ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 378 สืบสวน
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 378 สืบสวน
ตอนที่ 378 สืบสวน
ลูเมี่ยนหยุดเดิน มองไปยังประธานสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกในชุดคลุมลินินยาว
แกนดาล์ฟ เจ้าของร่างกายเกือบเท่าคนยักษ์ มิต้องพึ่งอุปกรณ์หรือเวทมนตร์เพื่อขยายเสียงให้ดังกังวานทั่วพระราชวังโบราณ
“ผมเพิ่งคุยกับ ‘ไอโซโทป’ เมื่อสักครู่ และพบว่ามีประเด็นหนึ่งที่เราควรให้ความสำคัญ”
“เขาเล่าว่า ตั้งแต่ขึ้นลำดับ 6 ก็เริ่มพบผู้วิเศษและเหตุการณ์เหนือธรรมชาติบ่อยกว่าแต่ก่อน”
“ซึ่งสอดคล้องกับความรู้สึกคร่าวๆ ของผมตลอดช่วงไม่กี่ปีมานี้ พวกคุณก็ทราบดี ผมชอบพูดคุยกับสมาชิกทุกคน ถึงการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมอันเกิดจากพลังวิเศษ และตัวผมเองก็เดินบนเส้นทางแห่งเทพค่อนข้างไกล จึงเข้าใจลึกซึ้งกว่าคนส่วนใหญ่”
“ที่พูดมาทั้งหมด ก็เพื่อจะบอกว่าข้อสรุปคือ”
“เกือบไม่มีข้อยกเว้น เมื่อลำดับสูงขึ้น ความถี่ของเหตุการณ์เร้นลับที่เกิดขึ้นรอบตัวผู้วิเศษ จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนลำดับ 9 อาจยังไม่ชัดเจน แต่พอถึงลำดับ 7 หรือ 6 แม้แต่คนที่ไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียด ก็ยังพบว่าตนเผชิญกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติบ่อยเกินไป”
“ยกตัวอย่างเป็นตัวเลขแบบหยาบๆ สมมติว่าตอนลำดับ 9 จะพบเหตุการณ์เหนือธรรมชาติหรือผู้วิเศษหนึ่งครั้งต่อไตรมาส ซึ่งง่ายต่อการถูกกลบเกลื่อนโดยการชุมนุม หรือกิจกรรมของกลุ่มย่อยที่ตัวเองเข้าร่วม จึงไม่อาจรับรู้ได้แม่นยำ ส่วนลำดับ 8 จะเป็นสองครั้ง พอถึงลำดับ 7 อาจทะยานเป็นห้าหกครั้ง นั่นคือจะเจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติหรือผู้วิเศษที่ไม่รู้จักมาก่อน เดือนละครั้งสองครั้ง”
“สำหรับปรากฏการณ์ในลักษณะนี้ ใครมีความเห็นหรือข้อสันนิษฐานบ้างไหม หรือพอจะรู้สาเหตุไหม นี่อาจเกี่ยวข้องกับกฎพื้นฐานบางข้อของศาสตร์เร้นลับก็ได้”
ลูเมี่ยนฟังแล้วก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ
นี่มัน ‘กฎการรวมตัวของตะกอนพลัง’ ไม่ใช่หรือ?
ผู้ข้ามมิติเจ้าของโค้ดเนม ‘แกนดาล์ฟ’ ช่างมีจิตวิญญาณนักวิจัยอย่างเต็มเปี่ยม ไวต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ มาก ถึงขนาดค้นพบปรากฏการณ์ภายนอกบางส่วนของ ‘กฎการรวมตัวของตะกอนพลัง’ !
คนที่เสนอว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การขึ้นลำดับ 9 และ 8 ง่ายกว่าแต่ก่อน แถมยังกินตะกอนพลังเข้าไปได้เลย ก็เป็นเขาคนนี้เหมือนกัน อีกทั้งยังคำนวณอัตราความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้อย่างแม่นยำ
นักวิจัยเข้าเส้น… ลูเมี่ยนรำพันด้วยคำพูดติดปากของโอลัวร์
สำหรับคนที่มีเทพมารกับเทวทูตถูกขังอยู่ในตัว ซ้ำยังมีผนึกกับออร่าระดับเทพปกคลุมอยู่ ฤทธิ์ของ ‘กฎการรวมตัวของตะกอนพลัง” ย่อมรุนแรงจนมิอาจเพิกเฉยได้ กระทั่งคนโง่ยังต้องสังเกตเห็นปัญหา
เจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเดือนละครั้งสองครั้ง?
ต้องสัปดาห์ละครั้ง!
ถ้านับรวมการเจอผู้วิเศษด้วย ก็ต้องเป็นทุกวันเลย!
แต่บางครั้ง ลูเมี่ยนก็รู้สึกว่าฤทธิ์ของ ‘กฎการรวมตัวของตะกอนพลัง’ ยังรุนแรงไม่พอ มันจะถือว่า ‘เจ๋งจริง’ ก็ต่อเมื่อสมาชิกขององค์กร ‘คนบาป’ กับครอบครัวของโรช·หลุยส์·ซ็องซง ถูกดึงดูดมายังถนนใหญ่ตลาดและบังเอิญเจอตน
อาจเป็นเพราะ ‘พร’ มีอำนาจดึงดูดไม่รุนแรงพอ หรืออาจเป็นเพราะเทอร์มีโพลอสถูกผนึกอยู่ ทำให้อิทธิพลลดลง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ความปรารถนาของเด็กหนุ่มก็ยังไม่เป็นจริงเสียที
ในฐานะคนที่มาร่วมงานแทนพี่สาว ลูเมี่ยนไม่ได้เดินไปข้างๆ แกนดาล์ฟเพื่อขาย ‘กฎการรวมตัวของตะกอนพลัง’ ในราคาดี เพราะยึดหลักว่าต้องไม่เป็นที่สะดุดตา
เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ พบว่ามาดามเฮล่ากับ ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้ายังคงเงียบ ฟังชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกคนอื่นๆ ถกเถียงเรื่องปรากฏการณ์นี้อยู่
ลูเมี่ยนรู้ชัดว่าฟรังก้าเข้าใจกฎการรวมตัวของตะกอนพลัง ส่วนจากความรู้อันกว้างขวางลึกซึ้งที่ ‘เฮล่า’ แสดงออกขณะสำรวจบ่อน้ำสตรีซามาเรีย เธอก็คงสังเกตเห็นได้เช่นกัน
ที่พวกเธอไม่เอ่ยคำว่า ‘การรวมตัว’ อาจมีเหตุผลต่างกัน สำหรับฟรังก้า ถ้ายังไม่คิดเปิดประตูเทวบารมี ‘กฎการรวมตัวของตะกอนพลัง’ ก็มิใช่ความรู้ที่จำเป็นต้องศึกษาในทันที แค่เข้าใจปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้อง รู้จักวิธีหลีกเลี่ยงความเสี่ยงก็พอแล้ว ส่วนในแง่ของรายละเอียด เธอสามารถรอจนกว่าตัวเองจะขาดเงิน ติดต่อหามาดามจัดจ์เมนต์เพื่อขอความเห็นชอบ แล้วค่อยมาขายในชุมนุม
ขณะที่กลุ่มต่างๆ กำลังถกเถียงอย่างออกรสออกชาติในประเด็นที่ประธาน ‘แกนดาล์ฟ’ หยิบยกขึ้นมา ลูเมี่ยนก็เดินไปหากลุ่ม ‘วิทยาลัย’
ระหว่างทาง เด็กหนุ่มเห็น ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้าเดินสวนมา
“…มักเกิ้ล? ในที่สุดคุณก็กลับมาร่วมงาน! ฉันกลัวมาตลอดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ!” ฟรังก้าเล่นใหญ่ไปนิด แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล เนื่องจากภาพลักษณ์ของเธอในสายตาชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก คือผู้มีอารมณ์เปี่ยมล้น แสดงออกเต็มพิกัด ชอบพูดคุย ชอบลองทำสิ่งใหม่ๆ อยู่แล้ว
ลูเมี่ยนเม้มปาก ยิ้มเล็กๆ แล้วพูด
จิตใจเข้มแข็งชะมัด แม้จะพูดถึงหายนะที่หมู่บ้านกอร์ตู ก็ยังตอบสนองแค่พอประมาณ… ฟรังก้ามองใบหน้าครึ่งล่างไม่มีหน้ากากของมักเกิ้ล พลางถามด้วยท่าทีไม่ปิดบัง ‘ความสงสัย’ ของตน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ภัยพิบัติทางศาสตร์เร้นลับน่ะ” ลูเมี่ยนทำทีว่าไม่อยากพูดต่อ
ฟรังก้ารู้จักจังหวะจะโคน จึงพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“เมื่อสักครู่ ฉันอยู่กับกลุ่มวันเอพริลฟูล ได้ยิน ‘โลกิ’ บอกว่าเขาเจอผู้ข้ามมิติยุคโบราณอีกคน ชื่อเทพสุริยันบรรพกาล” ลูเมี่ยนเป็นฝ่ายชิงเปิดประเด็น เล่าถึงบทสนทนากับกลุ่มวันเอพริลฟูล “‘นังบ้า’ ‘ฮิโซกะ’ ‘กวีเร่ร่อน’ และ ‘อุลตร้าแมน’ ไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไร”
‘นังบ้า’ ‘ฮิโซกะ’ ‘กวีเร่ร่อน’ ‘อุลตร้าแมน’ … ฟรังก้ากับลูเมี่ยนนัดแนะเรื่องการสื่อสารมาล่วงหน้าแล้ว พอได้ยินก็รู้ความนัยแฝงที่พวกพ้องต้องการสื่อทันที จึงจดจำสี่สมาชิกกลุ่มวันเอพริลฟูลที่น่าสงสัยไว้
รวมกับ ‘โลกิ’ และ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ที่น่าสงสัยอยู่แล้ว ก็จะมีทั้งสิ้นหกคน
“จริงหรือ? นอกจากจักรพรรดิโรซายล์ ยังมีผู้ข้ามมิติยุคโบราณด้วยหรือ?” ฟรังก้าถามกลับอย่างตื่นเต้น
นี่มิใช่การเสแสร้ง เธอเองก็สนใจผู้ข้ามมิติโบราณอยู่แล้ว
เธอถือโอกาสนี้ลามักเกิ้ล เดินไปทางรอยแตกในพระราชวังที่กลุ่มวันเอพริลฟูลรวมตัวกัน
ส่วนลูเมี่ยนกลับไปหากลุ่มวิทยาลัย ฟัง ‘ศาสตราจารย์’ ‘ไอโซโทป’ และ ‘เพ็ตติกรูว์’ เสวนาในประเด็น ‘เหตุการณ์เร้นลับที่เคยประสบพบเจอ’
งานชุมนุมมีเวลาจำกัดสองชั่วโมง แต่ออกไปก่อนได้ทุกเมื่อ เพียงแค่สวดคาถาเหมือนขาเข้า เปลี่ยนเพียงประโยคสุดท้ายเป็น ‘ได้โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าออกจากอาณาจักรของพระองค์ด้วยเถิด’ ก็จะกลับไปยังที่ที่มาได้
เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝันในโลกความจริง หลังจากบรรลุวัตถุประสงค์ในการค้าขาย หรือพูดคุยในประเด็นที่ตนสนใจจบแล้ว ชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกหลายคนเลือกจะกลับก่อน แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ต่อจนครบเวลา
สำหรับพวกเขา การได้พูดคุยกับคนกำพืดเดียวกัน ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะเผลอหลุดปากเล่าความลับออกไป ถือเป็นเรื่องที่ชวนให้อิ่มเอมใจยิ่งนัก แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะคุยกันเรื่องไร้สาระ แต่อย่างน้อยก็ยังอารมณ์ดี ช่วยให้สภาพจิตใจผ่อนคลายลง
ลูเมี่ยนเชื่อว่า พี่สาวของตนก็คงรู้สึกผ่อนคลายในการชุมนุมนี้ จึงยอมอดทนอยู่จนงานเลิก แง่หนึ่งเพื่อสวมรอยให้แนบเนียน ไม่แสดงความแตกต่าง อีกแง่ก็เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศแทนที่โอลัวร์
อย่างเลือนราง เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตนเริ่มอ่อนไหวง่าย สะเทือนใจง่ายขึ้น ราวกับเศษวิญญาณของโอลัวร์ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ สร้างอิทธิพลต่อจิตใจของเขา
ในช่วงท้ายงานชุมนุม ‘ศาสตราจารย์’ ในเสื้อเชิ้ตผูกเนกไท มองหน้าลูเมี่ยนพร้อมกับถาม
“มักเกิ้ล คุณยังอยู่ทางใต้หรือไม่”
หือ ไม่ได้เจาะจงอาณาจักร… รู้ว่าโอลัวร์อยู่ที่อินทิส? ลูเมี่ยนรีบเค้นสมองเพื่อรีบตอบ
“ไม่ ฉันย้ายไปอยู่เขตทรีอาร์แล้ว”
ริมฝีปากของ ‘ศาสตราจารย์’ เหยียดออกเป็นรอยยิ้มชัดเจน
“ฉันกับ ‘รองศาสตราจารย์’ ก็ย้ายไปอยู่ทรีอาร์เหมือนกัน เรามาชุมนุมออฟไลน์กันไหม?”
“ผมก็อยู่เขตทรีอาร์” เพ็ตติกรูว์พูดอย่างกระตือรือร้น ‘ตารางธาตุ’ และ ‘ไอโซโทป’ พยักหน้าคล้อยตาม
ชุมนุมออฟไลน์… ก่อนหน้านี้โอลัวร์ก็เคยออกไปข้างนอกบ้าง เพื่อจัดชุมนุมกับพวกศาสตราจารย์ในโลกความจริง? อา… แต่ละกลุ่มก็มีรูปแบบต่างกัน พวกฟรังก้าเป็น ‘กลุ่มโทรเลข’ ส่วนพวก ‘วิทยาลัย’ เป็นการชุมนุมในโลกจริงแยกตามเขต? ลูเมี่ยนครุ่นคิดแล้วพูด
“ไว้คราวหน้านะ ตอนนี้ฉันยังต้องจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน”
เด็กหนุ่มจงใจเอ่ยถึงการ ‘จัดการตัวเอง’ หวังให้ข่าวแพร่ไปถึงหูสมาชิกกลุ่มวันเอพริลฟูลที่น่าสงสัยอย่าง ‘โลกิ’ และ ‘นังบ้า’
“ไม่มีปัญหา” พวกศาสตราจารย์เข้าใจดี ในเมื่อมักเกิ้ลเล่าให้ฟังแล้วว่าเพิ่งผ่านเหตุร้ายมา
…………
“ผู้ก้าวข้ามจากโบราณกาล; ผู้ปกครองสูงสุดแห่งอาณาจักรราตรี; องค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งผืนนภา ได้โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าออกจากอาณาจักรของพระองค์ด้วยเถิด”
เมื่อคาถาข้างต้นดังซ้ำไปมา ร่างในพระราชวังโบราณก็เริ่มหายไปทีละคนสองคน
เมื่อได้สติอีกครั้ง ลูเมี่ยนพบว่าตนกลับมายังบ้านลับบนถนนไนติงเกลแล้ว
น่าทึ่งชะมัด… เทียบกับชุมนุมศาสตร์เร้นลับของมิสเตอร์ K ก็เหมือนเอาบ้านลับหลังนี้ของเรา ไปเทียบกับพระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิโรซายล์ ห่างชั้นกันหลายขุม… ลูเมี่ยนพึมพำพลางกลับคืนร่างตัวเอง
เด็กหนุ่มไม่รีบเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยน เพื่อรายงานคำตอบของเกราะซ่อนเงา และสอบถามเรื่องเทพสุริยันบรรพกาล เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขารีบไปยังบ้านเลขที่ 3 ถนนเสื้อนอกขาว แล้วเคาะประตูใหญ่ของอพาร์ตเมนต์ 601
จินนาไปเยี่ยมพี่ชาย จะกลับมาพรุ่งนี้เช้า ส่วนฟรังก้านั่งบ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่บนเก้าอี้เอนหลัง ประหนึ่งกำลังสาปแช่งใครบางคน
“เป็นอะไรไป?” ลูเมี่ยนถามพลางนั่งลงบนโซฟายาว
“ไอ้เวรโลกิน่ะ ฉันอยากซื้อสำเนาข้อมูล แต่มันดันบอกว่าคนอื่นใช้ทองคำได้ แต่ฉันไม่ได้” ฟรังก้าตอบอย่างหัวเสีย “มันบอกอยากลองลิ้มรสนางมารดู… ทำไมไม่ดื่มโอสถแปลงร่างเป็น ‘แม่มด’ เองล่ะ? พอโดนฉันด่าเปิง มันถึงบอกว่าล้อเล่น แล้วก็ขายข้อมูลโบราณมาชุดหนึ่ง”
พูดถึงตรงนี้ ฟรังก้าก็หัวเราะ
“ถึงแม้สถานที่จัดงานชุมนุมจะมีอำนาจปิดกั้นพิเศษ ทำให้ตามรอยไม่ได้ว่า วัตถุที่ได้จากการซื้อขายเคยเป็นของใคร อยู่ที่ไหน… แต่คุณสมบัติพื้นฐานของวัตถุปกปิดกันไม่ได้ ในกรณีของสำเนาข้อมูลพวกนี้คือ เป็นกระดาษชนิดใด มาจากโรงงานใด เครื่องพิมพ์ดีดหรือเครื่องพิมพ์ที่ใช้สร้างตัวอักษรบนกระดาษเป็นรุ่นใด รวมถึงพิกัดคร่าวๆ … ข้อมูลพวกนี้พอจะบอกอะไรเราได้อยู่ บางที อาจช่วยให้เราเจอตัวโลกิบนโลกจริง… แต่แน่นอน มีเงื่อนไขว่าอีกฝ่ายต้องไม่ได้ใช้ศาสตร์ป้องกันการทำนาย รวมถึงศาสตร์การหลอกลวง หรือซ่อนเร้น”
ฟรังก้าพูดไปพลาง หยิบกระจกเงาออกมา เตรียมตัวสำหรับการทำนายด้วยกระจกวิเศษ
ไม่นานเธอก็สวดคาถาจบ เห็นผิวกระจกมืดลง มีเสียงวารีดังแว่วแผ่วเบา
“เครื่องพิมพ์ดีดที่ใช้พิมพ์เอกสารชุดนี้อยู่ที่ไหน” ฟรังก้าถือสำเนาข้อมูลที่ซื้อมาจากโลกิ แล้วถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
จากในกระจก เสียงแหบเฒ่าดังขึ้นท่ามกลางเสียงน้ำกระเพื่อม
“ทรีอาร์ บาร์หัวเดียวกระเทียมลีบ”
……………………………………………………..