ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 393 เกี่ยวกับราชันสวรรค์
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 393 เกี่ยวกับราชันสวรรค์
ตอนที่ 393 เกี่ยวกับราชันสวรรค์
ลูเมี่ยนฟังแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง
“เป็นเรื่องใหญ่เลยหรือครับ?”
เขาทราบดี เมื่อกลิ่นอายของจักรพรรดิโลหิตถูกปลดปล่อย ย่อมดึงดูดความสนใจจากผู้วิเศษทางการ ดึงดูดบุคคลสำคัญในละแวกใกล้เคียง ดุจดังการวางเพลิงวิหารนักบุญวีฟ ย่อมต้องกลายเป็นเรื่องอึกทึกครึกโครม แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะรบกวนถึงมาดามเมจิกเชี่ยน ผู้ไม่น่าจะอยู่ในทรีอาร์ จนต้องรีบร้อนแวะมาหา
เด็กหนุ่มกำลังจะเขียนจดหมายรายงานเรื่องนี้อยู่พอดี
มาดามเมจิกเชี่ยนพยักหน้าขึงขัง
“ใหญ่มาก…”
“ถึงกับทำให้บางคนคิดว่า ประตูของทรีอาร์ยุคที่สี่เปิดออกแล้ว”
วุ่นวายกว่าที่เราคิดไว้อีก…สมแล้วที่เป็นออร่าของจักรพรรดิโลหิต อลิสต้า·ทูดอร์…ลูเมี่ยนมิได้เสียใจหรือประหลาดใจ เพียงนั่งลงตรงขอบเตียง
เมื่อเรื่องเกิดแล้ว ความเสียใจหรือประหลาดใจ ไม่มีความหมายอะไร ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็คงทำแบบเดิมอยู่ดี
ลูเมี่ยนเริ่มเล่าจากตอนที่ตนปลอมตัวเป็นพี่สาว แทรกซึมเข้าไปในสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก เพื่อสืบว่าคนที่ขาย ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ ให้เธอมีปัญหาหรือไม่ จนถึงตอนที่โลกิคลุ้มคลั่งแล้วตายไป แต่ไม่มีการสกัดตะกอนพลัง ซึ่งอาจเป็นการคืนชีพ รวมถึงการปะติดปะต่อพระนามเต็มของเทพมารจากเฮล่าและ ‘สองถ้วย’
‘เมจิกเชี่ยน’ มิได้ขัดจังหวะเด็กหนุ่ม รอยยิ้มบนใบหน้าเธอจางหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ
“เวลาท่องพระนามเต็มสี่ท่อน ผมต้องสลับประโยคไหม หรือพูดตรงๆ ได้เลยครับ?” ในที่สุดลูเมี่ยนก็เอ่ยปากถาม
มาดามเมจิกเชี่ยนตอบด้วยเสียงนิ่ง
“พูดตรงๆ ได้เลย ถ้าไม่ใช้ภาษาเหนือธรรมชาติที่ขาดการป้องกัน อย่างเฮอร์มิสโบราณ หรือภาษาคนยักษ์ ก็ไม่มีปัญหา”
ลูเมี่ยนมองไปรอบห้องตามความเคยชิน พบว่าบรรยากาศห้องมืดลงพอประมาณ ทั้งที่แสงจันทร์สีแดงส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาได้ แต่กลับเหมือนถูกม่านล่องหนแผ่นบาง คอยปิดกั้นแสงและเสียงไว้
พูดจบ เด็กหนุ่มเห็นมาดามเมจิกเชี่ยนเงียบไป เหมือนกลายเป็นรูปปั้น
“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ” ลูเมี่ยนลองถาม
‘เมจิกเชี่ยน’ มองเขาพร้อมครุ่นคิด
“จากที่เล่ามา เธออาศัยความเดือดดาลที่ปะทุจนเกือบคลุ้มคลั่ง กระตุ้นให้ออร่าของจักรพรรดิโลหิตสั่นพ้อง จนสร้างความโกลาหลที่ทะลุผ่านม่านหมอกบางๆ ได้ แม้ว่าจะถูกควบคุมอยู่สามชั้น?”
“ครับ” เมื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ลูเมี่ยนยังขนลุกไม่หาย “ตามปกติแล้ว เมื่ออารมณ์ของผมทะลุหลอด ก็ควรต้องนึกถึงการชี้นำที่มาดามซูซี่ฝังไว้ แต่ตอนนั้น กระทั่งความทรงจำที่เกี่ยวข้อง ก็เหมือนจะขาดช่วงไป บ้างก็พร่ามัว การชี้นำจึงไม่ได้ผลเท่าไร อันที่จริง ในช่วงแรกที่ผมเพิ่งถูกควบคุม ถ้าไม่ไปหวังพึ่งโชคพึ่งดวง แต่ลองปลดปล่อยออร่าของจักรพรรดิโลหิตออกมาเลย โลกิก็คงหยุดผมไม่ได้ แต่พอถูกควบคุมในเชิงลึกแล้ว ก็หมดสิทธิ์ทำแล้ว ต้องพึ่งพาสัญชาตญาณ…”
มาดามเมจิกเชี่ยนทำหน้าครุ่นคิด แต่ไม่ได้ตอบ
“ส่วนนี้มีปัญหาหรือครับ” ลูเมี่ยนถามตรงๆ
‘เมจิกเชี่ยน’ ผงกศีรษะไม่มาก
“รายละเอียดส่วนนี้ไม่มีปัญหา สมเหตุสมผลดี เป็นพัฒนาการปกติของสถานการณ์ ส่วนที่มีปัญหาคือ เธอเพิ่งได้ออร่าของจักรพรรดิโลหิตมาไม่นาน แต่กลับถูกมันช่วยไว้ในจังหวะเหมาะเจาะ”
ลูเมี่ยนอึ้งไปสองสามวินาที อุทานด้วยความงุนงง
“อามุนด์ใส่แร่เลือดธรณีลงไปในกระเป๋าเสื้อของผม…เพราะรู้ล่วงหน้าว่าผมจะเจออะไรแบบนี้?”
“เป้าหมายของพระองค์ คือการช่วยผมหรือ”
ช่วยหลังจากที่เกือบฆ่ากันเนี่ยนะ?
“นั่นอาจเป็นเพียงหนึ่งในเป้าหมาย และไม่ใช่เป้าหมายของพระองค์” มาดามเมจิกเชี่ยนถอนหายใจ “แต่เป็นเป้าหมายของผู้ที่เทียบเท่าพระบิดาของพระองค์”
ลูเมี่ยนอึ้งไปอีกครั้ง
“เทพที่ชุมนุมแสงเหนือศรัทธา? องค์ที่รับมรดกครึ่งหนึ่งของเทพสุริยันบรรพกาลมาน่ะหรือ?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เด็กหนุ่มนึกถึงเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของมิสเตอร์ K ขึ้นมา
มีเพียงความศรัทธาเท่านั้น ที่จะพาเราไปสู่ทางรอด!
มาดามเมจิกเชี่ยนพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง
“ฉันเคยคิดว่า พระองค์หวังให้เธอเข้าไปพัวพันกับตระกูลเซารอน พัวพันกับชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก และพัวพันกับทรีอาร์ยุคที่สี่ แต่จากเท่าที่ดูตอนนี้ พระองค์อาจหวังทำลายแผนการของอีกฝ่ายด้วย…”
เห็นลูเมี่ยนยังฉงนว่า เหตุใดถึงเกี่ยวพันกับเทพที่ชุมนุมแสงเหนือศรัทธา ‘เมจิกเชี่ยน’ จึงช่วยทวนความจำ
“เธอยังจำได้ไหม ตอนนั้นเธอเคยรู้สึกว่า การรับงานจากไพ่อาร์คาน่าใหญ่อีกใบ ถือเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องเล็กๆ ที่สมเหตุสมผล ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ฉันทราบ”
“จำได้ครับ” ลูเมี่ยนไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา “นั่นเป็นความผิดพลาดของผมเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเทพองค์นั้น มันสอดคล้องกับความคิดจากก้นบึ้งจิตใจผม”
มาดามเมจิกเชี่ยนยิ้ม
“ในช่วงเวลานั้น บังเอิญว่าฉันกับมิสจัสติสไม่ได้ติดต่อกันเลย จึงเกิดช่องว่างของข้อมูลขึ้น”
ลูเมี่ยนได้กลิ่นอุบายบางอย่าง สายตาวูบไหวไม่หยุด
มาดามเมจิกเชี่ยนพูดต่อ
“เมื่อความบังเอิญสองเรื่องซ้อนทับกัน มันอาจไม่ใช่ความบังเอิญอีกต่อไป เธอลองนึกถึงพระนามเต็มของพระองค์นั้นอีกที”
“นึกไม่ออกครับ” ลูเมี่ยนส่ายหน้า “มาดามจัสติสฝังการชี้นำทางจิตเอาไว้ ผมต้องสวดวิงวอนขอพรคุ้มครองจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูล ถึงจะนึกออก”
“ไม่ต้องรีบ ไว้เธอนึกได้เมื่อไร ก็จะเข้าใจเองว่า ปัญหามาจากจุดไหน” มาดามเมจิกเชี่ยนเตือนสั้นๆ “ถ้าพบความบังเอิญบ่อยครั้ง ต้องระวังตัวเองให้ดี”
ลูเมี่ยนพยักหน้าเคร่งขรึม
มาดามเมจิกเชี่ยนรีบปลอบใจเด็กหนุ่ม
“ไม่ต้องกังวลไป และไม่ต้องปฏิเสธการติดต่อกับมิสเตอร์ K ครั้งนี้พระองค์ ‘จัดแจง’ ค่อนข้างชัดเจน ก็เพื่อบอกกับพวกเราว่า พระองค์รับรู้ พระองค์มองเห็น พระองค์ได้ยิน”
“หรือก็คือ ตอนนี้พระองค์ยังไม่มีเจตนาร้าย ไม่อย่างนั้น ไม่ใช่แค่เธอที่พินาศสิ้นไปแล้ว แม้แต่ฉันเองก็ไม่ปลอดภัย”
ลูเมี่ยนแบกรับปัญหาไว้มากมาย เรื่องลำดับสูงขนาดนี้ เขาไม่มีเวลามัวกังวล ถึงกังวลไปก็เปล่าประโยชน์ สุดท้ายแล้ว ตัวช่วยที่พึ่งพาได้มากที่สุด ก็ยังเป็นชุมนุมทาโรต์อยู่วันยังค่ำ
เด็กหนุ่มเปลี่ยนคำถาม
“มาดาม เทพมารที่พวกโลกิศรัทธา แท้จริงแล้วคือองค์ใดกันแน่”
ถ้าสืบให้ชัดเจนว่า เทพมารองค์ดังกล่าวมีขอบเขตอำนาจและจุดเด่นเป็นเช่นไร ต่อไปจะได้ป้องกัน จะได้รับมือกับสาวกของพระองค์ได้ดีขึ้น
‘เมจิกเชี่ยน’ เงียบไปนานหลายสิบวินาที จนแม้แต่ผู้วิเศษอย่างลูเมี่ยน ซึ่งจิตใจหาญกล้าเหนือคนธรรมดา ก็ยังอดใจเต้นแรงไม่ได้
ในที่สุด สุภาพสตรีก็ถอนหายใจ
“อันที่จริง ฉันเคยเอ่ยถึงเทพมารองค์นี้ให้เธอฟังแล้ว”
“ครับ?” ลูเมี่ยนไม่มีความทรงจำเลย
มาดามเมจิกเชี่ยนเงียบไปอีกสองสามวินาที ก่อนจะพูด
“ฉันเคยเล่าให้ฟังว่า มิสเตอร์ฟูลกำลังต่อสู้กับเทพโบราณองค์หนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับบทสรุปของเราทุกคน เกี่ยวข้องกับการที่โลกของเรา จะข้ามผ่านวันสิ้นโลกไปได้หรือไม่”
“เทพโบราณองค์นั้นคือ ‘ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค’”
“ไม่นึกว่าจะเป็นศัตรูของมิสเตอร์ฟูล…” ลูเมี่ยนคาดไม่ถึงกับคำตอบ
เรามีรอยประทับของมิสเตอร์ฟูล…โอลัวร์ที่ถูกส่งมายังโลกนี้โดยราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค…พวกโลกิที่ศรัทธาในราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค ขายมนตร์เรียกวิญญาณให้โอลัวร์ จนเกิดหายนะมากมายตามมา…มิสเตอร์ฟูลกำลังต่อสู้กับราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค…
ข้อมูลมากมายแล่นผ่านสมองของลูเมี่ยน จนรู้สึกเหมือนกำลังถักทอเป็นปมแห่งความจริง แต่ก็ยังขาดส่วนสำคัญไป
มาดามเมจิกเชี่ยนคิดสักพักแล้วพูดต่อ
“ฉันยังเคยบอกด้วยว่า หากใช้คำนิยามอื่นนอกเหนือจากพระนามสามส่วนของมิสเตอร์ฟูล หรือไม่ได้ประกอบพิธีกรรมขอพรจากพระองค์ ฉันไม่รับรองว่าผู้ที่ตอบรับ จะเป็นพระองค์เสมอไป ซ้ำยังอาจเกิดอันตรายด้วย”
“ตอนนี้ ฉันสามารถเล่าให้เธอฟังได้แล้ว ในสถานการณ์ข้างต้น ผู้ที่ตอบรับอาจเป็นราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค”
ถ้าสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลผิดวิธี ผู้ที่ตอบรับอาจเป็นราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค…ลูเมี่ยนรู้สึกว่าตนรับข้อมูลมากเกินไป จนหัวแทบจะระเบิดแล้ว
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มค้นพบรายละเอียดในจุดหนึ่ง
‘ราชันเหลืองดำ (ฟ้าดิน) ผู้ครองพลังโชคลาภ’ ในพระนามของมิสเตอร์ฟูล ฟังดูคล้ายกับ ‘ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค’ ที่ฟรังก้าแปลไว้หลายจุด!
คิดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลัง
เด็กหนุ่มลังเลอยู่สองสามวินาที แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยปากถาม
“มิสเตอร์ฟูลกับราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค มีความสัมพันธ์กันแบบใดหรือครับ”
มาดามเมจิกเชี่ยนยิ้มขื่นขม
“จากข้อมูลที่ฉันมี ก็ตอบให้ชัดเจนไม่ได้เช่นกัน ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็คงเหมือนกับกรณีของเทพที่ชุมนุมแสงเหนือศรัทธา หลังจากพระองค์ได้รับมรดกครึ่งหนึ่งจากเทพสุริยันบรรพกาล เทพสุริยันบรรพกาลก็คืนชีพกลับมาด้วยวิธีบางอย่าง”
ลูเมี่ยนพอเข้าใจ จึงถอนหายใจโล่งอก
“เหมือนกับความสัมพันธ์ระหว่างโอลัวร์กับโรช·หลุยส์·ซ็องซง…”
นี่ช่วยให้เด็กหนุ่มกระจ่างมากขึ้น
มาดามเมจิกเชี่ยนชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย
เธอยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ อยากหยิบอะไรมาดื่มจากในอากาศ แต่สุดท้ายก็อดกลั้นเอาไว้ได้
ลูเมี่ยนทบทวนเรื่องทั้งหมดอีกรอบ แล้วถามด้วยท่าทางเป็นทุกข์ระคนสงสัย
“ราชันสวรรค์องค์นั้น คิดจะทำอะไรกันแน่ โอลัวร์เป็นแค่ลำดับ 7 เอง ถึงแม้โรช·หลุยส์·ซ็องซงกับครอบครัวจะเป็นสาวกของชะตากรรม ก็คงไม่มีวันก่อเรื่องอึกทึกครึกโครมได้อยู่แล้ว…”
มาดามเมจิกเชี่ยนถอนหายใจอีกครั้ง
“บางที พระองค์อาจต้องการเร่งให้วันสิ้นโลกมาถึงเร็วขึ้น ต้องการให้เทพมารจากนอกเขตกำแพง บุกรุกเข้ามามากขึ้น”
“ถ้าเป็นแบบนั้น เพื่อปกป้องโลกใบนี้ ปกป้องพวกเราทุกคน มิสเตอร์ฟูลอาจยอมแพ้ เลิกต่อต้าน เพื่อให้ราชันสวรรค์ได้กลับมา”
ลูเมี่ยนฟังอย่างเหม่อลอย ในหัวมีความคิดหนึ่งแล่นผ่าน
ถ้ามิสเตอร์ฟูลยอมแพ้ต่อราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค จะเกิดบทสรุปแบบใดขึ้น?
‘เมจิกเชี่ยน’ ไม่สานต่อหัวข้อเดิม
“สำหรับข้อมูลอื่น ตอนนี้ฉันยังบอกไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร การตามล่าพวกโลกิ ถือเป็นทั้งความแค้นส่วนตัวของเธอ และเป็นภารกิจของพวกเราชุมนุมทาโรต์ด้วยเช่นกัน ถ้าเธอมั่นใจก็ลงมือเองเลย แต่ถ้าไม่ ก็เรียกฉันหรือไพ่อาร์คาน่าใหญ่ใบอื่นมาช่วยได้เสมอ จงพยายามกำจัดสมุนของราชันสวรรค์ให้ได้มากที่สุด”
พูดถึงตรงนี้ สุภาพสตรีก็ลุกขึ้นยืน ภายในห้องปรากฏดวงดาวระยิบระยับทันที
นั่นทำให้ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ท่ามกลางท้องนภาอันงดงามกว้างใหญ่
หมู่ดาวเหล่านั้น หมุนวนไม่หยุดพัก ราวกับกำลังแจ้งบางสิ่ง มาดามเมจิกเชี่ยนจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า
“อย่างที่คิด ฉันอ่านไม่ได้ว่าโลกิคืนชีพในที่ใด และตัวตนใหม่คืออะไร ในกรณีของคนอื่น ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอต่อการทำนาย”
“ไว้เฮล่ารวบรวมข้อมูลเสร็จ เธอส่งสำเนาให้ฉันหนึ่งชุดด้วยล่ะ”
……………………………………………………..