ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 375 สถานที่จัดชุมนุม
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 375 สถานที่จัดชุมนุม
ตอนที่ 375 สถานที่จัดชุมนุม
มาแล้วสินะ… ลูเมี่ยนถอนหายใจ พับจดหมาย แล้วออกจากโรงแรมระกาทอง
เด็กหนุ่มมิได้ไปหาฟรังก้า พวกเขาหารือเรื่องงานชุมนุมกันหลายครั้งแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลายืนยันอีก
ลูเมี่ยนมาถึงบ้านลับแห่งใหม่บนถนนไนติงเกล โยนกระเป๋าที่ใส่ถุงมือสนับ ‘ทุบตี’ ลงบนเตียง
เด็กหนุ่มมิได้เตรียมตู้เหล็กไว้ เพราะลำพังกับดักซ่อนเร้นภายในห้อง หัวขโมยทั่วไปไม่มีทางเข้าใกล้ได้อยู่แล้ว หากเสี่ยงบุกรุกเข้ามา ก็อาจต้องแลกด้วยชีวิตตัวเอง ส่วนหัวขโมยผู้วิเศษ ตู้เหล็กก็เอาไม่อยู่
เมื่อใกล้ถึงเวลาที่กำหนด ลูเมี่ยนแต่งกายด้วยชุดคลุมดำมีฮู้ดแบบจอมเวท ตรงตามคำบรรยายรูปลักษณ์ที่พี่สาวใช้เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งมาดามเฮล่ากับฟรังก้าอธิบายไว้
จากนั้น เขาหยิบ ‘คำลวง’ ออกมา เปลี่ยนมันเป็นต่างหูสีเงินขาวเรียบง่ายแต่สวยงาม คล้องที่ติ่งหูด้านขวา
ในกระจกเงาเต็มตัว ลูเมี่ยนมองอย่างสงบขณะที่ตัวเองเตี้ยลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมเปลี่ยนเป็นสีทองล้วน หนาและยาว
ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลง กลายเป็นโอลัวร์ตามที่จำได้ จมูกโด่งเรียว ริมฝีปากไม่หนาไม่บาง ดวงตาสีฟ้าอ่อนใสกระจ่าง เปล่งประกาย
ลูเมี่ยนเคยคิดอยู่เสมอว่า พี่สาวของตนมีภายนอกกับภายในแตกต่างกันมาก ภายนอกดูสดใสร่าเริง เปิดเผยและใจกว้าง แต่ตัวจริงเป็นคนชอบอยู่บ้าน ไม่ค่อยออกไปสุงสิงหรือสื่อสารกับใคร มีแต่ตัวเขาที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง จึงได้เห็นด้านที่เธอผ่อนคลาย เป็นกันเอง พูดจาประหลาด ชอบหัวเราะและแกล้งคน
แต่โอลัวร์คนเดียวกัน พอต้องออกจากบ้าน กลับไม่เคยแสดงอาการหวาดหวั่น เฉกเช่นลูเมี่ยน สามารถสื่อสารกับคุณป้าคุณยายในหมู่บ้านกอร์ตูได้เป็นธรรมชาติ เล่านิทานให้เด็กๆ ฟังได้น่าตื่นตาตื่นใจ เป็นที่รักของทุกคน
นับตั้งแต่รู้ ‘ที่มา’ ของพี่สาว ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจว่าทำไม ‘ใจ’ ของโอลัวร์ถึงแตกต่างจากรูปโฉมและบรรยากาศภายนอกพอสมควร แน่นอน หลายคนก็เป็นแบบนี้ แต่ที่โอลัวร์โดดเด่นกว่า เพราะความพิเศษของตัวเธอเอง
พักหลังมานี้ ลูเมี่ยนมักจะหวนระลึกว่า พี่สาวเป็นคนแบบใด ใช้ชีวิตแบบไหนมาก่อน
ทีละเล็กละน้อย เด็กหนุ่มเห็นดวงตาสีฟ้าอ่อนของโอลัวร์ในกระจกเบิกกว้างเลื่อนลอย ราวกับลุ่มหลงอยู่ในภวังค์ความทรงจำเก่าๆ
ลูเมี่ยนยังจำได้ดี ครั้งแรกพี่สาวพูดถึงบ้านเกิด คือตอนที่ย้ายมาอยู่หมู่บ้านกอร์ตูได้สองปีแล้ว
ในตอนนั้น คนเลี้ยงแกะทยอยกลับมาถึงทุ่งหญ้าราบสูง โอลัวร์พาเขาไปลูบลูกแกะเกิดใหม่ แล้วซื้อพ่อแม่มันมาอย่าง ‘อำมหิต’ พาไปยังทุ่งหญ้าเขียวขจีที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่าสีขาวเหลือง จัดพื้นที่มิให้กระทบรอบข้าง วางตะแกรงย่างพร้อมถ่านไม้ เริ่มงานปิกนิก
เมื่อค่ำคืนมาเยือน แสงดาวบนฟ้าเริ่มพร่างพราวเด่นชัด ดุจดังเพชรนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นสายน้ำระยิบระยับ โอลัวร์ชะงักงันไป เงยหน้ามองเหม่อลอย ยกมือขึ้นปาดตา
ลูเมี่ยนถามว่าเธอกำลังคิดอะไร เธอตอบว่ากำลังคิดถึงบ้านเกิด คิดถึงบ้าน
แววตาโอลัวร์ในกระจกยังไม่จดจ่อ โคมไฟคาร์ไบด์สาดแสงสีเหลืองอมฟ้า กระเซ็นประกายแวววาว
หมู่บ้านข้างทุ่งหญ้าเขียวขจีใต้แดดอันสดใส คงไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
ผ่านไปสักพัก ลูเมี่ยนเปิดนาฬิกาพกที่ยืมจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อย ตรวจสอบเวลา
ถัดมา เขาสวมหน้ากากครึ่งหน้าสีเงินขาว อวดริมฝีปากโค้งสวย อวดคางเรียวงามราวภาพวาดไว้ด้านนอก
ต่อมา ลูเมี่ยนหยิบกระดาษที่เขียนคำว่า ‘มักเกิ้ล’ เป็นภาษาฟุซัคโบราณ นำมาติดไว้บนหน้าอกซ้าย
ตามที่ฟรังก้าบอก ชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกมีนับร้อย เวลาชุมนุมต่างคนต่างปลอมตัว ถ้าไม่ติดโค้ดเนมไว้กับตัว นอกจากสนิทสนมกันมาก ก็คงไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใคร
แม้ชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกจะมาจากโลกเดียวกัน แต่บ้านเกิดต่างกัน ภาษาก็ไม่เหมือนกัน ข้ามมาฝั่งนี้ก็ไม่ได้อยู่อาณาจักรเดียวกัน การสื่อสารย่อมติดขัดบ้าง ในช่วงแรก พวกเขาต้องพึ่งสมาชิกที่รู้หลายภาษาช่วยแปล ต่อมาจึงใช้ภาษาฟุซัคโบราณ ต้นกำเนิดของภาษาต่างๆ ในแถบอาณาจักรทวีปเหนือเป็นภาษากลาง
—สำหรับชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกที่อาศัยอยู่คนละอาณาจักร ภาษาฟุซัคโบราณใกล้เคียงกับภาษาถิ่นของ ‘ร่าง’ การเรียนรู้และเข้าใจจึงง่ายกว่ามาก
แน่นอน ก็มีบางคนที่ภาษาถิ่นของร่างแตกต่างจากภาษาฟุซัคโบราณพอสมควร แต่มีจำนวนไม่มาก ต้องยอมตามเสียงส่วนใหญ่ อย่างไรเสีย ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจภาษาฟุซัคโบราณ จะมีคนช่วยเป็นธุระแปลให้
ตัวลูเมี่ยนเองมีพื้นฐานภาษาฟุซัคโบราณอยู่แล้ว มาถึงทรีอาร์ เขายังศึกษาภาษานี้อย่างลึกซึ้งผ่านสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ตลอด การสื่อสารและแลกเปลี่ยนทั่วไปจึงไม่ใช่ปัญหา
เมื่อใกล้ถึงสี่ทุ่ม ลูเมี่ยนมองกระจกเงาเต็มตัว เก็บรายละเอียดรูปลักษณ์ภายนอกอีกเล็กน้อย ยัดวัสดุพิธีกรรมต่างๆ รวมถึงกระติกสนามที่บรรจุเข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ ใส่กระเป๋าซ่อนของชุดคลุมจอมเวท
จัดการเสร็จ ลูเมี่ยนถือจดหมายของมาดามเฮล่า ท่องคาถาขอเข้าร่วมงานชุมนุมเป็นภาษาเฮอร์มิส
“ผู้ก้าวข้ามจากโบราณกาล; ผู้ปกครองสูงสุดแห่งอาณาจักรราตรี; องค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งผืนนภา; ทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าเข้าสู่อาณาจักรของพระองค์ด้วยเถิด”
พอลูเมี่ยนพูดจบ ก็พบว่ารอบตัวมืดลงทันที แลเห็นตัวเองในกระจกดูคล้ายภาพร่างดินสอ ถูกยางลบลบออกอย่างรวดเร็ว
วิสัยทัศน์ของเขากลายเป็นดำมืด ประหนึ่งหลับใหลในชั้นลึกสุด
ผ่านไปไม่นาน ลูเมี่ยนนึกขึ้นได้ว่าตนต้องเข้าร่วมงานชุมนุม เสียงหัวใจเริ่มเต้นแรงในจังหวะหนักแน่น
เด็กหนุ่มพลันได้สติตื่น พบว่าตัวเองอยู่ในพระราชวังที่ผนังทำจากหินก้อนใหญ่ มีรอยแตกร้าวหลายแห่ง มีวัชพืชเจริญเติบโตเล็กน้อย
ลึกเข้าไปในพระราชวังมีบัลลังก์หินตัวใหญ่ สีกระดำกระด่าง แต่ไม่มีใครเข้าใกล้ เมื่อมองผ่านรอยแตกหรือหน้าต่างชำรุดบนผนัง ลูเมี่ยนเห็นยามราตรีเย็นยะเยือกด้านนอก มีหมอกหนาลอยอวลเต็มไปหมด
แสงดาวหลายสายส่องทะลุหมอกลงมา นำความสลัวมาสู่พระราชวัง เผยให้เห็นเมืองขมุกขมัวที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน ล้อมรอบพระราชวังอย่างเลือนราง
ในเมืองไร้เงามนุษย์ ราวกับความฝัน ส่วนในพระราชวัง ตะเกียงหินบนผนังส่องแสงไฟสีเหลืองอ่อนเป็นกลุ่มๆ
ขณะนี้มีผู้คนมารวมตัวกว่าร้อยร่างแล้ว แต่งกายแตกต่างกันไป ลูเมี่ยนมองไปรอบๆ ยังไม่เห็นเฮล่า จำได้เพียง ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้า
เธอสวมชุดนักลอบสังหารตัวเก่ง เสื้อคลุมดำกับเกราะหนัง ดึงฮู้ดลงต่ำพอประมาณ ใบหน้าสวมหน้ากากเงินครึ่งหนึ่ง กำลังยืนรวมกลุ่มกับคนที่แต่งตัวแบบเดียวกันอีกสองสามราย ไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไร
ทว่า ในหมู่นักลอบสังหารเหล่านี้ มีเพียงฟรังก้าคนเดียวที่เป็น ‘นักลอบสังหาร’ ตัวจริง
ลูเมี่ยนไม่ได้ไปทักฟรังก้า ตามการนัดแนะของเธอ รวมถึงคำแนะนำในจดหมายฉบับก่อนของมาดามเฮล่า เขาเดินไปยังบริเวณใกล้บัลลังก์หินขนาดใหญ่
งานชุมนุมที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้ แทบไม่ต่างจากตลาดนัด ยากที่จะสื่อสารหรือแลกเปลี่ยนกันได้ครบถ้วน ทำได้เพียงเสวนาเป็นกลุ่มย่อย เว้นแต่จะมีเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ประธาน ‘แกนดาล์ฟ’ หรือรองประธาน ‘เฮล่า’ จึงจะเดินไปข้างหน้าบัลลังก์ใหญ่ เรียกทุกคนมารวมตัวกัน แล้วแจ้งข่าวด้วยการกล่าวสุนทรพจน์
แน่นอน ถ้าอยากประกาศความต้องการให้ทุกคนรู้ ก็ทำเดียวกันได้
โอลัวร์เข้าร่วมกลุ่ม ‘วิทยาลัย’ เป็นประจำ ที่พบปะตายตัวของกลุ่มอยู่ลึกเข้าไปในพระราชวัง มุมด้านซ้ายของบัลลังก์หินยักษ์
ลูเมี่ยนเดินไปทางนั้น พลางอัศจรรย์ใจกับวิธีจัดชุมนุมลับอันน่าเหลือเชื่อ
และชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก ซึ่งล้วนมาจากสถานที่ต่างๆ บนแผ่นดินใหญ่เหนือใต้ ก็ยังถึงได้ในช่วงเวลาเดียวกัน
ความอัศจรรย์ระดับนี้ ลูเมี่ยนไม่เคยพบเจอมาก่อน น่าทึ่งเสียยิ่งกว่า ‘เทเลพอร์ต’ หลายขุม สิ่งเดียวที่นำเปรียบได้อย่างทัดเทียม คือการ ‘หว่าน’ พรจากองค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่
สิ่งที่ลูเมี่ยนไม่เข้าใจคือ ฟรังก้าเอาแต่ยืนกรานไม่ยอมบอก ว่าจะเข้าร่วมชุมนุมนี้ได้อย่างไร เล่าเพียงว่าต่อให้คุยกันต่อหน้า เขาก็ฟังไม่ได้ยิน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากมาดามเฮล่าเสียก่อน
แต่มันก็แค่ท่องคาถาไม่ใช่หรือ จะฟังไม่ได้ยินได้อย่างไร?
ตามที่ฟรังก้าบอก พลังลักษณะนี้อาจมาจากสมบัติปิดผนึกสักชิ้นที่มาดามเฮล่ายังควบคุมไม่ได้ แต่ใช้ประโยชน์ได้ระดับหนึ่ง
นอกจากการจัดชุมนุมแบบนี้ สมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกยังมีอีกหลายวิธีสำหรับติดต่อกันทางอื่น โดยสมาชิกแต่ละกลุ่มจะคิดค้นขึ้นมาเอง เพื่อประชุมภายในหรือเสวนาในกลุ่มย่อย อย่างเช่น ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้า เธอตั้งกลุ่ม ‘โทรเลข’ ส่วนตัวกับสมาชิกบางคนที่สนิทกัน ใช้เครื่องวิเคราะห์รุ่นเล็ก ‘แชต’ คุยกันตามเวลานัด
ลูเมี่ยนนึกทบทวนรายละเอียดที่ฟรังก้ากับเฮล่าบรรยายเกี่ยวกับบุคลิกของโอลัวร์ขณะร่วมงาน ผนวกเข้ากับข้อสังเกตจากตัวเอง ยิ่งเดินฝีก้าวก็ยิ่งเบาหวิว
เขารู้สึกว่า ด้วยพื้นเพพิเศษร่วมกันของชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก แม้พี่สาวจะระแวงคนอื่นในชุมนุม แต่ก็คงเผยท่าทีผ่อนคลายสบายใจเหมือนตอนอยู่กับตน หรืออาจเห็นได้ชัดยิ่งกว่า
นี่คือสภาวะที่มิต้องพะวงกับความลับอันหนักอึ้ง
มีอีกหลายร่างทยอยมาถึง ทุกคนปรากฏตัวจากความว่างเปล่าในชั่วพริบตา ดุจดังภาพพิมพ์สีน้ำมันที่ประสบผลสำเร็จ
ชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกเหล่านี้ บ้างก็สวมชุดเกราะเต็มตัวสีเทาเหล็กแบบโบราณ บ้างแต่งหน้าด้วยสีแดงเหลืองขาว เล่นบทตัวตลก บ้างแต่งหน้าจัดเต็ม จนมองไม่ออกว่าหน้าตาเดิมเป็นเช่นไร ดูคล้ายแม่มดใจร้ายในนิทานพื้นบ้านบางเรื่อง บ้างสวมหมวกปลอมรูปฟักทองสีส้มเหลือง บ้างสวมหน้ากากทำมือ เปลี่ยนตัวเองให้เป็นแวมไพร์หน้าซีดปากแดง บ้างก็สวมชุดรูปม้าครอบทั้งตัว…
นี่ดูเล่นใหญ่ จินตนาการลึกล้ำ ยิ่งกว่างานเลี้ยงหน้ากากในหนังสือพิมพ์และนิตยสารเสียอีก
ลูเมี่ยนเผยรอยยิ้มประดับมุมปาก เดินผ่านชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกเหล่านี้ไป ผงกศีรษะตอบรับคนที่ทักทายเป็นระยะๆ
ในที่สุด เขาก็มาถึงมุมของกลุ่ม ‘วิทยาลัย’
ลูเมี่ยนกวาดตามองอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นโค้ดเนมบนตัวทุกคน:
‘เพ็ตติกรูว์’ ‘ศาสตราจารย์’ ‘กริฟฟิน’ ‘เหยี่ยว’ ‘หมี’ ‘ครูใหญ่’ ‘ตารางธาตุ’ ‘ไอโซโทป’ …
……………………………………………………..