ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 391 กลุ่มคนโง่
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 391 กลุ่มคนโง่
ตอนที่ 391 กลุ่มคนโง่
ภายในพระราชวังโบราณ มีสองคนเดินเข้ามา หนึ่งคือ ‘ดินดำ’ แต่งกายเหมือนนายพรานในป่าลึก สวมหมวกขนปุย กับหน้ากากหนังหนา อีกคนชื่อ ‘บาคคัส’ (Bacchus) ใส่แค่กางเกงขาสั้น บนใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากทองเหลือง
พอเห็นเฮล่า พวกเขาพยักหน้าทักทายเบาๆ
จากนั้นก็กวาดสายตาไปเห็นฟรังก้า ผู้ไม่ได้ติดโค้ดเนม กับมักเกิ้ลที่ปกคลุมด้วยหมอก ราวกับอยู่ในดินแดนความฝัน
“คนนี้ใคร” ดินดำในชุดนายพราน ชี้ไปทางฟรังก้า ถามด้วยความสงสัย
“ดาบซ่อนแขนเอง พอดีรีบมา ไม่ทันติดป้าย” ฟรังก้าตอบเอง
ดินดำกับบาคคัสสลายความระแวงทันที เลิกตื่นตระหนก
ในการชุมนุมฉุกเฉินทำนองนี้ นับเป็นปกติอย่างยิ่งที่ ‘ดาบซ่อนแขน’ จะทำผิดพลาดสักเรื่องสองเรื่อง
นี่แหละตัวเธอ!
อีกครู่ต่อมา สมาชิกกลุ่มย่อยวันเอพริลฟูลทยอยเดินทางมาถึง แต่ลูเมี่ยนไม่เห็นห้าเป้าหมายที่น่าสงสัยที่สุด อย่าง ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ‘ฮิโซกะ’ ‘กวีเร่ร่อน’ ‘นังบ้า’ และ ‘อุลตร้าแมน’
สีหน้าของเด็กหนุ่มเริ่มเคร่งขรึม เชื่อว่าโลกิคืนชีพแล้ว แจ้งเตือนบรรดาสมาชิกที่มีปัญหาเรียบร้อยแล้ว
สิบกว่าคนตรงนี้เป็นเพียงเบี้ยหมาก หากพวกโลกิทำเกินเลย จนถูกชาวสมาคมวิจัยฯ จับพิรุธได้ คนกลุ่มนี้ก็จะถูกโยนออกมาเป็นโล่เนื้อ เพื่อเข้ารับการสอบสวนแทน
พวกเขาค่อนข้างบริสุทธิ์ จึงไม่มีทางตรวจพบอะไร ส่งผลให้อีกหกคนที่ศรัทธา ‘ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค’ พลอยถูกมองในแง่ดีไปด้วย
ตอนนี้ ‘ดินดำ’ กับพวกเริ่มพบความไม่ชอบมาพากล
ไฉนคนมาประชุมด่วนถึงมีน้อยนัก?
เลยเวลานัดแล้ว ทุกทีต้องมีคนมาถึงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งแล้ว
“เฮล่า เกิดอะไรขึ้น?” บาคคัสที่มีเพียงหน้ากากกับกางเกงขาสั้น ถามเสียงเข้ม
ลูเมี่ยนยิ้มเยาะ ราวกับกำลังมองกลุ่มคนโง่
ถ้าบอกว่าพวกโลกิเลวระยำ คนเหล่านี้ก็โง่เง่าเต่าตุ่น คิดว่าตัวเองฉลาดล้ำ คิดว่ารู้ไปหมด คิดว่ากำลังสนุกสนานก่อนวันโลกาวินาศ แต่ในความเป็นจริง แค่พวกที่ถูกหลอกใช้เป็นอาวุธ เป็นโล่เนื้อ
ลูเมี่ยนกล้าพนันเลยว่า ตอนที่ ‘โลกิ’ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ กับพวกกลุ่มวันเอพริลฟูลที่เหลือนัดเจอกันส่วนตัว ก็คงแอบเยาะเย้ยเจ้าพวกโง่เหล่านี้เช่นกัน
เฮล่าพูดเสียงเย็น
“ที่เรียกพวกคุณมาชุมนุม เพราะโลกิทรยศพวกเรา”
ดินดำ บาคคัส และคนที่เหลือ เผยสีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน ต่างเหลียวซ้ายแลขวา ไม่เห็นร่างของโลกิ
เฮล่าพูดต่อ
“เขาศรัทธาเทพมารองค์หนึ่ง แล้วพา ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ กับพวกไปฆ่าสมาชิกสมาคมฯ หลายคน”
“ข้อกล่าวหาแบบนี้ต้องมีหลักฐาน” บาคคัสโต้แย้งตามความเคยชิน
ลูเมี่ยนซึ่งติดตุ้มหู ‘คำลวง’ แล้ว พูดด้วยเสียงของโอลัวร์
“ฉันคือหลักฐาน!”
“พวกนายคงเห็นฉันซื้อ ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ แล้ว มันทำให้จิตใจฉันมีปัญหา เกือบคลุ้มคลั่ง โชคดีที่หาคนช่วยทัน ปิดผนึกบุคลิกที่แยกออกมาได้”
“ก่อนหน้านี้ ฉันขอให้ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ช่วยรักษา แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย กลับยิ่งแย่ลง”
“ฉันไปหาพวกเขา อยากเคลียร์ใจ ใครจะรู้ว่าพวกเขายังวางแผนฆ่าฉันอีก!”
ดินดำเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว
“เรื่องนี้ฉันจำได้… เธอไปซื้อมาจาก ‘นังบ้า’ พวกเขาหลอกเธอด้วยเหตุผลว่า การข้ามมิติควรเกิดจากสองฝั่ง มิใช่ฝั่งเดียว ไม่อย่างนั้น ทำไมเราถึงข้ามมายังโลกนี้ ทำไมถึงบังเอิญสิงร่างคนพวกนี้พอดิบพอดี เจ้าของร่างเดิมต้องเคยทำอะไรบางอย่างไว้ ถึงได้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสองโลก… ดังนั้น ก่อนจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรถึงข้ามมิติมา ลองเรียกวิญญาณเจ้าของร่างกลับมาถามดู อาจค้นพบข้อเท็จจริงที่คาดไม่ถึงก็ได้”
“มักเกิ้ล ตอนนั้นเธอคงอยากกลับบ้าน คงคิดถึงบ้านเกิดมากใช่ไหม ถึงได้ยอมเชื่อเหตุผลพรรค์นั้น?”
ไม่อยากเชื่อเลยว่า มักเกิ้ลจะถูกปั่นหัวด้วยวิธีที่หลอกได้แต่เด็กน้อย!
ไม่มีใครสักคนที่โดน ‘นังบ้า’ หลอก ต่อให้เธอจะบอกว่า ‘เคยลองทำเองแล้ว’ และเกิดผลอยู่บ้าง แต่ก็ยังถือเป็นเบาะแสไม่ได้
นังบ้า… ลูเมี่ยนทวนชื่อนี้ในใจ
จากนั้นก็หัวเราะ
“ก็จริงที่ตอนนั้นฉันคิดน้อยเพราะอยากกลับบ้านใจจะขาด… แต่พวกนายก็ไม่ต่างกันนักหรอก”
“ลองมองไปรอบๆ สิ… โลกิ นังบ้า กวีเร่ร่อน มีใครมาหรือเปล่า?”
“พวกมันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร เข้าใจชัดเจนว่าหากถูกเปิดโปง ก็ต้องชิ่งหนีสมาคมฯ ทันที ส่วนพวกนายน่ะ ทั้งโง่ งี่เง่า ไม่รู้อะไรเลย ไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น แถมยังช่วยพวกมันอีก!”
“หมูหมากาไก่ยังฉลาดกว่าพวกนายเลย!”
ข้อเท็จจริงที่ว่า พวกโลกิไม่ปรากฏตัว ผสมโรงกับคำเย้ยหยันของมักเกิ้ล กำลังทิ่มแทงช่องโหว่ในจิตใจของ ‘ดินดำ’ กับชาววันเอพริลฟูลคนอื่น
บางคนโกรธจนอับอาย อยากด่าสวน บางคนสั่นสะท้าน สิ้นหวังและสับสน บางคนรู้สึกราวกับมีแมลงนับพัน คอยกัดกินจิตใจอยู่ ความทุกข์ทรมานอยู่ในระดับที่จับต้องได้
เล็งเห็นถึงโอกาส ฟรังก้าเข้าโหมด ‘ยุยง’ พูดเสริมผสมโรง
“พวกนายยังไม่เข้าใจอีกหรือ ทุกคนเป็นแค่เบี้ยที่ถูกทิ้ง ซึ่งตอนนี้ถูกทิ้งเรียบร้อยแล้ว หมดประโยชน์โดยสิ้นเชิงแล้ว!”
“พวกนายไม่เคยได้เป็นแกนนำของวันเอพริลฟูล ไม่เคยได้รับความไว้ใจจากโลกิ แถมยังโดนพวกมันเยาะเย้ยลับหลังด้วย!”
“ตอนนี้โลกิกับพรรคพวกถูกเปิดโปงแล้ว สามารถล่าคนของสมาคมฯ ได้โดยไม่มีข้อผูกมัด พวกนายคิดว่า ใครจะกลายเป็นเป้าหมายแรกที่พวกมันหาเจอ และล็อกเป้าได้ง่ายที่สุดล่ะ?”
“สิ่งเดียวที่พวกนายทำได้คือ ระลึกถึงรายละเอียดตอนที่เคยติดต่อกับพวกโลกิ รวมถึงการกลั่นแกล้งที่ลงมือบนโลกความจริง เพื่อให้ทางเรากวาดล้างไอ้พวกทรยศเหล่านี้โดยเร็ว”
“จำเอาไว้ สารภาพได้ลดโทษ ต่อต้านโดนจัดเต็ม”
ดินดำ บาคคัส และคนที่เหลือคิดตามคำชี้นำของ ‘ดาบซ่อนแขน’ แล้วพบว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง
พวกเขามองหน้ากัน ออกท่าทีลังเลชัดเจน สมาชิกไม่กี่คนที่เคยเห็นฝีมือของโลกิและพวกพ้อง ถึงกับสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
ฟรังก้าปิดท้ายด้วยระเบิดลูกใหญ่
“อย่าคิดว่าแค่ย้ายบ้าน หอบข้าวของหนีสักครั้ง ก็จะรอดพ้นจากการถูกโลกิล่า… ฉันบอกพวกนายเอาไว้ตรงนี้เลย จากประสบการณ์ของมักเกิ้ล พวกโลกิน่าจะมีวิธีติดตามและล็อกเป้าคนของสมาคมฯ ได้ไกลประมาณหนึ่ง โดยอาศัยการเชื่อมโยงทางศาสตร์เร้นลับ”
“ส่วนจะมีวิธีใดบ้าง เดี๋ยวในการชุมนุมครั้งหน้า ฉันจะบอกทุกคนเอง”
ดินดำขบกรามแน่น
“รายละเอียดเยอะเกิน สองสามชั่วโมงพูดไม่จบหรอก”
สมาชิกกลุ่มวันเอพริลฟูลต่างก็พยักหน้ารับ
เฮล่าไตร่ตรองก่อนจะพูด
“พวกคุณกลับไปก่อน เขียนทุกรายละเอียด แล้วส่งมาให้ฉัน”
“อย่าลืม พอกลับไปถึงก็เก็บของ หนีไปกบดานที่โรงแรมหรือหอพัก ให้ห่างจากบ้านเดิมอย่างต่ำห้ากิโลเมตร”
พวกบาคคัสถอนหายใจยาว ทยอยตอบตกลง
จากนั้น ลูเมี่ยนเห็นพวกเขาหลับตาลงพร้อมกัน เหมือนยืนหลับ
ด้วยสีหน้าครุ่นคิด เด็กหนุ่มกับฟรังก้าหันไปอีกทาง แล้วพบว่าดวงตาของมาดามเฮล่า ดูเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปิดลง
ผ่านไปสักพัก เฮล่าลืมตา บอกลูเมี่ยนกับฟรังก้า
“ไม่มีสมุนของโลกิ หรือสาวกของราชันสวรรค์แฝงตัวมา”
เธอกลัวว่าโลกิจะเสี่ยงทิ้งลูกน้องมาสืบข่าวสินะ… ฟรังก้าเพิ่งเข้าใจ
วินาทีถัดมา ดินดำ บาคคัส และคนที่เหลือ ได้สติตื่นพร้อมกัน รีบสวดคาถาโดยสัญชาตญาณ ทยอยออกจากพระราชวังเก่าโทรม
ลูเมี่ยนปลดหน้ากากไนเซอร์ ถอดตุ้มหู ‘คำลวง’ เอ่ยถามกับเฮล่า
“ทุกครั้งที่สวดคาถาเพื่อเข้าร่วมการชุมนุม ร่างกายจะถูกกลิ่นอายลับๆ ของสมบัติปิดผนึกปนเปื้อนใช่ไหม?”
“ใช้มันตามหาพวก ‘นังบ้า’ ได้ไหม?”
เฮล่าส่ายหน้า
“ไม่เหลือร่องรอยเหล่านั้นในตัวพวกเขาแล้ว”
เห็นได้ชัดว่า เธอเคยลองวิธีนี้แล้ว
ลูเมี่ยนไม่พูดต่อ เพียงถอนหายใจยาวอย่างเงียบงัน
ทั้งสามทยอยออกจากอาณาจักรราตรี กลับไปยังโพรงเหมืองร้างใต้ดินทรีอาร์
เฮล่าเก็บตะกอนพลัง ‘วิญญาณอาฆาต’ ที่แยกออกมา พูดกับลูเมี่ยนและฟรังก้าว่า
“ถ้าหาโลกิไม่เจอ ถ้าฆ่าเขาไม่ได้อย่างแท้จริง พวกคุณจะอยู่ที่เขตตลาดได้อีกสามเดือนเท่านั้น ถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะยังมีสิ่งใดค้างคาอยู่ ต้องคิดถึงการย้ายถิ่นแล้ว”
“ทำไมต้องสามเดือน” ฟรังก้าสงสัย จึงถามกลับ
เธอรู้สึกว่า อยู่ต่ออีกสักหนึ่งสัปดาห์ก็อันตรายฉิบหายแล้ว
เฮล่าอธิบายรวบรัด
“แม้โลกิจะคืนชีพพร้อมตะกอนพลัง แต่เขาก็เสียหุ่นเชิดไปหมด นักเชิดหุ่นถ้าไม่มีหุ่นเชิด จะไม่บุ่มบ่ามลงมือกับใคร นอกเสียจากจะมั่นใจเต็มร้อย มองว่าพวกคุณอ่อนแอมาก แต่พวกคุณต่างก็แสดงฝีมืออันน่าประทับใจให้เขาเห็นแล้ว”
“สำหรับนักเชิดหุ่นที่ไม่มีหุ่นเชิด การจะหาหุ่นเชิดที่เหมาะสมและทรงพลังมาครอบครองใหม่ ต้องใช้การวางแผน อาศัยดวง ซ้ำยังต้องคอยเปลี่ยนตัวใหม่เรื่อยๆ … พวกคุณน่าจะได้พักหายใจสักสามถึงหกเดือน”
“เข้าใจแล้ว” ฟรังก้าตัดสินใจจะรายงานมาดามจัดจ์เมนต์ บอกว่าถ้าอีกสองเดือนยังไม่มีความคืบหน้า เธออยากเลิกทำภารกิจของ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ แล้วย้ายสถานที่
ลูเมี่ยนก็พยักหน้ารับเช่นกัน
ในใจกำลังคิดคำนวณว่า เป็นไปได้ไหมที่จะย่อยโอสถนักวางเพลิงให้หมด และรวบรวมสูตรกับส่วนผสมหลักของโอสถ ‘นักวางแผน’ ให้ได้ภายในสามเดือน
ขณะเดียวกัน เฮล่าชี้ไปทางบ่อเนื้อเละเลือดท่วม ซ้ำยังมีหนอนบิดตัว ซึ่งเป็นซากร่างของโลกิ ตามด้วยกล่าว
“ซากหนอนพวกนี้คือวัสดุดิบวิญญาณชั้นดี อรรถประโยชน์สูง แต่มันแฝงภัยซ่อนเร้น โดนมลทินปนเปื้อนอยู่บ้าง อาจนำพาอันตรายที่คาดเดาไม่ได้มาสู่พวกคุณ”
ฟรังก้าระลึกถึงประสบการณ์สยองขวัญที่เกือบกลายเป็นหุ่นเชิด จึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
ลูเมี่ยนจ้องหนอนนับไม่ถ้วน จ้องเนื้อเละเหมือนบ่อโคลนครู่หนึ่ง แล้วยิงลูกไฟสีแดงที่ลอยเหนือบ่า พุ่งเข้าหาศพของโลกิทันที
ลูกไฟมิได้ระเบิด แต่ลุกไหม้รุนแรง ลุกโชนด้วยแสงสีแดงเพลิง
มองดูหนอนกับเลือดเนื้อถูกเผาไหม้ มองดูเปลวไฟที่ลุกโชน ลูเมี่ยนพบว่าโอสถนักวางเพลิงในตัว ย่อยไปได้อีกระดับหนึ่ง
เป็นผลจากประสบการณ์ขณะถูกโลกิควบคุม ที่เขาต้องอาศัยภาวะเกือบคลุ้มคลั่ง จุดไฟเผาตัวเอง ปลุกออร่าของจักรพรรดิโลหิตให้กระหึ่ม
ช่วยให้ลูเมี่ยนสามารถสรุปหลักการสวมบทบาท ‘นักวางเพลิง’ ของตนเพิ่มอีกหนึ่งข้อ:
นักวางเพลิงมิใช่คนร้ายวางเพลิง มีเพียงคนที่กล้าเผาตัวเอง จึงจะเผาคนอื่นได้สำเร็จ!
……………………………………………………..