ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 379 เดาไปก่อน
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 379 เดาไปก่อน
ตอนที่ 379 เดาไปก่อน
บาร์หัวเดียวกระเทียมลีบ? ลูเมี่ยนตกตะลึงกับคำตอบ
โลกิ ผู้ก่อตั้งกลุ่มวันเอพริลฟูลแห่งสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกก็อยู่ในทรีอาร์ด้วย ซ้ำยังเกี่ยวข้องกับบาร์หัวเดียวกระเทียมลีบ?
ไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ?
บาร์หัวเดียวกระเทียมลีบในภาพจำของลูเมี่ยนคือ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคาบาเร่ต์แกะดำ ใต้ดินมีโรงละครหุ่นกระบอก แสงสลัว โทนสีดำ บรรยากาศดูหม่นหมองไม่เบา
ทีแรกเด็กหนุ่มไม่เคยมองว่าเป็นปัญหา แต่พอนึกได้ว่าพวกคนที่ใส่แว่นตาข้างเดียวในคาบาเร่ต์แกะดำ อยู่ในสถานะซ้อนทับระหว่าง ‘อามุนด์’ กับ ‘ไม่ใช่อามุนด์’ จึงเริ่มเฉลียวใจว่า บาร์หัวเดียวกระเทียมลีบซึ่งเป็นคู่แข่งกันโดยตรง แถมยังอยู่รอดได้นาน ย่อมต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน
เขาเคยเห็นลีอาจากหน่วยแปดเข้าไปในบาร์ จึงสงสัยว่าอาจเป็นฐานลับของหน่วยแปด เพื่อจับตาดูพวกอามุนด์ในคาบาเร่ต์แกะดำ
หรือโลกิจะเป็นคนของหน่วยแปด เป็นผู้วิเศษทางการ?
หรือเขาแค่อาศัยอยู่ในเขตหอดูดาว รู้ว่าบาร์หัวเดียวกระเทียมลีบไม่ธรรมดา จึงถือโอกาสเข้าไปดื่มเหล้า ขอยืมใช้เครื่องพิมพ์ดีดในร้านทำสำเนาเอกสาร เพื่อป้องกันการตามรอย?
“เกิดอะไรขึ้น?” ฟรังก้าเห็นลูเมี่ยนขมวดคิ้ว ครุ่นคิด และนิ่งเงียบอยู่นาน จึงยื่นมือขวาโบกไปมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม
ลูเมี่ยนไตร่ตรองแล้วพูด
“บาร์นี้มีปัญหาใหญ่…”
“คุณรู้จักบาร์นี้ด้วย?” ฟรังก้าประหลาดใจ
ดูเหมือนหมอนี่จะรู้ความลับที่เธอไม่รู้มากมาย!
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“เรื่องนี้ต้องเริ่มจากตอนที่ผมกับมาดามเฮล่า ลงไปตักน้ำจากบ่อสตรีซามาเรีย”
“…” ฟรังก้าอึ้งไปครู่หนึ่ง “เหตุการณ์นี้เหตุการณ์เดียว คุณคิดจะเล่าแยกอีกกี่ครั้ง จึงจะครอบคลุมรายละเอียดทั้งหมด? เป็นมนุษย์ยาสีฟันหรือไง! บีบทีนึงก็ออกทีนึง!”
“ที่เคยเล่าไปก่อนหน้านี้ คือสถานการณ์ภายในบ่อน้ำสตรีซามาเรีย แต่เรื่องที่กำลังจะเล่า เกิดขึ้นระหว่างทาง” ลูเมี่ยนอธิบายโดยไม่สะทกสะท้าน
เด็กหนุ่มเริ่มจากตอนที่เจอโมไนต์ นักต้มตุ๋นชาวหมู่เกาะ เล่าว่าถูกโมไนต์ตามหลอกหลอนหลายครั้ง เชื่อมโยงกับเรื่องที่ชาร์ลีถูกต้ม ความไม่ธรรมดาของคาบาเร่ต์แกะดำ คำแนะนำของมาดามเมจิกเชี่ยนเกี่ยวกับพวกอามุนด์ และสุดท้าย เล่าถึงบาร์หัวเดียวกระเทียมลีบที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคาบาเร่ต์แกะดำ ซึ่งเคยมีคนของหน่วยแปดเข้าออก
ฟรังก้ารู้สึกเหมือนกำลังฟังเรื่องผี อยากหยิบหมอนมากอดโดยไม่รู้ตัว แต่พบว่าบนเก้าอี้เอนหลังไม่มีหมอน
หญิงสาวรีบดึงสติ ยืดหลังตรง ทำสีหน้าปานว่า ‘ผู้ชายเลือดเหล็กทั้งแท่ง จะอกสั่นขวัญแขวนกับเรื่องแค่นี้ได้อย่างไร’
ของพรรค์นี้มีไว้สำหรับแกล้งจินนาเท่านั้น!
เมื่อลูเมี่ยนเล่าจบ เธอซี้ดปากแล้วจึงกล่าว
“ประสบการณ์ของคุณสุดโต่งเกินไปแล้ว ถึงกับเจอสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีอยู่แต่ในเรื่องสยองขวัญ…”
“ทำไมคุณถึงไม่เตือนฉันบ้าง? นักต้มตุ๋นชาวหมู่เกาะนั่น แวะมาเขตตลาดเป็นครั้งคราว ถ้าบังเอิญเจอเข้าจะทำยังไง?”
“ก็เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณไง ถ้าพวกคุณไม่รู้ว่าเขามีปัญหา พอเดินสวนกันก็จะไม่แสดงอาการผิดปกติ ทางนั้นก็จะไม่สงสัยพวกคุณเช่นกัน แต่หลังจากนี้ หากคุณมองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป อีกฝ่ายคงเกิดความสงสัย จนคุณอาจได้กลายเป็น ‘เหยื่อ’ ของ ‘ปรสิต’” ลูเมี่ยนเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่
“ก็จริง” ฟรังก้าขบฟันพูด “ถ้าบังเอิญเจอเขา พอกลับถึงบ้าน ฉันจะขอ ‘เทวทูตคุ้มครอง’ จากมิสเตอร์ฟูลทุกครั้งเลย!”
หญิงสาวสะบัดหัว พับเก็บความกลัวที่มีต่ออามุนด์ไว้ก่อน แล้ววกกลับเข้าเรื่อง
“เรื่องนี้พัวพันกับบาร์หัวเดียวกระเทียมลีบ หลังจากนี้คงสืบต่อได้ยากแล้ว…”
พูดถึงตรงนี้ ฟรังก้ากลับผุดสมมติฐานอันเปี่ยมด้วยจินตนาการ
“คุณว่าโลกิโดนอามุนด์สักตน ‘ปรสิต’ ไปแล้วหรือยัง?”
“หือ?” ลูเมี่ยนตามความคิดของฟรังก้าไม่ทัน
ฝ่ายหลังกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณลองคิดดู คัมภีร์และตำนานของเทพสุริยันบรรพกาล สูญหายไปตั้งสองสามพันปีแล้ว ในเมื่อคัมภีร์ของศาสนจักรทั้งเจ็ดล้วนคัดลอกมาจากพระองค์ ทุกฝ่ายย่อมต้องช่วยกันลบข้อมูลของเทพสุริยันบรรพกาลทิ้ง แล้วโลกิไปเอาเอกสารมาจากไหน?”
“ในฐานะลูกของผู้ข้ามมิติ ไม่สำคัญว่าพระองค์จะรับความทรงจำของโลกิผ่านการ ‘ปรสิต’ ได้หรือไม่ ต่อให้ทำไม่ได้ ก็ยังสามารถสวมรอยเป็นพวกพ้องเราได้แนบเนียน… คุณเป็นคนพูดเองว่า พระองค์ชอบหลอกลวง กลั่นแกล้งคุณหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งคล้ายกับนิสัยปกติของโลกิมาก”
“อา… การที่อามุนด์ในคาบาเร่ต์แกะดำ เมื่อจะทำสำเนาเอกสาร กลับวิ่งไปใช้เครื่องพิมพ์ดีดที่บาร์หัวเดียวกระเทียมลีบฝั่งตรงข้าม เพื่อหลอกล่อการตามรอยที่อาจเกิดขึ้น ก็ถือเป็นการสะท้อนนิสัยข้างต้นด้วยเช่นกัน”
ลูเมี่ยนตกใจกับจินตนาการอันไร้ขอบเขตของฟรังก้า เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะครุ่นคิดแล้วพูด
“ก็ยิ่งอธิบายได้ว่า ทำไมเอกสารนี้ถึงชี้ไปที่บาร์ หัวเดียวกระเทียมลีบ ได้อย่างบังเอิญขนาดนั้น”
“และภายใต้การชักนำของเทวทูตชั่วร้ายนี้ ชาววันเอพริลฟูลก็ค่อยๆ สิ้นหวังกับอนาคต แสวงหาความสุขส่วนตัวมากขึ้น เริ่มลงมือกับสมาชิกคนอื่นของสมาคมวิจัยฯ มากขึ้น… เป็นพัฒนาการที่สมเหตุสมผลจริงๆ”
“แต่อามุนด์คงไม่ตั้งใจให้เอกสารชี้ไปหาบาร์หัวเดียวกระเทียมลีบ เพราะนั่นจะทำให้ผู้สืบสวนสงสัยพระองค์ ซึ่งอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้าม…”
“บางที พระองค์อาจหวังให้ผู้สืบสวนคิดแบบคุณ” ฟรังก้าโต้แย้งตามความเคยชิน
ลูเมี่ยนส่ายหัวช้าๆ
“ถ้าเป็นอามุนด์ การทำนายเมื่อครู่ของคุณ ต้องถูกชักนำให้หลงทาง หรือไม่ก็ไม่ได้คำตอบแน่”
“แต่ก็ยังไม่ควรด่วนตัดความเป็นไปได้ทิ้ง… ในสองสามวันนี้ ผมกะว่าจะไปหาอะไรดื่มที่บาร์หัวเดียวกระเทียมลีบสักหน่อย เพื่อสำรวจพื้นที่ แต่จะไม่สืบสวนเจาะลึก”
ฟรังก้า ‘อืม’ แล้วถอนหายใจ
“อันที่จริง ฉันก็รู้ว่าโอกาสที่โลกิจะถูก ‘ปรสิต’ โดยอามุนด์สักตน มีไม่มากเท่าไรนัก เพราะขณะพวกเราทุกคนเข้าสู่สถานที่ชุมนุม แก่นแท้คือการเข้าสู่สถานะพิเศษ ซึ่งในสถานะดังกล่าว สมบัติปิดผนึกที่มาดามเฮล่ายืมมา คงแยกแยะได้ว่าในตัวสมาชิกแต่ละคน มีความผิดปกติใดหรือไม่ หากผิดปกติก็จะไม่เปลี่ยนสถานะ ไม่ถูกส่งตัวเข้าไป”
“เฮ้อ… ฉันแค่กำลังหาเหตุผล หาข้ออ้างให้ตัวเอง การที่เราจะตามรอยโลกิ ล่าตัวเขา ทั้งที่ยังขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ ยังขาดข้อสงสัยที่น่าเชื่อถือ มันเป็นเรื่อง… เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเท่าไร…”
“มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนทรยศต่อสมาคมฯ ทรยศต่อเพื่อนฝูง… เลยหวังว่าโลกิจะถูกอามุนด์ ‘ปรสิต’ ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่ต้องรู้สึกผิดมาก แค่มองเป็นการกำจัดภัยแฝงให้กับสมาคม”
การเข้าสู่สถานะพิเศษเพื่อไปยังสถานที่ชุมนุม สามารถกรองความผิดปกติในร่างกายได้? แต่เทอร์มีโพลอสก็ยังสบายดี… ลูเมี่ยนไม่รู้ว่าเป็นอิทธิพลจากผนึกของมิสเตอร์ฟูล หรือความจริงแล้ว สมบัติปิดผนึกที่มาดามเฮล่ายืมมา ไม่สามารถคัดกรองความผิดปกติ มิอาจป้องกันเทวทูตอย่างอามุนด์ที่ ‘ปรสิต’ คนอื่นเข้ามา
เด็กหนุ่มตัดสินใจไม่โต้แย้ง เพียงพูดยิ้มๆ
“ตามความเห็นของผม โลกิต้องมีปัญหาแน่ แค่เล็กหรือใหญ่เท่านั้น”
“ตอนที่เขาขายข้อมูลให้คุณ ได้ชักชวนให้คุณลงไปสำรวจใต้ดินเพื่อตามหาร่องรอยของเทพสุริยันบรรพกาลไหม”
“แหงสิ” ฟรังก้าพยักหน้า “เขายังบอกด้วยว่า ตามสถานที่แบบนี้ ยิ่งลำดับสูงก็ยิ่งอันตราย ยิ่งคลุ้มคลั่งได้ง่าย มีแค่พวกเราที่เป็นลำดับกลางหรือต่ำเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์เข้าใกล้”
“มันก็แค่ในเชิงเปรียบเทียบ… คุณว่าตอนที่ผมลงไปสำรวจบ่อน้ำสตรีซามาเรีย มันอันตรายไหมล่ะ?” ลูเมี่ยนย้อนถาม
“มาก” ฟรังก้าเข้าใจประเด็นนี้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว
นี่เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเศษเสี้ยวของจักรพรรดิโลหิต เกือบเล่นงานเราได้แล้ว… ลูเมี่ยนพึมพำ
“การตามหาร่องรอยที่เทพสุริยันบรรพกาลทิ้งไว้ ย่อมต้องอันตรายยิ่งกว่า”
“ถ้าโลกิไม่เคยสำรวจเอง แล้วชักชวนให้พวกคุณสำรวจใต้ดิน ก็ไม่ต่างจากการหลอกใช้ทุกคนเป็นโล่เนื้อ แต่ถ้าเคยลองแล้ว ก็ย่อมต้องถูกปนเปื้อนไม่มากก็น้อย กลายพันธุ์ทีละนิด เขาไม่มีองค์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างมิสเตอร์ฟูลช่วยชำระล้างให้สักหน่อย”
“ดังนั้น หาโลกิให้พบโดยเร็ว จะส่งผลดีทั้งกับพวกคุณและตัวเขาเอง”
พอฟังจบ ฟรังก้าก็ขบริมฝีปากแล้วพูด
“ก็จริง”
“ในเรื่องนี้ โลกิมีเจตนาร้ายชัดเจน… สมาชิกคนอื่นในวันเอพริลฟูลอาจทำทีเป็นอยากรู้อยากเห็น พยายามมีส่วนร่วม แต่ฉันคิดว่าทุกคนกำลังช่วยโลกิเล่นละคร”
โน้มน้าวฟรังก้าสำเร็จ ลูเมี่ยนก็ถามด้วยความสงสัย
“คุณบอกว่าการเข้าไปยังสถานที่ชุมนุม ต้องเข้าสู่สถานะพิเศษก่อน แล้วมันคือสถานะแบบใด?”
ฟรังก้าลืมความลังเลเมื่อครู่ไปแล้ว รีบแบ่งปันอย่างตื่นเต้น
“เรื่องนี้ฉันเคยถามไพ่อาร์คาน่าใหญ่ ถึงฉันจะเล่าคาถาไม่ได้ และยากที่จะอธิบายสถานที่ชุมนุมอย่างละเอียด แต่เธอก็ยังพอคาดเดาได้จากคำพูดของฉัน อาการของฉัน ว่าเป็นพลัง ‘ปกปิด’”
“พลัง ‘ปกปิด’ …” ลูเมี่ยนผงกศีรษะเบาๆ
มันลึกลับมาก แม้แต่คาถาก็ถูกปกปิดจนบอกใครไม่ได้
ฟรังก้าพูดต่อ
“พลัง ‘ปกปิด’ อยู่ในเส้นทาง ‘รัตติกาล’ หรือเส้นทางสู่เทพที่ศาสนจักรของ ‘เทพธิดารัตติกาล’ ครอบครองอยู่”
พูดถึงตรงนี้ ฟรังก้าก็ลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว
“ฉันสงสัยว่ามาดามเฮล่าเป็นคนของศาสนจักรรัตติกาล”
“เหมือน ‘007’ น่ะหรือ” วันนี้ลูเมี่ยนไม่ได้เจอกับ ‘007’ เนื่องจากมีคนเข้าร่วมชุมนุมเยอะมาก อนึ่ง เขาไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายชอบแต่งกายแบบใด แวะกลุ่มไหนเป็นประจำ
ฟรังก้า ‘อา’ หนึ่งคำ
“ก็ทำนองนั้น แต่มาดามเฮล่าอาจเป็นคนสำคัญกว่า มีตำแหน่งสูงกว่า เข้าถึงข้อมูลลับได้มากกว่า”
เมื่อนึกถึงผลงานของมาดามเฮล่าระหว่างลงไปตักน้ำจากบ่อสตรีซามาเรีย ลูเมี่ยนไม่คัดค้านคำอธิบายของฟรังก้า
มาดามท่านนี้รู้ข้อมูลระดับสูงไม่น้อย ซ้ำยังมีแหวนเพชรสีดำที่เหนือกว่าสมบัติวิเศษทั่วไปชัดเจน อาจเป็นวัตถุแฝงเทวบารมี
เหนือสิ่งอื่นใด สมบัติปิดผนึกที่เธอยืมมาใช้พาทุกคนเข้าสถานที่ชุมนุม ก็อัศจรรย์เหนือล้ำจินตนาการลูเมี่ยนไปมาก
เด็กหนุ่มเอ่ยถาม
“พลังของเส้นทาง ‘รัตติกาล’ มีจุดเด่นหลักๆ อะไรบ้าง”
ตามสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ สามลำดับแรกของเส้นทางนี้คือ ‘ผู้ไร้หลับ’ ‘กวีเที่ยงคืน’ และ ‘ฝันร้าย’ เกี่ยวข้องกับการเพิ่มพูนพลังวิญญาณ การเพิ่มพลังงาน การนอนน้อย การประยุกต์ใช้ศาสตร์เร้นลับผ่านบทกวี และการบังคับให้เป้าหมายหลับ
ฟรังก้านึกทบทวนแล้วตอบ
“พลัง ‘ปกปิด’ … การชักนำวิญญาณ… แดนฝันแท้จริง…”
แดนฝันแท้จริง… ลูเมี่ยนชะงักไปเมื่อได้ยินคำตอบนี้
เขานึกถึงแดนฝันแท้จริงที่ตนประสบในซากปรักหักพังหมู่บ้านกอร์ตู
……………………………………………………..