ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 392 เปลี่ยนเส้นทาง
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 392 เปลี่ยนเส้นทาง
ตอนที่ 392 เปลี่ยนเส้นทาง
……….
โอสถ ‘นักวางเพลิง’ ถูกย่อยได้มากกว่าที่ลูเมี่ยนคาด อาจเพราะการกระตุ้นกลิ่นอายของจักรพรรดิโลหิต อลิสต้า·ทูดอร์ อย่างไร้การป้องกัน เทียบเท่าการวางเพลิงครั้งใหญ่ในทรีอาร์ เทียบเท่าการเผามหาวิหารนักบุญวีฟ รวมถึงมหาวิหารของเทพจักรกลไอน้ำ
เฮล่ามองเนื้อและหนอนที่ถูกเปลวไฟกลืนกินครู่หนึ่ง แล้วหันไปถามฟรังก้า
“ตอนนี้บอกเบาะแสเรื่องการข้ามมิติได้หรือยัง”
ฟรังก้าพยักหน้าอืม เรียบเรียงคำพูดแล้วตอบ
“ชาร์ลเคยลองพิธีกรรมอัญเชิญวิญญาณแบบพิเศษ แต่ดันเกิดเหตุไม่คาดฝัน เรียกเงาที่อาจมาจากบ้านเกิดฉันกับมักเกิ้ลออกมา ซ้ำยังทำพันธสัญญากัน”
“พอรู้เรื่องนี้ ฉันให้ชาร์ลอัญเชิญใหม่ ลองคุยกับเงานั่นอีกครั้ง”
“ภาษาที่เงาใช้ใกล้เคียงภาษาบ้านเกิดฉันมาก เราถามว่า มันมาจากที่ใด อีกฝ่ายตอบว่า ‘โอรสสวรรค์โลหิตก่อกวนใต้พิภพ นักพรตแห่งโลกความตายสังเวยตนลงแม่น้ำ’”
ฟรังก้าพูดประโยคหลังเป็นภาษาอินทิส
เฮล่าฟังจบ มองไปทางลูเมี่ยน
“เศษเสี้ยวของจักรพรรดิโลหิต อลิสต้า·ทูดอร์?”
“นักพรตโลกแห่งความตายลากพระองค์กลับไป?”
“พวกเราก็เดาแบบนั้น” ลูเมี่ยนตอบรวบรัด เป็นนัยว่าฟรังก้าก็ทราบเรื่อง ‘บ่อน้ำสตรีซามาเรีย’ แล้ว ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม
“นักพรตโลกแห่งความตาย…” เฮล่าพึมพำคำนี้เบาๆ
ฟรังก้าเล่าต่อ ถึงข้อสันนิษฐานของตนกับลูเมี่ยน สงสัยว่าแม่น้ำลวงตาหลังบ่อน้ำ เชื่อมต่อกับโลกเดิมของชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก
เฮล่านิ่งเงียบ ดวงตาสีมืดส่องประกายวับวาวราวกับหมู่ดาวนับพัน
“ก็ทำนองนี้ ไว้กำจัดคนทรยศในสมาคมฯ ได้เมื่อไร ฉันจะแบ่งปันข้อมูลนี้กับทุกคน” ฟรังก้าครุ่นคิดแล้วเตือนเฮล่า “พวกพ้องของโลกิน่ะ นอกจากกลุ่มวันเอพริลฟูลแล้ว อาจยังมีแฝงตัวในกลุ่มอื่นด้วย ทำตัวแนบเนียน ไม่สร้างเรื่อง รอจังหวะสำคัญค่อยลงมือ”
เฮล่าพยักหน้าแผ่วเบา
“ฉันจะปรึกษากับ ‘แกนดาล์ฟ’ และคนอื่น ว่าจะจัดการอย่างไร”
สุภาพสตรีหันไปทางลูเมี่ยน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะพาพวกคุณกลับขึ้นข้างบน”
ลูเมี่ยนละสายตาจากเปลวไฟ ถอนหายใจ
“ผมขอจัดการที่นี่ก่อน”
เด็กหนุ่มย่อตัวลง วางมือบนพื้นหน้าศพโลกิ
เสียงระเบิดทุ้มต่ำดังขึ้น พื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย ผิวดินที่นองไปด้วยเนื้อและหนอนทรุดลงไป กลายเป็นซากกองดินหิน
ฟรังก้าเห็นภาพนั้น ก็พยักหน้าเข้าใจ
วิธีนี้จะป้องกันมิให้นักผจญภัยที่อาจผ่านทางมา สัมผัสกับมลทินที่หลงเหลือบนศพโลกิ
เธอเองก็ช่วยแบกศพหุ่นเชิดสองตัวมาวาง ลังเลว่าจะถอนฟันกับเล็บของวิญญาณอาฆาตดีหรือไม่
พวกมันคือวัสดุวิญญาณชั้นดี ใช้ทำอาวุธวิเศษได้
หากวิญญาณอาฆาตคลุ้มคลั่ง กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว ฟรังก้าคงไม่สองจิตสองใจ ว่าจะจัดการศพดีไหม แต่อีกฝ่ายยังคงรูปมนุษย์อยู่
เนื่องจากไม่ขาดแคลนอาวุธและยาทา ฟรังก้าจึงเก็บเพียงฝุ่นที่ร่วงจากวิญญาณอาฆาตโปร่งแสง ดูดซับพลังวิญญาณที่เหลือจากพวกมัน
เธอถอดเสื้อผ้าผู้ได้รับพรจากเทพมาร ตรวจหาร่องรอยเพื่อสืบสาว แล้วโยนศพทั้งสองลงหลุมไฟ
จัดการเสร็จ หญิงสาวมองเฮล่า ถามอย่างสงสัย
“มาดามเฮล่า คุณเลื่อนเป็นลำดับ 4… กลายเป็นครึ่งเทพแล้วหรือ?”
ไม่อย่างนั้นจะกำราบโลกิได้ง่ายได้เช่นไร?
“ถูกต้อง” เฮล่าพยักหน้า
ฟรังก้าถามหลังจากไตร่ตรอง
เหมือนกับที่ยืมใช้สมบัติปิดผนึก ‘ปกปิด’ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมชุมนุมใน ‘อาณาจักรราตรี’ ?
—เส้นทาง ‘ผู้เก็บซากศพ’ ยังเรียกว่าเส้นทาง ‘มรณา’
เฮล่าตอบเสียงเย็น
“ฉันย้ายมาเส้นทาง ‘รัตติกาล’ ลำดับ 4… ผู้พิทักษ์ราตรี”
“ทำไมล่ะ?” ฟรังก้าไม่ค่อยเข้าใจการเลือกของเฮล่า
แม้เธอเคยวางแผนย้ายไปเส้นทาง ‘นักล่า’ ตอนเป็นลำดับ 4 เพื่อกลับสู่ร่างบุรุษ แต่ตามปกติแล้ว การเดินตามเส้นทางเดิมย่อมดีกว่า เพราะการสวมบทบาทในลำดับก่อนหน้า จะช่วยให้ผู้วิเศษหยั่งรากลึกลงบนเส้นทาง การรับช่วงลำดับ 4 ในเส้นทางเดิมจึงง่ายและปลอดภัยกว่า
แน่นอน หากหาสูตรกับวัตถุดิบหลักของโอสถลำดับ 4 ในเส้นทางเดิมไม่ได้ การย้ายไปเส้นทางใกล้เคียงก็เป็นทางเลือก อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสี่ยงกับภาวะกึ่งเสียสติ แถมยังได้พลังแปลกใหม่ผสมผสาน
ฟรังก้าไม่เคยเห็นเฮล่าคิดย้ายเส้นทางมาก่อน ในการชุมนุมแต่ละครั้ง เธอมักสนใจเพียง ‘ผู้เก็บซากศพ’ ซ้ำยังรวบรวมวัตถุดิบของเส้นทางนี้มาขายเป็นหลัก
อาจเพราะหาสูตร วัตถุดิบ หรือพิธีกรรมของโอสถลำดับ 4 เส้นทาง ‘ผู้เก็บซากศพ’ ไม่ได้? ฟรังก้าคาดเดาจากความรู้ศาสตร์เร้นลับของตน
สีหน้าเฮล่าอ่อนลงเล็กน้อย
เธอมองความมืดนอกโพรงเหมือง เนื้อเสียงเริ่มไม่เรียบเหมือนเดิม
“หากฉันไปต่อในเส้นทาง ‘มรณา’ เทพที่ฉันศรัทธาคงอดใจไม่ไหว ใช้ฉันเป็นภาชนะสำคัญในช่วงเวลาพิเศษ”
เฮล่ายิ้มอย่างหาได้ยาก มองอย่างเหม่อลอยพลางเปล่งเสียง
“ทุกวันนี้พระองค์ก็รักษาความเป็นมนุษย์ได้ยากแล้ว ฉันไม่ควรรบกวนพระองค์อีก”
ฟรังก้างุนงง แต่เข้าใจว่าเฮล่ามีเหตุผลในการย้ายเส้นทาง
เฮล่ามองฟรังก้าแล้วพูด
“ถ้าได้เลื่อนเป็นลำดับ 3 ฉันอาจกลับไปเส้นทาง ‘มรณา’ หรือย้ายไปเส้นทาง ‘นักรบ’ เลย”
“ทรัพยากรลำดับสูงของเส้นทาง ‘รัตติกาล’ ขาดแคลนอย่างยิ่ง”
“ว้าว” ฟรังก้าจินตนาการถึงเฮล่าที่มีพลังจากเส้นทาง ‘รัตติกาล’ ‘ผู้เก็บซากศพ’ และ ‘นักรบ’ พลางคิดว่าคงเจ๋งและแข็งแกร่งมาก
เธอเริ่มตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ที่จะมีความสามารถของทั้ง ‘นางมาร’ และ ‘นักล่า’ ในอนาคต
ขณะเดียวกัน ลูเมี่ยนเผาศพกลายพันธุ์ของโลกิจนเสร็จ แล้วถมหลุม
เฮล่าทำให้ทุกสิ่งรอบข้างมืดลงทันที
…………
เมื่อลูเมี่ยนกับฟรังก้ารู้สึกตัว ก็พบว่าตนออกจากโพรงเหมืองร้างแล้ว กำลังยืนอยู่ใกล้ทางเข้าทรีอาร์ใต้ดินบนถนนอลเวง
ไกลออกไป มีเสียงอื้ออึงดังจากถนนเสื้อนอกขาว
“ฮู้… ครั้งนี้อันตรายที่สุดแล้ว นับตั้งแต่ฉันเป็นผู้วิเศษมา” ฟรังก้าถอนหายใจยาว พูดจากก้นบึ้งความรู้สึก “ถ้าโลกิไม่ใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อคุณ ป่านนี้คงกลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว”
ลูเมี่ยน ‘อืม’ หนึ่งคำ ไม่พูดมากกว่านั้น
เด็กหนุ่มก้าวไปข้างหน้า เดินเข้าสู่ถนนอย่างไม่รีบร้อน
ฟรังก้าตามไป ถามด้วยความสงสัย
“ตอนที่โลกิพูดเพ้อเจ้อรบกวนจิตใจคุณ เนื้อหามีอะไรบ้าง?”
“แม้ส่วนใหญ่จะโกหก แต่ก็อาจแฝงข้อมูลล้ำค่า”
อย่างเช่น เรื่องที่สมาชิกสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกทุกคน อาจมีกลิ่นอายตกค้างของราชันสวรรค์
ลูเมี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ
“มันเล่าว่า พวกมันวางแผนทำร้ายโอลัวร์อย่างไร เปิดเผยสภาพจิตใจและกระบวนการบำบัดของเธออย่างไร แถมยังเยาะเย้ยเธออย่างไร้ยางอาย เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ …”
เขาเล่าอย่างเรียบง่าย แต่ก็ยังทำให้โทสะของตนกลับมาพลุ่งพล่าน
“หา?” ฟรังก้าตกใจ ก่อนจะนึกได้ “นักจิตบำบัด ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ …?”
ลูเมี่ยนพยักหน้าไม่เร็ว
ฟรังก้าครุ่นคิด ยิ่งคิดยิ่งโกรธ
“บัดซบ! พวกมันชั่วช้าได้ถึงเพียงนี้เชียว? ฉันสนับสนุนให้คุณสับไอ้พวกระยำนี่เป็นแปดท่อน เอาม้าห้าตัวลาก ถลกหนังยัดด้วยฟาง!” เธอสบถหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
ลูเมี่ยนยังคงเงียบ ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้
ฟรังก้าชำเลืองมองเด็กหนุ่ม พูดอย่างลังเล
“ตอนที่เผชิญหน้ากับคนของวันเอพริลฟูลเมื่อครู่ คุณอดกลั้นไม่ลงมือฆ่าพวกเขาได้…”
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“ทำไมต้องฆ่าพวกโง่นั่น? การปล่อยให้พวกที่คิดว่าตัวเองฉลาดล้ำ ต้องทุกข์ใจ อับอาย เสียใจ เมื่อนึกถึงการถูกโลกิหลอกใช้ มันทำให้ผมมีความสุขกว่าฆ่าทิ้งเสียอีก”
“ต่อไป แค่มีคนเอ่ยถึงโลกิ ก็ไม่ต่างจากการตะโกนด่าพวกเขาต่อหน้าว่า ‘ไอ้โง่’ จะเถียงก็เถียงไม่ได้ด้วย”
ฟรังก้าได้ยินแล้วก็โล่งใจ
เธอกล่าวกับลูเมี่ยน
“ถนนเสื้อนอกขาวดูคึกคักเป็นพิเศษ คืนนี้ฉันจะไปนอนบ้านจินนา ฮุๆ”
“จริงสิ เดี๋ยวฉันจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้อาร์คาน่าใหญ่ฟังคร่าวๆ แจ้งว่าถ้าสองเดือนนี้ฆ่าโลกิไม่ได้ ก็อยากย้ายออกจากเขตตลาด คุณก็เหมือนกัน อาจขอย้ายไปดูแลสาขาอื่นของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก”
“ผมก็จะเขียนจดหมายถึงอาร์คาน่าใหญ่” ลูเมี่ยนสื่อเป็นนัยว่า จะไม่ประมาทอันตรายที่อาจเกิดจากโลกิ
เด็กหนุ่มแยกเรื่องส่วนตัวกับงานชัดเจน ไม่เคยรบกวนให้มาดามเมจิกเชี่ยนช่วยจัดการหลวงพ่อหรือสืบสวนโลกิ แต่ครั้งนี้เขาใช้กลิ่นอายของจักรพรรดิโลหิตสร้างความวุ่นวายไม่น้อย จึงจำเป็นต้องรายงาน
ฟรังก้าเห็นลูเมี่ยนยังมีสติ จึงโล่งใจ โบกมือลาแล้วมุ่งหน้าไปเขตสวนพฤกษศาสตร์
ลูเมี่ยนถอนสายตากลับ เดินตามถนนที่ยังหลงเหลือความร้อนจากตอนกลางวัน เข้าโรงแรมระกาทอง
เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้วิเศษทางการ ซึ่งชั่วโมงนี้กำลังสืบหาร่องรอยบนถนนเสื้อนอกขาว
เป็นมาดามเมจิกเชี่ยน มาในชุดกระโปรงยาวสีส้มเอวคอด ถือหมวกปีกกว้างประดับดอกไม้
“คุณรอผมอยู่?” ลูเมี่ยนถามไปตามความเคยชิน
มาดามเมจิกเชี่ยนยิ้ม
“ยังจะเป็นอะไรได้อีก?”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะกลับมาที่นี่?” ลูเมี่ยนปิดประตู
มาดามเมจิกเชี่ยนยิ้มบางๆ
“การชี้นำจากโชคชะตาน่ะ”
“เล่ามาสิ ทำไมถึงใช้ออร่าของจักรพรรดิโลหิต?”
……………………………………………………..