ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 389 เทพผู้ต้องสงสัย
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 389 เทพผู้ต้องสงสัย
ตอนที่ 389 เทพผู้ต้องสงสัย
ใต้ดินของทรีอาร์ ในถ้ำหินร้าง
เฮล่าจ้องมองหนอนใสที่บิดเป็นเกลียวตายไปจนหมด แต่ไม่พบตะกอนพลังวิเศษ
เธอเหลียวมองลูเมี่ยนกับฟรังก้าที่หลับใหล ยืนยันว่าพวกเขาพ้นจากภาวะเสี่ยงคลุ้มคลั่งแล้ว จากปลอบประโลมด้วยความมืดและแดนฝัน จึงปลดอำนาจบังคับให้หลับ
สองวินาทีถัดมา ลูเมี่ยนลืมตาทันที กระโจนขึ้นราวเสือดาว
เขาสร้างเปลวไฟแดงโชนสามก้อน ส่องสว่างโพรงเหมืองแห่งนี้
เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ ด้วยท่าทีระแวดระวังระคนมึนงง ส่วนฟรังก้าที่จิตใจบอบช้ำหนักกว่า เพิ่งจะครางลุกขึ้น
วินาทีถัดมา เธอเห็นเฮล่าในชุดราตรีสีดำ เห็นหมวกอ่อนคุ้นตาที่ติดผ้าคลุมหน้า จึงเอ่ยปาก
“มาดามเฮล่า… ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
หลังพูดไปเธอก็เสียใจ เพราะเท่ากับเปิดโปงว่าตนคือสมาชิกสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก
หากมิได้พูดออกไป เธอยังสามารถตีมึน ทำทีว่าไม่ใช่ ‘ดาบซ่อนแขน’ แต่เป็นเพียงสหายคนหนึ่งของชาร์ล
“ดาบซ่อนแขน?” เฮล่าเอ่ยถาม
ฟรังก้าหัวเราะแห้งๆ
“ใช่… คุณจำฉันได้ยังไง?”
“ในสมาคมฯ มีแค่เธอที่เป็นนางมาร” เฮล่าตอบอย่างใจเย็น
ฟรังก้ายิ่งอายกว่าเดิม เอ่ยตอบไปตามความเคยชิน
“ฉันก็จำคุณได้จากชุดกับบุคลิก ในงานชุมนุม คุณไม่เคยเปิดหน้าเลย”
ขณะที่ทั้งคู่จำกันได้ ความหวาดระแวงในใจลูเมี่ยนก็ลดลงไปมาก เพราะอย่างน้อยมาดามเฮล่าก็มาแล้ว รับประกันความปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง
เด็กหนุ่มเห็นหุ่นเชิดสองตัวนอนนิ่งไร้ลมหายใจ กับกองเนื้อเลือดเต็มไปด้วยหนอนใส
“นั่นคือโลกิ?” ลูเมี่ยนชี้ไปยังเลือดเนื้อเน่าเหม็นและน่าขยะแขยง
เฮล่ามองไปทางนั้น
“ใช่”
ลูเมี่ยนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถาม
“มันตายแล้ว?”
เฮล่าพยักหน้าเบาๆ
“ตายเพราะอาการคลุ้มคลั่งที่สร้างขึ้นเอง แต่ยังไม่เรียกว่าตาย”
“หา?” ฟรังก้าส่งเสียงสงสัย
ถึงขั้นกลายเป็นแบบนี้แล้ว แม้แต่หนอนยังไชออกมา ยังไม่เรียกว่าตายอีกหรือ?
เธอเข้าใจแล้วว่า มาดามเฮล่ามาอยู่ตรงนี้ได้เช่นไร ต้องเป็นเพราะไอ้ชาร์ลบ้านั่น ใช้เธอเป็นเหยื่อล่อ แล้วส่งจดหมายขอให้มาดามเฮล่ามาช่วยเก็บงาน!
เฮล่ามองไปที่ลูเมี่ยน กล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ
“ไม่ได้มีแค่นางมารลำดับสูงที่สามารถคืนชีพ นักทำนายลำดับสูงก็ทำได้เช่นกัน โลกิคงศรัทธาเทพมารองค์หนึ่งในขอบเขตนี้ กอปรกับความพิเศษในตัวเอง ถึงได้ทิ้งร่างไปหลังตาย พร้อมพกตะกอนพลัง ไปเกิดใหม่ในจุดที่เตรียมไว้ล่วงหน้า”
“น่าเสียดาย ฉันไม่ได้คิดเผื่อเรื่องนี้ไว้ หากฉันขอพรเพื่อใช้ ‘การปกปิดแท้จริง’ ล่วงหน้า เขาก็คงหมดสิทธิ์เกิดใหม่ ต้องทิ้งตะกอนพลังไว้เบื้องหลัง”
หญิงสาวเล่าถึงความพลาดพลั้งของตนอย่างใจเย็น ไม่แก้ตัวหรือออกท่าทางเสียดาย
ลูเมี่ยนจ้องกองเลือดเนื้อเน่าพร้อมกับหนอนแมลง รอยยิ้มเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า
แล้วจึงเชิดคางพูด
“ดีเลย”
“ถ้ามันตายไปง่ายๆ ผมคงผิดหวังมาก… ไอ้เวรตะไลนี่ จะไม่ฆ่าด้วยมือตัวเองได้อย่างไร?”
ขณะลูเมี่ยนพูดประโยคนี้ ในใจก็ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง กระหายในพลังลำดับสูงอย่างแรงกล้า
โลกิแข็งแกร่งมาก แม้เขากับฟรังก้าจะจับมือกัน ก็เกือบถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิด ส่วนเฮล่าที่ดูเหมือนจะขึ้นลำดับ 4 แล้ว กลับจัดการโลกิได้ง่ายดาย ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ
ลูเมี่ยนทราบดี หลังจากตนปล่อยออร่าจักรพรรดิโลหิต คงไม่แคล้วดึงดูดความสนใจจากผู้วิเศษทางการในเขตตลาดแน่นอน ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าอีกฝ่ายจะขอการสนับสนุนจากนักบุญ ด้วยเหตุนี้ หลังจากเฮล่ามาถึง เธอต้องควบคุมโลกิให้ได้ภายในสิบวินาที แล้วรีบเปลี่ยนสถานที่ มิเช่นนั้นมีโอกาสสูงที่จะถูกนักบุญกับเทวทูตแห่งทรีอาร์ปิดล้อม
นี่คือครึ่งเทพ!
เมื่อนึกถึงการแก้แค้นโลกิในอนาคต นึกถึงการกำจัดเหล่าผู้ศรัทธาเทพมาร นึกถึงพลังลำดับสูงที่ทำให้ตนรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างแท้จริง ลูเมี่ยนร้อนใจอยากสรุปกฎการสวมบทบาท ‘นักวางเพลิง’ ให้ได้มากขึ้น ย่อยโอสถให้เสร็จภายในสองสามเดือน เพื่อเลื่อนเป็น ‘นักวางแผน’
เห็นลูเมี่ยนไม่เสียดายหรือผิดหวังเลย กลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เฮล่าพยักหน้าเบาๆ จนแทบสังเกตไม่เห็น
ลูเมี่ยนมองศพโลกิแล้วถามต่อ
“มันศรัทธาเทพมารองค์ใด?”
ได้ยินคำถามนี้ ใจของฟรังก้าสั่นไหว หันไปทางเฮล่าแล้วพูด
“อย่าบอกนะว่า…”
นางมารสุขสมชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นภาษาซับซ้อน ซึ่งลูเมี่ยนฟังไม่เข้าใจ
“เซียนราชันฟ้าดิน…”
เฮล่าขัดจังหวะเธอ
“คุณลืมไปหรือ ว่าฉันก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน”
“อ่า…” ฟรังก้าอดไม่ได้ที่จะตบหัวตัวเอง
ไอ้สมองหมูเอ๊ย!
เฮล่าพูดต่อ
“คุณจะพูดเป็นภาษาฟุซัคโบราณหรืออินทิสก็ได้ แล้วก็อย่าลืม หลังพูดจบแต่ละบท ก็หยุดพักสักครู่ แล้วคุยเรื่องอื่นบ้าง”
ฟรังก้าร้อง ‘อืม’ คิดเรียบเรียงภาษา แล้วพูดเป็นภาษาฟุซัคโบราณ
“เซียนราชันฟ้าดินประทานโชค…”
เฮล่าขัดจังหวะเธออีกครั้ง ชวนคุยสองสามประโยค ถามถึงตอนที่ถูกโลกิโจมตี
จากนั้น ฟรังก้าถึงได้พูดต่อในหัวข้อเดิม
“เทพสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค…”
ลูเมี่ยนเงียบฟังอย่างตั้งใจ พอจะกระจ่างถึงเหตุผลที่มาดามเฮล่าบอกให้ทำแบบนี้
นี่เป็นการป้องกันมิให้ฟรังก้าสวดนามเต็มของเทพมารองค์ดังกล่าว ป้องกันมิให้อีกฝ่ายจับตามองมา
“จักรพรรดิสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค…” หลังจากพูดท่อนที่สามเสร็จ ฟรังก้าก็ลูบหัวแล้วพูดต่อ “ตอนนั้น พอได้ยินโลกิสวดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเหมือนทั้งตัวถูกเนรเทศไปอีกโลกหนึ่ง มองอะไรก็พร่ามัว ฟังอะไรก็ไม่ชัด คิดอะไรก็ช้าผิดปกติ จำได้เลือนรางว่าน่าจะมีอีกประโยคหนึ่ง”
เฮล่าใช้ภาษาฟุซัคโบราณเติมให้
“ราชันสวรรค์… ฟ้าดิน… ประทานโชค”
คราวนี้ แม้แต่คำนิยามหนึ่งท่อน เธอก็ตัดเป็นสองช่วงเสียอีก
“เป็นรูปแบบพระนามที่แปลกมาก” ลูเมี่ยนไม่ปิดบังความสงสัย
ทั้งรูปแบบและคำศัพท์ แตกต่างจากพระนามเทพที่เขาเคยรู้ อย่างมิสเตอร์ฟูล หรือองค์สุริยันเจิดจรัสพอสมควร ให้ความรู้สึกเหมือนมาจากอารยธรรมอื่น
ฟรังก้าขมวดคิ้ว
“พอคุณพูดแบบนี้ ฉันนึกบางอย่างออก”
“นึกอะไรได้?” ลูเมี่ยนถามสอดรับ
ฟรังก้าเตรียมจะพูด แต่แล้วก็ปิดปากฉับ
เธอมองไปทางเฮล่า ยิ้มแหยๆ แล้วถาม
“ที่ฉันช่วยให้ชาร์ลแฝงตัวเข้าสมาคม เพื่อสืบกลุ่มวันเอพริลฟูล คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
“เขาได้รับอนุญาตจากฉัน” เฮล่าตอบเสียงเรียบ
ฟรังก้ายังคงยิ้มแบบ ‘ถ่อมตน’ เหมือนเดิม
“งั้นคุณจะว่าไหม ถ้าฉันเอา… เอาความลับเรื่องการข้ามมิติมาเล่าให้ชาร์ลฟัง?”
เฮล่าเงียบไปครู่ใหญ่ กว่าจะพูดออกมา
“ถึงว่าไปตอนนี้ มันจะมีประโยชน์อะไร?”
“หรือจะให้ฉัน ‘ปกปิด’ พวกคุณสองคน?”
“ฉันแค่อยากสืบกลุ่มวันเอพริลฟูล เพราะสงสัยว่าพวกเขาฆ่ามักเกิ้ล แต่มันเกี่ยวโยงกับความลับของเรา ก็เลยไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องเล่าให้ชาร์ลฟังคร่าวๆ” ฟรังก้านึกขึ้นได้ว่า ในแง่นี้ยังพอจะมีเรื่องดีอยู่บ้าง จึงรีบเสริมทันที “แถมชาร์ลยังช่วยพวกเราหาเบาะแสเกี่ยวกับการข้ามมิติ จนพบความเป็นไปได้ที่จะกลับไปยังโลกเดิมแล้ว!”
พูดจบ เธอก็ทำท่าเหมือนได้ใช้ความดีชดเชยความผิดไปแล้ว
“เบาะแสอะไร?” เฮล่าโพล่งถามโดยไม่ทันคิด นับเป็นครั้งแรก
ฟรังก้าถอนหายใจแผ่วเบา
“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน ต้องเท้าความถึงสิ่งที่พระนามเมื่อครู่สะกิดใจฉันก่อน”
“ก่อนหน้านี้ พวกเราเคยปรึกษากันบ่อยๆ ใช่ไหม เพื่อหาจุดร่วมจากสิ่งที่แต่ละคนทำก่อนข้ามมิติ ตกผลึกจุดที่คล้ายกัน ค้นหาสาเหตุการข้ามมิติ… บางคนได้รับโทรศัพท์ประหลาด บางคนเข้าวัดร้างบนภูเขา บางคนกำลังศึกษาวัฒนธรรมพื้นเมือง แต่ของฉันตอบไม่ได้ ว่าตัวเองทำอะไรก่อนถูกส่งข้ามมิติมา ไม่ใช่นึกไม่ออก แต่ทำไว้เยอะเกิน”
“พวกคุณก็รู้ว่า ฉันชอบของแปลกใหม่ มีมือถือใหม่ต้องซื้อ มีเกมใหม่ต้องเล่น ร้านอาหารเปิดใหม่ต้องไปลอง งานนิทรรศการใหญ่ๆ ยังชอบทำชุดไปคอสเพลย์เลย ก่อนข้ามมิติทำอะไรไว้เยอะแยะ ไม่รู้ว่าอันไหนทำให้ข้ามมากันแน่”
“แต่พอได้ยินโลกิสวดนามนั่น ฉันก็นึกออก คืนนั้นฉันเล่นเกมออกใหม่ชื่อ ‘การรุกรานสยองขวัญ’ มีสัตว์ประหลาดลับอยู่ตัวหนึ่ง ดูเหมือนจะศรัทธาราชันสวรรค์ฟ้าดินอะไรสักอย่างนี่แหละ”
แม้ลูเมี่ยนจะไม่เข้าใจคำว่า ‘เกม’ ที่ฟรังก้าพูดถึง แต่ก็เข้าใจแก่นสารที่พวกพ้องคนนี้ต้องการสื่อ
ดูเหมือนว่า การที่เธอข้ามมิติมายังโลกใบนี้ จะเกี่ยวข้องกับ ‘ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค’ ที่โลกิศรัทธา!
เฮล่าที่ปล่อยให้ผมสีทองอ่อนทิ้งตัวตามธรรมชาติ เงียบฟังจนจบ แล้วพูดอย่างครุ่นคิด
“ฉันไม่มีความทรงจำแบบนั้น ก็ตามที่เคยบอกไป ก่อนข้ามมิติ ฉันกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับตำนานเฉพาะกลุ่ม มีเทพองค์หนึ่งที่ซุกซนและถนัดการหลอกลวง คล้ายกับโลกิมาก…”
ดวงตาของฟรังก้าเป็นประกาย มีการคาดเดา
“หรือว่าโลกิจะสวดพระนามนั่นครบสี่ท่อน แล้วถูกข้ามมิติมาทันที? ดังนั้น เมื่อข้ามมาถึง พอไตร่ตรองสิ่งที่เคยทำ แล้วลองทำซ้ำดู ก็ได้ติดต่อกับเทพมารองค์ดังกล่าว?”
“อา… ทุกครั้งเสวนาในหัวข้อทำนองนี้ โลกิมักพูดคลุมเครืออยู่เสมอ สมาชิกบางคนในกลุ่มวันเอพริลฟูลก็เหมือนกัน…”
“อย่าบอกนะว่า เราทุกคนถูกราชันสวรรค์ฟ้าดินนั่นส่งมา? หรือว่า… พระองค์ดำรงอยู่ในโลกนี้ แล้วดึงพวกเรามา?”
“พระองค์น่าสงสัยจริงๆ!”
เฮล่าคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าเบาๆ
“ครั้งหน้าตอนชุมนุม เราจะเสวนาหัวข้อนี้กันใหม่ คุยกับคนอื่นด้วยทิศทางที่ชัดเจน”
ฟรังก้าชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นมา
“พวกกลุ่มวันเอพริลฟูลจะยังมาชุมนุมไหม?”
“คนที่มีปัญหาคงไม่มาแล้ว” เฮล่าตอบอย่างใจเย็น “ถึงตอนนี้จะประกาศจัดชุมนุมแบบเร่งด่วน แต่ก็ต้องเสียเวลาแจ้งทีละคน กว่าจะจัดการทั้งหมดเสร็จ โลกิก็คงฟื้นคืนชีพ แล้วเตือนลูกน้องทันเวลา”
ลูเมี่ยนเลิกคิ้ว
“ทำไมต้องแจ้งทุกคนด้วยล่ะ? เชิญแค่สมาชิกกลุ่มวันเอพริลฟูลก็พอ พวกเขาไม่รู้สักหน่อยว่าคนอื่นจะมาหรือไม่มา”
“แจ้งแค่พวกเขาสิบกว่าคนนั่น ไม่เสียเวลามากนักหรอก”
……………………………………………………..