชี่ยนสร้างประตูลวงตาด้วยแสงดาวพราวพราย ก้าวเข้าไปแล้วอันตรธานหาย
ภายในห้อง เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับกระจกกันเสียงสีเข้มหายไป แสงจันทร์สีแดงส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา มอบความสว่างแก่โต๊ะที่มีโคมไฟคาร์ไบด์วางอยู่
ลูเมี่ยนนั่งอยู่ข้างเตียง มองแสงจันทร์ด้วยความคิดสับสนว้าวุ่น อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำบรรยายของโลกิ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่โอลัวร์ถูกฆ่า
เด็กหนุ่มหายใจเข้าลึกๆ ภายในใจรู้สึกชัดเจนอย่างยิ่ง ว่าต้องทำสิ่งใดต่อไป
ย่อยโอสถนักวางเพลิง!
…………
เขตสวนพฤกษศาสตร์ ถนนปลาสเตอร์
ฟ้าเพิ่งสาง ฟรังก้ากับจินนาเดินตามถนนเส้นนี้กลับสู่เขตตลาด
เธอยังไม่รู้ว่าจะเล่าเหตุการณ์อันตรายเมื่อคืนให้จินนาฟังอย่างไรดี อ้างว่าพี่ชายของอีกฝ่ายอยู่บ้าน กลัวเขาจะได้ยิน จึงเลื่อนเรื่องนี้ไปคืนนี้
หลังกลับถึงถนนใหญ่ตลาด จินนาโบกมือลา เดินไปทางโรงละครกรงพิราบเก่า
ก่อนจะเข้าไปในอาคารสามชั้นสีอิฐแดง ซึ่งถูกบูรณะใหม่ เธอเห็นภาพขีดเขียนของเด็กๆ สองสามภาพตรงมุมกำแพง
นี่เป็นสัญลักษณ์ที่ ‘ผู้ชำระ’ ขอพบด่วน พร้อมข้อมูลเวลาและสถานที่
จินนาละสายตาอย่างเป็นธรรมชาติ เดินเข้าไปในโรงละครกรงพิราบเก่า
หลังผ่านไปสิบห้านาที ในฐานะ ‘คนรัก’ ของเจ้าของ เธอไม่ถูกขัดขวางขณะเดินออกจากประตูหลัง มาถึงตรอกเงียบสงบใกล้วิหารนักบุญโรแบร์
ไม่นาน วาเลนไทน์กับอิมเรก็ปรากฏตัว
รายแรกไม่อ้อมค้อม ถามเข้าประเด็น
“เรื่องกลิ่นอายอันน่าสะพรึงเมื่อคืน คุณพอจะมีข่าวบ้างไหม”
จินนางุนงง
“กลิ่นอายอันน่าสะพรึง?”
“คุณไม่รู้สึกหรือ?” อิมเรผู้มีเชื้อสายทวีปใต้ ขมวดคิ้วถาม “ไม่ได้ฝันร้ายด้วยหรือ?”
จินนาส่ายหน้า
“เมื่อคืนฉันไม่ได้อยู่ที่เขตตลาด กลับไปเยี่ยมพี่ชายที่บ้านมา”
“งี้นี่เอง…” อิมเรเพ่งพินิจสีหน้าของจินนา เชื่อว่าเธอไม่ได้โกหก
เธอไม่รู้เรื่องกลิ่นอายอันน่าสะพรึงนั่นจริงๆ
สองผู้ชำระเล่าคร่าวๆ ถึงเรื่องที่มีกลิ่นอายอันป่าเถื่อนและน่าพรั่นพรึง ปรากฏบนถนนเสื้อนอกขาวเมื่อคืน แล้วกำชับให้จินนาช่วยจับตามอง ว่าช่วงนี้ใครทำตัวแปลกไปบ้าง
จินนารับปาก แล้วถามอย่างสงสัย
“กลิ่นอายนั่นชัดเจนมากเลยหรือ ทำไมพวกคุณถึงสัมผัสได้แม้จะอยู่ในวิหาร?”
“อธิบายไม่ถูก ถ้ามีโอกาสได้สัมผัส คุณจะรู้เอง” อิมเรเองก็ไม่แน่ใจว่ากลิ่นอายอันน่าสะพรึงนั่น ส่งอิทธิพลในรัศมีกว้างแค่ไหน
หลังจากอำลาสองผู้ชำระ กลับสู่โรงละครกรงพิราบเก่า ระหว่างทางจินนานึกขึ้นได้ว่า หากเป็นเมื่อคืน คนที่ผิดปกติกว่าใครคือฟรังก้า
อยู่ดีๆ ก็มาบอกว่ามีอันตราย ให้เราไปหลบที่บ้านพี่ชายสักพัก สุดท้าย ดึกดื่นก็วิ่งแจ้นมานอนด้วยบนเตียง บอกว่าเกิดเรื่องที่ถนนเสื้อนอกขาว กลับไปไม่ได้…
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงนั่น เกิดขึ้นบนถนนเสื้อนอกขาวพอดิบพอดี… จินนาเริ่มคาดเดาได้ จึงพยักหน้ากับตัวเอง
ตอนนี้ ฟรังก้าดื่มกาแฟเสร็จ กลับไปยังถนนเสื้อนอกขาว ซึ่งยามนี้กลับเป็นปกติแล้ว
เธอเพิ่งเปิดประตูห้อง 601 ก็พบว่า ‘ใยแมงมุม’ ล่องหนที่ตนสร้างแอบไว้ตามซอกประตูห้อง ร่วงกราวลงมา
มีใครบางคนเข้ามา!
ทันใดนั้น เธอเห็นใครบางคน กำลังนั่งบนเก้าอี้เอนหลังตัวเก่งของตน
เป็นการ์ดเนอร์·มาร์ติน สุภาพบุรุษหน้าคม ตาสีน้ำตาลแดง บุคลิกเป็นมิตร มีผมขาวโพลนสองสามเส้นตรงขมับ
“คุณมาทำอะไร?” ฟรังก้าตกใจ
เธอโล่งใจอย่างยิ่งที่ไม่ได้กลับมากับลูเมี่ยน
การ์ดเนอร์·มาร์ตินถามอย่างครุ่นคิด
“คุณคิดยังไงกับกลิ่นอายเมื่อคืน”
“กลิ่นอายอะไร” ฟรังก้าทำหน้างุนงง
การ์ดเนอร์·มาร์ตินในชุดสูทไม่ผูกเนกไท จ้องหน้าฟรังก้าสักพัก แล้วจึงอธิบายเพิ่มเติม
“กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว ผสานกลิ่นคาวเลือดและสนิมเหล็ก”
“เมื่อไร?” ฟรังก้านึกทบทวน แล้วส่ายหน้า “เมื่อคืนฉันไปบ้านจินนา ไม่ได้อยู่ในเขตตลาด”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินพยักหน้าช้าๆ รอยยิ้มกว้างขึ้น
“ถึงว่าคุณไม่รับรู้”
นอกจากการรุมฆ่าโลกิโดยฝีมือเรา ชาร์ล และมาดามเฮล่า เมื่อคืนยังเกิดอะไรขึ้นอีก? ฟรังก้าสงสัย เดินไปทางโต๊ะกาแฟ หยิบแก้วของตัวเอง ดื่มน้ำแล้วถามต่อ
“รายละเอียดเป็นยังไง”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินลุกขึ้น เดินไปทางหน้าต่าง มองลงไปยังถนนเสื้อนอกขาวเบื้องล่าง
“เมื่อคืนกลางดึก มีกลิ่นอายอันป่าเถื่อนและน่าพรั่นพรึง แผ่ออกมาจากอาคารเลขที่ 6 บนถนนเส้นนี้…ค้างอยู่เกือบสิบวินาทีเห็นจะได้”
เลขที่ 6 …เลขที่ 6? ฟรังก้าเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง
นี่ไม่ใช่บ้านลับที่เธอเช่าผ่านพ่อค้าโลเอ็น ซึ่งย้ายออกจากทรีอาร์ไปแล้วหรือ?
นี่มันสังเวียนที่พวกตนสู้กับโลกิไม่ใช่หรือไง!
หรือว่ามาดามเฮล่า หรือโลกิ ได้สร้างความโกลาหลขึ้นมา?
หรือชาร์ล?
ระหว่างที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินยังไม่หันกลับมา ฟรังก้ารีบข่มใจให้สงบ
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองพลาดเหตุการณ์สำคัญไปหลายเรื่อง ในตอนที่เอาแต่นอนสลบเหมือด
…………
ถนนอลเวง โรงแรมระกาทอง
ลูเมี่ยนเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้า ลงมายังล็อบบี้ชั้นล่าง ก็เห็นอ็องโตนี·รีด ซึ่งช่วงนี้กำลังมุ่งสืบเรื่องของภรรยาหม้ายกับลูกๆ ของนายพลฟิลิป
นักจิตบำบัดรายนี้มองลูเมี่ยนปราดหนึ่ง แล้วถามว่า
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นในเขตตลาด ทำไมมีคนมาถามซื้อข่าวกรองเรื่องนี้จากผมตั้งมากมาย?”
ลูเมี่ยนยิ้ม
“คงเพราะมีกลิ่นอายแปลกๆ ปะทุจากแถวๆ ถนนเสื้อนอกขาวน่ะ”
……………………………………………………..