ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 390 ภัยแฝง
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 390 ภัยแฝง
ตอนที่ 390 ภัยแฝง
เฮล่าเหลือบมองลูเมี่ยน เงียบไปสองวินาทีก่อนจะพูด
“ตกลง ฉันจะไปเตรียมการทันที”
“แต่อย่าคาดหวังมากนัก ถึงจะเป็นการชุมนุมฉุกเฉิน ก็ต้องเผื่อเวลาสิบนาทีให้ทุกคนปลอมตัว ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มา”
และสิบนาที ผนวกกับเวลาที่ใช้สำหรับแจ้งข่าว อาจทำให้โลกิฟื้นคืนชีพมาเตือนพรรคพวกได้ทัน
ลูเมี่ยนสีหน้าไม่เปลี่ยน พยักหน้าแผ่วเบา
“คุ้มค่าที่จะลอง”
“ใช่แล้ว จับได้สักคนก็ยังดี ถ้ามีจุดเริ่มต้น ก็จะสาวไปถึงคนอื่นง่ายมาก” ฟรังก้าเห็นด้วยกับลูเมี่ยน
เธอสงสัยว่า ในหมู่สมาชิกสมาคมวิจัยฯ ที่ตายไปก่อนหน้า มีบางส่วนถูกฆ่าโดยโลกิกับพรรคพวก
เฮล่าไม่มัวประวิงเวลา รอบกายมืดลงทันใด ปฏิเสธแสงจากเปลวไฟสามดวงของเด็กหนุ่ม
ร่างของเธอหายไปพร้อมกับความมืด ไม่รู้ไปที่ใด
นี่คือจุดเริ่มต้นของการเตรียมจัดชุมนุมฉุกเฉิน
ลูเมี่ยนจ้องเนื้อเน่าที่เต็มไปด้วยหนอน สายตาวูบไหว จมอยู่ในความคิดตัวเอง
ฟรังก้าตรวจสอบร่างกายตัวเองอย่างละเอียด พบว่าไม่มีบาดแผลประจักษ์หรือสาหัส ความทุกข์ทรมานที่ได้รับก่อนหน้า ล้วนเกิดจากการกระทบกระเทือนทางใจ ดังนั้น เมื่อวิญญาณถูกปลอบโยนรักษา ก็จะเหลือเพียงรอยร้าวที่ไม่ชัดเจน
“ฮู่!” ฟรังก้าถอนหายใจยาว “โลกิช่างเจ้าเล่ห์นัก แถมยังแข็งแกร่ง โชคดีที่คุณรู้จักขอความช่วยเหลือมาดามเฮล่า ไม่อย่างนั้น ลำพังพวกเรา ป่านนี้คงกลายเป็นหุ่นเชิดของมันแล้ว”
ลูเมี่ยนเห็นด้วยอย่างยิ่ง
หากเขาไม่นึกถึงการยืมพลังจากเฮล่า รวมถึงเดาได้ว่า โลกิสามารถค้นพบความผิดปกติของตนได้ง่าย แล้วตัดสินใจ ‘ตกปลา’ ในคืนนี้เลย ผลลัพธ์อาจออกมาไม่ดีนัก
หากถูกโลกิเข้าใกล้โดยไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือฟรังก้า ก็ไม่มีทางต่อกรได้เลย
ตัวเขายังดี สามารถใช้ออร่าจักรพรรดิโลหิตที่กระตุ้นได้ง่าย ไม่ต้องผ่านพิธีกรรมซับซ้อน เรียกผู้วิเศษทางการมาแบบไม่เลือกหน้า แล้วฉวยโอกาสใช้ ‘เทเลพอร์ต’ หนีไปในช่วงชุลมุน แต่ฟรังก้าแทบจะไม่มีโอกาสรอดเลย
แน่นอน หากไม่มีแผน ‘ตกปลา’ ตั้งแต่แรก ลูเมี่ยนก็คงพาฟรังก้า ‘ข้ามโลกวิญญาณ’ ออกไป หลบหนีจากระยะสายตาของโลกิ แล้วค่อยย่องกลับมาในภายหลัง
“คุณไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทำเป็นหุ่นเชิดหรอก โลกิคิดจะเลี้ยงคุณจนเป็นนางมารลำดับ 4 ก่อน แล้วค่อยเริ่มทำหุ่นเชิด” ลูเมี่ยนพูดปลอบใจฟรังก้า
ฟรังก้าตะลึงไปครู่หนึ่ง พลางพึมพำ
“แต่มันบอกฉันว่า อยากได้หุ่นเชิดนางมารมานานแล้ว…”
“มันหลอกคุณ แถมยังหลอกด้วยว่า พระนามเต็มสี่บทนั่นมีไว้เพื่อทำให้มันจบโดยเร็ว แต่อันที่จริง มันเป็นเพียงกับดักที่เตรียมไว้สำหรับผม เพื่อปิดกั้นการดิ้นรนแทบทั้งหมด” ลูเมี่ยนชี้ให้เห็นอย่างใจเย็น ว่าฟรังก้าถูกหลอก
“…” ฟรังก้าอดสบถด่าไม่ได้ “บัดซบ! คำพูดจากปากมันเคยมีความจริงบ้างไหม? สมแล้วที่เป็นหัวหน้าแก๊งวันเอพริลฟูล นักต้มตุ๋นสมัยใหม่ที่อาศัยอยู่ตรงข้ามคาบาเร่ต์แกะดำ!”
ถึงตรงนี้ ฟรังก้าก็รำพันกับตัวเอง
“พระนามอันทรงเกียรติที่มันสวด ต้องเป็นของจริงแน่… เรื่องที่มันอาศัยจุดเด่นร่วมในตัวพวกเรา แล้วยืมพลังของราชันสวรรค์องค์นั้น เพื่อระบุตำแหน่งฉันได้โดยตรง ก็น่าจะจริงเหมือนกัน… ส่วนขอบเขตโดยละเอียด คำนึงจากสันดานที่แสดงให้เห็นมาตลอด มีโอกาสสูงที่ตัวเลขจะผิด เชื่อถือไม่ได้”
“ไอ้จุดเด่นร่วมที่ว่า มันคืออะไรกันแน่…”
“หากการข้ามมิติครั้งนี้ เป็นฝีมือของราชันสวรรค์นั่นจริง เราทุกคนก็ต้องมีกลิ่นอาย หรือรอยประทับที่พระองค์ทิ้งไว้ และโลกิที่สามารถยืมพลังจากพระองค์ ย่อมระบุตำแหน่งของเราได้ไม่ยาก”
ฟรังก้ารีบหันขวับมามองลูเมี่ยน
“ตอนชุมนุม โลกิต้องดูออกแน่ว่าคุณเป็นมักเกิ้ลปลอม! เพราะคุณไม่มีกลิ่นอายหรือรอยประทับของราชันสวรรค์!”
“ใช่” อารมณ์ของลูเมี่ยนหม่นลงเล็กน้อย
“ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้มาดามเฮล่าทราบ ดูว่าทุกคนจะคิดหาวิธีกำจัดกลิ่นอายของราชันสวรรค์ได้ไหม ไม่อย่างนั้น พวกเราจะถูกโลกิกับพรรคพวกตามล่าในภายหลัง” ฟรังก้าพูดไปพลางมองวิญญาณอาฆาต ซึ่งมีประกายสีเขียวอมดำซึมออกมา ผสานเข้ากับบางส่วนของศพ “แล้วจะเอายังไงกับตะกอนพลังก้อนนี้ดี?”
นี่คือตะกอนพลังลำดับ 5 เชียวนะ!
เธอมีไอเดียเกี่ยวกับมันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าลูเมี่ยนจะคิดอย่างไร
“มาดามเฮล่าสังหารโลกิโดยลำพัง รางวัลก็ต้องเป็นของเธอ” ลูเมี่ยนตอบแบบไม่ใส่ใจ
เด็กหนุ่มชี้ไปยังอีกศพหนึ่ง ซึ่งกลายมาจากหุ่นเชิด
“ทำไมถึงไม่มีตะกอนพลังแยกออกมาล่ะ?”
“นั่นสิ อย่าบอกนะว่ามันก็คืนชีพได้?” ฟรังก้าพึมพำ “หรือว่าจะเป็นผู้รับพร ไม่มีตะกอนพลัง?”
เธอก็คิดจะยกตะกอนพลังวิญญาณอาฆาตให้มาดามเฮล่าเช่นกัน
ลูเมี่ยนผงกหัวเชื่องช้า
“ตอนใกล้ค่ำ ผมคิดว่ามันเป็นหุ่นเชิดเส้นทาง ‘สุริยัน’ แต่ระหว่างถูกตรึงเอาไว้ ทุกคำพูดของมันฟังดูคล้ายเสียงเพรียก สามารถสั่นคลอนจิตใจ สั่นคลอนวิญญาณของผม ผิดไปจากรูปแบบปกติของเส้นทางสุริยัน… อา คงเป็นผู้รับพรของเทพมารสักตน แล้วถูกโลกิเปลี่ยนเป็นหุ่นเชิด”
“ไว้ค่อยถามมาดามเฮล่าทีหลัง” ฟรังก้ายังพูดไม่ทันจบ ร่างของเฮล่าในชุดคล้ายแม่หม้าย ก็ถูกวาดในโพรงเหมืองอันไร้ผู้คนแห่งนี้
เธอกล่าวกับลูเมี่ยนและฟรังก้า
“รออีกห้านาที เราจะสวดคาถานั่น เข้าไปในพระราชวังของ ‘อาณาจักรราตรี’”
“ตกลง” ลูเมี่ยนหายใจเข้า แล้วบรรจงผ่อนออก
ฟรังก้ารีบบอกเฮล่าทันที เรื่องที่สมาชิกสมาคมฯ อาจมีลักษณะบางอย่างร่วมกัน แล้วถามว่า
“มีวิธีตรวจสอบแล้วขจัดออกไปไหม? โลกิเป็นนักเชิดหุ่นฝีมือฉกาจ อาจซ่อนตัวอยู่ในความมืด ตามล่าพวกเราได้ตลอดเวลา น่ากลัวเกินไป”
เฮล่าครุ่นคิดแล้วตอบ
“วิธีแรก เลื่อนเป็นลำดับ 4… มีเพียงการเป็นครึ่งเทพ จึงจะสามารถกดทับกลิ่นอายที่ราชันสวรรค์ทิ้งไว้ได้ หรืออีกหนึ่งวิธี หาสมบัติวิเศษที่มีคุณสมบัติปกปิดหรืออำพราง”
“ตอนนี้ฉันนึกออกแค่สองวิธี ครั้งหน้าระหว่างการชุมนุม บางทีคนอื่นอาจมีแนวคิดใหม่ๆ”
ลูเมี่ยนหันไปมองเฮล่า ถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างร้อนรน
“มาดาม คุณได้ถามอะไรจากโลกิ หรือพบอะไรบ้างไหม?”
เฮล่าหยิบขวดเหล้าออกมา ดื่มรวดเดียวอีกหนึ่งในสาม
ใบหน้าซีดเผือดของเธอ แดงระเรื่อขึ้นมาหน่อย แล้วส่งเสียงเย็นเยียบ
“ตอนที่ฉันถามโลกิ ถึงเหตุผลที่ฆ่าสมาชิกคนอื่น เขาตอบว่าเพื่อความสนุกสนาน เพื่อสร้างความป่วน เพื่อดื่มด่ำกับความพึงพอใจทางอารมณ์และทางใจ แต่พอฉันเปลี่ยนมาถามว่า ทำไมต้องฆ่ามักเกิ้ล คำตอบของเขาคือ… ราชันสวรรค์ฟ้าดิน…”
เฮล่าไม่ได้พูดต่อ แต่อีกสองคนตรงนั้น เข้าใจความหมายของเธอดี
การขาย ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ ให้โอลัวร์ และชักนำให้เธอใช้มันกับตัวเอง จนจิตใจค่อยๆ แตกสลาย ดูเหมือนจะเป็นเจตจำนงของ ‘ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค’
“พระองค์ทำแบบนั้นทำไม… โอลัวร์ก็แค่ลำดับ 7… เป็นแค่ผู้วิเศษตัวเล็กๆ …” ลูเมี่ยนก้มหน้าลง กระซิบกระซาบด้วยความเจ็บปวด
เฮล่าตอบเสียงเย็น
“อาจเป็นเพราะว่า เจ้าของร่างเดิมของมักเกิ้ล รวมถึงครอบครัวของเธอ ซุกซ่อนปัญหาบางอย่างไว้”
ลูเมี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง
“หรือโลกิจะโกหก? พวกโกหกเป็นนิสัยอย่างเขา พูดอะไรก็ต้องหารครึ่ง”
“ในแดนฝันที่ฉันสร้าง เขาโกหกไม่ได้ เว้นแต่เขาจะได้รับคุณสมบัติ ‘รู้ตัวในฝัน’ ล่วงหน้า แต่นั่นเป็นไปไม่ได้” เฮล่าปฏิเสธข้อสงสัยของลูเมี่ยน
แดนฝัน… ฟรังก้ามองเฮล่าแวบหนึ่ง รู้สึกว่ามันไม่ค่อยตรงกับ ‘ภาพจำ’ ที่เธอมีต่อเส้นทางกับลำดับของอีกฝ่าย
ลูเมี่ยนเงียบอีกครั้ง
การข้ามมิติของโอลัวร์ อาจเกิดจากฝีมือของราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค และเมื่อเธอคืนชีพ ก็ถูก ‘พระองค์’ จับตามองทันที สืบเนื่องจากโรช·หลุยส์·ซ็องซงและครอบครัว เป็นผู้ศรัทธาในชะตากรรม ราวกับว่าชะตากรรมที่โอลัวร์ต้องพบเจอ คือโศกนาฏกรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
เห็นท่าไม่ดี ฟรังก้ารีบเปลี่ยนเรื่อง ชี้ศพหุ่นเชิดทั้งสองแล้วถาม
“มาดามเฮล่า ตะกอนพลังนั่นสมควรเป็นของคุณ แต่สิ่งที่ฉันสงสัยคือ เหตุใดหุ่นเชิดอีกตัว ถึงไม่มีตะกอนพลังแยกออกมา”
เฮล่าไม่ปฏิเสธ ขณะมองตะกอนพลัง ‘วิญญาณอาฆาต’ ที่อยู่ระหว่างกระบวนการแยกตัว เธอถามฟรังก้ากับลูเมี่ยน ถึงประสบการณ์ขณะถูกควบคุม
หลังจากแลกเปลี่ยนเบื้องต้น หญิงสาวครุ่นคิดแล้วสันนิษฐาน
“คงเป็นผู้รับพรจากเทพมารองค์หนึ่ง ลำดับ 7 คือ ‘นักปราศรัย’ ลำดับ 6 คือ ‘นักร้อง’ ทั้งสองลำดับสามารถใช้เสียงถ่ายทอดพลังงานเหนือธรรมชาติที่แตกต่างกัน สอดคล้องที่พวกคุณบรรยายมา”
“นอกจากนี้ ระหว่างอยู่ลำดับ 9 ของเส้นทาง จะต้องประกอบพิธีพันธลับบ่อยครั้ง เพื่อเข้าถึงความรู้ เข้าถึงความลี้ลับจากด้านหลังประตูไร้รูป ซึ่งแต่ละคนจะได้ยินหรือรับรู้ไม่เหมือนกัน พลังที่ได้รับจึงแตกต่างกัน การใช้เสียงร้องสร้างแสงแดดจ้า ก็คงเป็นหนึ่งในนั้น”
“เทพมารองค์ใด” ฟรังก้าโพล่งถาม
เฮล่าส่ายหัว
“ฉันไม่ทราบพระนามอันทรงเกียรติที่แน่ชัด สำหรับพวกเรา รู้ไปก็มีแต่จะยิ่งอันตราย”
“ฉันเคยพบผู้ศรัทธาของพระองค์ บางส่วนเรียกเทพมารองค์นี้ว่า ‘ปฐมปรัชญา’ หรือ ‘ผู้กุมความลี้ลับ’”
โดยไม่รอให้ฟรังก้าถามต่อ เฮล่าผงกศีรษะแผ่วเบา
“ได้เวลาไปที่ชุมนุมแล้ว”
ลูเมี่ยนกับฟรังก้าสวดคาถาพร้อมกัน
“ผู้ก้าวข้ามจากโบราณกาล ผู้ปกครองสูงสุดแห่งอาณาจักรราตรี องค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งผืนนภา ทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าเข้าสู่อาณาจักรของพระองค์ด้วยเถิด”
เมื่อความมืด ความรู้สึกง่วงนอนรอบตัวจางลง ลูเมี่ยนกับฟรังก้าก็มาถึงพระราชวังโบราณร้างอีกครั้ง
ยังคงไร้วี่แววผู้คน ว่างเปล่าและเงียบสงัด
ฟรังก้ารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งไม่ถูกต้อง คิดอยู่สิบกว่าวินาทีจึงค่อยนึกออก
“เรายังไม่ได้ปลอมตัวกันเลย!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เธอก็เห็นลูเมี่ยนหุ้มตัวเองด้วยหมอกฟุ้งๆ ดุจดังความฝัน อำพรางรูปร่างหน้าตาได้เกือบหมด
ได้รับความช่วยเหลือจากมาดามเฮล่า ร่างกายเธอดูคล้ายกับซ่อนเร้นในความมืด มองเห็นได้เพียงเลือนราง ฟรังก้าถอนหายใจยาว รอคอยสมาชิกกลุ่มวันเอพริลฟูลอย่างใจเย็น
นาทีแล้วนาทีเล่าผ่านไป สองร่างปรากฏขึ้นในพระราชวังเงียบสงัด
……………………………………………………..